ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CHEAT ON ME หลอกรัก

    ลำดับตอนที่ #9 : #เทียนเดียร์ :: CHAPTER 7 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 64




    = EP7 =
    :: ไม่อยากเจอเขาอีก ::

    ผู้ชายน่ะ... พอได้สมใจแล้ว ก็ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี

    ผู้ชายน่ะ... พอลองได้กันแล้วก็ปล่อยปะละเลย

    ผู้ชายน่ะ... นอกใจได้แม้กระทั่งคนที่ผูกชีวิตไว้กับเขา

    นิสัยที่ทอดทิ้งผู้หญิงที่จงรักภักดี ผู้หญิงที่ยอมเสียสละทุกอย่างแม้แต่หัวใจยกให้กับผู้ชาย

    แต่กลับโดนหักหลังอย่างไม่ไยดี... จะรู้ไหมว่าการกระทำเลวทรามแบบนี้ ทำให้ใครอีกคนต้องเจ็บเจียนตาย

    ฉันก็แค่เกลียดผู้ชาย เกลียดผู้ชายแบบนั้น!

    “เดียร์”

    “...”

    “เดียร์ลูก”

    “คะแม่” ฝ่ามือที่บีบลงบนบ่าทำให้ฉันได้สติเงยหน้ามองท่านที่มองด้วยสีหน้าสงสัย

    “เป็นอะไรหรือเปล่า?”

    “เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเพลินนิดหน่อย”

    ขณะกำลังกินข้าวต้มยามเช้าเพื่อไปเรียนในช่วงสายของวัน แม่ก็เตรียมตัวจะไปทำงานเช่นเดียวกันอย่าถามว่าทำไมฉันถึงไม่พูดถึงพ่อและรักแม่มากที่สุด ด้วยเหตุผลที่ว่า... พ่อไม่ได้อยู่ในสายตาของฉัน

    เพราะว่าพ่อทำร้ายแม่มากกว่าร่างกายหากแต่ว่าเป็นจิตใจ ฉะนั้นพ่อสำหรับฉันแล้วก็แค่คนที่อยู่บนโลกนี้ด้วยกันก็เท่านั้น

    “แล้วลี้เทียนได้มาหาลูกหรือเปล่า?”

    “ทำไมแม่จะต้องถามถึงเขาด้วยคะ” และผู้ชายคนนี้ที่แม้ว่าเขาจะมาดีแต่ก็ไม่รู้ว่ามันแค่ฉากบังหน้าหรือเปล่า หากแต่การที่เขาเข้ามาในชีวิตมันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ กับตัวเองทั้งที่มักจะปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้าหา

    “แม่เห็นว่าเขาเหมือนชอบลูกไง”

    “แต่เดียร์ไม่ได้ชอบเขาค่ะ”

    “เฮ้อ เปิดใจหน่อยไม่ได้เหรอ ลูกจะเอานิสัยของผู้ชายคนเดียวมาตัดสินผู้ชายทั้งโลกไม่ได้นะเดียร์” ไม่รู้ล่ะ ฉันตัดสินใจไปแล้ว “มันไม่เหมือนกันนะลูก คนที่ตามเราเขาอาจจะชอบเราจริงๆ ก็ได้”

    “ชอบจริงเหรอคะ?” สบตากับแม่แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป เพราะข่าวลือเกี่ยวกับฉันมันทำให้คิดว่าผู้ชายที่เข้าหาก็เข้าหาพวกเขาไปอ่านข่าวลือที่แยมปล่อยนั่นแหละ “เดียร์ไปเรียนก่อนนะคะ”

    เลือกที่จะไม่พูดอะไรกับแม่ ฉันไม่อยากให้แม่ต้องมาเครียดเรื่องที่ฉันเจอ แค่เราไม่สนใจมันก็พอแล้วนี่จริงไหม...

    การมาเรียนของฉันในวันนี้เต็มไปด้วยความขุ่นมัว ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นไปบนคณะก็เจอกลุ่มรุ่นพี่หลายคนดักไว้ซะก่อน

    “น้องเดียร์เมื่อวานพี่ได้ข่าวน้องเดียร์ตกบันไดเป็นยังไงบ้างครับ?”

    “พวกพี่เป็นห่วงมากเลย น้องเดียร์หายดีแล้วใช่ไหม”

    “ถ้าพี่อยู่ด้วยนะพี่จะนอนรับน้องเดียร์เลย”

    คำพูดสุดท้ายทำให้ฉันมองพวกเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แน่นอนว่าที่พูดจาคุกคามก็เงียบไปทันที

    “แค่นี้ใช่ไหมคะ? ฉันจะเข้าเรียน” พวกเขาแยกทางให้ฉันเดินขึ้นบันไดไปยังคณะ แต่หากคำพูดที่พวกเขาพูดกันก็ทำให้ฉันชะงักเท้าซะก่อน

    หึ เล่นตัวฉิบหาย โดนเอาจนพรุนแล้วยังจะหยิ่ง

    กูชักอยากลองแล้วอะดิ คนที่ได้เดียร์ทำไมไม่มาคุยโววะ

    ก็เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงไง! ใครจะมาพูดได้ล่ะ ในเมื่อฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น ถอนหายใจออกมาก่อนจะเข้าคลาสเพื่อรอเรียนหนึ่งวิชาที่เลิกช่วงบ่ายนี้

    “ตายจริง ยังมาเรียนได้แสดงว่าไม่เป็นอะไรมากสินะเดียร์” แยมที่เดินเข้ามานั่งตรงด้านหลัง แต่ฉันก็ไม่สนใจกระทั่งหล่อนดึงผมหางม้าฉันอย่างแรงจนหน้าหงาย “ผู้ชายที่มาวันนั้น อ่อยเขาเหรอ?”

    “ปล่อย” จิกนิ้วลงบนหลังมือของแยม เธอก็ปล่อยมือทันทีจนฉันหันไปมองค้อน

    “อะไร จะตบฉันเหรอ เอาสิ!” ยื่นใบหน้ามาใกล้แต่ฉันก็ได้แต่นิ่งเพราะไม่อยากมีเรื่องให้แม่ต้องลำบากเครียดไปมากกว่านี้ “ฉันยังไม่ได้เอาคืนแกเลยนะ ที่บอกว่าฉันเป็นหมา”

    “ยอมรับเหรอ?”

    “...”

    “ยอมรับว่าตัวเองเป็นหมาจริงๆ” เอียงคอมองหล่อนก่อนจะได้ต่อว่าอะไรฉันต่ออาจารย์ก็เข้าสอนพอดีพร้อมกับเสาที่มองสบตากับฉันพลางเบือนหน้าหนีแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจตั้งใจเรียนตามปกติ

    เลิกคลาสวันนี้ฉันกะว่าจะไปหาซื้อหนังสือที่ห้างมาอ่าน ฉันจึงเข้าห้องน้ำเพราะปวดเบาแต่ยังไม่ทันได้กดชักโครกดีเลย สิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ฉันหยุดชะงักตัวเองไว้ก่อน

    “ตกลงเสาได้กับอีเดียร์จริงๆ เหรอ?”

    “ฉันจะไปรู้ไหมล่ะ คงจะได้ไม่อย่างนั้นหมอนั่นไม่ไปโม้กับเพื่อนที่คณะวิศวฯ หรอก”

    “แยม ฉันมองเสามานานอีเดียร์มาคาบไปกินแบบนี้ เสียใจมาก” กลืนน้ำลายลงคอ ความรู้สึกที่บีบอกนี่มันอะไรกัน? เสาเข้าหาฉันเพราะแบบนี้จริงๆ สินะ แล้วไปโกหกคนอื่นว่ามีอะไรกับฉัน... เลวที่สุด

    พอฟังเสียงพูดคุยของแยมและเพื่อนสักพักหล่อนก็ออกจากห้องน้ำไป ตอนนี้เป้าหมายของฉันได้เปลี่ยนไปแล้ว ฉันออกจากคณะเพื่อตรงไปยังคณะวิศวฯ ที่อยู่ไม่ไกลจากคณะของฉัน

    “เดียร์” หันไปมองร่างสูงที่วิ่งตามมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหอบ ฉันไม่ได้อยากจะเจอเขาอีกนะ “จะไปไหนหรือเปล่า ไปกินเค้กกันนะ”

    “ขอโทษด้วยนะคะคุณลี้เทียน แต่ฉันยุ่งมากตอนนี้”

    ตอบได้แค่นั้นฉันก็มุ่งตรงไปยังคณะวิศวฯ ที่ได้ยินแยมพูดกับเพื่อนว่าเสาไปหาเพื่อนและกำลังคุยเรื่องของฉัน สองเท้าของฉันหยุดตรงด้านหลังคณะที่มีกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกันอยู่พร้อมกับบุหรี่ที่พ่นคลุ้งไปหมด

    “ไอ้เสากูได้ข่าวว่ามึงได้กับเดียร์แล้วเหรอ?”

    “เออนั่นดิ ไม่เห็นบอกพวกกูบ้างเลย เป็นไงฝอยมาด่วนครับ” มือขวาของฉันกำเข้าหากันและยืนฟังคำพูดทุเรศที่ออกจากปากพวกผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นคิดจะเอามาพูดแบบไหนก็ได้งั้นเหรอ

    “ก็ไม่เท่าไหร่วะ งั้นๆ”

    “โห จริงเหรอวะ ข่าวก็บอกอยู่ว่าเดียร์เด็ดจะตาย” ฟันของฉันขบเข้าหากัน อันที่จริงฉันจะปล่อยก็ได้นะเพราะว่าข่าวลือคือข่าวลือ แต่นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้วโดยเฉพาะคำพูดบ้าๆ ที่ไม่ได้จริงจากปากของเสา

    “กูมากกว่าที่เด็ดอะ เดียร์แค่นอนเฉยๆ เอง ฮ่าๆ”

    “ฉันแค่นอนเฉยๆ เหรอเสา”

    ทุกคนหันมามองฉันเป็นสายตาเดียวกันก่อนจะทิ้งบุหรี่ลงพื้น สายตาของฉันมองเสาที่ทำหน้าเลิ่กลั่กทันที

    “เดียร์ มาหายันที่แบบนี้ติดใจไอ้เสาเหรอ”

    “หุบปาก” ฉันเบนสายตามองเพื่อนของเสาที่เงียบทันที “ว่าไง ฉันนอนกับนายเหรอเสา”

    “...”

    “ฉันว่าฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้นนะ” ยกแขนทั้งสองพาดอกและไล่สายตามองผู้ชายสามคนที่ยืนเรียงหน้ากัน “พวกนายนี้เป็นผู้ชายประสาอะไร พูดลับหลังผู้หญิงแบบนี้”

    “เราได้กันจริงนี่เดียร์ ทำไมต้องโมโหด้วยล่ะ” เสายังคงไม่ตระหนักถึงเรื่องที่ตัวเองพูด เดินมาหยุดตรงหน้าฉันพลางจับไหล่ทั้งสองของฉันไว้ ราวกับไม่อยากเสียหน้าเพื่อนๆ “เราจะไปกันเลยไหม”

    “ปล่อย” สะบัดตัวออกห่างเสาที่ทำหน้าโมโหขึ้นมาทันที

    “เธอไม่ปฏิเสธข่าวลือก็แสดงว่ามันจริง”

    “...”

    “เดียร์ปีหนึ่งคณะอักษรฯ อ่อยผู้ชายทุกคนที่เข้าหา เด็ดเรื่องบนเตียง ชอบเซ็กซ์และชอบทำตัวไร้เดียงสา... ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงเธอก็ปฏิเสธสิ” พวกเขาเดินเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะยิ้มด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

    “ไอ้เสาได้เธอแล้ว งั้นลองพวกฉันบ้างไหมล่ะ? เด็ดมากกว่าไอ้เสาเยอะ”

    “พูดบ้าอะไรของพวกนาย!” ถอยหลังทันทีที่พวกเขาเดินตรงมาหวังจะคว้าตัวฉัน แต่ทว่าแผ่นหลังกลับรับรู้ถึงอะไรบางอย่างจำต้องหันไปมองก็พบว่าลี้เทียนกำลังจับจ้องมองพวกของเสาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ “คุณ...”

    “พวกมึงนี่หน้าตัวเมียจริงนะ”

    “มึง...”

    “ถ้าเกิดมาเป็นผู้ชายที่ดีไม่ได้ ก็มุดช่องคลอดแม่มึงกลับไปเถอะ”

    คำพูดของลี้เทียนทำให้พวกเขาสามคนโกรธอย่างมาก เขาจึงดันตัวฉันให้หลบอยู่ด้านหลัง แต่ทว่าพวกนั้นยังไม่ทันได้ทำอะไรมีคนหนึ่งที่สะกิดไหล่เสา

    “พี่ลี้เทียน”

    รู้จักเขาด้วยงั้นเหรอ?

    “พี่ลี้เทียนเพื่อนพี่เคน”

    “รู้จักกูด้วย” ไม่ต้องลี้เทียนที่มึนงงฉันเองก็เช่นกัน ชื่อเสียงของเขาดังขนาดนั้นเลยเหรอทั้งๆ ที่เขาก็ตามฉันแต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาเป็นใครหรือมาจากไหนและนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะต้องรู้ด้วย

    “ครับ” เพื่อนของเสาพยักหน้ารับลี้เทียนก็เดินตรงไปกระชากคอเสื้อของเสาจนหมอนั่นกลัวทันที

    “ข่าวลือที่พวกมึงพูดออกมา ถ้าเดียร์ไม่ได้เป็นแบบนั้นอย่าแม้แต่จะดูถูกเธอ”

    “...”

    “และถ้ากูรู้ว่าใครปล่อยข่าวลือเดียร์เรื่องนี้หรือคุกคามเดียร์อีก... กูเอาตาย”

    พูดจบก็ผลักร่างที่อยู่ในมือจากกระเด็นไปไกล ทั้งสามคนยกมือไหว้ลี้เทียนก่อนจะพากันวิ่งหนีไปส่วนฉันก็ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเท้าเอวมองพวกเขาที่วิ่งหางจุกตูดไปจากนั้นเขาก็หันมามองฉัน ใช้สายตาประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางถอนหายใจออกมา

    “พวกมันไม่ได้ทำอะไรนะ?”

    “ค่ะ”

    “โอเคครับ” เราสองคนสบตากันอยู่แบบนั้นสักพักลี้เทียนก็เป็นฝ่ายเดินสวนฉันไป “กินเค้กกับพี่นะ”

    ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองเผลอตกลงด้วยการพยักหน้าหรือเปล่า แต่รอยยิ้มของลี้เทียนกลับทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองเผลอไปแล้วจริงๆ

    ห้างสรรพสินค้าร้านเบเกอรีแห่งหนึ่งที่อยู่ชั้นเดียวกับร้านหนังสือที่ฉันจะไป เราสองคนนั่งกินเค้กกันอย่างเงียบๆ แต่ทว่าสายตาของลี้เทียนกลับเอาแต่มองฉันจำต้องเอาช้อนออกจากปากที่เพิ่งกินเค้กเนยสดไป

    “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

    “ที่พวกมันพูดกับเดียร์ พี่ได้ยินหมดแล้วนะ” ฉันเงียบและไม่คิดจะพูดอะไรหยิบแก้วชาเขียวขึ้นมาดูด “เดียร์ มีอะไรบอกพี่ได้นะ”

    “ไม่มีค่ะ” ตอบกลับพลางวางแก้วชาเขียวลงและกินเค้กต่อเพราะใกล้จะหมดแล้ว “ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ”

    “จะไม่ให้พี่สนใจได้ไง” สีหน้าและน้ำเสียงของเขาทำให้ฉันนิ่งอึ้งไปทันที

    “ก็มันไม่เกี่ยวกับคุณ”

    “ทำไมจะไม่เกี่ยวก็พี่ห่วงเรา!

    น้ำเสียงของลี้เทียนและคำพูดทำให้คนที่นั่งกินเค้กกันอยู่หันมามองพวกเราสองคน ไม่เว้นแม้แต่ฉันที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแต่พอเขารู้ตัวว่าพูดเสียงดังก็หลุบตาลงมองเค้กของตัวเอง

    “พี่ขอโทษที่เสียงดัง”

    “...”

    “เสร็จจากกินเค้กจะไปไหนต่อครับ?”

    ฉันไม่ตอบอะไรเอาแต่มองเค้กและคิดเรื่องที่เขาพูดเมื่อกี้มันก็พาให้หัวใจรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว มันเพราะอะไรกันนะ? ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

    “หนังสือเหรอครับ?” ลี้เทียนถามขณะที่เดินตามฉันเข้ามาในร้านหนังสือที่มีหนังสือให้เลือกมากมายแล้วก็มีโซนให้นั่งเล่นอ่านหนังสือ คล้ายคาเฟ่แบบครบวงจร

    “ค่ะ จะกลับเลยก็ได้นะคะ”

    “ไม่เป็นไรครับ พี่จะรอรับเดียร์กลับไปส่งที่บ้าน” รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันเบือนหน้าหนีไปหยิบหนังสือที่ต้องการอ่านทันทีเพราะ... ไม่อยากแม้แต่จะสบตาหรือเห็นรอยยิ้มเขาด้วยซ้ำ มันทำให้ใจฉันเต้นแปลกๆ และฉันก็ไม่ได้อยากรู้สึกแบบนั้นอีกไง ลี้เทียนเดินไปหยิบหนังสืออ่านโดยมีสายตาของฉันที่มองเขาไม่วางตา แต่พอรู้ว่าตัวเองทำอะไรจึงเรียกตัวเองกลับมาและไล่อ่านหนังสือที่ว่า

    3 ชั่วโมงผ่านไป

    เวลานี้ก็ใกล้ที่ห้างจะปิดแล้วฉันจึงวางหนังสือที่ถือไว้และหยิบมาแค่สองเล่มไปจ่ายที่เคาน์เตอร์ สายตาก็กวาดหาคนที่มาด้วยกันแต่ทว่าเดินไปตามล็อกหนังสือแล้วก็ไม่เจอ

    “กลับไปแล้วเหรอ?” พึมพำกับตัวเองก่อนจะเลิกเดินหาเขา “บอกกันหน่อยไม่ได้หรือไง”

    ลมหายใจถูกถอนออกมาก่อนจะเดินออกจากร้าน ทว่าฉันกลับเห็นใครบางคนที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะที่ไว้สำหรับนั่งกินขนมหรืออ่านหนังสือไปด้วย เดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงได้เห็นว่าลี้เทียนเอาแขนทั้งสองวางบนโต๊ะไว้ใช้หนุนแทนหมอน ฉันดึงเก้าอี้ข้างเขาออกมา นั่งลงมองใบหน้าหล่อเหลาที่หลับอยู่ซึ่งเป็นหลับจริงๆ เพราะดูจากการหายใจแล้ว

    นิ้วเรียวยื่นไปปัดเส้นผมหนาที่บดบังใบหน้าของเขาอยู่ ดวงตาคมมีแพขนตาสวยรับกับจมูกโด่งและริมฝีปากแดงคล้ำ นิ้วชี้ของฉันลากไล้ไปตามคิ้วเรียวไล่มาถึงดวงตาก่อนจะมาถึงจมูกและปากอวบอิ่ม อันที่จริงแม้ว่าปากของเขาจะคล้ำเพราะสูบบุหรี่จัด แต่จัดได้ว่าเป็นริมฝีปากของผู้ชายที่อวบอิ่มเท่าที่ฉันเคยเจอมา

    เพราะเขาหลับแบบนี้จึงทำให้ไม่กล้าแม้แต่จะปลุกเขาสักนิด กลับเอาแขนทั้งสองวางบนโต๊ะเพื่อใช้รองหนุนใบหน้าที่ฉันมองเขาอยู่ตอนนี้ ความรู้สึกที่ว่าหัวใจเต้นแรงมันก็ยังคงเต้นไม่หยุดเวลาได้มองหน้าเขา

    มันเกิดอะไรกับหัวใจของฉันกันแน่นะ?

    ได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าได้ใจอ่อนกับผู้ชายหน้าไหนก็ตาม พวกเขาก็เหมือนกันหมด... ชอบทำให้คนที่รักตัวเองต้องเสียใจและฉันไม่อยากมีจุดจบแบบนั้น

    ฉันแค่ไม่อยากเจ็บปวด ถึงได้ปฏิเสธผู้ชายทุกคน

    ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ฉันก็รับรู้ถึงสายตาที่จับจ้อง ดวงตาของฉันที่เหม่อมองไปทางอื่นจึงได้สบเข้ากับดวงตาคมที่มองฉันอยู่ก่อนแล้ว ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามองอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ลี้เทียนยื่นมือซ้ายมาปัดหน้าม้าของฉันออกพร้อมรอยยิ้มที่สดใส

    “มองพี่อยู่เหรอ?” รีบยันตัวขึ้นนั่งทันทีก่อนจะปรับสีหน้าของตัวเองให้นิ่งเข้าไว้

    “ห้างจะปิดแล้วค่ะ กลับได้แล้ว”

    ลี้เทียนลุกขึ้นบิดตัวไปมาก่อนที่ฉันจะเดินนำเขาไปที่รถที่จอดอยู่หน้าห้าง มองนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่ามันสามทุ่มแล้วถึงว่าทำไมฉันถึงได้หิวขนาดนี้ แม่คงจะไม่ได้กลับบ้านสินะไม่อย่างนั้นฉันกลับดึกแบบนี้ท่านต้องโทรหาแล้ว

    “แม่ไม่กลับเหรอคะ?” ขณะที่ขึ้นรถของลี้เทียนมาแล้วฉันจึงได้โทรหาแม่

    (“ขอโทษด้วยนะลูก แม่ทำโอทีแค่วันนี้ เดียร์อยู่ได้นะ”)

    “ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์เพิ่งกลับจากห้างด้วยแม่ไม่ต้องห่วงเดียร์นะ” วางสายจากแม่ฉันก็หันไปมองคนข้างกายที่ตั้งใจขับรถอยู่

    “คุณแม่ไม่อยู่เหรอครับ”

    “อืม” ตอบกลับแค่นี้ฉันก็กอดอกกอดตัวเองเพราะมันรู้สึกหนาวยังไงบอกไม่ถูก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปลี้เทียนก็เอื้อมมือไปกดหรี่แอร์ให้เบาลงจนฉันเม้มปากตัวเอง “ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันวันนี้ แม้ว่าฉันจะไม่ได้ต้องการก็ตาม”

    “ขอบคุณอย่างเดียวก็พอครับ”

    “คะ?”

    “ไม่ต้องพูดยาวๆ หรอก ขอบคุณคำเดียวพี่ก็ชื่นใจแล้ว”

    เป็นอีกครั้งที่ฉันไม่คิดจะตอบอะไรเขา กระทั่งรถมาจอดที่หน้าบ้านที่ดูเหมือนว่าฝนจะเทมาก่อนหน้านั้น ตอนนี้ฉันหิ้วจนไส้จะขาดแล้วหวังว่าในตู้เย็นจะมีอะไรให้ทำกินนะ

    “ขอบคุณนะคะ”

    “เดี๋ยวสิครับ” ลี้เทียนเรียกรั้งฉันไว้พร้อมเดินมาหยุดที่ด้านหลังเร็วมาก มือที่กำลังไขกุญแจประตูรั้วเป็นอันหยุดชะงักเงยหน้าสบตากับเขาที่โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนฉันใช้มือยันแผงอกเขาเอาไว้

    “จะทำอะไรคะ?!” ขึ้นเสียงจนลี้เทียนทำหน้าบูดจู่โจมแบบนี้ฉันก็กลัวเป็นนะ

    “หิวข้าว”

    “...”

    “พี่ขอเข้าไปกินข้าวกับเดียร์ด้วยได้ไหม?”

     
    เป็นฮีโร่อีกแล้วค่าาา... แบบนี้น้องเดียร์จะใจอ่อนไหมนะ?
    แต่ว่ายิ่งลี้เทียนทำแบบนี้ยิ่งถลำลึกนะคะ เพราะว่าถ้ารู้สึกอะไรกับน้องจริง
    ตัวเองนั่นแหละที่จะเสียใจกับสิ่งที่กระทำไว้
    มารอติดตามกันเยอะๆ นะคะ กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

    ฝากคอมเมนต์เข้ามารอกันเนาะ
    กด FAV ติดตามไว้ชั้นหนังสือเลย ห้ามพลาด!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×