คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : #เทียนเดียร์ :: CHAPTER 7 [100%]
ผู้ชายน่ะ...
พอได้สมใจแล้ว ก็ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
ผู้ชายน่ะ...
พอลองได้กันแล้วก็ปล่อยปะละเลย
ผู้ชายน่ะ...
นอกใจได้แม้กระทั่งคนที่ผูกชีวิตไว้กับเขา
นิสัยที่ทอดทิ้งผู้หญิงที่จงรักภักดี
ผู้หญิงที่ยอมเสียสละทุกอย่างแม้แต่หัวใจยกให้กับผู้ชาย
แต่กลับโดนหักหลังอย่างไม่ไยดี...
จะรู้ไหมว่าการกระทำเลวทรามแบบนี้ ทำให้ใครอีกคนต้องเจ็บเจียนตาย
ฉันก็แค่เกลียดผู้ชาย
เกลียดผู้ชายแบบนั้น!
“เดียร์”
“...”
“เดียร์ลูก”
“คะแม่” ฝ่ามือที่บีบลงบนบ่าทำให้ฉันได้สติเงยหน้ามองท่านที่มองด้วยสีหน้าสงสัย
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ
แค่คิดอะไรเพลินนิดหน่อย”
ขณะกำลังกินข้าวต้มยามเช้าเพื่อไปเรียนในช่วงสายของวัน
แม่ก็เตรียมตัวจะไปทำงานเช่นเดียวกันอย่าถามว่าทำไมฉันถึงไม่พูดถึงพ่อและรักแม่มากที่สุด
ด้วยเหตุผลที่ว่า... พ่อไม่ได้อยู่ในสายตาของฉัน
เพราะว่าพ่อทำร้ายแม่มากกว่าร่างกายหากแต่ว่าเป็นจิตใจ
ฉะนั้นพ่อสำหรับฉันแล้วก็แค่คนที่อยู่บนโลกนี้ด้วยกันก็เท่านั้น
“แล้วลี้เทียนได้มาหาลูกหรือเปล่า?”
“ทำไมแม่จะต้องถามถึงเขาด้วยคะ”
และผู้ชายคนนี้ที่แม้ว่าเขาจะมาดีแต่ก็ไม่รู้ว่ามันแค่ฉากบังหน้าหรือเปล่า หากแต่การที่เขาเข้ามาในชีวิตมันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ
กับตัวเองทั้งที่มักจะปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้าหา
“แม่เห็นว่าเขาเหมือนชอบลูกไง”
“แต่เดียร์ไม่ได้ชอบเขาค่ะ”
“เฮ้อ
เปิดใจหน่อยไม่ได้เหรอ
ลูกจะเอานิสัยของผู้ชายคนเดียวมาตัดสินผู้ชายทั้งโลกไม่ได้นะเดียร์” ไม่รู้ล่ะ
ฉันตัดสินใจไปแล้ว “มันไม่เหมือนกันนะลูก คนที่ตามเราเขาอาจจะชอบเราจริงๆ ก็ได้”
“ชอบจริงเหรอคะ?”
สบตากับแม่แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป
เพราะข่าวลือเกี่ยวกับฉันมันทำให้คิดว่าผู้ชายที่เข้าหาก็เข้าหาพวกเขาไปอ่านข่าวลือที่แยมปล่อยนั่นแหละ
“เดียร์ไปเรียนก่อนนะคะ”
เลือกที่จะไม่พูดอะไรกับแม่
ฉันไม่อยากให้แม่ต้องมาเครียดเรื่องที่ฉันเจอ
แค่เราไม่สนใจมันก็พอแล้วนี่จริงไหม...
การมาเรียนของฉันในวันนี้เต็มไปด้วยความขุ่นมัว
ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นไปบนคณะก็เจอกลุ่มรุ่นพี่หลายคนดักไว้ซะก่อน
“น้องเดียร์เมื่อวานพี่ได้ข่าวน้องเดียร์ตกบันไดเป็นยังไงบ้างครับ?”
“พวกพี่เป็นห่วงมากเลย
น้องเดียร์หายดีแล้วใช่ไหม”
“ถ้าพี่อยู่ด้วยนะพี่จะนอนรับน้องเดียร์เลย”
คำพูดสุดท้ายทำให้ฉันมองพวกเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
แน่นอนว่าที่พูดจาคุกคามก็เงียบไปทันที
“แค่นี้ใช่ไหมคะ?
ฉันจะเข้าเรียน” พวกเขาแยกทางให้ฉันเดินขึ้นบันไดไปยังคณะ
แต่หากคำพูดที่พวกเขาพูดกันก็ทำให้ฉันชะงักเท้าซะก่อน
‘หึ
เล่นตัวฉิบหาย โดนเอาจนพรุนแล้วยังจะหยิ่ง’
‘กูชักอยากลองแล้วอะดิ
คนที่ได้เดียร์ทำไมไม่มาคุยโววะ’
ก็เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงไง! ใครจะมาพูดได้ล่ะ ในเมื่อฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น
ถอนหายใจออกมาก่อนจะเข้าคลาสเพื่อรอเรียนหนึ่งวิชาที่เลิกช่วงบ่ายนี้
“ตายจริง
ยังมาเรียนได้แสดงว่าไม่เป็นอะไรมากสินะเดียร์” แยมที่เดินเข้ามานั่งตรงด้านหลัง
แต่ฉันก็ไม่สนใจกระทั่งหล่อนดึงผมหางม้าฉันอย่างแรงจนหน้าหงาย “ผู้ชายที่มาวันนั้น
อ่อยเขาเหรอ?”
“ปล่อย”
จิกนิ้วลงบนหลังมือของแยม เธอก็ปล่อยมือทันทีจนฉันหันไปมองค้อน
“อะไร
จะตบฉันเหรอ เอาสิ!” ยื่นใบหน้ามาใกล้แต่ฉันก็ได้แต่นิ่งเพราะไม่อยากมีเรื่องให้แม่ต้องลำบากเครียดไปมากกว่านี้
“ฉันยังไม่ได้เอาคืนแกเลยนะ ที่บอกว่าฉันเป็นหมา”
“ยอมรับเหรอ?”
“...”
“ยอมรับว่าตัวเองเป็นหมาจริงๆ”
เอียงคอมองหล่อนก่อนจะได้ต่อว่าอะไรฉันต่ออาจารย์ก็เข้าสอนพอดีพร้อมกับเสาที่มองสบตากับฉันพลางเบือนหน้าหนีแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจตั้งใจเรียนตามปกติ
เลิกคลาสวันนี้ฉันกะว่าจะไปหาซื้อหนังสือที่ห้างมาอ่าน
ฉันจึงเข้าห้องน้ำเพราะปวดเบาแต่ยังไม่ทันได้กดชักโครกดีเลย
สิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ฉันหยุดชะงักตัวเองไว้ก่อน
“ตกลงเสาได้กับอีเดียร์จริงๆ
เหรอ?”
“ฉันจะไปรู้ไหมล่ะ
คงจะได้ไม่อย่างนั้นหมอนั่นไม่ไปโม้กับเพื่อนที่คณะวิศวฯ หรอก”
“แยม
ฉันมองเสามานานอีเดียร์มาคาบไปกินแบบนี้ เสียใจมาก” กลืนน้ำลายลงคอ
ความรู้สึกที่บีบอกนี่มันอะไรกัน? เสาเข้าหาฉันเพราะแบบนี้จริงๆ สินะ
แล้วไปโกหกคนอื่นว่ามีอะไรกับฉัน... เลวที่สุด
พอฟังเสียงพูดคุยของแยมและเพื่อนสักพักหล่อนก็ออกจากห้องน้ำไป
ตอนนี้เป้าหมายของฉันได้เปลี่ยนไปแล้ว ฉันออกจากคณะเพื่อตรงไปยังคณะวิศวฯ
ที่อยู่ไม่ไกลจากคณะของฉัน
“เดียร์”
หันไปมองร่างสูงที่วิ่งตามมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหอบ ฉันไม่ได้อยากจะเจอเขาอีกนะ
“จะไปไหนหรือเปล่า ไปกินเค้กกันนะ”
“ขอโทษด้วยนะคะคุณลี้เทียน
แต่ฉันยุ่งมากตอนนี้”
ตอบได้แค่นั้นฉันก็มุ่งตรงไปยังคณะวิศวฯ
ที่ได้ยินแยมพูดกับเพื่อนว่าเสาไปหาเพื่อนและกำลังคุยเรื่องของฉัน
สองเท้าของฉันหยุดตรงด้านหลังคณะที่มีกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกันอยู่พร้อมกับบุหรี่ที่พ่นคลุ้งไปหมด
“ไอ้เสากูได้ข่าวว่ามึงได้กับเดียร์แล้วเหรอ?”
“เออนั่นดิ
ไม่เห็นบอกพวกกูบ้างเลย เป็นไงฝอยมาด่วนครับ”
มือขวาของฉันกำเข้าหากันและยืนฟังคำพูดทุเรศที่ออกจากปากพวกผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นคิดจะเอามาพูดแบบไหนก็ได้งั้นเหรอ
“ก็ไม่เท่าไหร่วะ
งั้นๆ”
“โห จริงเหรอวะ
ข่าวก็บอกอยู่ว่าเดียร์เด็ดจะตาย” ฟันของฉันขบเข้าหากัน
อันที่จริงฉันจะปล่อยก็ได้นะเพราะว่าข่าวลือคือข่าวลือ
แต่นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้วโดยเฉพาะคำพูดบ้าๆ ที่ไม่ได้จริงจากปากของเสา
“กูมากกว่าที่เด็ดอะ
เดียร์แค่นอนเฉยๆ เอง ฮ่าๆ”
“ฉันแค่นอนเฉยๆ
เหรอเสา”
ทุกคนหันมามองฉันเป็นสายตาเดียวกันก่อนจะทิ้งบุหรี่ลงพื้น
สายตาของฉันมองเสาที่ทำหน้าเลิ่กลั่กทันที
“เดียร์
มาหายันที่แบบนี้ติดใจไอ้เสาเหรอ”
“หุบปาก”
ฉันเบนสายตามองเพื่อนของเสาที่เงียบทันที “ว่าไง ฉันนอนกับนายเหรอเสา”
“...”
“ฉันว่าฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้นนะ”
ยกแขนทั้งสองพาดอกและไล่สายตามองผู้ชายสามคนที่ยืนเรียงหน้ากัน
“พวกนายนี้เป็นผู้ชายประสาอะไร พูดลับหลังผู้หญิงแบบนี้”
“เราได้กันจริงนี่เดียร์
ทำไมต้องโมโหด้วยล่ะ” เสายังคงไม่ตระหนักถึงเรื่องที่ตัวเองพูด
เดินมาหยุดตรงหน้าฉันพลางจับไหล่ทั้งสองของฉันไว้ ราวกับไม่อยากเสียหน้าเพื่อนๆ
“เราจะไปกันเลยไหม”
“ปล่อย”
สะบัดตัวออกห่างเสาที่ทำหน้าโมโหขึ้นมาทันที
“เธอไม่ปฏิเสธข่าวลือก็แสดงว่ามันจริง”
“...”
“เดียร์ปีหนึ่งคณะอักษรฯ
อ่อยผู้ชายทุกคนที่เข้าหา เด็ดเรื่องบนเตียง ชอบเซ็กซ์และชอบทำตัวไร้เดียงสา...
ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงเธอก็ปฏิเสธสิ”
พวกเขาเดินเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะยิ้มด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ไอ้เสาได้เธอแล้ว
งั้นลองพวกฉันบ้างไหมล่ะ? เด็ดมากกว่าไอ้เสาเยอะ”
“พูดบ้าอะไรของพวกนาย!” ถอยหลังทันทีที่พวกเขาเดินตรงมาหวังจะคว้าตัวฉัน
แต่ทว่าแผ่นหลังกลับรับรู้ถึงอะไรบางอย่างจำต้องหันไปมองก็พบว่าลี้เทียนกำลังจับจ้องมองพวกของเสาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“คุณ...”
“พวกมึงนี่หน้าตัวเมียจริงนะ”
“มึง...”
“ถ้าเกิดมาเป็นผู้ชายที่ดีไม่ได้ ก็มุดช่องคลอดแม่มึงกลับไปเถอะ”
คำพูดของลี้เทียนทำให้พวกเขาสามคนโกรธอย่างมาก
เขาจึงดันตัวฉันให้หลบอยู่ด้านหลัง
แต่ทว่าพวกนั้นยังไม่ทันได้ทำอะไรมีคนหนึ่งที่สะกิดไหล่เสา
“พี่ลี้เทียน”
รู้จักเขาด้วยงั้นเหรอ?
“พี่ลี้เทียนเพื่อนพี่เคน”
“รู้จักกูด้วย”
ไม่ต้องลี้เทียนที่มึนงงฉันเองก็เช่นกัน ชื่อเสียงของเขาดังขนาดนั้นเลยเหรอทั้งๆ
ที่เขาก็ตามฉันแต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาเป็นใครหรือมาจากไหนและนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะต้องรู้ด้วย
“ครับ”
เพื่อนของเสาพยักหน้ารับลี้เทียนก็เดินตรงไปกระชากคอเสื้อของเสาจนหมอนั่นกลัวทันที
“ข่าวลือที่พวกมึงพูดออกมา
ถ้าเดียร์ไม่ได้เป็นแบบนั้นอย่าแม้แต่จะดูถูกเธอ”
“...”
“และถ้ากูรู้ว่าใครปล่อยข่าวลือเดียร์เรื่องนี้หรือคุกคามเดียร์อีก...
กูเอาตาย”
พูดจบก็ผลักร่างที่อยู่ในมือจากกระเด็นไปไกล
ทั้งสามคนยกมือไหว้ลี้เทียนก่อนจะพากันวิ่งหนีไปส่วนฉันก็ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเท้าเอวมองพวกเขาที่วิ่งหางจุกตูดไปจากนั้นเขาก็หันมามองฉัน
ใช้สายตาประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางถอนหายใจออกมา
“พวกมันไม่ได้ทำอะไรนะ?”
“ค่ะ”
“โอเคครับ” เราสองคนสบตากันอยู่แบบนั้นสักพักลี้เทียนก็เป็นฝ่ายเดินสวนฉันไป
“กินเค้กกับพี่นะ”
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองเผลอตกลงด้วยการพยักหน้าหรือเปล่า
แต่รอยยิ้มของลี้เทียนกลับทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองเผลอไปแล้วจริงๆ
ห้างสรรพสินค้าร้านเบเกอรีแห่งหนึ่งที่อยู่ชั้นเดียวกับร้านหนังสือที่ฉันจะไป
เราสองคนนั่งกินเค้กกันอย่างเงียบๆ
แต่ทว่าสายตาของลี้เทียนกลับเอาแต่มองฉันจำต้องเอาช้อนออกจากปากที่เพิ่งกินเค้กเนยสดไป
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ที่พวกมันพูดกับเดียร์
พี่ได้ยินหมดแล้วนะ” ฉันเงียบและไม่คิดจะพูดอะไรหยิบแก้วชาเขียวขึ้นมาดูด “เดียร์
มีอะไรบอกพี่ได้นะ”
“ไม่มีค่ะ”
ตอบกลับพลางวางแก้วชาเขียวลงและกินเค้กต่อเพราะใกล้จะหมดแล้ว “ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ”
“จะไม่ให้พี่สนใจได้ไง”
สีหน้าและน้ำเสียงของเขาทำให้ฉันนิ่งอึ้งไปทันที
“ก็มันไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยวก็พี่ห่วงเรา!”
น้ำเสียงของลี้เทียนและคำพูดทำให้คนที่นั่งกินเค้กกันอยู่หันมามองพวกเราสองคน
ไม่เว้นแม้แต่ฉันที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแต่พอเขารู้ตัวว่าพูดเสียงดังก็หลุบตาลงมองเค้กของตัวเอง
“พี่ขอโทษที่เสียงดัง”
“...”
“เสร็จจากกินเค้กจะไปไหนต่อครับ?”
ฉันไม่ตอบอะไรเอาแต่มองเค้กและคิดเรื่องที่เขาพูดเมื่อกี้มันก็พาให้หัวใจรู้สึกแปลกๆ
อีกแล้ว มันเพราะอะไรกันนะ? ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
“หนังสือเหรอครับ?”
ลี้เทียนถามขณะที่เดินตามฉันเข้ามาในร้านหนังสือที่มีหนังสือให้เลือกมากมายแล้วก็มีโซนให้นั่งเล่นอ่านหนังสือ
คล้ายคาเฟ่แบบครบวงจร
“ค่ะ
จะกลับเลยก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ
พี่จะรอรับเดียร์กลับไปส่งที่บ้าน”
รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันเบือนหน้าหนีไปหยิบหนังสือที่ต้องการอ่านทันทีเพราะ...
ไม่อยากแม้แต่จะสบตาหรือเห็นรอยยิ้มเขาด้วยซ้ำ มันทำให้ใจฉันเต้นแปลกๆ
และฉันก็ไม่ได้อยากรู้สึกแบบนั้นอีกไง
ลี้เทียนเดินไปหยิบหนังสืออ่านโดยมีสายตาของฉันที่มองเขาไม่วางตา
แต่พอรู้ว่าตัวเองทำอะไรจึงเรียกตัวเองกลับมาและไล่อ่านหนังสือที่ว่า
3
ชั่วโมงผ่านไป
เวลานี้ก็ใกล้ที่ห้างจะปิดแล้วฉันจึงวางหนังสือที่ถือไว้และหยิบมาแค่สองเล่มไปจ่ายที่เคาน์เตอร์
สายตาก็กวาดหาคนที่มาด้วยกันแต่ทว่าเดินไปตามล็อกหนังสือแล้วก็ไม่เจอ
“กลับไปแล้วเหรอ?”
พึมพำกับตัวเองก่อนจะเลิกเดินหาเขา “บอกกันหน่อยไม่ได้หรือไง”
ลมหายใจถูกถอนออกมาก่อนจะเดินออกจากร้าน
ทว่าฉันกลับเห็นใครบางคนที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะที่ไว้สำหรับนั่งกินขนมหรืออ่านหนังสือไปด้วย
เดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงได้เห็นว่าลี้เทียนเอาแขนทั้งสองวางบนโต๊ะไว้ใช้หนุนแทนหมอน
ฉันดึงเก้าอี้ข้างเขาออกมา นั่งลงมองใบหน้าหล่อเหลาที่หลับอยู่ซึ่งเป็นหลับจริงๆ
เพราะดูจากการหายใจแล้ว
นิ้วเรียวยื่นไปปัดเส้นผมหนาที่บดบังใบหน้าของเขาอยู่
ดวงตาคมมีแพขนตาสวยรับกับจมูกโด่งและริมฝีปากแดงคล้ำ
นิ้วชี้ของฉันลากไล้ไปตามคิ้วเรียวไล่มาถึงดวงตาก่อนจะมาถึงจมูกและปากอวบอิ่ม อันที่จริงแม้ว่าปากของเขาจะคล้ำเพราะสูบบุหรี่จัด
แต่จัดได้ว่าเป็นริมฝีปากของผู้ชายที่อวบอิ่มเท่าที่ฉันเคยเจอมา
เพราะเขาหลับแบบนี้จึงทำให้ไม่กล้าแม้แต่จะปลุกเขาสักนิด
กลับเอาแขนทั้งสองวางบนโต๊ะเพื่อใช้รองหนุนใบหน้าที่ฉันมองเขาอยู่ตอนนี้ ความรู้สึกที่ว่าหัวใจเต้นแรงมันก็ยังคงเต้นไม่หยุดเวลาได้มองหน้าเขา
มันเกิดอะไรกับหัวใจของฉันกันแน่นะ?
ได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าได้ใจอ่อนกับผู้ชายหน้าไหนก็ตาม
พวกเขาก็เหมือนกันหมด...
ชอบทำให้คนที่รักตัวเองต้องเสียใจและฉันไม่อยากมีจุดจบแบบนั้น
ฉันแค่ไม่อยากเจ็บปวด
ถึงได้ปฏิเสธผู้ชายทุกคน
ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ
ฉันก็รับรู้ถึงสายตาที่จับจ้อง
ดวงตาของฉันที่เหม่อมองไปทางอื่นจึงได้สบเข้ากับดวงตาคมที่มองฉันอยู่ก่อนแล้ว
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามองอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่
ลี้เทียนยื่นมือซ้ายมาปัดหน้าม้าของฉันออกพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
“มองพี่อยู่เหรอ?”
รีบยันตัวขึ้นนั่งทันทีก่อนจะปรับสีหน้าของตัวเองให้นิ่งเข้าไว้
“ห้างจะปิดแล้วค่ะ
กลับได้แล้ว”
ลี้เทียนลุกขึ้นบิดตัวไปมาก่อนที่ฉันจะเดินนำเขาไปที่รถที่จอดอยู่หน้าห้าง
มองนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่ามันสามทุ่มแล้วถึงว่าทำไมฉันถึงได้หิวขนาดนี้
แม่คงจะไม่ได้กลับบ้านสินะไม่อย่างนั้นฉันกลับดึกแบบนี้ท่านต้องโทรหาแล้ว
“แม่ไม่กลับเหรอคะ?”
ขณะที่ขึ้นรถของลี้เทียนมาแล้วฉันจึงได้โทรหาแม่
(“ขอโทษด้วยนะลูก
แม่ทำโอทีแค่วันนี้ เดียร์อยู่ได้นะ”)
“ไม่เป็นไรค่ะ
เดียร์เพิ่งกลับจากห้างด้วยแม่ไม่ต้องห่วงเดียร์นะ” วางสายจากแม่ฉันก็หันไปมองคนข้างกายที่ตั้งใจขับรถอยู่
“คุณแม่ไม่อยู่เหรอครับ”
“อืม”
ตอบกลับแค่นี้ฉันก็กอดอกกอดตัวเองเพราะมันรู้สึกหนาวยังไงบอกไม่ถูก
แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปลี้เทียนก็เอื้อมมือไปกดหรี่แอร์ให้เบาลงจนฉันเม้มปากตัวเอง
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันวันนี้ แม้ว่าฉันจะไม่ได้ต้องการก็ตาม”
“ขอบคุณอย่างเดียวก็พอครับ”
“คะ?”
“ไม่ต้องพูดยาวๆ
หรอก ขอบคุณคำเดียวพี่ก็ชื่นใจแล้ว”
เป็นอีกครั้งที่ฉันไม่คิดจะตอบอะไรเขา
กระทั่งรถมาจอดที่หน้าบ้านที่ดูเหมือนว่าฝนจะเทมาก่อนหน้านั้น ตอนนี้ฉันหิ้วจนไส้จะขาดแล้วหวังว่าในตู้เย็นจะมีอะไรให้ทำกินนะ
“ขอบคุณนะคะ”
“เดี๋ยวสิครับ”
ลี้เทียนเรียกรั้งฉันไว้พร้อมเดินมาหยุดที่ด้านหลังเร็วมาก
มือที่กำลังไขกุญแจประตูรั้วเป็นอันหยุดชะงักเงยหน้าสบตากับเขาที่โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนฉันใช้มือยันแผงอกเขาเอาไว้
“จะทำอะไรคะ?!” ขึ้นเสียงจนลี้เทียนทำหน้าบูดจู่โจมแบบนี้ฉันก็กลัวเป็นนะ
“หิวข้าว”
“...”
“พี่ขอเข้าไปกินข้าวกับเดียร์ด้วยได้ไหม?”
ความคิดเห็น