ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CHEAT ON ME หลอกรัก

    ลำดับตอนที่ #7 : #เทียนเดียร์ :: CHAPTER 5 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 64




    = EP5 =

    :: ความบังเอิญที่ไม่ใช่บังเอิญ ::

    -LITIAN TALK –

    หัวเราะอะไรคะ

    หัวเราะคนน่ารัก

    รอยยิ้มของผมผุดขึ้นมาก่อนจะนึกไปถึงเรื่องที่ได้กระทำลงไป หลังจากนี้สองเดือนผมต้องทำให้เดียร์ตกหลุมรักผมให้ได้และใช่...

    เธอไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

    เธอเล่นด้วยยากและใจแข็งดั่งหิน

    เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แคร์ผู้ชาย เผลอๆ เกลียดผู้ชายด้วยซ้ำ

    แต่มัน...เพราะอะไรกันล่ะ? เหตุผลอะไรถึงทำให้เธอรังเกียจผู้ชายมากขนาดนั้น

    “คิดอะไรอยู่เหรอคะ” หันไปมองคนข้างกายที่เอ่ยถามด้วยสีหน้าเหนื่อยหลังจากที่มีเซ็กซ์กับผมไปสองรอบ ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบ “ลี้เทียนคะ”

    “อะไร?”

    “คือปิ่นอยากได้กระเป๋าหลุยส์ใบใหม่ ลี้เทียนซื้อให้ปิ่นได้ไหม?” เธอขึ้นมาคร่อมร่างผมก่อนจะออดอ้อนให้ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมให้ “นะคะๆ”

    “ไม่มีเงิน”

    “ได้ไงคะ ลี้เทียนเป็นถึงลูกชายคนเล็กของห้างทองชื่อดังจะไม่มีเงินได้ยังไง”

    “ไม่มีคือไม่มี ถ้าจะมาขอนู้นขอนี้ก็ไปดิ” ไล่หล่อนทันทีซึ่งก็ไม่เป็นผลหรอกนะ ต่อให้ผมมีเงินหรือไม่มีผู้หญิงที่นอนด้วยก็จะยังอยากนอนกับผมอยู่ดี

    “ลี้เทียนอ่า อย่าไล่กันแบบนี้สิคะมาต่อกันดีกว่า”

    “ไม่ ถุงยางหมด” ผลักร่างของเธอออกจากตัวพลางหยิบบุหรี่ขึ้นสูบ

    Rrr

    สมาร์ทโฟนสั่นบนโต๊ะหัวเตียงในห้องของหล่อน ปลายสายทำให้ผมมึนงงไม่น้อยที่จู่ๆ มันก็โทรมาหาแบบนี้ “ว่า”

    (“มึงอยู่ไหน มาผับเฮียแซคดิ”)

    “ไม่อยู่กับน้องพะแพงหรือไง?” สูบเอานิโคตินเข้าปอดพลางฟังเสียงจากปลายสาย

    (“เออ มึงออกมาเถอะน่า เร็วๆ กูรออยู่”)

    “เออสิบนาที”

    “จะไปแล้วเหรอคะ?” พยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำและแต่งตัวไปหาไอ้ไฟ “แล้วจะมาหาปิ่นอีกเมื่อไหร่?”

    “มาตอนไหนก็ตอนนั้น”

    บอกแค่นั้นผมก็ขับรถตรงไปยังผับเฮียแซคและที่ประจำของเราตอนนี้มีไอ้ไฟนั่งดื่มอยู่คนเดียว ผมจึงทิ้งตัวลงนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามไอ้ไฟก็พยักหน้าให้กับผม “ช่วงนี้มึงหายไปเลยนะ”

    “หายตรงไหน?”

    “ปกติมึงจะโทรตามกูไอ้รามมาแดกเหล้า”

    “พวกมึงติดเมียจะให้กูโทรได้ไง” ตอบมันผมก็เทเหล้าเตกีล่าลงแก้วก่อนจะยกขึ้นดื่ม

    “แล้วไปไหน”

    “มึงเป็นเมียกูหรือไงถึงได้ถามซอกแซกแบบนี้อะ” ไม่รู้ว่าตัวเองเผลออารมณ์เสียใส่ไอ้ไฟ มันถึงได้มองหน้าผมอย่างนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไรออกมา “กูอยู่สนามแข่ง พอใจมึงยัง”

    “กูไปมา พี่กี้บอกว่ามึงไม่ได้มาเลยตั้งแต่ออกไปกับไอ้เคน”

    “...”

    “ปกติมึงอยู่สนามแข่งยิ่งกว่าห้องเพราะว่ามึงต้องหาเงิน แต่ทำไม...”

    “ถ้ามึงจะเรียกกูมาเพื่อถามเรื่องนี้ กูกลับก่อนแล้วกัน” ลุกขึ้นยืนเตรียมจะกลับห้องแต่เสียงของไอ้ไฟก็รั้งผมไว้อีกครั้ง

    “กูก็แค่เป็นห่วง ไอ้เคนมันไม่น่าไว้ใจ”

    ได้ยินแค่นั้นผมก็เดินออกจากผับและกลับคอนโดทันทีโดยที่อารมณ์หงุดหงิดจากไอ้ไฟยังไม่หาย พอได้เห็นเจ้าตัวน้อยที่เดินออกมาจากบ้านแมวผมก็ย่อตัวลงอุ้มลี้จิงเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เมี๊ยว~”

    สิ่งที่ผมคิดตอนนี้คือแค่ไอ้เคนยื่นมือมาช่วยผมมันก็เท่านั้น ส่วนที่ทั้งไอ้ไฟและไอ้รามพูดถึงมันในทางที่ไม่ดีผมก็ไม่คิดจะเชื่อหรอกนะ มันไม่เคยแสดงออกว่ามันคิดไม่ดีกับผมสักนิด

    ช่างเรื่องนี้เถอะ หลังจากนี้ต่างหากผมควรทำยังไงให้เดียร์ใจอ่อน เธอใจแข็งและเข้าถึงยากมากจริงๆ อย่างที่ไอ้เคนบอกนั่นแหละ เวลาแค่สองเดือนที่จะทำให้เธอตกหลุมรักมันยากมากๆ ผมไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนใจเด็ดแบบเดียร์มาก่อนเลย

    แต่... ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ผมต้องทำให้สำเร็จ

    คนอย่างลี้เทียนที่เซียนเรื่องผู้หญิงแค่นี้ต้องทำให้ได้ดิวะ


    “เดี๋ยวพ่อมานะลี้จิง”

    แม้ว่าผมจะเลี้ยงลี้จิงมาได้สักพักแต่ผมก็ไม่เคยได้อยู่กับลี้จิงสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างแต่ผมก็เอาใจใส่ลี้จิงดีกว่าใครฉะนั้นอย่าว่าผมว่าไม่รักแมวแล้วจะเอามาเลี้ยงทำไม ผมเทอาหารใส่ถ้วยให้ลี้จิงพร้อมกับน้ำก่อนจะหยิบลูกบอลของเล่นให้เจ้าตัวเล็กเล่นไปมา

    จากนั้นประตูห้องก็ปิดลง ลี้จิงเป็นแมวที่ดีมากๆ เลยนะไม่เคยทำห้องผมรกหรือค้นข้าวของมีแต่มาถึงคือนอนหลับรู้ว่าผมมาก็ออกจากบ้านแมวมาต้อนรับ จะไม่ให้รักได้ยังไงล่ะ!

    เพราะวันนี้เป็นหยุดดังนั้นผมจึงเริ่มแผนการจีบเดียร์ต่อ เมื่อวานผมยืนมองเหตุการณ์ที่ทำให้เดียร์ต้องเจ็บตัว ผมไม่รู้เลยว่าเธอจะโดนกลั่นแกล้งได้ขนาดนั้น ใครจะไปคิดว่าเธอจะโดนถีบตกบันได... เดียร์เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แล้วทำไมผู้หญิงพวกนั้นถึงได้พากันแกล้งเธอล่ะ

    “เอาอะไรดีพ่อหนุ่ม”

    “เออ...” วันนั้นที่มากินข้าวร้านนี้ที่หน้าปากซอยบ้านเดียร์ โคตรโชคดีเลยที่ได้เจอเธอและจำได้ดีว่าเดียร์ชอบกินอะไรผมจึงสั่งอาหารที่ว่าพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ ควักเงินที่มีอยู่จ่ายไปเพื่อตรงไปบ้านของเดียร์

    เอาจริงนะ ผมค่อนข้างเป็นห่วงเธอนิดหน่อยเพราะเหตุการณ์เมื่อวานนั่นแหละ ไม่รู้ว่าตอนไปมหาลัยเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้างที่สำคัญแม่ของเธอคงไม่รู้ เดียร์ไม่อยากบอกแม่ตัวเองให้ไม่สบายใจผมจึงต้องช่วย

    คิดว่าเดียร์จะใจอ่อนที่ผมรับผิดแทนให้แต่เปล่าเลย... ต่อว่าผมไปอีกน่ะสิ

    ระหว่างขับรถเข้าไปหาเดียร์ที่บ้านผมก็สูบบุหรี่พลางเปิดหน้าต่างรถไปด้วย ยื่นแขนขวาที่คีบบุหรี่ไว้ด้านนอก

    เมี๊ยว~~

    เสียงของแมวที่ร้องดังก้องถนนลูกรังทำให้ผมจอดรถทันทีทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นพลางขมวดคิ้วมองหาเสียงแมวที่ร้องขอความช่วยเหลือ ทำไมผมถึงรู้ก็เลี้ยงลี้จิงมาทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าแมวร้องเสียงแบบไหนเป็นแบบไหน

    “เมี๊ยวๆ แกอยู่ไหนแมวน้อย” ผมร้องเรียกเจ้าแมวก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในป่าข้างทางที่มีหญ้ารถทึบพร้อมต้นไม้ใหญ่ที่ยืนเด่นสง่าตรงริมทาง ผมกวาดสายตาลงพื้นไม่เจอดังนั้นเหลือสิ่งสุดท้ายก็คือบนต้นไม้

    สายตาของผมมองสบเข้ากับแววตากลมโตที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ ทำได้แต่ยืนเท้าเอวมองแมวน้อยตัวสีขาวกำลังเกาะอยู่ด้านบนกิ่งไม้ที่สูงพอควร “ชีวิตกู”

    บ่นพึมพำพลางพับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวจนถึงข้อศอกเผยให้เห็นรอยสักลวดลายมากมายโดยปกติผมไม่ค่อยโชว์รอยสักของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะว่าป๊าไงทำให้ผมต้องปกปิดรอยสักตัวเองจนเคยชิน

    สองมือจับไปที่ตัวต้นไม้จากนั้นก็มองหากิ่งก้านที่พอจะทำให้ผมไปถึงตัวเจ้าแมวน้อยและก็ได้ผล ผมไปถึงตัวเจ้าแมวก่อนจะอุ้มเข้าเอวค่อยๆ พาตัวเองลงมาแต่ผมดันโดนมดส้มที่กัดหนึบไม่ปล่อยตรงแขนหลายตัว

    “กัดเจ็บฉิบหาย!

    เจ้าแมวน้อยก็ยังคงร้องครวญครางอยู่แบบนั้นผมจึงวางมันลง มันก็คลอเคลียผมราวกับต้องการจะขอบคุณ ได้แต่ยิ้มออกมาลูบศีรษะมันเบาๆ

    “อย่าซนจนได้เรื่องอีกล่ะ ไม่มีใครช่วยอดกินข้าวแน่” ฟังผมบ่นเสร็จก็วิ่งหนีไปทันทีโดยมีสายตาของผมมองตามก็ต้องพบว่ามีร่างบอบบางที่สวมชุดวอร์มสีดำกำลังมองผมอยู่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “เดียร์”

    “คุณทำอะไรคะ?”

    “พี่กำลังไปหาเดียร์พอดีเลย จิ๊” มองใบหน้าสวยหวานที่รอฟังคำตอบของผม ทว่าสองมือกำลังกวาดไปตามท่อนแขนที่รู้สึกเจ็บแสบนิดๆ เพราะมดกัดและไปๆ มาๆ ผมดันคันไปทั้งตัวจนต้องสะบัดตัวเพราะไม่รู้ว่ามีมดอยู่ในเสื้อผ้าหรือเปล่า

    “แขนแดงหมดเลย” เดียร์ก้มหน้าลงมองท่อนแขนของผมที่เป็นรอยแดงเพราะเกา รอยยิ้มของผมผุดขึ้นยามที่เธอเงยหน้าสบตากับผม “โดนรังมดหรือเปล่าคะ?”

    “พี่ไม่รู้ครับ แล้วเท้าหายดีแล้วเหรอ”

    “ก็พอเดินได้ค่ะ” เธอตอบผมที่เริ่มทนไม่ไหวแล้ว “โอเคหรือเปล่าคะ”

    “ไม่เลยครับ” มาเสียหล่อต่อหน้าเดียร์เพราะมดกัดเนี่ยนะลี้เทียน... ไม่เกินไปหน่อยเหรอ “พี่ซื้อกับข้าวกะจะเอาไปให้เดียร์”

    “...”

    “ไม่ไหวแล้วอะ” มองเดียร์ด้วยสีหน้าทรมานไม่ช้าผมก็ถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออกจนเดียร์ตกใจ หันหลังหนีทันที “เดียร์ดูมดให้พี่หน่อยสิครับ ตรงหลัง”

    เธอกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ยอมที่จะขยับเข้ามาดูที่แผ่นหลังของผมแต่เสียงถอนหายใจนี่สิทำให้ผมหันไปมองสบตากับเธอ

    “อะไรเหรอครับ?”

    “จะรู้ได้ไงล่ะคะว่ามดกัดตรงไหน ก็เล่นสักเต็มไปหมดแบบนี้” นิ้วชี้จิ้มลงบนแผ่นหลังของผม เดียร์ก็ทำหน้าหงุดหงิดทันที

    “หงุดหงิดอะไรพี่?”

    “เปล่าค่ะ แค่จะบอกไปบ้านฉันก่อน ไปอาบน้ำเผื่อว่าจะหายคัน”

    “จริงเหรอครับ!” ผมตะโกนแหกปากลั่นเลย... ใจอ่อนแล้วใช่ไหมเนี่ย

    “จะไม่ไปก็ได้นะคะ”

    หมับ

    “ไปสิครับ” เพราะเธอจะเดินหนีผมถึงคว้าข้อมือเดียร์ไว้ ทว่าสายตาที่แข็งกระด้างทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างหวั่นๆ ใจ นี่ลี้เทียนกลัวผู้หญิงได้ไงครับเนี่ย! และเดียร์เป็นคนแรกด้วยนะที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้

    “ปล่อยค่ะ” สายตาของเดียร์ทำให้ผมคลายมือออกทันทีพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นข้างใบหน้าราวกับยอมแพ้ ซึ่งแพ้จริงๆ นั่นแหละ “แล้วก็อย่าได้คิดเยอะนะคะ ที่ฉันช่วยเพราะตอบแทนที่คุณเคยช่วยฉันไว้”

    “คร้าบ”

    ถึงยังไงก็ดักความคิดผมไว้ซะหมดเลยสินะ! ไอ้เคนนะไอ้เคน เอาของยากมาให้กูเล่นจนได้


    ความจริงก็ไม่ได้อยากให้น้องหลงคารมอีพี่มากนัก

    เพราะกลัวว่าสุดท้ายน้องจะเสียใจที่สุด และลี้เทียนเองก็เช่นกัน

    เรื่องราวที่เกิดขึ้นมีเหตุผลของมัน ทุกอย่างมีความแปร

    และตัวกำหนดให้อยู่แล้วเหลือที่ว่าลี้เทียนจะทำยังไงต่อไป?

    มารอติดตามกันเยอะๆ นะคะ


    *เรื่องราวจะเข้มข้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นปมของน้องเดียร์

    หรือจะเป็นของเรื่องระหว่างลี้เทียนกับเคน

    มารอติดตามกันเยอะๆ นะคะ คอมเมนต์รอให้กำลังไรต์ด้วยนาะ

    กด FAV ติดตามด้วยอย่าลืมเด้อจ้าาา*


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×