ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CHEAT ON ME หลอกรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : #เทียนเดียร์ :: CHAPTER 4 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 64




    = EP4=

    :: แค่อยากรู้จัก ::

    “อุ๊ย ขอโทษนะเดียร์ พอดีฉันตกใจแมลงน่ะเลยเผลอ... ถีบเธอตกบันได” หันไปมองคนที่พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เยาะเย้ย แยมเป็นอีกคนที่เกลียดฉันเข้าไส้อีกหนึ่งคือเธอเป็นคนปล่อยข่าวเสียๆ หายๆ ฉันด้วย

    ก็ไม่รู้นะว่าไปทำอะไรให้หล่อนเกลียดขนาดนี้ ทั้งที่ฉันก็อยู่คนฉันดีๆ ไม่เคยระรานใคร

    “แยมไม่ได้ตั้งใจน่ะเดียร์ อย่าโกรธเลยนะ” เพื่อนของเธออีกสองคนเบ้ปากและหัวเราะใส่ ฉันก็ได้แต่นั่งฟุบอยู่แบบนั้นคงเป็นเพราะว่าข้อเท้าแน่ๆ ทำให้ขยับไม่ได้เลย คนที่ผ่านไปมาก็มองฉันโดยไม่ยื่นมือมาช่วยกันแต่ก็ช่างเถอะ ไม่ได้จะขอร้องให้ใครช่วยสักหน่อย

    “ไม่โกรธหรอก” ฉันยิ้มให้กับพวกหล่อน “คิดซะว่าหมาวิ่งชนก็แล้วกัน”

    “อะ อีเดียร์!

    “น้องเดียร์”

    ก่อนที่พวกหล่อนจะเข้ามาจู่โจมฉันก็มีเสียงสวรรค์พร้อมกับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ทำให้ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย

    “คุณ...”

    “ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับ” ลี้เทียนกวาดสายตามองฉันด้วยความห่วงใย กระทั่งสายตาของเขามองมาที่ข้อศอกของฉันจับดูจนฉันดึงดันจะชักแขนตัวเองออกจากการกอบกุมแต่ลี้เทียนก็ไม่ยอม

    “เดียร์เขาตกบันไดน่ะค่ะพี่ พวกแยมกำลังจะช่วยพอดี”

    “เหรอครับ?” ฉันมองใบหน้าหล่อเหลาด้านข้างจึงได้เห็นว่าแววตาและสีหน้าของเขามันช่างแตกต่างจากที่เจอฉันเลย เดาใจเขาไม่ออกด้วยซ้ำว่าตอนนี้กำลังคิดหรือรู้สึกอะไร “ที่ผมเห็นมันไม่ใช่นะครับ”

    “อะไรคะพี่ อย่ามองพวกแยมแบบนี้สิ” พวกของแยมปรับสีหน้าตัวเองทันทีคงจะเพราะว่าลี้เทียนแน่ๆ ผู้ชายหล่อขนาดนี้พวกหล่อนจะปลื้มจะแอ๊บก็ไม่แปลกหรอก

    “ลุกไหวหรือเปล่าครับ?” ไม่ได้สนใจพวกหล่อนเลยสักนิดลี้เทียนก็สบตากับฉันและแน่นอนว่ามันใกล้จนทั้งฉันและเขาเงียบใส่กันทันที รู้สึกตัวอีกทีฉันก็หลบสายตาเขาพลางลุกขึ้นยืน

    “โอ๊ย...” วางมือที่ไปข้อเท้าของตัวเองทันที ทำไมมันเจ็บหนึบแบบนี้นะ

    “ข้อเท้าพลิกแน่”

    “พี่คะ ชื่อแยมนะคะพี่ชื่อ...”

    “รำคาญ” ทั้งฉันและแยมถึงกับอึ้งไปทันที “ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้อยากแนะนำตัวให้ใครรู้จัก”

    “...”

    “เพราะผมไม่ได้อยากรู้จักกับคุณ” แยมถึงกับหน้าแตกหมอไม่รับเย็บทันที พลางเดินสะบัดหน้าไปพร้อมกับเพื่อนของเธอ ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองสบตากับลี้เทียนที่มองอยู่ก่อนแล้ว “เดียร์ลุกไม่ไหว”

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะพยายาม” ยันตัวลุกขึ้นแต่ไม่ทันได้ลุกขึ้นดีด้วยซ้ำร่างของฉันก็ลอยทันทีเมื่อลี้เทียนอุ้มฉันไว้ในท่าเจ้าหญิงจนทำให้คนผ่านไปผ่านมามองเราสองคนอย่างมึนงง “ปะ ปล่อยนะคะ!

    “เดียร์ลุกไม่ไหวพี่จะพาไปทำแผลด้วย”

    “ไม่ ปล่อยฉันลงนะ”

    “อย่าดื้อ”

    “คุณพูดไม่รู้เรื่อง”

    “ตรงไหน? พี่พูดรู้เรื่อง มีแต่เดียร์เนี่ยล่ะฟังไม่รู้เรื่อง” ฉันกอดลำคอแกร่งไว้แน่นเพราะกลัวว่าตัวเองจะตกเนื่องจากเขารับน้ำหนักฉันไม่ได้ แต่เขาก็อุ้มฉันตัวลอยแถมยังอุ้มเหมือนไม่หนักด้วยซ้ำ กระทั่งเขาย่อตัวเปิดประตูรถสุดหรูของเขาและพาฉันไปนั่งลอบมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยให้ ก่อนที่เขาจะหันมามองฉันแบบใกล้ชิดชนิดที่ว่าลมหายใจอุ่นร้อนมีกลิ่นบุหรี่เข้มจนฉันยกมือปิดจมูกตัวเอง “ปากพี่ไม่ได้เหม็นนะ”

    “เหม็นบุหรี่ค่ะ”

    “หึ พี่ไปเก็บของให้เราก่อน” พูดจบก็เดินไปเก็บของให้ฉันเมื่อเรียบร้อยก็วางถุงผ้ากับหนังสือวางไว้บนตักของฉัน จากนั้นลี้เทียนก็ขับรถออกจากมหาลัย ฉันกำลังจะบอกให้เขาพาไปส่งที่บ้านเป็นอันเงียบปากสนิทเมื่อลี้เทียนจอดรถที่หน้าร้านขายยาแห่งหนึ่ง “พี่ไปซื้อยาให้”

    “เอาเงินฉันไปค่ะ”

    “ไม่ต้อง” กำลังจะหยิบเงินส่งให้เขาลี้เทียนก็เดินตรงเข้าไปในร้านยา ทำให้ฉันเห็นแผ่นหลังกว้างเขาเป็นผู้ชายที่สูงแต่หุ่นดีมากๆ กล้ามเป็นมัด หน้าก็หล่อคมรอยยิ้มก็สดใส...

    “บ้าจริงเดียร์! คิดบ้าอะไรเนี่ย” พอรู้ว่าตัวเองเผลอชมเขาฉันก็ยกมือตบที่แก้มตัวเองเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเพื่อสลัดความคิดเมื่อกี้ไปให้หมด ประตูด้านข้างเปิดขึ้นพร้อมกับเขาที่นั่งประจำที่วางถุงยาไว้ด้านข้างหันมามองฉันพร้อมรอยยิ้ม

    “ทำไมทำหน้าว้าวุ่นแบบนั้นล่ะ” ไม่ว่าเปล่าก็ยื่นมือมาหวังจะจับแก้มแต่ฉันก็หันหน้าหนีเขาทันที

    “ไปส่งฉันที่บ้าน”

    “ครับ แต่ว่าบ้านเดียร์อยู่ไหน?” ถอนหายใจก่อนจะบอกเส้นทางให้เขาได้ไปส่งที่บ้าน แม้ว่าไม่อยากจะให้เขารู้ก็ตาม

    ไม่ช้ารถหรูก็มาจอดที่หน้าบ้านของฉัน แม่คงจะมาแล้วแน่ๆ รถจอดอยู่ฉันจึงเปิดประตูรถออกพลันก้าวเท้าลงบนพื้นแต่ลี้เทียนก็นั่งย่อตรงหน้าจนฉันตกใจ

    “ทะ ทำอะไรคะ?” ลี้เทียนไม่พูดอะไรเขาก็คว้าข้อเท้าด้านขวาของฉันไปวางที่หน้าตักที่ชันขึ้นมาข้างหนึ่งก่อนจะถอดรองเท้าผ้าใบของฉันออกพร้อมกับถุงเท้า “ปล่อย”

    “เฉยๆ” เขาดุฉันเสียงแข็งจากนั้นก็มองข้อเท้าของฉันที่บวมเป็นลูกมะนาวเขียวช้ำ เขาก็หยิบหลอดยาทามาลูบไล้อย่างเบามือจนฉันชักข้อเท้ากลับ “เดียร์”

    กลืนน้ำลายลงคอเมื่อเขาเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ราวกับว่าฉันดื้อที่จะไม่ยอมให้เขาทายาให้ ความเงียบเข้ามาปกคลุมเราสองคนอีกครั้งฉันก็มองผ้าพันข้อเท้าที่พันอย่างสวยงาม

    ไม่ได้อยากให้เขาทำแต่ฉันก็ต้องขอบคุณเขาฉันก็ปากหนักเกินกว่าจะพูดคำนั้นออกไปไง ลี้เทียนยิ้มพลางหยิบเบตาดีนเทใส่บนสำลีสี่เหลี่ยมก็ลุกขึ้นยืนโค้งตัวมาคว้าท่อนแขนของฉันที่เป็นรอยถลอกพลางเช็ดไปมาจนฉันแสบนิดหน่อย

    “ทนหน่อยครับ” น้ำเสียงอบอุ่นและความใจดีของเขาทำให้ฉันเผลอลอบมองหน้าเขาอีกครั้ง ก็มัน... เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผู้ชายเข้าหาฉันทำอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเข้าหาเพราะต้องการมีเซ็กซ์ด้วยตามข่าวลือที่แยมปล่อย

    ทว่าผู้ชายคนนี้กลับไม่ได้รู้อะไรแบบนั้น แต่เขาเลือกที่จะทำดีกับฉันทั้งที่ฉันผลักไสเขามาตลอด

    แต่... อย่าคิดว่าเขาทำให้ฉันแค่นี้แล้วฉันจะใจอ่อน ฝันไปเถอะ!

    “เดียร์” สติของฉันกลับมาอีกครั้งเมื่อแม่เดินออกมาพร้อมกับชุดผ้ากันเปื้อนไว้ทำอาหาร มองฉันกับลี้เทียนสลับกันไปมา

    “สวัสดีครับคุณแม่ แม่ของเดียร์ถูกต้องไหมครับ?”

    “ใช่จ้ะ เธอคือ...”

    “ผมลี้เทียนครับ” แม่หันมามองฉันก่อนจะอมยิ้มและพอเห็นว่าฉันเจ็บตัวแม่ก็รีบพุ่งตรงมาหาฉันทันที

    “เป็นอะไร ทำไมพันผ้าแบบนี้”

    “คือเดียร์...” จะให้บอกยังไงดีล่ะว่าที่เป็นแบบนี้เพราะว่าโดนเพื่อนรุ่นเดียวคณะเดียวกันแกล้ง

    “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมไปหาเพื่อนที่มหาลัยแล้วเจอเดียร์ก็เลยแกล้งให้ตกใจ เดียร์ก็เลยเจ็บตัวแบบนี้”

    อะไรของเขาเนี่ย! พูดบ้าอะไรออกไปรู้ตัวบ้างไหม

    “ปกติเดียร์ไม่ค่อยเป็นคนขี้ตกใจสักเท่าไหร่”

    “ผมผิดเองครับ” ยกมือไหว้แม่ฉันอีกครั้ง ซึ่งแม่ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

    “ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ แล้วลุกไหวไหมลูก ดีนะที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพอดี”

    “เดียร์ไหว” วางมือไปยังขอบรถของลี้เทียนจากนั้นก็พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินด้วยซ้ำ ฉันก็เซล้มไปด้านหน้าแต่ทว่า... อ้อมแขนแกร่งก็คว้าเอวฉันไว้ซะก่อนทำให้ฉันตกใจพยายามดันตัวหนีการแตะเนื้อตัวของเขา ลี้เทียนก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเอวฉัน

    “ดื้อ”

    “นี่คุณ!

           “ผมขออนุญาตนะครับคุณแม่”

    แม่ของฉันขมวดคิ้วทันทีก่อนจะพยักหน้ารับอนุญาตลี้เทียน ฉันที่กำลังมึนงงอยู่ก็ตกใจที่เขาช้อนร่างของฉันขึ้นอีกครั้งจำต้องกอดลำคอแกร่งไว้มองเขาด้วยสีหน้าโกรธเคือง

    “ปล่อยนะคะ”

    “ไว้เดินได้แล้วค่อยมาต่อว่าพี่” ฉันถอนหายใจก่อนจะมองร่างสูงที่เดินอุ้มฉันเข้าไปในบ้านก่อนจะวางฉันลงบนโซฟา

    “ขอบใจเธอมากนะลี้เทียน”

    “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

    “เดี๋ยวสิจ้ะ” แม่เรียกรั้งร่างสูงไว้จนเขาหันมามองด้วยสีหน้ามึนงง แม่เรียกเขาไว้แบบนี้คงไม่ได้... “อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ แม่ยังไม่ได้ขอบคุณลี้เทียนที่ช่วยเดียร์ไว้ตอนนั้นและตอนนี้เลย”

    “จะดีเหรอครับ? เดียร์คงไม่อยากให้ผมวุ่นวาย”

    “แค่ทานข้าวด้วยกันเอง ไม่วุ่นวายหรอก”

    ลี้เทียนโค้งศีรษะให้แม่ฉันก่อนท่านจะเดินเข้าครัวไปทำอาหาร ลี้เทียนก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ บ้านเขาก็มองฉันอีกครั้ง “มองอะไรคะ?”

    “มองไม่ได้เหรอครับ”

    “คุณน่าจะปฏิเสธแม่ไปนะคะ ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ได้อยากให้คุณเข้ามายุ่งวุ่นวาย”

    “พอดีว่าพี่ปฏิเสธผู้ใหญ่ไม่เป็นน่ะครับ” รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันหันหน้าหนีมาดูข้อเท้าตัวเอง “อีกอย่างพี่ช่วยเราขนาดนี้ คำขอบคุณสักคำก็ไม่มี”

    “ฉันไม่ได้ต้องการให้คุณช่วยสักหน่อย”

    พูดแค่นั้นฉันก็ค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นแต่ก็นะข้อเท้าพลิกแบบนี้เดินได้ก็จริงแต่ก็เดินได้ไม่เต็มที่นัก

    “จะไปไหนครับ?”

    “เข้าห้องค่ะ” ตอบกลับเขาก็พาตัวเองเดินไปเรื่อยๆ เกาะตามกำแพงเอา ทว่าเงาที่อยู่ด้านหลังก็ทำให้ฉันหันไปมองด้วยความไม่พอใจ “ตามมาทำไมคะ”

    “พี่แค่กลัวว่าเดียร์จะล้ม”

    “ไม่ต้อง ไปนั่งรอตามเดิมเลย” ยันท่อนแขนแกร่งไปแต่ด้วยเพราะว่าเขาสูงใหญ่ แรงที่ดันไปของฉันจึงลงอยู่การดันซึ่งเขาก็ยืนนิ่งจนเป็นฉันเองที่เซเข้าแผงอกแกร่งจนได้กลิ่นหอมๆ จากตัวของเขา

    “เจ็บไหมเนี่ย?” แม้จะถามด้วยความห่วงใยแต่เสียงหัวเราะนี่มันอะไรกัน มองเขาตาขว้างลี้เทียนก็เอาแต่หัวเราะออกมา “พี่ขอโทษครับ”

    ฉันเดินหนีเขาเข้าห้องก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง รู้สึกหงุดหงิดจริงๆ กับการมีเขาอยู่ในบ้านแบบนี้ ฉันไม่ชอบให้ใครเข้ามาในบ้านโดยเฉพาะผู้ชายแล้วเขา... เฮ้อ ทำไมเรื่องระหว่างเรามันต้องบังเอิญขนาดนี้ด้วยนะ

    วันนี้บนโต๊ะอาหารมีแขกไม่ได้รับเชิญมาหนึ่งคน ซึ่งคนตรงหน้าฉันกำลังพูดคุยกับแม่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสนุกยกเว้นฉันคนเดียวที่นั่งนิ่งกินข้าวอย่างเงียบๆ

    “เดียร์ ไม่คุยอะไรกับพี่เขาหน่อยเหรอลูก”

    “ไม่ค่ะ” สบตากับคนตรงหน้าที่หุบยิ้มทันที “เดียร์ไม่ได้อยากจะคุยกับเขา”

    “เดียร์ เสียมารยาทมากเลยนะ”

    “กินเสร็จก็กลับไปได้แล้วค่ะ” เพยิดหน้าไปทางประตูลี้เทียนก็ได้แต่ยิ้มให้กับแม่ของฉันที่ตีมือของฉันอย่างแรง “แม่”

    “จะเสียมารยาทเกินไปแล้วนะเดียร์”

    “...”

    “ตอนเจอคนที่ลวนลามถ้าไม่ได้ลี้เทียนไปช่วยเราจะเป็นยังไง แล้วที่เจ็บตัวก็เพราะเขา เขาก็อาสามาช่วย” ถอนหายใจออกมาจนแม่ดุฉันซึ่งแม่ไม่เคยดุฉันเลยนะ “ผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทุกคนนะเดียร์”

    “เออ ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่านะครับ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับอร่อยมากเลย”

    ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะยกมือไหว้แม่ฉัน เขาก็เดินออกจากบ้านไปฉันก็วางช้อนลงบนจานจนแม่มองด้วยสีหน้าไม่พอใจ

    “อย่างน้อยก็น่าจะขอบคุณเขานะเดียร์”

    “...”

    “แม่ไม่เคยสอนให้เดียร์ลืมขอบคุณคนที่เขาช่วยเราไว้นะ” พูดแค่นั้นก็ลุกขึ้นเก็บจานไปล้าง ทิ้งฉันไว้กับความรู้สึกผิดที่ว่าทำกับเขาเกินไปไหม พอคิดได้แบบนั้นฉันก็พาตัวเองออกจากบ้านไปก็เห็นว่าเขายังเดินไปไม่ถึงรถของตัวเอง

    “คุณลี้เทียน!” ร่างสูงหยุดเดินก่อนจะหันมามองฉันที่ค่อยๆ ลากเท้าตัวเองเดินไปหาเขา แต่ร่างสูงก็รีบวิ่งมาหาฉันพร้อมกับมือที่จับมือฉันไว้

    “มีอะไร ทำไมต้องเดินออกมาด้วยครับ” ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดทันที มองสบตากับฉันที่ไม่คิดจะพูดอะไรออกไปเขาเองก็ไม่ได้คิดจะถามเพื่อรอให้ฉันพูดออกมาเอง

    “ขอบคุณนะคะ”

    “...”

    “ฉันแค่ไม่อยากให้ใครมายุ่งวุ่นวายในชีวิต ฉันอยากให้คุณเข้าใจแล้ว... ถอยไปซะ” ให้มันจบตรงนี้ล่ะ

    “แล้วถ้าพี่ไม่ถอยล่ะ”

    “ทำไมคุณถึงได้ดื้อขนาดนี้คะ” ลี้เทียนไม่พูดอะไรเขากลับยื่นมือมาตรงหน้าฉันจำต้องเอี้ยวตัวหลบหลีก ทว่าเป้าหมายของเขาคือบนศีรษะของฉันพร้อมกับมีอะไรบางอย่างติดมือมาด้วยคือใบไม้ที่ปลิวมาจากไหนก็ไม่รู้ ฉันเอามือลูบศีรษะตัวเองสบตากับเขา “เลิกพยายามเถอะค่ะ”

    “พี่ไม่ถอยแล้วก็ไม่เลิกพยายาม”

    “คุณ...”

    “เดียร์จะไม่ให้พี่รู้จักกับเดียร์ก็ไม่เป็นไร แต่พี่จะอยากรู้จักกับเดียร์มันก็สิทธิ์ของพี่”

    เป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ที่พยายามเข้าหาฉันมากขนาดนี้ เพราะใครที่โดนฉันปฏิเสธไปจะยอมแพ้กันหมดไม่เว้นแม้แต่เสาที่ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาเลย

    “ถ้าคุณเข้ามาเพื่อหวังอะไรบางอย่างในตัวฉัน คุณคิดผิด”

    “พี่ไม่ได้หวัง” ลี้เทียนตอบพลางยกยิ้ม “พี่หวังแค่ว่าเดียร์จะให้พี่รู้จักกับเดียร์มากขึ้นก็แค่นั้น”

    “...”

    “เข้าบ้านได้แล้ว มั่นทายาที่ข้อเท้าบ่อยๆ จะได้หายเร็วๆ” ฝ่ามืออุ่นร้อนวางทาบทับบนศีรษะของฉันทำให้ต้องโยกตัวหนีฝ่ามือของเขาจนลี้เทียนหัวเราะออกมา

    “หัวเราะอะไรคะ”

    “หัวเราะคนน่ารัก” ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนฉันต้องขยับถอยห่าง “ฝันดีนะครับ”

    พูดจบเขาก็เดินออกไปพร้อมกับรถหรูราคาแพงที่ขับออกไปจากตรงนี้ สิ่งเดียวที่ยังทำให้ฉันยืนอยู่ตรงนี้คือเอามือวางที่ศีรษะของตัวเองเพราะสัมผัสกับมือที่อุ่นร้อนของเขา ไหนจะคำพูดที่เปล่งออกมาอีก

    “เดียร์ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!

    อย่าใจอ่อนนะ ผู้ชายอย่างเขาก็คงจะอ่อยผู้หญิงคนอื่นแบบนี้เหมือนกันล่ะ


    น้องอย่าไปตกหลุมพรางที่ลี้เทียนสร้างขึ้นนะ!
    เพราะว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าสิ่งที่ลี้เทียนทำคือทำให้น้องคบกับตัวเองให้ได้
    ตัวลี้เทียนเองหรือเปล่าที่จะหลงน้องก่อนที่น้องจะหลงตัวเอง ><
    เรื่องราวจะเข้มข้นเรื่อยๆ มาติดตามกันเยอะๆ นะคะ 
    รับประกันความสนุกแล้วก็มาดูว่าลี้เทียนจะทำให้น้องใจอ่อนได้ไหม?

    ฝากคอมเมนต์ให้กำลังใจไรต์หน่อยนะคะ 
    อย่าลืมกด FAV ติดตามไว้ด้วยเนาะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×