คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : #เทียนเดียร์ :: CHAPTER 3 [100%]
ฉันมาถึงคณะเวลาเช้าเพราะมีเรียนถึงบ่ายสาม
อันที่จริงฉันแทบจะไม่มีเพื่อนเลยด้วยซ้ำเป็นเพราะว่าฉันเข้าถึงได้ยากและส่วนใหญ่พวกเพื่อนรุ่นเดียวกันก็จะ...
‘อีเดียร์
อีแรด’
‘ทำหยิ่งจองหอง
ก็อยู่คนเดียวไปเถอะ อย่าไปคบกับมันเลยอีนี่มันอ่อยผู้ชายเก่ง’
‘ทำมาเป็นไร้เดียงสา
ชิ โดนผู้ชายที่เข้าหาจนพรุนแล้วมั้ง’
แล้วก็ตามด้วยเสียงหัวเราะที่นินทาฉันอย่างไม่เกรงใจกันสักนิด
เพราะแบบนี้ฉันถึงได้ไม่มีเพื่อนไงล่ะ
แต่ก็นะถ้ามีเพื่อนที่จ้องจะนินทาและอิจฉากันล่ะก็ฉันขออยู่คนเดียวดีกว่า
“เดียร์
ฉันขอดูชีทงานเธอหน่อยได้ไหม?” เงยหน้าสบตากับเสาเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่เป็นเดือนคณะกำลังฉีกยิ้มกว้างให้กับฉันก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกัน
ฉันไม่พูดอะไรก็ค่อยๆ เลื่อนชีทงานไปให้เขาที่ก้มหน้าอ่านอย่างตั้งใจ
เสาเป็นผู้ชายที่หล่อ
รวยและสเปกใครหลายคนแต่เขาก็ไม่ได้คบหรือควงใครนะที่เห็นอยู่
เพราะฉันไม่ค่อยยุ่งเรื่องชาวบ้านเขาไง
“โห
ชีทงานของเดียร์เรียบร้อยมาก ฉันขอยืมหน่อยได้ไหม ฉันเข้าเรียนไม่ได้ทัน”
“อือ ได้สิ”
พยักหน้ารับเสาก็ฉีกยิ้มอย่างดีใจส่วนฉันก็ก้มหน้าทำรายงานตามเดิม
“เดียร์
เลิกเรียนไปกินข้าวด้วยกันนะ” เงยหน้าสบตากับเสาพลางเบนสายตามองเพื่อนในคณะก็เอาแต่มองฉันกับเสาและซุบซิบกันไปมาจำต้องส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่า
ขอบใจนายที่ชวน”
“ทำไมล่ะ?
เธอรังเกียจฉันเหรอ” พอเขาพูดแบบนี้ฉันก็รีบยกมือโบกมาไป “แล้วเพราะอะไร”
“ก็...”
จะให้บอกเหรอว่าฉันไม่ชอบที่จะสุงสิงกับผู้ชายและยิ่งเป็นเขาด้วยฉันไม่กลัวคำนินทาหรอกนะ
แต่ออกจะรำคาญซะมากกว่า
“เธอไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนอื่นได้”
“นายคิดว่าฉันอยากจะไปหรือไง?”
“ถ้างั้นตกลงไปกินข้าวด้วยกันนะ”
ยังคงตื้อให้ฉันไปกับเขาจนฉันทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“คิดซะว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
“...”
“เพื่อนกันทำไมจะไปกินข้าวด้วยกันไม่ได้ล่ะ
อีกอย่างฉันอยากตอบแทนที่เดียร์ให้ชีทงานฉันมาดูด้วย”
“โอเค ก็ได้”
ตอบกลับไปเสาก็ฉีกยิ้มกว้างพลางก้มหน้าอ่านชีทตามเดิม
แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะได้ยินเสียงนินทาที่ดังกระซิบหรือเปล่า?
‘อ่อยเสาไปอีกคน
อีเดียร์มันร้ายจริงๆ’
‘นั่นสิเสาของฉัน
ฉันชอบของฉันมานาน โดนอีเดียร์คาบไปแดกละ’
ถอนหายใจออกมาและตั้งใจเรียนจนกระทั่งเลิกเรียนฉันก็โทรไปบอกแม่ว่าอาจจะกลับค่ำหน่อย
เสาก็พาฉันไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยชื่อดัง
ภายในร้านจัดตกแต่งสไตล์ไทยทำให้ฉันที่นั่งมองไปรอบๆ จึงสบตากับเสาที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“สั่งเต็มที่เลยนะ
ฉันเลี้ยงเอง”
“ขอบคุณนะ”
ก้มหน้ามองเมนูอาหารก็สั่งเพียงแค่สองอย่างเท่านั้น
จากนั้นเสาก็สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะทำให้ฉันงุนงงนิดหน่อย “สั่งมาเยอะเลย
เดี๋ยวกินไม่หมดนะ”
“ไม่เป็นไร
ห่อกลับได้” รอยยิ้มของเสาส่งมาให้ฉันก่อนจะก้มหน้ากินอาหารตรงหน้าโดยที่คุยกับฉันไปด้วย
“ฉันเห็นพี่นุตามจีบเดียร์ ทำไมเดียร์ถึงไม่ตกลงคบกับพี่เขาเหรอ?”
“คือ...”
ชะงักมือที่กำลังจะตักอาหารฉันก็เงียบไปอีกครั้งจนเสารีบโบกมือไปมาตรงหน้าฉัน
“ไม่ต้องตอบก็ได้
ขอโทษที่ถามอะไรแบบนั้น”
“ไม่เป็นไร
ฉันแค่ไม่อยากคบกับใครน่ะ”
“มีเหตุผลไหม?”
เสายังคงถามซอกแซกจนฉันไม่อยากจะตอบก็ต้องตอบ
“ผู้ชายเหมือนกันหมดทุกคน”
ตอบได้แค่นั้นเสาก็นิ่งไปทันที “ฉันเกลียดผู้ชายเจ้าชู้”
“แต่ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ”
“ขอโทษนะ
แต่ฉันมองผู้ชายทุกคนแบบนั้น” เราสองคนสบตากันอย่างเงียบๆ
โดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยกระทั่งเสาเอ่ยคำถามขึ้นอีกครั้ง
“เดียร์เคยเจอผู้ชายแบบนั้นใช่ไหม?”
“...”
“ฉันจะบอกให้นะ
ผู้ชายทุกคนไม่ได้เหมือนกับที่เดียร์คิด”
ฉันกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะมองมือของเสาที่ทาบทับมือของฉันที่วางไว้บนโต๊ะ “เชื่อใจฉันนะ”
“อะไร?”
ขมวดคิ้วอย่างมึนงงเสาก็อมยิ้มและหลุบสายตาลง
“ฉันชอบเธอ”
“!”
“ชอบมาสักพักแล้ว
แต่รู้ว่าเธอไม่ค่อยสุงสิงกับผู้ชายก็เลย... ขอโอกาส”
ไม่รู้หรอกนะว่าควรทำยังไงต่อจากนี้ดี
ฉันเจอเหตุการณ์แบบนี้มาเยอะมากและผู้ชายพวกนั้นหวังอย่างเดียวในตัวของฉันคือ ‘มีเซ็กซ์’
มีคนเคยปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับฉันที่มหาลัยว่า ‘อีเดียร์เด็ดมาก
เอามันสุด’ จากนั้นผู้ชายทุกคนก็คิดว่าฉันเป็นแบบนั้นทั้งที่ไม่ใช่เลยสักนิด
คนเกลียดฉันเยอะก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้กับพวกเขา
ฉะนั้นอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเสาเองก็เซียนผู้หญิงมากๆ
คิดว่าฉันโง่ไร้เดียงสามากขนาดนั้นเลยเหรอ
หรือต่อให้เขาไม่คิดจะชอบฉันเข้าหาเพราะอะไรก็ตามแต่
ฉันก็ไม่มีวันยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาในหัวใจได้แน่นอน
“ขอโทษนะเสา”
“ทำไมอะเดียร์”
“ขอบคุณนะที่พามาเลี้ยงข้าว
ฉันกลับก่อน”
ฉันลุกจากเก้าอี้พลางเดินออกจากร้านทันทีมุ่งหน้ากลับบ้าน
ดีหน่อยที่ร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจากบ้านเดินเท้าไปก็ถึง
ปรี้นๆ
เสียงแตรรถดังจากด้านหลังทำให้ฉันหันกลับไปมองก็พบว่ามีรถสปอร์ตหรูสีดำคันหนึ่งจอดและคนที่โผล่ออกมาจากรถก็ทำให้ฉันรีบสาวเท้าไปทันทีโดยไม่รีรอเขา
“เดี๋ยวสิครับน้องเดียร์”
ทำไมนะ ทำไมเขาต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉันด้วย
หมับ
ฝ่ามือหนาคว้าต้นแขนฉันไว้เพื่อให้หยุดเดิน
จัวหวะนี้ฉันทำได้เพียงยกหนังสือที่ถืออยู่ขึ้นเหนือหัวเตรียมฟาดเขาที่ไร้มารยาทชอบแตะเนื้อต้องตัวฉัน
“จะตีพี่ให้ตายเลยเหรอครับ?”
“ปล่อย”
บอกแค่นั้นลี้เทียนก็ค่อยๆ
คลายมือออกฉันก็กระเถิบถอยห่างเขาที่มองฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ
ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
ฉันแสดงสีหน้าตัวเองออกไปขนาดไหนนะ
พอลี้เทียนพูดแบบนี้ฉันก็ยกมือลูบไล้ใบหน้าตัวเองไปมา
ถามเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้แถมยังชอบยกยิ้มมุมปาก
คนตรงหน้าฉันเพิ่งจะสังเกตเขาเป็นคนที่มีรอยสักที่ท่อนแขนเยอะพอควรแต่ก็ปกปิดมันไว้ด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับถึงแค่ข้อศอก
สวมชุดนักศึกษาแบบนี้คงเพิ่งเลิกเรียนสินะ
“ต้องเจอสิครับ”
พูดพลางล้วงมือลงที่กระเป๋ากางเกงยีนทรงกระบอกหยิบของอะไรบางอย่างยื่นมาตรงหน้าของฉันเป็นผ้าเช็ดหน้าที่ฉันเคยให้เขาไว้ตอนที่ช่วยเหลือฉันเมื่อหลายวันก่อน
“ไม่เห็นต้องเอามาให้เลยนี่คะ
ฉันมีอีกหลายผืน”
แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ก็รับผ้าเช็ดจากมือของลี้เทียนที่ยืนยิ้มให้อยู่
รอยยิ้มของเขามันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ
กับตัวเองจะบอกว่าเขาเป็นคนที่ยิ้มแล้วโลกสดใสก็เถอะ
แต่จำเป็นต้องรู้สึกอะไรด้วยเหรอเดียร์!
“พี่บอกว่าจะเอามาคืนให้ก็คือเอามาคืนให้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
เอาผ้าเช็ดหน้าใส่ลงกระเป๋าก่อนจะสบตากับเขาอีกครั้ง “งั้นฉันกลับก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิเดียร์”
ร่างสูงวิ่งอ้อมมาหยุดตรงหน้าเพื่อไม่ให้ฉันเดินไปต่อ “ทำไมต้องหลบหน้าพี่ด้วย”
“ไม่นี่คะ
ฉันแค่จะกลับบ้านมันหลบหน้าตรงไหนกัน?” เริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะ
ทำไมจะต้องมาตามกันด้วยแล้วยังจะมาบอกว่าฉันหลบหน้า
ฉันจะหลบหน้าเขาทำไมก็แค่รำคาญก็เท่านั้น
“ไปกินเค้กเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ”
“ไม่ค่ะ
ฉันมีการบ้านต้องทำ” พูดแค่นั้นฉันก็เดินหนีเขาไปอีกทาง แต่ลี้เทียนก็ไม่ยอมแพ้เขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉันอีกครั้ง
“คุณลี้เทียน คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย”
“ทำไมชอบห่างเหินกับพี่”
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ
จะเรียกว่าห่างเหินได้ยังไง?”
ตอบแค่นั้นฉันก็เดินสวนเขาไปอีกแต่รอบนี้ลี้เทียนไม่ได้ตามมาทำให้ฉันหันกลับไปมองก็พบว่ารถของเขาได้ขับออกไปแล้ว
แต่ทว่าที่ขับออกไปแล้วคือเขาขับมาขวางฉันตรงซอยจะเข้าบ้าน
“คุณต้องการอะไรกันแน่คะ
คุณลี้เทียน” เริ่มจะเหนื่อยแล้วนะ!
ทำไมต้องตามตื้อกันขนาดนี้ด้วยเนี่ย
“บอกไปเมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอครับ
พี่แค่อยากทำความรู้จักกับเดียร์”
“อย่ามาทำความรู้จักกับฉันเลยค่ะ
ฉันไม่ได้เหมือนผู้หญิงทั่วไป” เป็นอีกครั้งที่ฉันเดินอ้อมรถเขาเพื่อตรงกลับบ้าน
ทำไมการกลับบ้านของฉันถึงได้เหนื่อยขนาดนี้นะ
“ทำไม?
ไม่เหมือนตรงไหนเดียร์ก็มีแขน มีขา มีตา มีทุกอย่างครบสามสิบสอง
หรือไง... เดียร์มีนมสามเต้าเหรอ ถึงได้ปฏิเสธพี่ตลอดแบบนี้เพราะกลัวพี่จะรู้”
“นะ
นี่คุณจะบ้าหรือไง ฉันไม่ได้มีนมสามเต้านะ!”
“ถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่พี่พูด
ทำไมต้องปฏิเสธพี่ด้วย”
สีหน้าของเขาเรียบนิ่งแต่ทว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เสียใจกับการปฏิเสธของฉัน
ลี้เทียนก้มหน้าลงก่อนจะเงยหน้ามองฉันอีกครั้ง
“พี่แค่อยากรู้จักกับเดียร์
มันไม่ได้เหรอครับ”
“...”
ฉันถอนหายใจออกมาได้แต่คิดและฉันรู้ตัวเองดี
ว่าต่อให้คนตรงหน้าจะดีแสนดีแค่ไหน แต่คนเรามันเปลี่ยนกันได้เสมอล่ะ
ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นโดยเฉพาะกับผู้ชายฉะนั้นอย่าหวังอะไรกับฉันเลยถ้าหากฉันจะปฏิเสธที่เขาจะหาฉัน
“ขอโทษนะคะ
แต่ฉันไม่ได้อยากรู้จักกับคุณ”
จบแค่นั้นฉันก็มุ่งตรงกลับบ้านทันที
พร้อมกับมองรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งที่จอดไว้ตรงหน้าบ้านที่กว้างนิดหน่อย
บ้านฉันเป็นบ้านเดี่ยวเนื้อที่กว้างมากๆ แม่ผ่อนบ้านหลังนี้ด้วยน้ำพักน้ำแรง
“กลับมาแล้วเหรอลูก”
แม่ที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวถามไถ่ขึ้นมา
พอเห็นฉันเงียบและเดินไปเปิดตู้เย็นกินน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ก็ผละใบหน้าจากกระทะที่กำลังผัดอะไรสักอย่างอยู่
“เป็นอะไรเดียร์ ทำไมทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะ”
“เจอโรคจิตค่ะ”
“ห๊า! เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
“ไม่ใช่โรคจิตแบบนั้นค่ะ”
แม่ทำหน้าโล่งอกทันที ฉันจึงสาธยายเรื่องวันนี้ที่เจอให้แม่ฟัง “ลี้เทียนน่ะค่ะ
ยุ่งวุ่นวายกับเดียร์มาก บอกอยากทำความรู้จักด้วยใครเขาอยากจะรู้จักกับตัวเองล่ะ”
“แล้วทำไมเดียร์ไม่ลองเปิดใจให้ลี้เทียนเขาล่ะ”
“แม่”
“ชักอยากจะเห็นหน้าผู้ชายที่ชื่อลี้เทียนซะแล้วสิ”
ได้แต่นั่งมองอาหารตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด
สบตากับแม่ที่มองฉันด้วยสายตาห่วงใย “อย่าคิดว่าผู้ชายทุกคนจะเหมือน...”
“เดียร์ไม่สนหรอกค่ะ
ผู้ชายที่เข้าหาเดียร์ก็แค่...”
ทั้งฉันและแม่ต่างพากันเงียบอีกครั้ง
อันที่จริงเรื่องที่ฉันเจอที่มหาลัยแม่ไม่รู้ว่าฉันเจอกับอะไรบ้าง
แค่แม่ทำงานก็เหนื่อยพออยู่แล้ว แม่ทำงานเป็นพนักงานที่บริษัทแห่งหนึ่งเราสองคนแม่ลูกอยู่อย่างพอกินพอใช้
“ลี้เทียนอากจจะแตกต่างก็ได้
เพราะเขาเพิ่งจะเจอเดียร์”
“แล้วยังไงคะ?”
“อาจจะตกหลุมรักลูกสาวแม่ก็ได้ไง”
ทำหน้าบูดใส่แม่ที่ลุกขึ้นเก็บจานไปล้าง
ส่วนฉันก็เข้าห้องและทำรายงานแต่ในห้วงความคิดก็ดันไปนึกถึงเรื่องวันนี้กับลี้เทียน
สีหน้าของเขาตอนที่ฉันปฏิเสธจะรู้จักดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
วางปากกาลงบนโต๊ะทำงานก่อนจะยกมือทั้งสองกุมศีรษะตัวเอง
“โดนปฏิเสธไปแบบนั้น
ทำไมยังต้องตามอยู่อีก”
มีเหตุผลอะไรถึงได้ทำแบบนั้น...
แต่ก็คงไม่พ้นคงอยากได้ตัวฉันนั่นแหละ
คลาสเรียนวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันตั้งใจเรียนอย่างมีความสุขไม่สนใจคำนินทาที่อยู่ด้านหลังเลยสักนิด
เอาแต่จับจ้องมองอาจารย์ที่กำลังสอนอย่างเต็มที่เพราะนี้เป็นวิชาเรียนสุดท้ายในเวลาเย็น
“รายงานมาส่งได้ที่โต๊ะผม
เลิกคลาสได้ครับ” สิ้นเสียงของอาจารย์ฉันก็เก็บหนังสือลงกระเป๋าผ้า
อีกสองเล่มก็ถือไว้ในอกเดินเอารายงานไปส่ง “ดลรดา ส่งก่อนคนแรกทุกครั้งเลยนะครับ”
“หนูไม่อยากมีงานค้างค่ะ”
รอยยิ้มของฉันส่งให้อาจารย์ก่อนจะยกมือไหว้ท่านและเดินออกจากคลาสไปเพื่อตรงกลับบ้านเพราะนี้ก็เย็นมากแล้วด้วย
แม่คงเป็นห่วงแย่เพราะว่ามือถือของฉันแบตหมด
พลั่ก
“อ๊ะ!”
ตุ้บ
ร่างของฉันตกลงจากบันไดหน้าคณะสองขั้นก่อนที่ร่างจะไถลลงบนพื้นทำให้ของที่ถืออยู่กระจายแต็มพื้น
ข้อเท้าเจ็บหนึบบวกกับข้อศอกขวาที่ถลอกจนเลือดไหล
ฉันไม่ได้ซุ่มซ่ามถึงขนาดทำให้ตัวเองตกบันไดได้หรอกนะ!
ใครทำน้อง! น้องจะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย
ส่วนอีพี่ก็ตามติดหนึบเลย น้องเป็นแบบนี้จะมาตามจนเห็นไหมนะ
มารอติดตามกันเยอะๆ เนาะ รับประกันความสนุก!
*ฝากคอมเมนต์มารอกัน ให้กำลังใจไรต์หน่อยน้าาา
คอมเมนต์ไม่มีไรต์ท้อมากเลยค่ะ สักเมนต์ก็ยังดีนะคะ TT*
กด FAV ติดตามกันไว้นะคะ
ความคิดเห็น