คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : #เทียนเดียร์ :: CHAPTER 8 [100%]
ได้แต่มองคนตรงหน้าที่ฉีกยิ้มกว้างเพื่อให้ฉันตอบตกลงที่จะอนุญาตให้เขาเข้าไปในบ้านเนื่องจากเขาหิวข้าว
“ร้านค้าน่าจะเปิดอยู่หน้าปากซอยบ้านฉัน
คุณไปกินที่นั้นแล้วกัน”
“...”
“ขอตัวก่อนนะคะ”
ฉันหมุนตัวเดินหนีเขาไปหากแต่ต้นแขนถูกเขาคว้าไว้
จำต้องหันไปหวังจะเอากระเป๋าสะพายฟาดเพราะฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวเองโดยเฉพาะกับผู้ชายที่ฉันเกลียดนักหนา
หมับ
“คุณลี้เทียน”
“อยู่ๆ ก็มาไล่
ยังจะเอากระเป๋าฟาดอีก พี่ไม่ใช่กระสอบทรายนะ”
เขาคว้าข้อมือฉันไว้และดึงเข้าหาตัวจนตอนนี้ฉันอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง
ใบหน้าอยู่ตรงอกของเขาจำต้องเงยหน้าขึ้นไปสบตากับลี้เทียนที่ยิ้มมุมปาก
“ไม่เหนื่อยหรือไง?”
“ปล่อยค่ะ”
“ไม่เหนื่อยหรือไงที่ไล่พี่แบบนี้”
ฉันหยุดชะงักกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อเริ่มรู้สึกอย่างที่เขาว่าแล้วจริงๆ
“เหนื่อยก็หยุดเหอะ พี่เห็นแล้วเหนื่อยแทน”
ลี้เทียนคลายอ้อมแขนที่กอดจนฉันขยับตัวหนีเขาไปไกลพอดู
ปัดไปตามตัวอย่างเคยชินไม่ได้นึกรังเกียจเขาสักนิดเพียงแต่มันคือความเคยชินต่างหากเวลาผู้ชายแตะเนื้อต้องตัว
“พี่สงสัย ถ้าเดียร์ผลักไสผู้ชายทุกคน...
แสดงว่าเดียร์ชอบผู้หญิงด้วยกันใช่ไหม?”
“คุณจะคิดยังไงก็แล้วแต่เถอะค่ะ
แต่ถ้าคุณคิดว่าฉันเล่นตัวก็ไปตามคนอื่นเพราะฉันไม่ได้ง่าย”
“พี่เปล่าคิดแบบนั้นนะ
ต่อให้เดียร์เล่นตัวมากกว่านี้ยังไงพี่ก็จะตามเดียร์อยู่ดี”
เลิกคิ้วขึ้นพอได้มองเขาจริงๆ
ทำไมถึงได้ดูแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นที่เข้าหาฉันพูดง่ายๆ
เลยนะอาจจะค่อนข้างหน้าด้านถึงที่สุดไม่ลดละความพยายามเลยสักนิดทั้งที่ฉันผลักไสเขาอยู่ตลอด
มาวันนี้อีกที่ช่วยฉันจากพวกของเสาทำไมนะ... มันเพราะอะไร? แต่ก็ขี้เกียจจะถาม
“ว่าไงครับ
ให้พี่เข้าไปกินข้าวด้วยได้หรือเปล่า”
“ฉันว่าร้านหน้าปากซอยอร่อยกว่านะคะ”
“เดียร์ทำอาหารไม่อร่อยเหรอครับ”
กลืนน้ำลายลงคอลี้เทียนก็ยกมือมาลูบศีรษะจนฉันต้องปัดมือเขาออกไป “พี่จะลองกิน”
“คะ?”
“ทำมาเถอะ
พี่กินได้หมดล่ะ”
“...”
“นะครับ”
ทิ้งท้ายด้วยสีหน้าออดอ้อนจำต้องเบือนหน้าหนียกมือเกาศีรษะตัวเอง “เดียร์ครับ”
“โอเคค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“แต่กินเสร็จเรียบร้อย
ต้องรีบกลับเลยนะคะ”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตกลงแต่ฉันก็เปิดประตูรั้วให้รถของเขาขับเข้าไปจอดในบ้าน
เปิดไฟให้บ้านสว่างพร้อมกับเปิดแอร์เปิดพัดลม
ลี้เทียนก็เดินไปนั่งที่โซฟาเอนหลังพร้อมกับถือวิสาสะเปิดทีวีดูโดยไม่ขอฉันสักคำ
ฉันดึงเสื้อนักศึกษาออกจากกระโปรงพีชตัวยาวเลยเข่า
ปล่อยผมก่อนจะรวบมัดเป็นมวยไว้ตรงกลางศีรษะเสร็จก็เตรียมจะเข้าครัว
คนที่มาด้วยทำไมเงียบแบบนี้?
คิดได้แบบนั้นจึงมองไปทางเขาก็เห็นว่าลี้เทียนมองฉันอยู่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“คุณ”
“คะ ครับ!”
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ส่ายหน้าไปมาฉันก็เดินเข้าครัวไปด้วยความมึนงง
ฉันก็เปิดตู้เย็นดูของสดก็ต้องขมวดคิ้วทันทีเพราะมีแค่เนื้อหมูนิดหน่อยกับผักเท่านั้น
ไข่ก็เหลือแค่สองฟอง
ลำพังฉันคนเดียวกินได้อยู่แล้ว
แต่มีแขกไม่ได้รับเชิญมาด้วยแบบนี้ยิ่งคิดเมนูใหม่ได้ยากมากจึงหันไปหุงข้าวก่อนจะทอดไข่ดาวโป๊ะข้าวคนละจาน
เนื้อหมูที่มีอยู่กับผักฉันก็เอาไปต้มจืดมองโต๊ะอาหารที่เตรียมไว้เรียบร้อย
“คุณลี้เทียน”
ฉันเดินไปตามเขาที่กำลังดูมือถืออยู่
พอฉันเรียกเขาก็รีบเก็บมือถือตัวเองเข้ากระเป๋ากางเกงทันที
“ครับ”
“ไม่รู้ว่าคุณจะกินได้ไหม
แม่ไม่ได้ซื้อของสดมา”
“ทำไมเหรอครับ”
ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าครัวไปพอเขาเห็นอาหารบนโต๊ะก็ฉีกยิ้มกว้างทันที
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยครับ พี่กินได้อยู่แล้ว”
พอเห็นเขาตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยฉันก็ลอบมองเขาพร้อมกับยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวสักนิด
“เดียร์ชอบแมวไหม”
“แมวเหรอคะ?” ไม่เชิงว่าไม่ชอบนะ
ฉันก็ชอบนิดหน่อยล่ะแต่ไม่อยากเลี้ยงเพราะว่ามีเหตุผลส่วนตัว
“อืม
พี่เลี้ยงอยู่ไว้ว่างๆ เดียร์ไปดูที่ห้องพี่นะ”
“ไม่ว่างค่ะ”
“รีบปฏิเสธพี่อีกละ”
รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันเบ้ปากและกินข้าวโดยที่มีเขา... มานั่งกินเป็นเพื่อน
“เดียร์”
“คะ” เงยหน้าสบตากับเขาพร้อมกับเคี้ยวข้าวในปากไปด้วย
“ถ้ามีเรื่องอะไรที่มหาลัย
บอกพี่ทันทีเลยนะ” ก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่เขาต้องการฉันจะทำให้เขาได้หรือเปล่า
แต่สีหน้าของเขามันจริงจังซะจนฉันไปไม่เป็นเลย “โทรหาพี่...”
“โทร?”
“ไม่มีเบอร์
งั้นพี่ขอเบอร์เราหน่อย” หยิบสมาร์ทโฟนรุ่นที่แพงและหรูหรายื่นมาตรงหน้า
เมื่อฉันไม่รับเขาก็ขยับมือไปมาเพื่อให้ฉันใจอ่อน
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“แค่เบอร์เองนะครับ
เดียร์อย่าปฏิเสธพี่เลยเวลาเดียร์มีเรื่องเดือดร้อนอะไรโทรหาพี่ พี่จะรีบมาทันที”
ใจหนึ่งก็ปฏิเสธแต่อีกใจฉันก็อยากจะให้เบอร์ นี่ฉันเป็นบ้าอะไรเนี่ย!
“ก็ได้ค่ะ”
“เยส!” ทำหน้าดีใจเมื่อฉันยอมที่จะให้เบอร์เขา
เมื่อกดเบอร์เรียบร้อยก็ส่งให้ลี้เทียนก็กดโทรออกเสียงมือถือของฉันก็ดังขึ้นเป็นระยะ
“อย่าลืมพิมพ์ชื่อพี่ไว้ด้วยนะ”
ออด ออด ออด~
กริ่งหน้าบ้านดังขึ้นฉันที่คิดว่าเป็นแม่ก็รีบออกไปเปิดประตูรั้ว
ทว่าถนนหน้าบ้านกลับว่างเปล่าแต่มีสิ่งหนึ่งที่ถูกวางไว้
สองมือหยิบช่อดอกไม้สีขาวหรือดอกลิลลี่กับถุงขนมเป็นคุกกี้อัลมอนต์และบราวนี่ซึ่งมันเป็น...
ของโปรดของฉัน
“ใครเอามาให้”
มึนงงไม่น้อยฉันก็มองไปสองข้างทางก็เงียบสนิทไม่มีรถผ่านสักนิด
ฉันก็หอบหิ้วช่อดอกไม้กับขนมเข้ามาในบ้านได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นที่ครัว
“คุณทำอะไร?”
“ล้างจานไงครับ”
ร่างสูงที่ยืนล้างจานหันมายิ้มให้กับฉัน
ฉับพลันแววตาคมก็มองมาที่มือของฉันกำลังโอบของที่วางไว้หน้าบ้าน “ใครให้มา?”
น้ำเสียงของเขาต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ
ฉันก้มมองของในมือพลางส่ายหน้าไปมา “ไม่รู้ค่ะ เอามาวางไว้ที่หน้าบ้าน”
หมับ
“ขอดูหน่อยสิ”
คว้าช่อดอกไม้และถุงขนมไปจากมือก่อนจะเดินไปยังโซฟาหน้าทีวี “ผู้ชายส่งให้แน่”
“รู้ได้ไงคะ?”
“เดียร์ชอบดอกลิลลี่”
“เปล่าค่ะ”
“อ้าว” ใบหน้าหล่อเหลาเหวอไปทันทีพลางก้มดูถุงกระดาษที่มีขนมอยู่ด้วย
“งั้นขนม...”
“ค่ะ
ของโปรดฉันเอง” ลี้เทียนขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
“แล้วเคยบอกใครเรื่องพวกนี้บ้างไหม?”
“ไม่เคยค่ะ
ถึงได้สงสัย”
เอาจริงนะ
ฉันไม่เคยบอกเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังเลยแม้แต่คนเดียว
ผู้ชายที่เข้าหาถามกับฉันเรื่องส่วนตัวเยอะมาก
แต่สิ่งที่ฉันทำได้คือการปฏิเสธจะพูดเรื่องของตัวเองออกไปเพราะฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยสักนิด...
ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องของใคร ฉะนั้นคนอื่นก็ไม่ควรยุ่ง
บางทีฉันอาจจะเป็นคนที่ค่อนข้างโลกส่วนตัวสูงก็ได้แม่เคยบอกฉันเหมือนกัน
ฉันไม่คบใครเป็นเพื่อนเพราะไม่มีใครต้องการรู้จักกับฉัน
ดังนั้นจึงไร้เพื่อนและอยู่คนเดียวมาตลอด
ผู้ชายที่เข้าหาก็นั่นแหละเป็นคนในมหาลัยที่รู้ข่าวลือของฉัน...
ส่วนคนที่กำลังหยิบขนมออกมาดูเขาไม่ได้รู้และเพิ่งรู้ด้วยซ้ำว่าฉันโดนกับอะไรมาบ้าง
“ทำอะไรคะ?”
ลี้เทียนเงยหน้าก่อนจะแกะถุงขนมคุกกี้กับห่อบราวนี่หยิบอย่างละชิ้นชูให้ฉันดู
“กินไงครับ”
“...”
“เผื่อว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล
พี่จะได้โดนก่อนที่เดียร์จะกินมันเข้าไป”
ส่ายหน้าให้กับความบ้าบอของเขาฉันก็เดินเข้าครัวไปอีกครั้งพร้อมกับน้ำผลไม้หนึ่งแก้ววางให้เขาบนโต๊ะกระจกตรงหน้าเราสองคน
ทิ้งตัวลงข้างเขาที่เคี้ยวขนมอย่างอร่อย
“เป็นไงคะ
มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า?”
“ไม่มีเลยครับ
มีแต่คำว่าอร่อย”
“อย่ากินของฉันหมดนะคะ”
ตอบกลับพลางมองลงที่ถุงก็พบว่ามันเหลือไม่กี่ชิ้นแล้ว อดยากมาจากไหนเนี่ย!
“หมดพี่ซื้อให้ใหม่”
“ไม่ต้องเลยค่ะ”
“ทีนี้พี่ก็รู้แล้วว่าเดียร์ชอบกินอะไร”
มองสบตาฉันที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็เลือกที่จะหยิบขนมมากินสายตาก็จับจ้องมองทีวีที่กำลังฉายรายการการใช้ชีวิตในป่าอยู่พอรู้ถึงว่ามีคนมองฉันก็หันกลับไปลี้เทียนก็มองอยู่
“มองฉันทำไมคะ”
“มองไม่ได้เหรอ”
“ได้ค่ะ
แต่มองแบบนี้ฉันก็กลัวนะคะ ยังกับโรคจิต”
“หึ”
หัวเราะออกมาจนฉันทำหน้าบูด มองนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงฝาผนังก็พบว่าเวลาล่วงเลยมาถึงห้าทุ่มแล้ว
“กลับได้แล้วนะคะ
ดึกแล้ว” ยันไหล่หนาเพื่อให้เขากลับไปได้แล้ว “มีนัดไม่ใช่เหรอ?”
“มีนัด
ใครบอกเดียร์”
“ก็ฉันเห็นคุณแชทคุยกับใครไม่รู้
อาจจะเพื่อนก็ได้นี่ไม่ไปเหรอคะ” พอฉันบอกแบบนี้ใบหน้าหล่อเหลาก็นิ่งไปทันที
แต่ว่ารอยยิ้มของเขาที่ผุดขึ้นมานิดหน่อยก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง... อีกแล้ว
“ไม่สำคัญหรอกครับ”
ลี้เทียนแนบฝ่ามืออุ่นร้อนมาที่แก้มของฉัน
สัมผัสนี้ทำให้ฉันไปไม่เป็นเลยเหมือนกับตกอยู่ในห้วงของเขาโดยหาทางหนีไม่ได้
ใบหน้าหล่อขยับเข้ามาใกล้ฉันรับรู้ถึงลมหายใจที่มีกลิ่นบุหรี่ออกมาจากจมูกโด่งของเขา
สายตาของฉันจับจ้องมือริมฝีปากอวบอิ่มของเขาที่ค่อยๆ
ขยับเข้ามาหวังพิชิตริมฝีปากของฉัน
“ฉันต้องไปซักผ้า”
ลุกขึ้นทันทีจนร่างสูงก้มลงจูบกับหมอนอิง
ลี้เทียนเงยหน้ามองฉันที่ทำอะไรไม่ถูกยกมือเกาศีรษะตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงพลางยกมือทาบตรงตำแหน่งหัวใจ
เมื่อกี้เขาจะจูบฉันใช่ไหม?
เขาจะจูบฉัน บ้าจริง!
ระหว่างที่อยู่ในห้องของตัวเองฉันก็เก็บเสื้อผ้าใส่ตะกร้าและเดินตรงไปที่ห้องของแม่เพื่อเอาเสื้อผ้าแม่ไปซักด้วย
ก่อนจะได้เดินไปยังด้านหลังของบ้านฉันก็ต้องเอี้ยวใบหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา
ลี้เทียนหลับ...
นี่เขาหลับอีกแล้วเหรอ? อดหลับอดนอนอะไรกัน
หลังจากเอาผ้าใส่ถังซักฉันก็เดินเข้าห้องหยิบผ้าห่มของตัวเองออกมา
ร่างสูงที่นอนบนโซฟาจนขาล้นออกมานิดหน่อยทำให้ฉันยิ้มขำนี่โซฟาบ้านฉันเล็กไปหรือเขาตัวสูงกันแน่นะ
ผ้าห่มสีเขียวเข้มถูกคลุมบนร่างสูงที่เอามือทั้งสองหนุนแทนหมอน
คิดได้ดังนั้นฉันจึงหยิบหมอนอิงมาถือไว้คุกเข่าข้างเขาสอดแขนเข้าใต้ท้ายทอยของเขาสักพักลี้เทียนก็ได้หนุนหมอน
เขาขยับตัวไปมาจนฉันต้องรีบก้มลงกลัวว่าเขาจะเห็นว่าใส่ใจเขามากขนาดนี้
Rrr
สมาร์ทโฟนของลี้เทียนที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกขนาดเล็กที่อยู่ตรงหน้าโซฟาสั่นดัง
ฉันเงยหน้ามองก็พบว่าเขาได้หันหน้าเข้าพนักโซฟา มือขวาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูหน้าจอที่สว่างวาบคิ้วเรียวขมวดทันทีด้วยความสงสัย
“บีบีเหรอ?”
เลิกคิ้วขึ้นเมื่อปลายสายขึ้นชื่อว่าบีบี “ใครกัน”
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่น่า
จะยุ่งทำไมกัน...
เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเองโดยไม่ได้สนใจคนที่นอนอยู่ข้างนอกเลยสักนิด
เพราะว่ามีเรียนแค่วิชาเดียวในช่วงสิบโมงตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า
จึงพาตัวเองเข้าห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็มัดผมอยู่ที่หน้ากระจก
“เดี๋ยวนะ
ถ้าแม่กลับมา...” เบิกตากว้างก่อนจะเปิดประตูออกไปเป้าหมายของฉันคือโซฟาทว่าตอนนี้กลับไร้วี่แววของคนตัวสูงที่นอนอยู่ตรงนี้เมื่อคืน
มีเพียงผ้าห่มที่ถูกพับไว้อย่างดีกับกระดาษหนึ่งใบที่วางไว้
‘พี่กลับก่อนนะครับ
ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆ ที่เดียร์ทำให้พี่ - ลี้เทียน’
ริมฝีปากของฉันยกขึ้นทันทีเพียงแค่อ่านจดหมายฉบับนี้
“เดียร์
แม่กลับมาแล้ว” ประตูบ้านเปิดขึ้นพร้อมกับร่างบอบางที่สวมกางเกงเอวสูงสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีขาว
ใบหน้าสวยแม้ว่าอายุจะสามสิบเก้าปีแล้วก็ตามที แม่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่อายุได้สิบขวบ
เก้าปีที่เราสองคนแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันมันมีความสุขมากๆ
เพราะว่าฉันได้เห็นแม่ฉีกยิ้มให้ฉันได้กว้างกว่าตอนที่เราอยู่กันเป็นครอบครัวพ่อ
แม่ ลูก
“แม่กินอะไรมาหรือยัง
เดี๋ยวเดียร์ไปทำขนมปังให้นะ”
“ไม่ต้องๆ
แม่แวะกินน้ำเต้าหู้มาแล้ว เอาไปเทใส่แก้วกินซะ”
แม่วางเอกสารและกระเป๋าโน้ตบุ๊คไว้บนโต๊ะข้างทีวี
“ว่าแต่ทำไมผ้าห่มเดียร์ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?”
“เออ
พอดีเมื่อคืนเดียร์ดูหนังจนดึกน่ะค่ะ” แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
ถ้าเกิดบอกว่าคนที่ทำให้ฉันต้องเอาผ้าห่มมาให้นอนอยู่ที่นี่ทั้งคืนจะโดนแม่บ่นแค่ไหน
“ดอกลิลลี่?” แม่เห็นช่อดอกไม้ที่วางอยู่หน้าทีวีก็หยิบขึ้นไปดู
“ใครให้มา”
“ไม่รู้ค่ะ
เมื่อคืนมีใครไม่รู้มากดกริ่งหน้าบ้าน เดียร์ออกไปก็เห็นช่อดอกไม้กับขนม”
“...”
“ของโปรดเดียร์ด้วยนะคะ
แปลกมาก” สีหน้าของแม่ตกใจทันทีเมื่อได้มองช่อดอกไม้ในมือก่อนที่ท่านจะเดินสวนฉันไปด้านนอก
เห็นถึงการกระทำที่ค่อนข้างกังวลฉันก็ตามออกไปจึงได้เห็นว่าแม่ทิ้งช่อดอกไม้ลงถังขยะ
“แม่”
“ขนมอยู่ไหน?
เดียร์เอามาให้แม่เดี๋ยวนี้” แม่ตะคอกฉันเขย่าตัวจนท่านเดินผ่านฉันเข้าไปด้านใน
การกระทำของแม่ทำเอาฉันไปไม่เป็นเลย “ทำไม...”
“แม่”
ท่านทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพลางเอามือทั้งสองกุมศีรษะตัวเอง
ฉันจึงทิ้งตัวลงนั่งกอดไหล่ท่านไว้ลูบไปมาเพื่อให้ใจเย็นลงกว่านี้
“ผู้ชายคนนั้น”
“คะ?”
“กำลังกลับมา”
ดวงตาของฉันเบิกกว้างขึ้นกับสิ่งที่แม่พูด
ท่านเอาแต่ร้องไห้ออกมาจนฉันทำอะไรไม่ถูก... แม่เข้มแข็งมาตลอด
ทำไมกับของพวกนี้ถึงทำให้กลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ
น้องเกือบจับได้นะคะว่าผู้หญิงที่เห็นในมือถือของลี้เทียน
มาแล้วค่ะ แม่ของน้องดูลนลานและหวาดกลัวกับของสิ่งนั้น
ว่าแต่จะเป็นใครที่ส่งมา? ไรต์คิดว่านักอ่านเดาได้แน่ๆ ค่ะ
ค่อยๆ คลายเรื่อยๆ มารอติดตามกันเยอะๆ นะคะ
ฝากคอมเมนต์มารอกันค่ะ
กด FAV ติดตามไว้เลย รับประกันความสนุกที่กำลังจะเริ่ม!
ความคิดเห็น