ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CHEAT ON ME หลอกรัก

    ลำดับตอนที่ #10 : #เทียนเดียร์ :: CHAPTER 8 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 64




    = EP8 =
    :: ใครหวั่นไหวก่อน คนนั้นแพ้ ::

    ได้แต่มองคนตรงหน้าที่ฉีกยิ้มกว้างเพื่อให้ฉันตอบตกลงที่จะอนุญาตให้เขาเข้าไปในบ้านเนื่องจากเขาหิวข้าว

    “ร้านค้าน่าจะเปิดอยู่หน้าปากซอยบ้านฉัน คุณไปกินที่นั้นแล้วกัน”

    “...”

    “ขอตัวก่อนนะคะ”

    ฉันหมุนตัวเดินหนีเขาไปหากแต่ต้นแขนถูกเขาคว้าไว้ จำต้องหันไปหวังจะเอากระเป๋าสะพายฟาดเพราะฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวเองโดยเฉพาะกับผู้ชายที่ฉันเกลียดนักหนา

    หมับ

    “คุณลี้เทียน”

    “อยู่ๆ ก็มาไล่ ยังจะเอากระเป๋าฟาดอีก พี่ไม่ใช่กระสอบทรายนะ” เขาคว้าข้อมือฉันไว้และดึงเข้าหาตัวจนตอนนี้ฉันอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง ใบหน้าอยู่ตรงอกของเขาจำต้องเงยหน้าขึ้นไปสบตากับลี้เทียนที่ยิ้มมุมปาก

    “ไม่เหนื่อยหรือไง?”

    “ปล่อยค่ะ”

    “ไม่เหนื่อยหรือไงที่ไล่พี่แบบนี้” ฉันหยุดชะงักกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อเริ่มรู้สึกอย่างที่เขาว่าแล้วจริงๆ “เหนื่อยก็หยุดเหอะ พี่เห็นแล้วเหนื่อยแทน”

    ลี้เทียนคลายอ้อมแขนที่กอดจนฉันขยับตัวหนีเขาไปไกลพอดู ปัดไปตามตัวอย่างเคยชินไม่ได้นึกรังเกียจเขาสักนิดเพียงแต่มันคือความเคยชินต่างหากเวลาผู้ชายแตะเนื้อต้องตัว

    “พี่สงสัย ถ้าเดียร์ผลักไสผู้ชายทุกคน... แสดงว่าเดียร์ชอบผู้หญิงด้วยกันใช่ไหม?”

    “คุณจะคิดยังไงก็แล้วแต่เถอะค่ะ แต่ถ้าคุณคิดว่าฉันเล่นตัวก็ไปตามคนอื่นเพราะฉันไม่ได้ง่าย”

    “พี่เปล่าคิดแบบนั้นนะ ต่อให้เดียร์เล่นตัวมากกว่านี้ยังไงพี่ก็จะตามเดียร์อยู่ดี”

    เลิกคิ้วขึ้นพอได้มองเขาจริงๆ ทำไมถึงได้ดูแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นที่เข้าหาฉันพูดง่ายๆ เลยนะอาจจะค่อนข้างหน้าด้านถึงที่สุดไม่ลดละความพยายามเลยสักนิดทั้งที่ฉันผลักไสเขาอยู่ตลอด มาวันนี้อีกที่ช่วยฉันจากพวกของเสาทำไมนะ... มันเพราะอะไร? แต่ก็ขี้เกียจจะถาม

    “ว่าไงครับ ให้พี่เข้าไปกินข้าวด้วยได้หรือเปล่า”

    “ฉันว่าร้านหน้าปากซอยอร่อยกว่านะคะ”

    “เดียร์ทำอาหารไม่อร่อยเหรอครับ” กลืนน้ำลายลงคอลี้เทียนก็ยกมือมาลูบศีรษะจนฉันต้องปัดมือเขาออกไป “พี่จะลองกิน”

    “คะ?”

    “ทำมาเถอะ พี่กินได้หมดล่ะ”

    “...”

    “นะครับ” ทิ้งท้ายด้วยสีหน้าออดอ้อนจำต้องเบือนหน้าหนียกมือเกาศีรษะตัวเอง “เดียร์ครับ”

    “โอเคค่ะ”

    “ขอบคุณครับ”

    “แต่กินเสร็จเรียบร้อย ต้องรีบกลับเลยนะคะ”

    แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตกลงแต่ฉันก็เปิดประตูรั้วให้รถของเขาขับเข้าไปจอดในบ้าน เปิดไฟให้บ้านสว่างพร้อมกับเปิดแอร์เปิดพัดลม ลี้เทียนก็เดินไปนั่งที่โซฟาเอนหลังพร้อมกับถือวิสาสะเปิดทีวีดูโดยไม่ขอฉันสักคำ ฉันดึงเสื้อนักศึกษาออกจากกระโปรงพีชตัวยาวเลยเข่า ปล่อยผมก่อนจะรวบมัดเป็นมวยไว้ตรงกลางศีรษะเสร็จก็เตรียมจะเข้าครัว

    คนที่มาด้วยทำไมเงียบแบบนี้? คิดได้แบบนั้นจึงมองไปทางเขาก็เห็นว่าลี้เทียนมองฉันอยู่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

    “คุณ”

    “คะ ครับ!

    “เป็นอะไรหรือเปล่า?” ส่ายหน้าไปมาฉันก็เดินเข้าครัวไปด้วยความมึนงง ฉันก็เปิดตู้เย็นดูของสดก็ต้องขมวดคิ้วทันทีเพราะมีแค่เนื้อหมูนิดหน่อยกับผักเท่านั้น ไข่ก็เหลือแค่สองฟอง

    ลำพังฉันคนเดียวกินได้อยู่แล้ว แต่มีแขกไม่ได้รับเชิญมาด้วยแบบนี้ยิ่งคิดเมนูใหม่ได้ยากมากจึงหันไปหุงข้าวก่อนจะทอดไข่ดาวโป๊ะข้าวคนละจาน เนื้อหมูที่มีอยู่กับผักฉันก็เอาไปต้มจืดมองโต๊ะอาหารที่เตรียมไว้เรียบร้อย

    “คุณลี้เทียน” ฉันเดินไปตามเขาที่กำลังดูมือถืออยู่ พอฉันเรียกเขาก็รีบเก็บมือถือตัวเองเข้ากระเป๋ากางเกงทันที

    “ครับ”

    “ไม่รู้ว่าคุณจะกินได้ไหม แม่ไม่ได้ซื้อของสดมา”

    “ทำไมเหรอครับ” ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าครัวไปพอเขาเห็นอาหารบนโต๊ะก็ฉีกยิ้มกว้างทันที “ไม่เห็นจะเป็นไรเลยครับ พี่กินได้อยู่แล้ว”

    พอเห็นเขาตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยฉันก็ลอบมองเขาพร้อมกับยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวสักนิด

    “เดียร์ชอบแมวไหม”

    “แมวเหรอคะ?” ไม่เชิงว่าไม่ชอบนะ ฉันก็ชอบนิดหน่อยล่ะแต่ไม่อยากเลี้ยงเพราะว่ามีเหตุผลส่วนตัว

    “อืม พี่เลี้ยงอยู่ไว้ว่างๆ เดียร์ไปดูที่ห้องพี่นะ”

    “ไม่ว่างค่ะ”

    “รีบปฏิเสธพี่อีกละ” รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันเบ้ปากและกินข้าวโดยที่มีเขา... มานั่งกินเป็นเพื่อน “เดียร์”

    “คะ” เงยหน้าสบตากับเขาพร้อมกับเคี้ยวข้าวในปากไปด้วย

    “ถ้ามีเรื่องอะไรที่มหาลัย บอกพี่ทันทีเลยนะ” ก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่เขาต้องการฉันจะทำให้เขาได้หรือเปล่า แต่สีหน้าของเขามันจริงจังซะจนฉันไปไม่เป็นเลย “โทรหาพี่...”

    “โทร?”

    “ไม่มีเบอร์ งั้นพี่ขอเบอร์เราหน่อย” หยิบสมาร์ทโฟนรุ่นที่แพงและหรูหรายื่นมาตรงหน้า เมื่อฉันไม่รับเขาก็ขยับมือไปมาเพื่อให้ฉันใจอ่อน

    “ไม่ดีกว่าค่ะ”

    “แค่เบอร์เองนะครับ เดียร์อย่าปฏิเสธพี่เลยเวลาเดียร์มีเรื่องเดือดร้อนอะไรโทรหาพี่ พี่จะรีบมาทันที” ใจหนึ่งก็ปฏิเสธแต่อีกใจฉันก็อยากจะให้เบอร์ นี่ฉันเป็นบ้าอะไรเนี่ย!

    “ก็ได้ค่ะ”

    “เยส!” ทำหน้าดีใจเมื่อฉันยอมที่จะให้เบอร์เขา เมื่อกดเบอร์เรียบร้อยก็ส่งให้ลี้เทียนก็กดโทรออกเสียงมือถือของฉันก็ดังขึ้นเป็นระยะ “อย่าลืมพิมพ์ชื่อพี่ไว้ด้วยนะ”

    ออด ออด ออด~

    กริ่งหน้าบ้านดังขึ้นฉันที่คิดว่าเป็นแม่ก็รีบออกไปเปิดประตูรั้ว ทว่าถนนหน้าบ้านกลับว่างเปล่าแต่มีสิ่งหนึ่งที่ถูกวางไว้ สองมือหยิบช่อดอกไม้สีขาวหรือดอกลิลลี่กับถุงขนมเป็นคุกกี้อัลมอนต์และบราวนี่ซึ่งมันเป็น... ของโปรดของฉัน

    “ใครเอามาให้” มึนงงไม่น้อยฉันก็มองไปสองข้างทางก็เงียบสนิทไม่มีรถผ่านสักนิด ฉันก็หอบหิ้วช่อดอกไม้กับขนมเข้ามาในบ้านได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นที่ครัว “คุณทำอะไร?”

    “ล้างจานไงครับ” ร่างสูงที่ยืนล้างจานหันมายิ้มให้กับฉัน ฉับพลันแววตาคมก็มองมาที่มือของฉันกำลังโอบของที่วางไว้หน้าบ้าน “ใครให้มา?”

    น้ำเสียงของเขาต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ ฉันก้มมองของในมือพลางส่ายหน้าไปมา “ไม่รู้ค่ะ เอามาวางไว้ที่หน้าบ้าน”

    หมับ

    “ขอดูหน่อยสิ” คว้าช่อดอกไม้และถุงขนมไปจากมือก่อนจะเดินไปยังโซฟาหน้าทีวี “ผู้ชายส่งให้แน่”

    “รู้ได้ไงคะ?”

    “เดียร์ชอบดอกลิลลี่”

    “เปล่าค่ะ”

    “อ้าว” ใบหน้าหล่อเหลาเหวอไปทันทีพลางก้มดูถุงกระดาษที่มีขนมอยู่ด้วย “งั้นขนม...”

    “ค่ะ ของโปรดฉันเอง” ลี้เทียนขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

    “แล้วเคยบอกใครเรื่องพวกนี้บ้างไหม?”

    “ไม่เคยค่ะ ถึงได้สงสัย”

    เอาจริงนะ ฉันไม่เคยบอกเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังเลยแม้แต่คนเดียว ผู้ชายที่เข้าหาถามกับฉันเรื่องส่วนตัวเยอะมาก แต่สิ่งที่ฉันทำได้คือการปฏิเสธจะพูดเรื่องของตัวเองออกไปเพราะฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยสักนิด... ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องของใคร ฉะนั้นคนอื่นก็ไม่ควรยุ่ง บางทีฉันอาจจะเป็นคนที่ค่อนข้างโลกส่วนตัวสูงก็ได้แม่เคยบอกฉันเหมือนกัน

    ฉันไม่คบใครเป็นเพื่อนเพราะไม่มีใครต้องการรู้จักกับฉัน ดังนั้นจึงไร้เพื่อนและอยู่คนเดียวมาตลอด

    ผู้ชายที่เข้าหาก็นั่นแหละเป็นคนในมหาลัยที่รู้ข่าวลือของฉัน... ส่วนคนที่กำลังหยิบขนมออกมาดูเขาไม่ได้รู้และเพิ่งรู้ด้วยซ้ำว่าฉันโดนกับอะไรมาบ้าง

    “ทำอะไรคะ?” ลี้เทียนเงยหน้าก่อนจะแกะถุงขนมคุกกี้กับห่อบราวนี่หยิบอย่างละชิ้นชูให้ฉันดู

    “กินไงครับ”

    “...”

    “เผื่อว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล พี่จะได้โดนก่อนที่เดียร์จะกินมันเข้าไป”

    ส่ายหน้าให้กับความบ้าบอของเขาฉันก็เดินเข้าครัวไปอีกครั้งพร้อมกับน้ำผลไม้หนึ่งแก้ววางให้เขาบนโต๊ะกระจกตรงหน้าเราสองคน ทิ้งตัวลงข้างเขาที่เคี้ยวขนมอย่างอร่อย

    “เป็นไงคะ มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า?”

    “ไม่มีเลยครับ มีแต่คำว่าอร่อย”

    “อย่ากินของฉันหมดนะคะ” ตอบกลับพลางมองลงที่ถุงก็พบว่ามันเหลือไม่กี่ชิ้นแล้ว อดยากมาจากไหนเนี่ย!

    “หมดพี่ซื้อให้ใหม่”

    “ไม่ต้องเลยค่ะ”

    “ทีนี้พี่ก็รู้แล้วว่าเดียร์ชอบกินอะไร” มองสบตาฉันที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็เลือกที่จะหยิบขนมมากินสายตาก็จับจ้องมองทีวีที่กำลังฉายรายการการใช้ชีวิตในป่าอยู่พอรู้ถึงว่ามีคนมองฉันก็หันกลับไปลี้เทียนก็มองอยู่

    “มองฉันทำไมคะ”

    “มองไม่ได้เหรอ”

    “ได้ค่ะ แต่มองแบบนี้ฉันก็กลัวนะคะ ยังกับโรคจิต”

    “หึ” หัวเราะออกมาจนฉันทำหน้าบูด มองนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงฝาผนังก็พบว่าเวลาล่วงเลยมาถึงห้าทุ่มแล้ว

    “กลับได้แล้วนะคะ ดึกแล้ว” ยันไหล่หนาเพื่อให้เขากลับไปได้แล้ว “มีนัดไม่ใช่เหรอ?”

    “มีนัด ใครบอกเดียร์”

    “ก็ฉันเห็นคุณแชทคุยกับใครไม่รู้ อาจจะเพื่อนก็ได้นี่ไม่ไปเหรอคะ” พอฉันบอกแบบนี้ใบหน้าหล่อเหลาก็นิ่งไปทันที แต่ว่ารอยยิ้มของเขาที่ผุดขึ้นมานิดหน่อยก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง... อีกแล้ว

    “ไม่สำคัญหรอกครับ”

    ลี้เทียนแนบฝ่ามืออุ่นร้อนมาที่แก้มของฉัน สัมผัสนี้ทำให้ฉันไปไม่เป็นเลยเหมือนกับตกอยู่ในห้วงของเขาโดยหาทางหนีไม่ได้ ใบหน้าหล่อขยับเข้ามาใกล้ฉันรับรู้ถึงลมหายใจที่มีกลิ่นบุหรี่ออกมาจากจมูกโด่งของเขา สายตาของฉันจับจ้องมือริมฝีปากอวบอิ่มของเขาที่ค่อยๆ ขยับเข้ามาหวังพิชิตริมฝีปากของฉัน

    “ฉันต้องไปซักผ้า” ลุกขึ้นทันทีจนร่างสูงก้มลงจูบกับหมอนอิง ลี้เทียนเงยหน้ามองฉันที่ทำอะไรไม่ถูกยกมือเกาศีรษะตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงพลางยกมือทาบตรงตำแหน่งหัวใจ

    เมื่อกี้เขาจะจูบฉันใช่ไหม? เขาจะจูบฉัน บ้าจริง!

    ระหว่างที่อยู่ในห้องของตัวเองฉันก็เก็บเสื้อผ้าใส่ตะกร้าและเดินตรงไปที่ห้องของแม่เพื่อเอาเสื้อผ้าแม่ไปซักด้วย ก่อนจะได้เดินไปยังด้านหลังของบ้านฉันก็ต้องเอี้ยวใบหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

    ลี้เทียนหลับ... นี่เขาหลับอีกแล้วเหรอ? อดหลับอดนอนอะไรกัน

    หลังจากเอาผ้าใส่ถังซักฉันก็เดินเข้าห้องหยิบผ้าห่มของตัวเองออกมา ร่างสูงที่นอนบนโซฟาจนขาล้นออกมานิดหน่อยทำให้ฉันยิ้มขำนี่โซฟาบ้านฉันเล็กไปหรือเขาตัวสูงกันแน่นะ ผ้าห่มสีเขียวเข้มถูกคลุมบนร่างสูงที่เอามือทั้งสองหนุนแทนหมอน คิดได้ดังนั้นฉันจึงหยิบหมอนอิงมาถือไว้คุกเข่าข้างเขาสอดแขนเข้าใต้ท้ายทอยของเขาสักพักลี้เทียนก็ได้หนุนหมอน เขาขยับตัวไปมาจนฉันต้องรีบก้มลงกลัวว่าเขาจะเห็นว่าใส่ใจเขามากขนาดนี้

    Rrr

    สมาร์ทโฟนของลี้เทียนที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกขนาดเล็กที่อยู่ตรงหน้าโซฟาสั่นดัง ฉันเงยหน้ามองก็พบว่าเขาได้หันหน้าเข้าพนักโซฟา มือขวาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูหน้าจอที่สว่างวาบคิ้วเรียวขมวดทันทีด้วยความสงสัย

    “บีบีเหรอ?” เลิกคิ้วขึ้นเมื่อปลายสายขึ้นชื่อว่าบีบี “ใครกัน”

    แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่น่า จะยุ่งทำไมกัน...

     

    เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเองโดยไม่ได้สนใจคนที่นอนอยู่ข้างนอกเลยสักนิด เพราะว่ามีเรียนแค่วิชาเดียวในช่วงสิบโมงตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า จึงพาตัวเองเข้าห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็มัดผมอยู่ที่หน้ากระจก

    “เดี๋ยวนะ ถ้าแม่กลับมา...” เบิกตากว้างก่อนจะเปิดประตูออกไปเป้าหมายของฉันคือโซฟาทว่าตอนนี้กลับไร้วี่แววของคนตัวสูงที่นอนอยู่ตรงนี้เมื่อคืน มีเพียงผ้าห่มที่ถูกพับไว้อย่างดีกับกระดาษหนึ่งใบที่วางไว้

    พี่กลับก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆ ที่เดียร์ทำให้พี่ - ลี้เทียน

    ริมฝีปากของฉันยกขึ้นทันทีเพียงแค่อ่านจดหมายฉบับนี้

    “เดียร์ แม่กลับมาแล้ว” ประตูบ้านเปิดขึ้นพร้อมกับร่างบอบางที่สวมกางเกงเอวสูงสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีขาว ใบหน้าสวยแม้ว่าอายุจะสามสิบเก้าปีแล้วก็ตามที แม่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่อายุได้สิบขวบ เก้าปีที่เราสองคนแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันมันมีความสุขมากๆ

    เพราะว่าฉันได้เห็นแม่ฉีกยิ้มให้ฉันได้กว้างกว่าตอนที่เราอยู่กันเป็นครอบครัวพ่อ แม่ ลูก

    “แม่กินอะไรมาหรือยัง เดี๋ยวเดียร์ไปทำขนมปังให้นะ”

    “ไม่ต้องๆ แม่แวะกินน้ำเต้าหู้มาแล้ว เอาไปเทใส่แก้วกินซะ” แม่วางเอกสารและกระเป๋าโน้ตบุ๊คไว้บนโต๊ะข้างทีวี “ว่าแต่ทำไมผ้าห่มเดียร์ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?”

    “เออ พอดีเมื่อคืนเดียร์ดูหนังจนดึกน่ะค่ะ” แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ ถ้าเกิดบอกว่าคนที่ทำให้ฉันต้องเอาผ้าห่มมาให้นอนอยู่ที่นี่ทั้งคืนจะโดนแม่บ่นแค่ไหน

    “ดอกลิลลี่?” แม่เห็นช่อดอกไม้ที่วางอยู่หน้าทีวีก็หยิบขึ้นไปดู “ใครให้มา”

    “ไม่รู้ค่ะ เมื่อคืนมีใครไม่รู้มากดกริ่งหน้าบ้าน เดียร์ออกไปก็เห็นช่อดอกไม้กับขนม”

    “...”

    “ของโปรดเดียร์ด้วยนะคะ แปลกมาก” สีหน้าของแม่ตกใจทันทีเมื่อได้มองช่อดอกไม้ในมือก่อนที่ท่านจะเดินสวนฉันไปด้านนอก เห็นถึงการกระทำที่ค่อนข้างกังวลฉันก็ตามออกไปจึงได้เห็นว่าแม่ทิ้งช่อดอกไม้ลงถังขยะ “แม่”

    “ขนมอยู่ไหน? เดียร์เอามาให้แม่เดี๋ยวนี้” แม่ตะคอกฉันเขย่าตัวจนท่านเดินผ่านฉันเข้าไปด้านใน การกระทำของแม่ทำเอาฉันไปไม่เป็นเลย “ทำไม...”

    “แม่” ท่านทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพลางเอามือทั้งสองกุมศีรษะตัวเอง ฉันจึงทิ้งตัวลงนั่งกอดไหล่ท่านไว้ลูบไปมาเพื่อให้ใจเย็นลงกว่านี้

    “ผู้ชายคนนั้น”

    “คะ?”

    “กำลังกลับมา”

    ดวงตาของฉันเบิกกว้างขึ้นกับสิ่งที่แม่พูด ท่านเอาแต่ร้องไห้ออกมาจนฉันทำอะไรไม่ถูก... แม่เข้มแข็งมาตลอด ทำไมกับของพวกนี้ถึงทำให้กลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ


    น้องเกือบจับได้นะคะว่าผู้หญิงที่เห็นในมือถือของลี้เทียน

    มาแล้วค่ะ แม่ของน้องดูลนลานและหวาดกลัวกับของสิ่งนั้น

    ว่าแต่จะเป็นใครที่ส่งมา? ไรต์คิดว่านักอ่านเดาได้แน่ๆ ค่ะ

    ค่อยๆ คลายเรื่อยๆ มารอติดตามกันเยอะๆ นะคะ 


    ฝากคอมเมนต์มารอกันค่ะ

    กด FAV ติดตามไว้เลย รับประกันความสนุกที่กำลังจะเริ่ม!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×