คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : #เทียนเดียร์ :: CHAPTER 4 [100%]
“อุ๊ย
ขอโทษนะเดียร์ พอดีฉันตกใจแมลงน่ะเลยเผลอ... ถีบเธอตกบันได”
หันไปมองคนที่พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เยาะเย้ย
แยมเป็นอีกคนที่เกลียดฉันเข้าไส้อีกหนึ่งคือเธอเป็นคนปล่อยข่าวเสียๆ หายๆ ฉันด้วย
ก็ไม่รู้นะว่าไปทำอะไรให้หล่อนเกลียดขนาดนี้
ทั้งที่ฉันก็อยู่คนฉันดีๆ ไม่เคยระรานใคร
“แยมไม่ได้ตั้งใจน่ะเดียร์
อย่าโกรธเลยนะ” เพื่อนของเธออีกสองคนเบ้ปากและหัวเราะใส่
ฉันก็ได้แต่นั่งฟุบอยู่แบบนั้นคงเป็นเพราะว่าข้อเท้าแน่ๆ ทำให้ขยับไม่ได้เลย
คนที่ผ่านไปมาก็มองฉันโดยไม่ยื่นมือมาช่วยกันแต่ก็ช่างเถอะ
ไม่ได้จะขอร้องให้ใครช่วยสักหน่อย
“ไม่โกรธหรอก”
ฉันยิ้มให้กับพวกหล่อน “คิดซะว่าหมาวิ่งชนก็แล้วกัน”
“อะ อีเดียร์!”
“น้องเดียร์”
ก่อนที่พวกหล่อนจะเข้ามาจู่โจมฉันก็มีเสียงสวรรค์พร้อมกับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ
ฉัน ทำให้ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย
“คุณ...”
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับ”
ลี้เทียนกวาดสายตามองฉันด้วยความห่วงใย
กระทั่งสายตาของเขามองมาที่ข้อศอกของฉันจับดูจนฉันดึงดันจะชักแขนตัวเองออกจากการกอบกุมแต่ลี้เทียนก็ไม่ยอม
“เดียร์เขาตกบันไดน่ะค่ะพี่
พวกแยมกำลังจะช่วยพอดี”
“เหรอครับ?”
ฉันมองใบหน้าหล่อเหลาด้านข้างจึงได้เห็นว่าแววตาและสีหน้าของเขามันช่างแตกต่างจากที่เจอฉันเลย
เดาใจเขาไม่ออกด้วยซ้ำว่าตอนนี้กำลังคิดหรือรู้สึกอะไร “ที่ผมเห็นมันไม่ใช่นะครับ”
“อะไรคะพี่
อย่ามองพวกแยมแบบนี้สิ” พวกของแยมปรับสีหน้าตัวเองทันทีคงจะเพราะว่าลี้เทียนแน่ๆ
ผู้ชายหล่อขนาดนี้พวกหล่อนจะปลื้มจะแอ๊บก็ไม่แปลกหรอก
“ลุกไหวหรือเปล่าครับ?”
ไม่ได้สนใจพวกหล่อนเลยสักนิดลี้เทียนก็สบตากับฉันและแน่นอนว่ามันใกล้จนทั้งฉันและเขาเงียบใส่กันทันที
รู้สึกตัวอีกทีฉันก็หลบสายตาเขาพลางลุกขึ้นยืน
“โอ๊ย...”
วางมือที่ไปข้อเท้าของตัวเองทันที ทำไมมันเจ็บหนึบแบบนี้นะ
“ข้อเท้าพลิกแน่”
“พี่คะ
ชื่อแยมนะคะพี่ชื่อ...”
“รำคาญ”
ทั้งฉันและแยมถึงกับอึ้งไปทันที “ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้อยากแนะนำตัวให้ใครรู้จัก”
“...”
“เพราะผมไม่ได้อยากรู้จักกับคุณ”
แยมถึงกับหน้าแตกหมอไม่รับเย็บทันที พลางเดินสะบัดหน้าไปพร้อมกับเพื่อนของเธอ
ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองสบตากับลี้เทียนที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“เดียร์ลุกไม่ไหว”
“ไม่เป็นไรค่ะ
ฉันจะพยายาม”
ยันตัวลุกขึ้นแต่ไม่ทันได้ลุกขึ้นดีด้วยซ้ำร่างของฉันก็ลอยทันทีเมื่อลี้เทียนอุ้มฉันไว้ในท่าเจ้าหญิงจนทำให้คนผ่านไปผ่านมามองเราสองคนอย่างมึนงง
“ปะ ปล่อยนะคะ!”
“เดียร์ลุกไม่ไหวพี่จะพาไปทำแผลด้วย”
“ไม่
ปล่อยฉันลงนะ”
“อย่าดื้อ”
“คุณพูดไม่รู้เรื่อง”
“ตรงไหน?
พี่พูดรู้เรื่อง มีแต่เดียร์เนี่ยล่ะฟังไม่รู้เรื่อง” ฉันกอดลำคอแกร่งไว้แน่นเพราะกลัวว่าตัวเองจะตกเนื่องจากเขารับน้ำหนักฉันไม่ได้
แต่เขาก็อุ้มฉันตัวลอยแถมยังอุ้มเหมือนไม่หนักด้วยซ้ำ
กระทั่งเขาย่อตัวเปิดประตูรถสุดหรูของเขาและพาฉันไปนั่งลอบมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยให้
ก่อนที่เขาจะหันมามองฉันแบบใกล้ชิดชนิดที่ว่าลมหายใจอุ่นร้อนมีกลิ่นบุหรี่เข้มจนฉันยกมือปิดจมูกตัวเอง
“ปากพี่ไม่ได้เหม็นนะ”
“เหม็นบุหรี่ค่ะ”
“หึ
พี่ไปเก็บของให้เราก่อน” พูดจบก็เดินไปเก็บของให้ฉันเมื่อเรียบร้อยก็วางถุงผ้ากับหนังสือวางไว้บนตักของฉัน
จากนั้นลี้เทียนก็ขับรถออกจากมหาลัย ฉันกำลังจะบอกให้เขาพาไปส่งที่บ้านเป็นอันเงียบปากสนิทเมื่อลี้เทียนจอดรถที่หน้าร้านขายยาแห่งหนึ่ง
“พี่ไปซื้อยาให้”
“เอาเงินฉันไปค่ะ”
“ไม่ต้อง”
กำลังจะหยิบเงินส่งให้เขาลี้เทียนก็เดินตรงเข้าไปในร้านยา
ทำให้ฉันเห็นแผ่นหลังกว้างเขาเป็นผู้ชายที่สูงแต่หุ่นดีมากๆ กล้ามเป็นมัด
หน้าก็หล่อคมรอยยิ้มก็สดใส...
“บ้าจริงเดียร์! คิดบ้าอะไรเนี่ย” พอรู้ว่าตัวเองเผลอชมเขาฉันก็ยกมือตบที่แก้มตัวเองเบาๆ
ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเพื่อสลัดความคิดเมื่อกี้ไปให้หมด
ประตูด้านข้างเปิดขึ้นพร้อมกับเขาที่นั่งประจำที่วางถุงยาไว้ด้านข้างหันมามองฉันพร้อมรอยยิ้ม
“ทำไมทำหน้าว้าวุ่นแบบนั้นล่ะ”
ไม่ว่าเปล่าก็ยื่นมือมาหวังจะจับแก้มแต่ฉันก็หันหน้าหนีเขาทันที
“ไปส่งฉันที่บ้าน”
“ครับ
แต่ว่าบ้านเดียร์อยู่ไหน?” ถอนหายใจก่อนจะบอกเส้นทางให้เขาได้ไปส่งที่บ้าน
แม้ว่าไม่อยากจะให้เขารู้ก็ตาม
ไม่ช้ารถหรูก็มาจอดที่หน้าบ้านของฉัน
แม่คงจะมาแล้วแน่ๆ
รถจอดอยู่ฉันจึงเปิดประตูรถออกพลันก้าวเท้าลงบนพื้นแต่ลี้เทียนก็นั่งย่อตรงหน้าจนฉันตกใจ
“ทะ ทำอะไรคะ?”
ลี้เทียนไม่พูดอะไรเขาก็คว้าข้อเท้าด้านขวาของฉันไปวางที่หน้าตักที่ชันขึ้นมาข้างหนึ่งก่อนจะถอดรองเท้าผ้าใบของฉันออกพร้อมกับถุงเท้า
“ปล่อย”
“เฉยๆ” เขาดุฉันเสียงแข็งจากนั้นก็มองข้อเท้าของฉันที่บวมเป็นลูกมะนาวเขียวช้ำ
เขาก็หยิบหลอดยาทามาลูบไล้อย่างเบามือจนฉันชักข้อเท้ากลับ “เดียร์”
กลืนน้ำลายลงคอเมื่อเขาเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงแข็งๆ
ราวกับว่าฉันดื้อที่จะไม่ยอมให้เขาทายาให้
ความเงียบเข้ามาปกคลุมเราสองคนอีกครั้งฉันก็มองผ้าพันข้อเท้าที่พันอย่างสวยงาม
ไม่ได้อยากให้เขาทำแต่ฉันก็ต้องขอบคุณเขาฉันก็ปากหนักเกินกว่าจะพูดคำนั้นออกไปไง
ลี้เทียนยิ้มพลางหยิบเบตาดีนเทใส่บนสำลีสี่เหลี่ยมก็ลุกขึ้นยืนโค้งตัวมาคว้าท่อนแขนของฉันที่เป็นรอยถลอกพลางเช็ดไปมาจนฉันแสบนิดหน่อย
“ทนหน่อยครับ”
น้ำเสียงอบอุ่นและความใจดีของเขาทำให้ฉันเผลอลอบมองหน้าเขาอีกครั้ง ก็มัน...
เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผู้ชายเข้าหาฉันทำอะไรแบบนี้
ส่วนใหญ่จะเข้าหาเพราะต้องการมีเซ็กซ์ด้วยตามข่าวลือที่แยมปล่อย
ทว่าผู้ชายคนนี้กลับไม่ได้รู้อะไรแบบนั้น
แต่เขาเลือกที่จะทำดีกับฉันทั้งที่ฉันผลักไสเขามาตลอด
แต่...
อย่าคิดว่าเขาทำให้ฉันแค่นี้แล้วฉันจะใจอ่อน ฝันไปเถอะ!
“เดียร์” สติของฉันกลับมาอีกครั้งเมื่อแม่เดินออกมาพร้อมกับชุดผ้ากันเปื้อนไว้ทำอาหาร
มองฉันกับลี้เทียนสลับกันไปมา
“สวัสดีครับคุณแม่
แม่ของเดียร์ถูกต้องไหมครับ?”
“ใช่จ้ะ
เธอคือ...”
“ผมลี้เทียนครับ”
แม่หันมามองฉันก่อนจะอมยิ้มและพอเห็นว่าฉันเจ็บตัวแม่ก็รีบพุ่งตรงมาหาฉันทันที
“เป็นอะไร
ทำไมพันผ้าแบบนี้”
“คือเดียร์...”
จะให้บอกยังไงดีล่ะว่าที่เป็นแบบนี้เพราะว่าโดนเพื่อนรุ่นเดียวคณะเดียวกันแกล้ง
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ
พอดีผมไปหาเพื่อนที่มหาลัยแล้วเจอเดียร์ก็เลยแกล้งให้ตกใจ
เดียร์ก็เลยเจ็บตัวแบบนี้”
อะไรของเขาเนี่ย! พูดบ้าอะไรออกไปรู้ตัวบ้างไหม
“ปกติเดียร์ไม่ค่อยเป็นคนขี้ตกใจสักเท่าไหร่”
“ผมผิดเองครับ”
ยกมือไหว้แม่ฉันอีกครั้ง ซึ่งแม่ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ
แล้วลุกไหวไหมลูก ดีนะที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพอดี”
“เดียร์ไหว”
วางมือไปยังขอบรถของลี้เทียนจากนั้นก็พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินด้วยซ้ำ
ฉันก็เซล้มไปด้านหน้าแต่ทว่า...
อ้อมแขนแกร่งก็คว้าเอวฉันไว้ซะก่อนทำให้ฉันตกใจพยายามดันตัวหนีการแตะเนื้อตัวของเขา
ลี้เทียนก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเอวฉัน
“ดื้อ”
“นี่คุณ!”
แม่ของฉันขมวดคิ้วทันทีก่อนจะพยักหน้ารับอนุญาตลี้เทียน
ฉันที่กำลังมึนงงอยู่ก็ตกใจที่เขาช้อนร่างของฉันขึ้นอีกครั้งจำต้องกอดลำคอแกร่งไว้มองเขาด้วยสีหน้าโกรธเคือง
“ปล่อยนะคะ”
“ไว้เดินได้แล้วค่อยมาต่อว่าพี่”
ฉันถอนหายใจก่อนจะมองร่างสูงที่เดินอุ้มฉันเข้าไปในบ้านก่อนจะวางฉันลงบนโซฟา
“ขอบใจเธอมากนะลี้เทียน”
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่
ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวสิจ้ะ”
แม่เรียกรั้งร่างสูงไว้จนเขาหันมามองด้วยสีหน้ามึนงง แม่เรียกเขาไว้แบบนี้คงไม่ได้...
“อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ
แม่ยังไม่ได้ขอบคุณลี้เทียนที่ช่วยเดียร์ไว้ตอนนั้นและตอนนี้เลย”
“จะดีเหรอครับ?
เดียร์คงไม่อยากให้ผมวุ่นวาย”
“แค่ทานข้าวด้วยกันเอง
ไม่วุ่นวายหรอก”
ลี้เทียนโค้งศีรษะให้แม่ฉันก่อนท่านจะเดินเข้าครัวไปทำอาหาร
ลี้เทียนก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ บ้านเขาก็มองฉันอีกครั้ง
“มองอะไรคะ?”
“มองไม่ได้เหรอครับ”
“คุณน่าจะปฏิเสธแม่ไปนะคะ
ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ได้อยากให้คุณเข้ามายุ่งวุ่นวาย”
“พอดีว่าพี่ปฏิเสธผู้ใหญ่ไม่เป็นน่ะครับ”
รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันหันหน้าหนีมาดูข้อเท้าตัวเอง “อีกอย่างพี่ช่วยเราขนาดนี้
คำขอบคุณสักคำก็ไม่มี”
“ฉันไม่ได้ต้องการให้คุณช่วยสักหน่อย”
พูดแค่นั้นฉันก็ค่อยๆ
ยันตัวเองลุกขึ้นแต่ก็นะข้อเท้าพลิกแบบนี้เดินได้ก็จริงแต่ก็เดินได้ไม่เต็มที่นัก
“จะไปไหนครับ?”
“เข้าห้องค่ะ” ตอบกลับเขาก็พาตัวเองเดินไปเรื่อยๆ
เกาะตามกำแพงเอา ทว่าเงาที่อยู่ด้านหลังก็ทำให้ฉันหันไปมองด้วยความไม่พอใจ
“ตามมาทำไมคะ”
“พี่แค่กลัวว่าเดียร์จะล้ม”
“ไม่ต้อง
ไปนั่งรอตามเดิมเลย” ยันท่อนแขนแกร่งไปแต่ด้วยเพราะว่าเขาสูงใหญ่ แรงที่ดันไปของฉันจึงลงอยู่การดันซึ่งเขาก็ยืนนิ่งจนเป็นฉันเองที่เซเข้าแผงอกแกร่งจนได้กลิ่นหอมๆ
จากตัวของเขา
“เจ็บไหมเนี่ย?”
แม้จะถามด้วยความห่วงใยแต่เสียงหัวเราะนี่มันอะไรกัน มองเขาตาขว้างลี้เทียนก็เอาแต่หัวเราะออกมา
“พี่ขอโทษครับ”
ฉันเดินหนีเขาเข้าห้องก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง
รู้สึกหงุดหงิดจริงๆ กับการมีเขาอยู่ในบ้านแบบนี้
ฉันไม่ชอบให้ใครเข้ามาในบ้านโดยเฉพาะผู้ชายแล้วเขา... เฮ้อ
ทำไมเรื่องระหว่างเรามันต้องบังเอิญขนาดนี้ด้วยนะ
วันนี้บนโต๊ะอาหารมีแขกไม่ได้รับเชิญมาหนึ่งคน
ซึ่งคนตรงหน้าฉันกำลังพูดคุยกับแม่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสนุกยกเว้นฉันคนเดียวที่นั่งนิ่งกินข้าวอย่างเงียบๆ
“เดียร์
ไม่คุยอะไรกับพี่เขาหน่อยเหรอลูก”
“ไม่ค่ะ”
สบตากับคนตรงหน้าที่หุบยิ้มทันที “เดียร์ไม่ได้อยากจะคุยกับเขา”
“เดียร์
เสียมารยาทมากเลยนะ”
“กินเสร็จก็กลับไปได้แล้วค่ะ”
เพยิดหน้าไปทางประตูลี้เทียนก็ได้แต่ยิ้มให้กับแม่ของฉันที่ตีมือของฉันอย่างแรง
“แม่”
“จะเสียมารยาทเกินไปแล้วนะเดียร์”
“...”
“ตอนเจอคนที่ลวนลามถ้าไม่ได้ลี้เทียนไปช่วยเราจะเป็นยังไง
แล้วที่เจ็บตัวก็เพราะเขา เขาก็อาสามาช่วย” ถอนหายใจออกมาจนแม่ดุฉันซึ่งแม่ไม่เคยดุฉันเลยนะ
“ผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทุกคนนะเดียร์”
“เออ
ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่านะครับ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับอร่อยมากเลย”
ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะยกมือไหว้แม่ฉัน
เขาก็เดินออกจากบ้านไปฉันก็วางช้อนลงบนจานจนแม่มองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“อย่างน้อยก็น่าจะขอบคุณเขานะเดียร์”
“...”
“แม่ไม่เคยสอนให้เดียร์ลืมขอบคุณคนที่เขาช่วยเราไว้นะ”
พูดแค่นั้นก็ลุกขึ้นเก็บจานไปล้าง
ทิ้งฉันไว้กับความรู้สึกผิดที่ว่าทำกับเขาเกินไปไหม
พอคิดได้แบบนั้นฉันก็พาตัวเองออกจากบ้านไปก็เห็นว่าเขายังเดินไปไม่ถึงรถของตัวเอง
“คุณลี้เทียน!” ร่างสูงหยุดเดินก่อนจะหันมามองฉันที่ค่อยๆ ลากเท้าตัวเองเดินไปหาเขา
แต่ร่างสูงก็รีบวิ่งมาหาฉันพร้อมกับมือที่จับมือฉันไว้
“มีอะไร
ทำไมต้องเดินออกมาด้วยครับ” ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดทันที
มองสบตากับฉันที่ไม่คิดจะพูดอะไรออกไปเขาเองก็ไม่ได้คิดจะถามเพื่อรอให้ฉันพูดออกมาเอง
“ขอบคุณนะคะ”
“...”
“ฉันแค่ไม่อยากให้ใครมายุ่งวุ่นวายในชีวิต
ฉันอยากให้คุณเข้าใจแล้ว... ถอยไปซะ” ให้มันจบตรงนี้ล่ะ
“แล้วถ้าพี่ไม่ถอยล่ะ”
“ทำไมคุณถึงได้ดื้อขนาดนี้คะ”
ลี้เทียนไม่พูดอะไรเขากลับยื่นมือมาตรงหน้าฉันจำต้องเอี้ยวตัวหลบหลีก ทว่าเป้าหมายของเขาคือบนศีรษะของฉันพร้อมกับมีอะไรบางอย่างติดมือมาด้วยคือใบไม้ที่ปลิวมาจากไหนก็ไม่รู้
ฉันเอามือลูบศีรษะตัวเองสบตากับเขา “เลิกพยายามเถอะค่ะ”
“พี่ไม่ถอยแล้วก็ไม่เลิกพยายาม”
“คุณ...”
“เดียร์จะไม่ให้พี่รู้จักกับเดียร์ก็ไม่เป็นไร
แต่พี่จะอยากรู้จักกับเดียร์มันก็สิทธิ์ของพี่”
เป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ที่พยายามเข้าหาฉันมากขนาดนี้
เพราะใครที่โดนฉันปฏิเสธไปจะยอมแพ้กันหมดไม่เว้นแม้แต่เสาที่ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาเลย
“ถ้าคุณเข้ามาเพื่อหวังอะไรบางอย่างในตัวฉัน
คุณคิดผิด”
“พี่ไม่ได้หวัง”
ลี้เทียนตอบพลางยกยิ้ม
“พี่หวังแค่ว่าเดียร์จะให้พี่รู้จักกับเดียร์มากขึ้นก็แค่นั้น”
“...”
“เข้าบ้านได้แล้ว
มั่นทายาที่ข้อเท้าบ่อยๆ จะได้หายเร็วๆ”
ฝ่ามืออุ่นร้อนวางทาบทับบนศีรษะของฉันทำให้ต้องโยกตัวหนีฝ่ามือของเขาจนลี้เทียนหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไรคะ”
“หัวเราะคนน่ารัก”
ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนฉันต้องขยับถอยห่าง “ฝันดีนะครับ”
พูดจบเขาก็เดินออกไปพร้อมกับรถหรูราคาแพงที่ขับออกไปจากตรงนี้
สิ่งเดียวที่ยังทำให้ฉันยืนอยู่ตรงนี้คือเอามือวางที่ศีรษะของตัวเองเพราะสัมผัสกับมือที่อุ่นร้อนของเขา
ไหนจะคำพูดที่เปล่งออกมาอีก
“เดียร์
หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
อย่าใจอ่อนนะ
ผู้ชายอย่างเขาก็คงจะอ่อยผู้หญิงคนอื่นแบบนี้เหมือนกันล่ะ
ความคิดเห็น