คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : #เทียนเดียร์ :: CHAPTER 2 [100%]
‘ลี้เทียน’
ฉันยืนมองหม้อต้มจืดพลางครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อตอนเย็น
ไม่คิดไม่ฝันว่าการเดินเข้ามาในซอยบ้านตัวเองจะได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ
ฉันเข้าออกซอยบ้านมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยเจอคนที่มาลวนลามแบบนี้เลยกระทั่งเจอเข้ากับตัว
แม่เคยบอกฉันเสมอให้ระวังตัวไว้บ้าง หากแต่ตัวฉันเองล่ะที่ไม่ใส่ใจรอบข้าง
จนถูกมองว่าหยิ่งจองหอง ไม่เข้ากับใครไม่ใช่เพราะหยิ่ง
แต่ฉันแค่ไม่ชอบสุงสิงกับคนมากเท่าไหร่ อาจจะเพราะฉันเป็นคนที่ขี้อายด้วยล่ะมั้ง
ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้กับแม่เพียงแค่สองคนเท่านั้น
บ้านของเราไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรมาก แต่ก็พอมีกินมีใช้ ฉันเรียนอยู่มหาลัยปี 1
คณะอักษรศาสตร์ อายุสิบเก้าปี
ฉันสอบเข้ามหาลัยเอกชนด้วยคะแนนสอบที่อยู่อันดับสูงและสอบชิงทุนในการเรียนด้วยทำให้ไม่ลำบากแม่เท่าไหร่
“เดียร์
ลูกโอเคใช่ไหมลูก?”
“ค่ะแม่
เดียร์ไม่เป็นอะไร”
“คนสมัยนี้ไม่น่าไว้ใจ
แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ลูกระวังตัว” แม่เดินมาผัดอาหารในกระทะ
โดยต่อว่าฉันนิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แต่ก็ดีที่อย่างน้อยได้เห็นว่ามีคนดีๆ
อยู่บนโลกใบนี้ ผู้ชายที่เห็นผู้หญิงถูกรังแกและพร้อมจะช่วยเหลือ”
“...”
“จริงสิ
แล้วคนที่มาหาเดียร์คนนั้น ไปไหนซะแล้วล่ะ” ฉันชะงักมือที่กำลังตักต้มจืดลงถ้วย
แม่กำลังหมายถึงผู้ชายที่ตามจีบฉันมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาสินะ เอาความจริง
ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพวกเขาเลยสักนิด
พยายามที่จะปัดตลอดหากแต่ว่าเขากลับไม่ยอมที่จะจากไปทั้งที่ฉันก็ปฏิเสธเขาไปแล้ว
“แม่หมายถึงคุณนุเหรอคะ?”
“เขาชื่อนุเหรอ
ทำไมลูกไม่พาเขามาแนะนำให้แม่รู้จักบ้างล่ะ”
“เดียร์กับคุณนุ
เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ”
“อ้าวแล้ว...”
แม่ตกใจไม่น้อย เพราะเห็นฉันไปไหนมาไหนกับพี่นุบ่อยครั้ง
แต่นั้นไม่ใช่ความต้องการของฉัน แต่เป็นของพี่นุต่างหาก
เขาเคยเจอแม่ฉันอยู่สองสามครั้ง ถ้าแม่จะคิดแบบนั้นก็คงจะไม่ผิดหรอก
“เดียร์ไม่อยากคบกับใคร”
พูดออกไปอย่างที่ใจตัวเองต้องการ จนแม่ถอนหายใจวางมือลงบนบ่าฉัน
“เดียร์ปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิตและพวกเขาก็หายไปเองค่ะ”
“เดียร์หรือว่าลูกยังไม่ลืมเรื่องนั้น”
“ไม่มีวันลืมค่ะ”
ฉันบอกแม่ก่อนจะยกถ้วยต้มจืดไปวางบนโต๊ะ มองอาหารที่หน้าตาน่าทาน
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะค่ะแม่ เดียร์ยังเด็ก อยากตั้งใจเรียนมากกว่าสนใจเรื่องความรัก”
เพียงเท่านี้แม่ก็ไม่พูดอะไรกับฉันอีกเลย
เราสองคนนั่งทานข้าวด้วยกันและเลิกคุยเรื่องที่มันทำให้โต๊ะอาหารดูจืดลง
แต่แม่ถามฉันเกี่ยวกับเรื่องเรียนและเรื่องต่างๆ กระทั่งถึงเวลานอน
ฉันก็ขอตัวเข้าห้องอาบน้ำ หยิบหนังสือมาเปิดอ่าน หากแต่สมองดันคิดไปถึงเรื่องวันนี้พร้อมกับผู้ชายที่เข้ามาช่วยเหลือฉันไว้
‘ลี้เทียน’ ผู้ชายที่น่าจะรุ่นพี่แต่เรียนคนละมหาลัย เขาเป็นผู้ชายที่ตัวสูง
ร่างใหญ่
มีรอยสักตามท่อนแขนแต่ไม่เลอะเทอะจนน่าเกลียดและเขาก็เป็นผู้ชายที่หล่อมากๆ
ด้วยในสายตาของฉัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฉันนึกถึงเขา
แต่เป็นการกระทำของเขาต่างหากที่เข้ามาช่วยฉันจนบาดเจ็บนิดหน่อย
เขาเป็นผู้ชายคนแรกเลยก็ว่าได้ที่ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
ทั้งที่ฉันเกลียดผู้ชายทุกคนที่เข้าหาเพียงเพราะมีอดีตที่แสนเจ็บปวด
ถึงแม้ว่าแม่จะบอกอยู่เสมอว่าผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทุกคน
แต่สำหรับฉัน...
มันฝังลึกลงในใจจนเจ็บและทุกข์ทรมานมากเหลือเกิน
เช้านี้ฉันออกมาซื้อกับข้าวที่หน้าปากซอย
เป็นร้านข้าวแกงที่แม่และฉันชอบทานในตอนเช้า
ส่วนใหญ่จะทำอาหารกินเองตอนเย็นหรือไม่ก็วันหยุด
อย่างเช้านี้ฉันจำต้องออกมาหากินเองเพราะแม่ไปทำงานแต่เช้า
“อ้าวหนูเดียร์
วันนี้จะทานอะไรดีจ๊ะ”
“ขอผัดเผ็ดหมูและก็ต้มจืดแล้วกันนะคะป้าดา”
ฉันยิ้มอ่อนส่งให้ป้าดาที่ยิ้มแย้มต้อนรับ
เพราะร้านป้าดาฉันกินประจำเวลากลับมาพักผ่อนที่บ้าน
และเพราะมากินข้าวที่นี่ฉันเลยมักจะนั่งกินที่ร้านเลย หากแต่วันนี้ร้านป้าดาคนแน่นจนฉันหาที่ว่างไม่มีเลย
“เออ...”
หันไปมองป้าดาที่กำลังง่วนกับการตักแกงราดบนข้าวก็ต้องหยุดชะงัก
เดินตรงเข้าไปในร้านโดยมีสายตาของคนที่นั่งกินอยู่มองฉันราวกับเป็นตัวประหลาด
เคยสงสัยเกี่ยวกับตัวเองเหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหน ฉันจะถูกมองด้วยสายตาแบบนี้เสมอ
ไม่รู้ว่ามองเพราะหน้าฉันมีอะไรติด
แต่ทุกครั้งคือฉันจะดูตัวเองก่อนออกจากบ้านหรือไปเรียนเสมอว่าหน้าตัวเองมีอะไรติดไหม
ปรากฏว่ามันไม่มี
“เดียร์”
“เอ๋?
คะ คุณ”
ฉันตกใจเมื่อร่างสูงที่อยู่มุมโต๊ะตัวสุดท้ายลุกขึ้นโบกมือให้กับฉันพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
ลี้เทียนเขาเป็นผู้ชายที่ยิ้มแล้วสดใสมากจนคนรอบข้างเบนสายตาจากฉันไปจับจ้องเขาบ้าง
“มานั่งด้วยกันสิ”
“แต่ว่า...”
“เถอะน่า
พี่มากินคนเดียว ไม่มีใครมานั่งหรอก”
เขาพยักหน้าให้ฉันซึ่งทำได้เพียงเดินตรงไปนั่งโต๊ะเดียวกับเขา
มองอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า เขายังไม่ได้กินเลยเหรอ?
“ไม่คิดว่าเดียร์จะมากินข้าวร้านนี้ด้วย”
“ร้านนี้ฉันมากินประจำน่ะค่ะ
แต่คุณต่างหาก...”
“เรียกพี่ไม่ได้เหรอ?”
“คะ”
ฉันขมวดคิ้วเมื่อจู่ๆ เขาก็บอกให้ฉันเรียกเขาว่าพี่ “ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“ช่างเถอะ
เดียร์โอเคใช่ไหมครับเรื่องเมื่อวาน” ลี้เทียนตักข้าวเข้าปาก
ยามมองคนในร้านป้าดาเอาข้าวมาเสิร์ฟให้ฉัน แต่เลือกที่จะยังไม่ตอบคำถามเขา
แต่กลับมองไปยังมุมปากของเขาต่างหาก
“คุณต่างหาก
โอเคหรือเปล่าคะ?”
“โอ๊ย
แผลแค่นี้เองครับ เล็กน้อย” เขาโบกมือและผายมือให้ฉันกินข้าวบ้าง
เป็นครั้งแรกที่ฉันได้จับจ้องใบหน้าหล่อเต็มตาและชัดเจนขนาดนี้
เราสองคนต่างคนต่างกินข้าวโดยไม่มีคำพูดใดๆ เลยกระทั่งถึงเวลาเก็บเงิน
“พี่เลี้ยง”
“ไม่เป็นไรค่ะ
ฉันมีเงิน”
“งั้นเหรอ...”
ดูเหมือนลี้เทียนจะทำหน้าเหวอไปอีกครั้ง
ฉันเห็นใบหน้าแบบนี้ของเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ
สีหน้าที่ดูเหมือนจะอึ้งกับอะไรสักอย่างและอึ้งเฉพาะตอนที่ฉันพูดด้วยนี่สิ
(พูดอะไรไม่เข้าหูเขาหรือเปล่านะ?)
“คุณอยู่แถวนี้เหรอคะ”
“เปล่า
พอดีเพื่อนพี่อยู่แถวนี้น่ะครับ ไม่มีอะไรทำก็เลยมาหามันบ่อย
บ้านมันอยู่ซอยถัดจากบ้านเดียร์ไปครับ” เราสองคนออกมาจากร้านป้าดา
ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรเขามากและเขาเองก็ดูเหมือนจะพูดอะไรแต่ฉันก็ชิงพูดซะก่อน
“ถ้างั้นขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวสิเดียร์”
เป็นอีกครั้งที่เขาคว้าต้นแขนฉันไว้ และนั่นทำให้ฉันตกใจจกยกมือเตรียมฟาดเขา
ลี้เทียนรีบปล่อยพร้อมกับยกมือโบกไปมา
“ใจเย็นสิ
เดียร์ไม่หยุดฟังพี่นี่นา”
“มีอะไรล่ะคะ?”
ถามออกไปอย่างหงุดหงิด
ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะตัวด้วยโดยเฉพาะคนที่เพิ่งจะรู้จักกัน
ถึงแม้เขาจะช่วยฉันไว้ก็เถอะนะ
ยังไงก็ไว้ใจไม่ได้ ผู้ชาย... เป็นมนุษย์ที่ไม่น่าไว้ใจ ต่อให้เป็นคนที่ช่วยไว้หรือคนที่เราคิดว่าดีมาตลอด
“แค่จะขอไปส่งที่บ้าน”
“ไม่เป็นไรค่ะ
ฉันกลับเองได้”
“เฮ้อ ให้ตายเหอะ
เดียร์ชอบขัดน้ำใจพี่ตลอดเลยนะครับ” เขาเท้าเอวมองฉันด้วยสีหน้าเศร้าๆ
เพราะตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่ฉันปฏิเสธเขา แต่ก็ไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกันนะ
ฉันจะผลักไสผู้ชายที่เข้ามาหวังจะจีบ เพราะฉันให้ใจใครไม่ได้
แต่กลับเขาทำไมฉันถึงได้รู้สึกมองเขาแตกต่างออกไป
แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้นนะ
“คุณช่วยฉันไว้ก็จริง
แต่เราก็ไม่ได้สนิทสนมถึงขั้นต้องไปส่งที่บ้านนี่คะ”
“คิดแบบนั้นเหรอครับ?”
“ค่ะ
จะให้ฉันคิดแบบไหนล่ะ” ฉันมองร่างสูงที่ถอนหายใจ
ยกมือเสยผมสีดำสนิทตัดทรงทันสมัยขึ้นไป แอบเห็นว่าหางคิ้วของเขากันแบบแฟชั่นด้วย
“พูดตรงมาก”
“ฉันเป็นคนแบบนี้ล่ะค่ะ
ไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ”
“แล้วถ้าพี่จะเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืนเดียร์ล่ะ
จะนัดเจอได้ที่ไหนบ้างครับ?” ชะงักเท้าตัวเองหันไปมองเขาที่ยิ้มออกมา
นี่เขายังคิดจะเอาเรื่องนี้มาอ้างเพื่อเจอฉันอีกเหรอ ให้ตายเหอะ!
เขานี่ยังไงกันแน่เนี่ยต้องการอะไรกัน
“คุณลี้เทียน”
“พี่รู้นะว่าเดียร์กำลังคิดว่าพี่ต้องการอะไรจากเดียร์ใช่ไหมครับ?”
รู้ดีเกินไปแล้ว!
“ก็ไม่มีอะไร...
แค่อยากทำความรู้จักด้วยก็เท่านั้นครับ” ฉันมองร่างสูงที่เดินมาหยุดตรงหน้าฉัน
เขาล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงยีนขาดๆ สีซีด
ดวงตาคมที่ดูเหมือนจะกรีดอายไลน์เนอร์จับจ้องฉันไม่วางตาที่เงียบจนไปไม่เป็น
“เดียร์เป็นผู้หญิงที่มี
sex
appeal สูงมากเลยนะ”
“อะ อะไรนะคะ?”
เขายิ้มมุมปาก ฉันได้ยินคำว่าเซ็กส์
แต่ไม่เข้าใจความหมายสุดท้ายเลยจำต้องถามเขาออกไป
หากแต่ลี้เทียนกลับโน้มตัวลงมาจนใบหน้าเสมอกับฉัน
และนั่นทำให้ฉันตกใจถอยหลังจนเสียหลัก
“อ๊ะ”
หมับ
“ดีๆ สิครับ
เดี๋ยวก็ล้มตูดพังหรอก” แขนแกร่งประคองเอวฉันไว้ เพื่อไม่ให้ล้มก้นกระแทกพื้น
นั่นทำให้เราสองคนใกล้ชิดกันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนอุ่นของเขา
ลี้เทียนยังคงมองฉันอยู่แบบนั้นถึงแม้จะแกะมือที่เหนียวของเขาไม่ออกแล้วก็ตามที
“คุณพูดทะลึ่งกับฉัน”
“ใครพูด
พี่ไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นเลยนะครับ”
“คุณบอกฉันมีเซ็กส์อะไรสักอย่าง
ฉันฟังไม่ถนัด” ฉันมองเขาตาขวางและพยายามแกะมือเขาออก
หากแต่มือใหญ่ของเขาก็กอดรัดเอวฉันแน่นจนขยับตัวเข้าไปใกล้เขามากขึ้น
อยากหลุดจากอ้อมกอดแบบนี้จะแย่แล้วนะ ตรงนี้มันริมถนน
ใครผ่านไปมาก็เห็นหมดสิว่าเราสองคนยืนทำบ้าอะไรกัน!
“หึ
เด็กบ๊องเอ๋ย”
“นี่คุณ!
มาว่าฉันได้ไง”
“พี่ไม่ได้พูดลามกกับเดียร์นะครับ
พี่แค่บอกว่าเดียร์มี sex appeal สูงก็เท่านั้น”
พอได้ฟังชัดๆ ก็เข้าใจในความหมาย
ใบหน้าร้อนเห่อทันทีเมื่อตัวเองฟังและเข้าใจเขาผิดไป จำต้องขยับตัวให้เขารู้ว่าฉันต้องการออกจากอ้อมแขนเขา
ลี้เทียนหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยฉันให้ขยับหนีเขาไปหนึ่งเมตร
เป็นระยะห่างที่พอควรแล้ว
“คุณพูดคำว่าเซ็กส์เด่นกว่านี่
เป็นใครก็ต้องคิด”
“ถึงได้บอกไงว่าน้องเดียร์บ๊อง”
“คุณลี้เทียน ฉันไม่ใช่เพื่อนคุณนะคะ” เขายกมือยอมแพ้ ก่อนจะขยับตัวมาใกล้ฉันอีกครั้งและครั้งนี้ทำเอาฉันถึงกับหมุนตัวหนีไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรต่อแต่ก็ได้ยินเขาตะโกนออกมาชัดเจนเต็มสองหู
“ก็เดียร์เป็นแบบนั้นนี่นา แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดึงดูดทุกคนได้... โดยเฉพาะพี่”
ความคิดเห็น