คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : #เทียนเดียร์ :: INTRO [100%]
‘หลอก’
เป็นคำหนึ่งที่ใช้สำหรับทำลายทุกอย่างแม้แต่ความรู้สึก
‘รัก’
เป็นคำหนึ่งที่ใช้สำหรับมอบทุกอย่างให้แม้แต่หัวใจ
“ลี้เทียน”
ผมหยุดชะงักเท้าตัวเองที่กำลังจะก้าวพ้นออกจากประตูบ้านบานใหญ่ที่ประดับด้วยลวดลายมังกรและรูปหงส์กางปีกสวยงาม
ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายหันไปมองต้นเสียงที่เรียกชื่อผม ใบหน้าที่เหี่ยวย่นตามอายุ
แต่งตัวภูมิฐานดีเดินมาหยุดตรงหน้าผมพลางมองต่ำไปยังมือซ้ายที่หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าราคาแพงอยู่ในมือ
“ลื้อจะไปไหน?”
“ผมบอกป๊าแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมจะไม่อยู่ที่บ้านหลังนี้แล้ว”
“แต่ลื้อควรฟัง
ป๊าสั่งให้ลื้อดูแลกิจการร้านทอง ลื้อต้องทำ!” ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด
นี่ถ้าไม่ติดว่าเสื้อผ้าที่คอนโดมันมีน้อยนิดเพราะว่าผมขนมาไม่หมดก็ไม่ต้องย่างกายเข้ามาเหยียบที่บ้านหลังนี้ให้ป๊าด่าแบบนี้หรอก
“ฟังอะไร
ไม่ฟังทั้งนั้นอะ”
“ไอ้เทียน!”
ขึ้นเสียงจนผมเอานิ้วชี้อุดหูตัวเอง
ไม่สนใจคำด่าทอจากปากของป๊าที่ยืนชี้นิ้วด่าผม “ลื้อมันทำไมผ่าเหล่าเผากอแบบนี้
ดูอาลี้เซียนพี่ชายลื้อเป็นตัวอย่างสิ ป๊าบอกให้อีเรียนบริหารอีก็เรียน
ป๊าให้อีเป็นผู้บริหารร้านทองอีก็ทำ...
แล้วทำไมลื้อถึงได้ดื้อด้านแบบนี้อาลี้เทียน”
“พูดช้าๆ
เดี๋ยวก็หายใจไม่ทันอะป๊า”
“ลี้เทียน”
“เลิกเอาผมไปเปรียบเทียบกับเฮียเซียนสักที
เพราะผมไม่ได้อยากจะเรียนบริหาร
ผมไม่อยากเป็นเจ้าของร้านทองที่ป๊ามอบหมายให้เฮียเซียน
ผมชอบแข่งรถผมชอบเรียกนิเทศฯ ชัดเจนพอไหมป๊า?”
“อะ
ไอ้ลี้เทียน”
“คุณคะ ใจเย็นๆ
ค่ะค่อยๆ พูดกับลูกนะคะ” ม้าที่เพิ่งเดินลงมาจากบันไดบ้านก็มาหยุดข้างป๊าที่หอบหายใจหนักจากการด่าผมอย่างหนักหน่วง
“ลี้เทียน ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นอยู่ที่บ้านหลังนี้”
“ม้านี่ก็อีกคน
เลิกยุ่งกับชีวิตผมสักที!”
ไม่รู้หรอกว่าตัวเองเผลอตะคอกป๊าและม้าเสียงดังแค่ไหน แต่มันคงจะดังพอที่จะทำให้พวกท่านนิ่งเงียบไปทันที
รู้... ว่าสิ่งที่ทำมันผิดแต่ถ้าป๊าและม้ายังบังคับผมให้เป็นเหมือนเฮียเซียน
ผมขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า
แต่ไหนแต่ไรทั้งป๊าและม้าก็เอาแต่ชื่นชมเฮียเซียนทั้งเรียนเก่ง
ขยันและเชื่อฟังป๊าทุกอย่าง ราวกับขีดเส้นทางให้เฮียเซียนได้เป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ
พอมาเป็นผมที่ขัดแม่งทุกอย่างก็เอาแต่ด่า
ด่าและก็ด่าทุกวันจนผมทนไม่ไหวถึงได้หนีออกจากบ้านหลังนี้
บ้านที่ไม่เป็นบ้านให้ผมได้สบายใจ
“แต่สิ่งที่ป๊าเลือกให้ลื้อ
มันคือกิจการที่ป๊าสร้างมากับมือนะลี้เทียน”
“ครับผมทราบ
แต่ผมไม่ได้ต้องการไง”
“ลี้เทียน!”
“ผมแค่กลับมาเอาเสื้อผ้าและของใช้
ป๊าไม่ต้องห่วงนะ ผมจะไม่ใช้เงินที่บ้านสักบาท ป๊าสบายใจได้”
ผมตอบแบบนั้นก่อนจะยักไหล่ไหวพร้อมกับป๊าที่ดูเหมือนจะโกรธเต็มที่แล้วถึงได้ชี้นิ้วออกไปทางประตูบ้าน
“ได้
งั้นลื้อก็ไสหัวไป แล้วอย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก!”
“...”
“ป๊าตายก็ไม่ต้องมางานศพ”
“คุณคะ”
พูดแค่นั้นก็เดินหนีไปยังห้องทำงานโดยที่สายตาของม้าและผมมองตามอย่างเจ็บนิดๆ
ที่หัวใจยังไงบอกไม่ถูก ป๊าไล่ผมออกจากบ้านมันไม่ได้เท่าไหร่แต่คำสุดท้าย...
ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องพูดก็ได้ปะวะ “ลี้เทียน”
“ถ้าม้าจะบ่นผม
หยุดแค่นั้น”
“ทำไมไม่ฟังป๊าเขาบ้าง
เอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ”
ถอนหายใจก่อนจะมองแผ่นหลังบอบบางที่เดินตรงตามป๊าไป
เอาจริงนะทั้งป๊าและม้าอยากให้ผมเป็นนั่นเป็นนี้โดยไม่สนใจความรู้สึกของผมสักนิด
คิดว่าทำให้เฮียเซียนทำตามที่ตัวเองต้องการทุกอย่างก็ใช่ว่าผมจะต้องทำตาม
สองเท้าของผมเดินออกจากประตูบ้านเดินไปยังรถปอร์เช่
911 คาร์เรร่า รุ่นพิเศษสีดำสนิท ผมเปิดประตูรถและโยนกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปปิดประตูเพื่อไปจากที่นี่แต่สายตากลับเห็นรถจากัวร์
F-Type Minorchange สีขาวขับมาจอดต่อท้าย
ประตูด้านคนขับเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่สูงกว่าผมนิดหน่อย ผมสูง 187 เขาก็สูง 188
ใบหน้าหล่อมีสีหน้าเรียบนิ่ง
ชุดสูทสีดำที่เหมาะกับเขาในฐานะผู้บริหารร้านทองวิวัฒน์ธนะกิจ
เหมาะกับตำแหน่งนี้จริงๆ นั่นแหละอายุก็ห่างกว่าผมหลายปีเฮียเซียนก็อายุสามสิบแล้วซึ่งพูดง่ายๆ
ผมเหมือนลูกหลงมาอะ
สายคมตวัดมองผมด้วยสีหน้าตั้งคำถาม
“มึงโผล่หัวมาได้แล้วเหรอ?”
“โผล่มาเอาเสื้อผ้า”
ร่างสูงที่แต่งตัวดีทั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
เป็นที่จับตามองในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงแต่ก็ไม่คิดจะควงผู้หญิงที่ไหนจริงจัง
นิสัยของเขาและผมเหมือนกันตรงนี้ล่ะ วันไนท์ฯ
ก็จบแยกย้ายแม้ว่าจะมีลูกสาวผู้ดีหลายคนใฝ่ฝันอยากเป็นเมียเขาแต่เฮียเซียนก็ไม่ได้คิดจะจับใครทำเมียจริงจังเช่นเดียวกับผม
พี่ชายของผมหล่อดูดี
สุขุม ผู้ดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ส่วนผมหล่อ เลว
แถมยังมีรอยสักที่ตัวโดยที่ป๊าไม่ชอบ แต่คนอย่างผมมีเหรอจะสนใจ...
ไปสักเพิ่มมาเยอะกว่าเดิมซะอีก เห็นไหมล่ะ? ผมกับพี่ชายต่างกันลิบลับ
“อย่างมึงจะมีปัญญาเหรอ?”
“อะไร”
เท้าเอวมองคนตัวสูงที่ยกยิ้มที่มุมปาก
“ทำปากดีไม่เอาเงินจากป๊าใช้”
“...”
“ปัญญาหาเงินเอง
คงไม่มี” สายตาของเฮียเซียนทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด
“มีดิ
ถ้าไม่มีจะออกจากบ้านทำไมอะ” เบ้ปากใส่เฮียเซียนที่มองผมอยู่อย่างไม่ชอบใจ
ผมกับเขาเป็นพี่น้องกันที่... ไม่เหมือนพี่น้องไง “ผมอาจจะไม่ได้หาเงินเก่งแบบเฮีย
ที่ต้องคอยทำตามใจป๊าจนหลงลืมความเป็นตัวเอง”
“...”
“แต่ผมก็ยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้”
ตบมือไปที่หน้าขาตัวเองจนเฮียเซียนหัวเราะออกมาก่อนจะเดินมาหยุดข้างผม
วางมือลงบนบ่าบีบอย่างแรงจนผมรู้สึกได้
“กูจะคอยดู”
รอยยิ้มของเขาทำให้ผมอารมณ์ขึ้นเหมือนกันนะ
“อย่าคลานเป็นหมาเข้ามาขอเศษกระดูกที่บ้านก็แล้วกัน”
“เฮียเซียน!”
“ตายอย่างหมาข้างถนนดีกว่า
ถ้ากลับมามึงหมาเลยนะลี้เทียน”
“...”
“อย่าเก่งแต่ปากนะ
เอาตัวให้รอดล่ะ”
ตบบ่าผมแล้วก็เดินเข้าบ้านไปทิ้งผมไว้กับความรู้สึกคับแค้นใจอย่างมาก
ผมเหมือนลูกที่ไม่ได้รับความรัก ป๊าและม้ารักเฮียเซียนมากกว่าผม
พวกท่านเหมือนไม่เห็นหัวผมตั้งแต่เด็กจนโต
ดีแต่บังคับให้ทำอย่างที่ตัวเองต้องการซึ่งเฮียเซียนไม่ต้องบังคับเขาก็ทำตามจนเป็นที่รัก
ส่วนผมน่ะเหรอ...
ก็แค่หมาหัวเน่าตัวหนึ่งที่ไม่ว่าจะนอนตายอย่างหมาข้างถนนป๊าม้าก็ไม่มีทางสนใจหรอก
คอนโดหรูใจกลางเมืองคือที่ซุกหัวนอนของผมนับตั้งแต่เรียนมหาลัยจนถึงตอนนี้
คอนโดนี้ผมเช่าไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรงที่มาจากการแข่งรถซึ่งคือสิ่งที่ผมชอบ
แต่ป๊าไม่ชอบ
เพราะด่าผมทุกครั้งที่ไปแข่งรถ
โดยให้เหตุผลว่ากลัวผมจะตายก่อนวัยอันควร
แต่ผมสนเหรอ?
นี่คือสิ่งที่ผมรักและผมก็ชื่นชอบมันมากๆ ด้วยซ้ำไป
สองเท้าก้าวเข้ามาในห้องที่ใหญ่กว้างและหรูหรา
สะดวกสบายหากแต่ค่าเช่านั่นแพงหูฉีก
แต่ถ้าได้รับความสบายแบบนี้ผมก็ยอมที่จะเสียเงินค่าเช่าทุกเดือนล่ะนะ
โยนกระเป๋าเสื้อผ้าลงกับโซฟาและทิ้งตัวนั่งพลางหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบไล่ความคิดและเรื่องที่ป๊ากับเฮียเซียนด่าเมื่อกี้
“เมี๊ยว~”
เสียงเรียกของสัตว์ชนิดหนึ่งที่ผมก็ชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจเหมือนกับการแข่งรถ
คือ ‘แมว’ ใช่ แมวน้อยพันธุ์รัสเซียนบลูหรือแมวรัสเซียสีฟ้าเพศผู้
เดินมาคลอเคลียผมอย่างอ้อนๆ จนผมทิ้งบุหรี่ในมือและอุ้มมานอนซบบนตัก
รอยยิ้มกระตุกยามมองสบตากับเจ้าตัวน้อย
แปลกปะ...
ผู้ชายอย่างผมกลายเป็นทาสแมวไปแล้ว
“ไงลี้จิง
หิวหรือเปล่า?” ถึงจะตอบผมด้วยคำพูดไม่ได้
แต่ก็ขานรับด้วยน้ำเสียงน่ารัก น่ากอดจนผมก้มลงไปจูบศีรษะ
ซึ่งลี้จิงเป็นชื่อที่ผมตั้งขึ้น
เมื่อรับรู้จึงลุกขึ้นไปยังมุมส่วนตัวของลี้จิงและจัดการเทอาหารให้เจ้าตัวน้อยที่หิวจนไม่ได้สนใจผมเลย
ออด~
เสียงกริ่งหน้าห้องทำให้ผมผละสายตาจากลี้จิงไปมองหน้าประตูก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อมองพนักงานสาวสวยที่ตกใจ
หน้าแดงก้มหน้าไม่ยอมสบตากับผม
จำต้องก้มมองตัวเองก็พอจะรู้ว่าเป็นเหตุทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้
เพราะดันถอดเสื้อโชว์ร่างกายแข็งแกร่งของตัวเองนี่
“มีอะไร?”
“คะ
คือว่า... นี่ใบแจ้งหนี้ของคุณลี้เทียนค่ะ”
“ใบแจ้งหนี้?”
ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมยามรับเอกสารที่ขึ้นคำว่า ‘ชำระหนี้’
โอ้โห... คนอย่างลี้เทียนเนี่ยนะ จะมีหนี้มาตามยันห้อง แต่ใช่ไงมันคือเรื่องจริง
ผมอ่านเอกสารในมือก็ทำได้เพียงถอนหายใจ
“เดี๋ยวฉันคุยกับผู้จัดการคอนโดเอง”
“ค่ะ”
หล่อนยังคงไม่เงยหน้าสบตากับผม
รอยยิ้มกระตุกขึ้นเมื่อเชยปลายคางเธอด้วยนิ้วชี้จนเธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“มองหน้าฉัน
ไม่ได้ให้มองอย่างอื่น”
“อะ
เออ...”
“เดี๋ยวจะโดนไอ้ที่มองทิ่มเอา”
เธอกระพริบตาถี่รัวถอยหลังหนีผมไปทันที แอบเห็นนะว่าหล่อนเดินเซเพราะคำพูดเลวๆ
ของผม ประตูห้องถูกปิดลงอย่างดังจนลี้จิงตกใจวิ่งเข้าไปในโซนที่นอนของตัวเอง
“เหี้ย!
นี่กูติดหนี้ค่าห้องเกือบสามเดือนเลยเหรอวะ”
ผมยกมือเสยผมตัวเองขึ้นไปก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟาตามเดิม
เอาจริงผมเองก็เกรงใจเพื่อนอย่างไอ้รามแล้วก็ไอ้ไฟที่ให้ผมยืมเงินตลอด
พวกมันเข้าใจดีว่าทำไมผมถึงต้องยืมเงินมันมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
พวกมันเข้าใจดีที่ผมหนีออกจากบ้านเพราะว่าเหตุการณ์มากมายทำให้ผมต้องทำแบบนั้น ยืมพวกมันมาก็ไม่ได้คืนสักบาทเดียว
ถึงจะเป็นเพื่อนกัน
ถึงผมจะหน้าด้านยืมเงินพวกมันบ่อยครั้ง... แต่ผมก็หน้าด้านเป็นนะ
อย่างที่เฮียเซียนบอก
ต่อให้ผมตายผมก็จะไม่ยอมเป็นหมาคลานกลับบ้านแน่นอน
มองเอกสารในมือ
ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเป็นหนี้! ใช่
ผมเป็นหนี้เรียบร้อยแล้วไงหนี้ที่อ่านในเอกสารก็มีค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟฯ
หยิบมือถือสุดหรูของตัวเองออกมากดเข้าแอพฯ ธนาคาร
ยอดเงินคงเหลือ
10,390.59 บาท
“เหลือแค่นี้เองเหรอวะ?
มันจะไปพอส้นตีนอะไรเล่า” ค่าห้องเดือนละ 25,000 ไหนจะค่าอื่นๆ อีก
ค้างมาสามเดือนก็เป็นเงิน 75,000 บาท ยังไม่รวมค่าอื่นๆ อีกนะ
“แม่งเอ่ย!”
ลมหายใจของผมพ่นออกมาไม่หยุด
ก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตสีดำมาสวมแบบลวกๆ
ติดกระดุมแค่ไม่กี่เม็ดก่อนจะออกจากห้องไปยังชั้นล่างที่เป็นห้องทำงานของผู้จัดการคอนโด
ผมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟา
พอเขาเห็นผมก็ยกยิ้มที่มุมปากวางเอกสารลงเมื่อผมทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามเขา
“ผมไม่ได้จ่ายค่าคอนโดแล้วก็อื่นๆ
สามเดือนเลยเหรอครับ?”
“ใช่ครับ
สามเดือนแล้วที่คุณลี้เทียนละเลยการจ่ายค่าห้อง ค่าน้ำและค่าไฟ”
ขมวดคิ้วอย่างมึนงงทันที
ผมยืมเงินไอ้รามกับไอ้ไฟมาผมก็เอามาให้นะหรือว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมเอาเงินตรงนั้นไปซื้อของให้ผู้หญิงที่นอนด้วย
“ผมว่าผมจ่าย...”
“ทางคอนโดให้เวลาคุณมาชำระ
แต่คุณก็เฉยเมย ผมไม่ตัดน้ำตัดไฟคุณก็ดีเท่าไหร่แล้วครับ” รอยยิ้มที่เปรียบเสมือนอาบยาพิษถูกส่งมาให้
ผมก็ได้แต่นั่งยิ้มอยู่แบบนั้นไม่ได้คิดจะต่อปากต่อคำเลยสักนิดเพราะว่ากลัวเขาจะไล่ออกก็เล่นค้างชำระสามเดือนขนาดนี้
เป็นที่อื่นเขาไล่ผมออกแล้ว
“ผมขอเวลาได้ไหมครับ
ช่วงนี้ผมลำบากมากเลย สนามที่ไปแข่งรถก็ถูกพิษเศรษฐกิจเล่นงานไหนจะเปิดเทอมที่มหาลัยแล้วผมก็ต้องซื้อหนังสืออ่าน
ใกล้เรียนจบแล้วด้วย” ตอแหลเข้าไว้ลี้เทียน!
“นานแค่ไหนล่ะครับ?”
“ไม่รู้สิครับ
แต่ผมจะรีบหาเงินมาจ่ายสักครึ่งหนึ่งก่อน” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้าผู้จัดการคอนโด
โน้มตัวเท้ามือกับโซฟาที่เจ้าของคอนโดนั่งอยู่ เขามองสบตากับผมที่ทำหน้าเศร้าๆ
“นะครับ”
“อะ เออ... กะ
ก็ได้ครับ ผมจะให้เวลาคุณก็ได้” ผู้จัดการคอนโดถึงกับไปไม่เป็น
ผลักอกผมให้ออกห่างจนผมยิ้มหัวเราะในใจ ทำไมผมทำแบบนี้? ทุกคนคงสงสัย
ไม่ต้องสงสัยนานเพราะเจ้าของคนโดน่ะเขาชอบผู้ชายไง
แล้วเขาก็สนใจผมมาสักพักแล้ว
ผมรู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไง
“ขอบคุณนะครับ
ผมจะรีบหาเงินมาจ่ายนะครับ”
“แต่ถ้าคุณไม่มี...
ผมมีขอเสนอนะ” สองเท้าหยุดอยู่ตรงประตูหน้าห้อง
ร่างสูงที่เตี้ยกว่าผมนิดหน่อยก็เดินมาหยุดตรงหน้าพลางใช้นิ้วชี้กรีดมาตามรอยแยกของเสื้อผม
“นอนกับผมหนึ่งคืน”
“!”
“หนี้คุณจะหมดในทันที”
กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะยกยิ้มมุมปากยันไหล่ทั้งสองข้างของผู้จัดการคอนโดไปติดกับแผ่นกระจกทึบอีกฝั่ง
ใบหน้าของเราใกล้กันชนิดที่ว่าได้กลิ่นลมหายใจของเราสองคนผสานกันไปมา
“รุนแรงจังครับ”
“...”
“ตอนนี้ก็ได้
ห้องผมเก็บเสียง”
“ไม่เป็นไรครับ
เก็บขอเสนอของคุณไว้ใช้กับเด็กคุณเถอะ อีกสองวันผมจะนำเงินมาจ่ายให้ครบสามเดือน
โอเคนะครับ” ว่าเสร็จก็ทิ้งรอยยิ้มที่ใครต่อใครก็บอกว่ามันคือรอยยิ้มที่ฆ่าคนได้
ใช่ผมรู้เลยว่ารอยยิ้มของผม
มันฆ่าทุกคนได้จริงๆ เพราะตอนนี้เจ้าของคอนโดถึงกับเบือนหน้าหนีผมไปเลย
และให้เดา... เขาคงช่วยตัวเองแน่ๆ
หลังจากผมเดินออกจากห้องมา
Rrr
“ฮัลโหล”
(“ไอ้เทียน
มาที่สนามหรือเปล่า? กูรออยู่”)
“ไอ้เคนเหรอ”
(“กูเอง
มึงนอนอยู่ใช่ไหมเนี่ย”)
“อือ
สิบนาทีกูถึง”
ผมวางสายจากไอ้เคนเพื่อนที่เจอกันที่สนามแข่งรถ
ผมก็ลุกขึ้นจากเตียงนอนตรงไปอาบน้ำหลังจากกลับจากห้องผู้จัดการคอนโดผมก็รู้สึกแย่มาก...
ไม่มีเงินถึงขนาดที่เขายื่นข้อเสนอให้ผมไปมีอะไรกับเขา
เฮ้อ
ชีวิตของผมน่ะอนาถมากแค่ไหน ทุกคนคิดเอาเองก็แล้วกัน
“ลี้จิง
เดี๋ยวพ่อมานะลูก” ลูบศีรษะของลี้จิงก่อนจะเทอาหารให้ไว้สำหรับเวลาลี้จิงหิว
ผมจะได้ไม่ต้องห่วงมากเวลากลับมาที่ห้องช้า
รถของผมเข้ามาจอดที่ด้านในสนามเพราะต้องหาเงินไปใช้หนี้
ไม่อย่างนั้นผมอาจจะโดนไล่ออกหรือไม่ก็ต้องไปนอนให้ผู้จัดการเสพสุข
“มึงเป็นไรวะ
หน้าเครียดฉิบหาย” ผมหันไปมองไอ้เคนที่กำลังยืนรอแข่งรถอยู่
เนื่องจากในสนามตอนนี้มีรถกำลังแข่งอยู่
“มีเรื่องนิดหน่อยว่ะ”
“แข่งรถเดี๋ยวก็หาย
วันนี้แข่งเดี่ยวนะ”
“อือ”
“เอาน่า
แข่งเสร็จกูพาไปเลี้ยงเหล้า พาไปเจอสาวด้วยมึงจะได้ไม่เครียด”
ไอ้เคนตบบ่าผมก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นเมื่อถึงคิวของตัวเอง
ผมก็เอนสะโพกกับกระโปรงรถของตัวเองก่อนจะไล่สายตามองเบอร์ของไอ้รามและไอ้ไฟสลับกันไปมา
ลังเลที่จะโทรไปยืมเงินพวกมันแต่ผมก็เลือกที่จะเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงและหยิบบุหรี่จุดสูบอีกครั้งซึ่งเวลาเครียดผมสูบหมดซองแล้วก็จริงอย่างที่ว่า
“ลี้เทียน
คิวนายแล้ว” พี่กี้กวักมือเรียกผมขณะที่มองรถของไอ้เคนจอดลงซึ่งมันก็ได้ที่หนึ่งตามเคย
“มึงโอเคปะวะ
เลิกเครียดแล้วก็จดจ่ออยู่กับการแข่ง โอเค๊”
“อือ”
“รถคว่ำไม่เอานะ
กูไม่อยากเห็นมึงตายเพราะแข่งรถ”
ส่ายหน้าไปมาก่อนจะขึ้นรถไปประจำที่ที่ตอนนี้มีรถอยู่สามคัน
ผมต้องชนะให้ได้เพราะถ้าได้ที่หนึ่งจะได้เงิน 20,000 บาท ที่สองได้ 10,000
และที่สามได้ 5,000
ถ้าแข่งสองวันก็ยังไม่พอที่นัดกับผู้จัดการคอนโดเลย
จะขอยืมไอ้เคนผมก็ไม่ได้สนิทถึงขนาดนั้นเพราะว่ามันเป็นเพื่อนที่สนามแข่งและไปกินเหล้า
กินตับหญิงด้วยกันที่สนิทจริงๆ ก็คือไอ้รามกับไอ้ไฟที่เจอกันตั้งแต่มัธยมจนถึงตอนนี้
ผมจดจ่อกับการแข่งขันที่ตอนนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ผมเหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็วจนออกตัวนำอีกสองคันที่เหลือทว่ารอบสุดท้ายกลับกลายเป็นรถสปอร์ตสีแดงขับนำผมและเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่ง
ส่วนผมก็เข้าตามมาติดๆ เสียงประกาศสิ้นสุดลงผมก็ลงจากรถก่อนจะมองรถคันหน้าที่ร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกับกางเกงขาเดฟสีดำ
ผมสีดำขลับสีชมพูปนขาวราวกับทำไฮไลต์
พอมันหันมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากราวกับต้องการเยาะเย้ยก็ทำให้อารมณ์ของผมขึ้นอีกครั้ง
“มองกูแล้วยิ้ม
มองหาพ่อมึงเหรอวะไอ้ไกด์!”
เดินไปผลักไหล่มันจนเซไปนิดหน่อย ไอ้ไกด์คือคนที่มาแข่งที่สนามแต่เวลาผมได้เจอกับมันทีไรผมจะแพ้มันตลอดและมันก็ชอบกวนตีนผมเพราะว่าผม...
โมโหได้ง่าย
“แพ้แล้วพาลเหรอลี้เทียน?”
“ไอ้สัด”
“ไอ้เทียนใจเย็นดิมึง”
เป็นไอ้เคนที่เดินมาคว้าตัวผมไว้ซะก่อนโดยมีสายตาของคนอื่นที่มองผมอย่างไม่ชอบใจ
คงเป็นเพราะผมหาเรื่องไอ้ไกด์ที่เป็นขวัญใจของคนในสนาม
ผมเดินมาพิงที่ขอบอัฒจันทร์พลางหยิบบุหรี่เหลืออยู่หนึ่งมวนออกมาจุดสูบมองไอ้เคนที่ทิ้งตัวลงนั่งตรงม้านั่งข้างกัน
“ช่างแม่งมัน กูก็ไม่รู้ว่ามันจะแข่งเปลี่ยนรถไม่ซ้ำเลยไอ้ห่า”
“อือ”
“ตกลงที่มึงเครียดนี้เรื่องอะไรวะ?
ปกติมึงแพ้ไอ้ไกด์มึงไม่เคยไปหาเรื่องมันนะ”
“มันยิ้มให้กูแบบกวนตีนมาก”
“เหตุผลมันน้อยไปปะ
ปกติมันก็ยิ้มกวนตีนให้กูให้มึงตลอด” ไอ้เคนพ่นควันบุหรี่เหนือหัว
ผมที่ได้ฟังคำถามจากมันก็ถอนหายใจออกมา
“กูต้องการใช้เงินด่วน”
“เดือดร้อนอะไรวะ?”
สบตากับไอ้เคนที่ขมวดคิ้วอย่างมึนงง แต่พอนึกขึ้นได้ก็ทำหน้าเข้าใจ “ลืมไป
มึงหนีออกจากบ้าน”
“อือ
กูค้างค่าคอนโดสามเดือนเจ็ดหมื่นไม่รวมค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเหี้ยอะไรอีกนะ”
“แข่งรถได้แค่สองหมื่น
เขากำหนดวันให้มึงวันไหน?”
“อีกสองวัน”
พยักหน้าให้กับไอ้เคนที่ตาโตทันที
“จะไปทันเหี้ยไรวะ”
“...”
“ยืมกูก่อนไหมล่ะ”
แม้ว่าไอ้เคนจะยื่นข้อเสนอให้
มันเป็นลูกชายนักธุรกิจส่งออกอาหารทะเลมีเงินและรวยมาก
แต่ผมกับมันเพิ่งรู้จักแค่ไม่กี่เดือนเองนะ เงินตั้งเยอะไม่กล้ายืมมันหรอก
“กูยืมไอ้รามกับไอ้ไฟ
มันยังไม่ได้คืนแล้วมึงคิดว่ามึงให้กูยืม มึงจะได้คืนไหม?” สาธยายยาวเหยียดไอ้เคนก็ทำหน้าหงุดหงิดทันทีเพราะมันคงอยากให้ผมยืมจริงๆ
นั่นแหละ แต่ผมก็ไม่กล้าพอไง
“งั้นกูมีข้อเสนอ”
“เหี้ยไร
ไม่ใช่ให้กูไปส่งยา ทำอะไรผิดกฎหมายนะ”
“ฟังกูก่อนสิวะ! กูไม่ให้มึงไปทำเหี้ยไรแบบนั้นหรอก”
ไอ้เคนลุกขึ้นยืนก่อนจะมองหน้าผมด้วยความขำขัน
เพราะว่าไอ้รามกับไอ้ไฟเคยเตือนผมเรื่องอยู่กับไอ้เคน
แม้ว่ามันจะไม่เคยให้ผมไปทำอะไรแบบนั้นแต่มาตอนนี้ผมเริ่มคิดแล้วนะ
“แล้วข้อเสนอของมึงคืออะไร”
“ไม่มีอะไรมาก
ที่มหาลัยกูอะมีน้องปีหนึ่งอยู่คนหนึ่ง น้องคนนี้นะสวยน่ารักและดูเย็นชาไม่สุงสิงกับใคร”
“ทำไม
เกี่ยวอะไรกับกูอะ”
บุหรี่ถูกสูบไปจนหมดผมก็ทิ้งลงพลางเอารองเท้าผ้าใบสีดำหุ้มข้อคู่โปรดขยี้จนแหลก
ที่ไอ้เคนว่ามันกับผมไม่ได้เรียนที่มหาลัยเดียวกัน
แต่รู้จักกันได้เพราะมาแข่งรถที่สนามเคยบอกไปแล้วไง
“มึงฟังกูนะ”
ไอ้เคนลุกขึ้นก่อนจะกอดคอผมพลางชี้นิ้วไปทางเข้าสนาม
จึงได้เห็นมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่และมีหนึ่งในนั้นที่กำลังร้องไห้อยู่
“ไอ้นุ มันเป็นรุ่นน้องที่มหาลัยกูมันก็มาแข่งรถที่นี่ด้วยแต่มึงคงไม่รู้จัก”
“อือ
บอกกูเผื่อ”
“ไอ้เทียน
มึงนี่นะ” ผมโดนไอ้เคนตบหัวหนึ่งทีก่อนจะมองไอ้คนที่ชื่อนุกำลังร้องไห้อยู่
“ไอ้นุมันโดนน้องเดียร์หักอก”
“...”
เดียร์เหรอ? ใครวะ
“มันตามจีบน้องเดียร์
แต่น้องเดียร์ไม่เล่นด้วยแล้วก็ไล่มัน มันก็เลยเสียใจร้องไห้”
“อ่า”
“ข้อเสนอของกูคือ...
มึงไปจีบน้องเดียร์”
“ห๊ะ! กูเนี่ยนะ” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนจะมองไอ้เคนที่ยกยิ้มมุมปากพลางยักคิ้วให้
“ใช่
มึงเซียนเรื่องหญิงนี่”
“ก็ใช่”
“พนันกันว่ามึงจะจีบน้องเดียร์เป็นแฟนได้หรือเปล่า”
กลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้เห็นแววตาที่เจ้าเล่ห์ของไอ้เคน
“เงินหนึ่งแสนจะโอนให้มึงทันทีที่มึงตกลง”
“เหมือนมึงว่างมากนะ
เอาเดียร์อะไรนั่นมาเดิมพันกับกู”
“ก็ให้ยืมมึงไม่เอา
ก็ตามนี้” มันก็ถูกของไอ้เคนนะที่ว่าให้ผมยืมฟรีๆ ผมก็ไม่เอาหรอก
แต่พอมีข้อเสนอมาแบบนี้ก็ทำให้ผมลังเลเหลือเกิน “มึงคิดดูดีๆ นะไอ้เทียน
เงินหนึ่งแสนมึงเอาไปจ่ายค่าคอนโดได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้เขาไล่ออก”
หรือโดนผู้จัดการคอนโดเล่นงาน!
“ตกลง”
“...”
“กูตกลงพนันกับมึง”
ตกลงทันทีโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง รอยยิ้มของผมกับไอ้เคนก็ส่งให้กันมันก็พยักหน้ารับ
“มึงจีบเดียร์ให้ติด
กูให้เวลามึงสองเดือน ถ้าเดียร์ยังไม่คบกับมึง... มึงเอาเงินแสนมาคืนกู”
“มึงนี่แม่ง...
ร้ายฉิบหาย”
แม้จะด่าไอ้เคนมันร้าย
แต่เอาเข้าจริงผมก็ต้องการเงินมากกว่าอะไรทั้งหมด
ส่วนจะจีบผู้หญิงที่ชื่อเดียร์ติดหรือเปล่า? มันก็อีกเรื่องนะ
“มึงแน่ใจเหรอ
ถ้ากูทำไม่สำเร็จกูไม่คืนเงินมึง”
“กูก็ไปบ้านมึงไง”
คำขู่ของไอ้เคนได้ผลสิ่งเดียวที่ผมไม่อยากให้พวกเขารู้ความเป็นไปของผม
บอกแล้วไงว่าจะไม่ยื่นมือไปขอเงินป๊าฉะนั้นผมจะต้องพยายามทำให้ผู้หญิงที่ชื่อเดียร์คบกับผมให้ได้ภายในสองเดือน
“กูตกลง”
“...”
“มึงโอนเงินมาเลย
พรุ่งนี้กูเริ่มงาน” ไอ้เคนยกยิ้มมุมปากก่อนจะเปิดรูปผู้หญิงที่ชื่อเดียร์ให้ผมดู
“คนนี้
เข้าถึงยากมาก”
ผู้หญิงคนนี้มีใบหน้าหวานน่ารัก
ผมสีดำยาว ดวงตากลมโต ริมฝีปากเล็กบาง ผิวขาว แถมยังตัวเล็ก...
แต่ภายใต้ใบหน้าหวานๆ กลับไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิดเดียว
จนผมพอจะเข้าใจกับคำพูดก่อนหน้านี้ของไอ้เคนแล้วที่ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เข้าถึงยากมากและมันก็จริงเพียงแค่มองรูปก็รับรู้ได้ทันทีว่า
‘เล่นด้วยยากแน่ๆ ลี้เทียน’
“ชื่อ ‘เดียร์’
อายุสิบเก้า ปีหนึ่งคณะอักษรฯ”
“ห่างกับกูสี่ปีเลยเหรอ?
แล้วไอ้นุก็จีบ”
“อือ ผู้หญิงเข้าถึงยากแบบนี้เป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้ชายหลายคน”
“มึงด้วยปะ?”
“กูไม่เกี่ยว
กูมีแฟนแล้วปะวะ”
“เออกูลืม”
ไอ้เคนมีแฟนแล้วและแฟนของมันก็โคตรจะเซ็กซี่หุ่นอึ๋มมาก แบบว่า...
ผมยังอยากจะฟัดเมียมันเลย
“ที่กูทำแบบนี้เพราะเห็นแกมึงหรอกนะ”
“จริงอะ”
“เออ... เพื่อนกูก็เคยเข้าหาเดียร์แต่ก็นะ
อกหักตามกันมา”
เข้าถึงยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ?!
“เดี๋ยวเจอลี้เทียนก็รู้”
สบตากับไอ้เคนที่ยกยิ้มมุมปากก่อนจะบอกว่าจะส่งรายละเอียดอื่นๆ
มาให้ในไลน์เพราะต้องไปตามถามเพื่อนตัวเองก่อน ผมก็ยังคงสงสัยในสิ่งที่มันทำนะ
จะว่าทำเพื่อผมก็ไม่ใช่ปะ? มันคงจะว่างมากจริงๆ
นั่นแหละถึงได้เอาเดียร์มาพนันกับผมแบบนี้และผมก็ตอบตกลงไง
เงินตั้งหนึ่งแสน
ใครบ้างจะไม่อยากได้และยิ่งเป็นผมด้วยนะ ให้ทำอะไรก็มาเถอะ! ยกเว้นเรื่องผิดกฎหมายนะ
INTRO แรกมาแล้วค่าาาา ไรต์ลงเต็มตอนเลยนะคะ
หลังจากลงต่อไปก็จะลงแบ่งครึ่งค่ะ
มารอติดตากันเยอะๆ นะคะ กด FAV ติดตามไว้เนาะ
ปล. ขอคอมเมนต์รอหน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ความคิดเห็น