คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - 1 -
"Fashion designers are dictators of taste."— Karl Lagerfeld
- 1 -
ลอเรน คิม กริฟฟินไม่เคยเมาค้างได้อนาถขนาดที่ว่าต้องโทรเรียกลูกน้องคนสนิทสั่งฟรัปเป้สตาร์บัคส์มาส่งถึงห้องหลังจากที่เมื่อคืนเขาไปดื่มกับนางแบบหุ่นเป๊ะชื่อแอนนาเบลที่ไนต์คลับบนถนนฟิฟท์อเวนิวจนเหล่าเซเลบริตี้ดิ้นเร่าๆกันหน้าอินสตาแกรมเมื่อพวกหล่อนเห็นดีไซเนอร์คนโปรดไปสังสรรค์กับนางแบบนิสัยเสียที่พวกเธอหมั่นเผาพริกเผาเกลือไปให้ทุกเมื่อเชื่อวัน บางคนถึงกับอัพสเตตัสในเฟซบุ๊คว่าฉันจะฆ่าแกก็มี
หัวหน้าคะ…โคลอี้กับเจสเองค่ะ
เขาจะไม่ตื่นจริงๆด้วยถ้าลูกน้องสองสาวไม่กล้าตะโกนดังๆผ่านจอมอนิเตอร์รับแขกหน้าประตูนั่นโดยไม่สนใจห้องอื่นๆที่ตอนนี้คงจะปาคำว่าโฮลี่ชิทใส่นางทั้งสองแบบโหมกระหน่ำ
“แหม กว่าจะเปิดประตูนะคะหัวหน้า กาแฟที่หัวหน้าสั่งเย็นหมดแล้วค่ะ” ทันทีที่ประตูเปิดออก สาวที่ชื่อโคลอี้ หรือ โคลอี้ ฮาเซกาว่า ก็รีบถลาเข้ามาในห้องพักหรูของลอเรนโดยไม่ลืมที่จะลากเพื่อนสาวนามเจสซี่ หรือ เจค ทอมป์สันที่กำลังยืนชื่นชมความหล่อของคนที่กำลังออกจากประตูห้องขวาสุดแล้วชูนิ้วกลางให้เขา เจค เอ้ย! เจสซี่คิดแล้วก็ส่อน่ะนะ
“ก็ฉันว่าฉันสั่งฟรัปเป้นะโคลอี้”
ไม่นะ…
“เอ่อะ…คือคาปูชิโน่เย็นแล้วก็เหมือนฟรัปเป้แหละค่ะหัวหน้า” โคลอี้แก้ตัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอฟังผิดจากการรับโทรศัพท์ในรถไฟฟ้าใต้ดินหรือว่าเมื่อเช้าหัวหน้าที่เธอเคารพยำเกรงพูดออกมาว่าคาปูชิโน่จริงๆกันแน่ ก็เมื่อเช้าเธอได้ยินว่าคาปูชิโน่ร้อนจริงๆ!
“หรือถ้าหัวหน้าไม่ปลื้ม เดี๋ยวเจสกินให้หัวหน้าก็ได้นะ” หลังจากสงบสติอารมณ์กับพ่อหนุ่มเจ้าของนิ้วกลางอันเด็ดดวงนั่นได้ เจสก็รีบยื่นปากเข้ามาแบบที่ไม่กลัวลอเรนจะตีแสกหน้าแบบที่โดนจนชิน
“ไม่ต้องๆ ลิ้นอย่างแกเหมาะกับกาแฟสำเร็จรูปเท่านั้น” แล้วก็เป็นไปตามนั้น เหมือนเจสจะชินได้แล้วแต่ก็พะอืดพะอมที่คอหอยทุกที ระหว่างที่หล่อนทำหน้าตาเลิ่กลั่ก หล่อนก็พึ่งสำนึกได้ว่าวันนี้ตนเองใส่เสื้อยืดที่เขียนว่า ‘คนสำเร็จรูปแค่เติมกาแฟก็พอ’ ตกลงจะให้หล่อนคิดว่าหัวหน้าชมหรือด่ากันแน่ตอบ?
หัวหน้าของโคลอี้และเจสมักทำให้พวกเขาและลูกน้องคนอื่นๆสับสนไม่ก็รู้สึกได้ว่าโดนเหน็บเข้าอย่างจังยิ่งกว่าหน่วยกอสซิปตามนิตยสารข่าวบันเทิง แต่ถ้าให้ผู้ชายผิวขาวซีดจนจะเป็นคำพ้องกับโรเบิร์ต แพททินสันแต่ต่างกันตรงที่เปลี่ยนสีผมบ่อยมากกับความคิดสร้างสรรค์ทางด้านการออกแบบที่คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ออกมาชมเปาะในฐานะอาร์ตไดเรกเตอร์ของแบรนด์เหมือนกันนั้นไม่เป็นอย่างที่เขาเป็นทุกวันนี้ ก็ไม่รู้เลยว่าความสำเร็จสำหรับแบรนด์เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าสุดเก๋อย่าง ‘เอเดรียน มิลเลอร์’ จะออกมาเป็นรูปเป็นร่างในอีกกี่ทศวรรษ เพราะความสำเร็จของเอเดรียน มิลเลอร์กำลังนั่งอยู่ตรงนี้ให้ทุกคนได้สัมผัส จากมันสมองสองมือของลอเรน คิม กริฟฟินที่มานั่งเก้าอี้อาร์ตไดเรกเตอร์ในปีสองปีที่ผ่านมา และหยาดเหงื่อของทีมดีไซน์ทุกคนอย่างที่ลอเรนให้สัมภาษณ์กับนิตยสารต่างๆเสมอเมื่อถามถึงความสำเร็จของเอเดรียน มิลเลอร์
‘ในเมื่อทุกคนคิดว่าผมคือผู้นำความสำเร็จมาสู่เอเดรียน มิลเลอร์ ผมยอมรับ แต่ถ้าไม่มีแรงกายของทุกคนในแบรนด์ ผลตอบรับทางแบรนด์ก็คงออกมาไม่ดีเท่านี้ ถ้าเป็นไปได้ ช่วยกล่าวถึงพวกเขาด้วยก็ดี -- ลอเรน คิม กริฟฟิน นิตยสารโว้ก ฉบับเดือนกันยายน 2011’
คนชอบกินกาแฟสดแถมยังปากคอเราะร้ายแล้วก็ไม่ค่อยยอมรับผิด ก็ยังมีมุมดีๆที่น่าชื่นชมอยู่บ้าง โคลอี้กับเจสฝากมาขอย้ำว่าบ้าง…
“อ้อ! มัสแตงฉันไปเที่ยวอู่ซ่อม เรียกรถของบริษัทมารับทีนะเจสซี่”
“ได้เลยหัวหน้า” ว่าแล้วนางก็ถึงกับละเลิกเล่นไลน์เพื่อต่อสายไปยังรถของบริษัท “โชเฟอร์ครับ ช่วยมารับคุณกริฟฟินที่อพาร์ทเม้นต์ด้วยนะครับ”
“แล้วถ้าพวกเราเรียกรถให้หัวหน้าแล้ว เราขอติดไปด้วยได้มั๊ยคะ?” ขณะนั้นโคลอี้ถามด้วยดวงตาที่เบิกโพลงทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ
“ไม่”
โคลอี้อยากจะฟ้องแม่แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันขัดกับวัยเกินไป ที่สำคัญเธอมีคุณแม่สองคน คนแรก คุณแม่ที่กำลังถักนิตติ้งพลางจิบชามิ้นท์อยู่ในมลรัฐเนบราสก้าอันสุดยะเยือกกับอีกคนที่ผู้เป็นริเริ่มให้ผู้หญิงสามารถใส่กางเกงได้ คุณแม่โคโค ชาเนล แต่ถ้าจะให้ฟ้องจริงๆล่ะก็เลือกไม่ถูกพิลึก
.
.
.
.
.
ลอเรน คิม กริฟฟินจะไม่แสดงอาการเมาต่อหน้าธารกำนัลแม้ว่าฤทธิ์ของแจ็คแดเนียลส์ยังคงดิ้นพล่านในตัวเขาอยู่ตลอดเวลาแม้สัมผัสไม่ได้ ตอนนี้เขามาถึงร็อคกีเฟลเลอร์เซ็นเตอร์ ศูนย์รวมตึกสูงและศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญไม่แพ้ถนนวอลสตรีทที่แฟนเก่าของกริฟฟินทำงานอยู่
“ขอบคุณมากโชเฟอร์” กริฟฟินกล่าวด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งพร้อมยื่นแบงค์มูลค่าสิบดอลลาร์ให้กับโชเฟอร์ที่กลัวกริฟฟินด่าจนเหงื่อตกว่าขับรถช้ากว่าคนรุ่นปู่ ก่อนจะลงจากรถและพบว่าเขากำลังยืนอยู่หน้าตึกชื่อแอตลาส ซึ่งมีแบรนด์แฟชั่นเอเดรียน มิลเลอร์เป็นเจ้าของหกชั้นสุดท้ายจากชั้นบนสุด มีเจ้าของเป็นคนเกาหลี การย้ายสำนักงานใหญ่จากแวนคูเวอร์มายังนิวยอร์คเลยง่ายต่อการเจรจาในเมื่อลอเรนก็ยังหลงเหลือความเป็นเกาหลีในตัวอยู่บ้าง แม้จะแค่เสี้ยวหนึ่งก็ตามที
เสี้ยวหนึ่งนั้นคือชื่อเกาหลีที่หญิงสาวเชื้อสายแคนาดา-เกาหลีผู้ให้กำเนิดตั้งให้เขา ‘แจจุง’
ระหว่างที่แจจุงกำลังจะเดินเข้าไปในตึก แน่นอนว่าต้องมีนิวยอร์กเกอร์ผู้ตกเป็นเหยื่อแฟชั่นที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นมาจับภาพลุคออฟเดอะเดย์ของลอเรน คิมให้เขาหงุดหงิดเล่น ส่วนใหญ่เป็นพวกมนุษย์เงินเดือนกระเป๋าหนักที่พร้อมทุ่มทุกครั้งเมื่อเห็นแฟชั่นที่พวกเขาถูกจริต พวกเขาจะถือว่าลอเรนหรือแจจุงเป็นต้นแบบของการแต่งตัวแบบลัทธิสตรีนิยมที่อ่อนช้อย ละเมียดละไมทว่าแข็งแกร่งแบบผู้ชาย ผสมความป่าเถื่อนนิดๆตามแบบของเขา ถ้าคุณไปอ่านตามบล็อกแฟชั่นที่กัดเจ็บๆและชอบมีคอลัมน์เรื่องบนเตียงแซมมาเป็นกระษัยแล้วล่ะก็ บล็อกเกอร์เหล่านั้นระบุว่าลอเรน คิม กริฟฟินอยู่สายเอส!
นอกเรื่องไปมากจริงๆ สรุปว่าวันนี้ลุคออฟเดอะเดย์เป็นกางเกงยีนส์สีดำขาดๆกับเสื้อแจ็คเก็ตสั้นๆลายพริ้นท์ขาวดำกับเล็บที่ถูกแต่งแต้มมาจนดำขลับ โดยที่ลอเรนได้เคยโพสท์รูปลงอินสตาแกรมว่าเขากำลังตกหลุมรักกับยาทาเล็บของชาเนลสีแบล็คซาตินที่เมื่อทาลงบนเล็บแล้วจะไม่ต่างอะไรกับพื้นผิวรถหรูเลยทีเดียว (ก็อปมาจากในอินสตาแกรมชื่อแอลอิสฟอร์ลูมินัสเป็นบางส่วน) เสื้อด้านในน่าจะเป็นของจอห์น แกลลิอาโนส่วนรองเท้าบู๊ทปักหมุดเงินน้อยๆพอเป็นรายละเอียดนั้นเป็นคอลเลคชั่นก่อนหน้านี้ของเอเดรียน มิลเลอร์ที่ลอเรนออกมายืนยันว่ามันจะเป็นบู๊ทที่ใส่ได้ทุกฤดูกาลและคุ้มค่าเงินหนึ่งพันห้าร้อยห้าสิบห้าดอลลาร์ของคุณแน่นอน
เพราะมันใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงน่ะสิ! ถ้าสนใจล่ะก็สำนักงานใหญ่ลงมติกันตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าจะยังคงผลิตต่อไปและวางขายในบูติกของเอเดรียน มิลเลอร์ทุกสาขาจนกว่าเรตติ้งของมันจะตก พิเศษสุดสำหรับนิวยอร์กเกอร์ส สำหรับสาขาห้างซากส์ฟิฟท์อเวนิว ห้างเบิร์กดอฟกู๊ดแมนและแฟลกชิพสโตร์บนฟิฟท์อเวนิว ทุกการซื้อบู๊ทคู่นี้ทางร้านจะแถมน้ำหอมกลิ่นแรกของแบรนด์ขนาดที่วางขายจริงให้คุณได้ทดลองก่อนใครด้วย!
.
.
.
.
.
ของเก่าที่หากินได้จะกลายเป็นตำนาน แต่การไม่หยุดค้นหาสิ่งใหม่จะทำให้ตำนานนั่นมีชีวิต แม้ยอดขายของรองเท้าบู๊ทกับน้ำหอมกลิ่นแรกของแบรนด์จะเข้าคู่และขายดีพอๆกับเซตอาหารเช้ายอดฮิตจากแมคโดนัลด์ แต่การคัดตัวนางแบบและนายแบบสำหรับคอลเลคชั่นรีสอร์ทที่จะนำเสนอภายในสามเดือนข้างหน้า ถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่อาร์ตไดเรกเตอร์อย่างลอเรนจะต้องลงมาควบคุมเอง
ทันทีที่แจจุงก้าวเท้าเข้ามาในบริเวณห้องโถงของสำนักงาน ผู้คนที่เคยส่งเสียงจ่อกแจ่กก็พลันเงียบ เช่นเดียวกันกับเจสและโคลอี้ที่รีบวิ่งเข้ามาหลังจากที่อาร์ตไดเรกเตอร์เปิดประตูด้วยความเหนื่อยหอบที่วิ่งมาจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพราะกลัวไม่ทันเวลา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะหัวหน้า” แน่นอนว่าโคลอี้และเจสก็ได้รับความไว้วางใจจากลอเรนให้เป็นคนช่วยคัดตัวนางแบบ เพราะจากผลงานการออกแบบเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นของสองคนนี้ทำให้เขาจับได้ว่าทั้งคู่มีสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับสรีระของชายหญิง แน่นอนมันช่วยให้เสื้อผ้าบนรันเวย์ดูดีขึ้นมาก แม้ว่าวันนี้ตัวแทนฝ่ายการตลาดจะไม่ว่างเนื่องจากต้องไปประชุมที่ลอนดอน จึงมอบหมายให้ทั้งสองมาช่วยคัดตัวแทน ถึงเป็นทีมดีไซเนอร์ก็เจนเรื่องกระแสตอบรับของลูกค้าอยู่พอตัวล่ะน่า
ลอเรนนึกเยาะเย้ยในใจเพราะรู้ว่าลึกๆโคลอี้กับเจสอยากประลองความเร็วอยู่ตลอด และเขาก็จะชนะตลอด แต่เขาไม่นึกจะออมมือให้ มันเป็นการฝึกวินัยลูกน้องอย่างหนึ่งของหัวหน้าจอมโหดอย่างเขา
อาร์ตไดเรกเตอร์นั่งอยู่ริมสุดโต๊ะโดยมีโคลอี้ เจสซี่และแขกคนสำคัญ มิสเจ. อเล็กซานเดอร์ รันเวย์โค้ชชื่อดังที่ลอเรนถูกจริตตอนได้ชมอเมริกาเน็กซ์ท็อปโมเดลรีรันเมื่อสัปดาห์ก่อน เราจึงเห็นเขากอดกันแสดงความนับถือของกันและกัน
“เป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับคุณกริฟฟิน” มิสเจ. กล่าวด้วยสำเนียงเกย์ที่ทุกคนคุ้นเคยจากเวทีการประกวด
“เช่นกัน ฝากด้วยนะครับ” แจจุงโค้งน้อยๆตามแบบตะวันออกก่อนที่โชว์จะเริ่มขึ้น เสียงเพลงเบสเสียงแจ๋วค่อยๆเร่งเสียงให้ดังขึ้นพอๆกับที่นางแบบคนแรกเดินออกมาจากหลังเวที การคัดตัวครั้งนี้มีข้อแม้สำหรับเพศหญิงนิดหน่อยว่าพวกคุณทุกคนต้องใส่ส้นสูงอีฟแซงต์เลอรองต์ซึ่งถือว่าบังคับให้ดูมาดมั่นได้ค่อนข้างยาก ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ แต่เป็นทุกครั้งที่กริฟฟินบังคับจิตใจนางแบบเหล่านั้น และด้วยสายตาที่จ้องเขม็ง จริงจังและลึกล้ำของเขา นางแบบกลัวเกร็งจนเดินเป๊ะกันทุกราย
ดูเบลค ไลฟ์ลี่เป็นตัวอย่างสิ รายนั้นไม่ได้เดินรันเวย์แต่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิเมื่อสองปีที่แล้ว เธอต้องใส่ส้นสูงเจ็ดนิ้วที่มีส้นเข็มบางๆแทบจะกลืนหายไปกับอากาศ แจจุงใช้เวลาการออกแบบส้นสูงคู่นี้เพียงครึ่งชั่วโมง ออกมาเป็นรูปร่างภายในสามวันและวางขายภายในสองสัปดาห์ถ่ายรูปโปรโมทที่ชั้นดาดฟ้าของตึกเอ็มไพร์สเตท โชคดีที่เบลคชอบมัน และกลายมาเป็นเพื่อนสนิทของแบรนด์เอเดรียน มิลเลอร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้เธอจะเคยบ่นว่ามันเป็นส้นสูงเจ็ดนิ้วที่น่ากลัวหกคะมำที่สุดเท่าที่เคยใส่มา แต่เธอบอกว่ามันมหัศจรรย์ที่ขาคุณจะยาวขึ้นแบบไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหละ!
(ตอนนี้ก็ยังวางขายอยู่ แต่นูเมอรัสซูเอดพัมพ์สไม่มีของแถมเป็นน้ำหอมเหมือนพินอิทอัพบู๊ทส์นะ แต่เพื่อขาที่ยาวขึ้นเพียงสวมมัน คุ้มราคาเจ็ดร้อยยี่สิบหกดอลลาร์ทุกเซ็นต์เลยล่ะ)
ตอนนี้นางแบบก็เดินออกมาโชว์หุ่นที่บ้างก็สะโอดสะองและบ้างที่น้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน กรรมการทั้งสี่คนเข้มงวดกับโปรไฟล์ของนางแบบมาก แจจุงไม่ชอบนางแบบแห้งๆเท่าไหร่แม้จะมีมากในตลาดก็ตามที แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ ทางแบรนด์ก็มักจะทุ่มเงินเพื่อขุนให้นางแบบเหล่านั้นมีส่วนโค้งเว้าขึ้นมาด้วยอาหารชั้นเลิศที่หาได้ในนิวยอร์กหรือตามเมืองที่ไปจัดงาน
“แอนนาเบลน่าสนใจมาก” ระหว่างช่วงพักก่อนที่จะเป็นเวลาของนายแบบขึ้นมาเดิน มิสเจก็แสดงความคิดเห็นขึ้นมาพร้อมกรีดกรายมือแบบที่เจสซี่ทำคล้ายๆกัน
“คุณเห็นว่าอย่างนั้นรึ?” ลอเรนงึมงำแล้วเป่าปากด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหยิบรูปถ่ายของเธอขึ้นมาพินิจ “เธอมีกระดูกแก้มที่สวยทำให้หน้าเธอเด่นมาก เหมาะกับรูปถ่ายมากกว่านะ”
“แต่เจสได้ข่าวว่าแอนนาเบลขี้เหวี่ยงและวีนแตกมากนะคะ” เจสซี่เสริมในฐานะหน่วยข่าวกรองลับของเอเดรียน มิลเลอร์ ด้วยเหตุนี้ลอเรนจึงเลือกเจสซี่มาช่วยคัด
“ที่สำคัญชอบประจบด้วย” แจจุงเสริม “เมื่อคืนเกือบได้แอ้มฉันแล้วไงล่ะ ที่ฉันอัพไอจีน่ะ”
“อ๋อเหรอคะ” โคลอี้พึ่งรู้จึงอุทานออกแบบนั้น เรียกว่าทำเป็นพึ่งรู้จะดีกว่า เพราะเธอไม่เคยพลาดความเปลี่ยนแปลงของเซเลบริตี้ตามทวิตเตอร์ เฟซบุ๊คและอินสตาแกรมเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างเปลี่ยนทรงผมไปจนถึงเรื่องศัลยกรรม!
ใครโกหกว่าไม่ได้ทำศัลยกรรมมา ถ้าอยากแน่ใจถามโคลอี้ได้คำตอบแน่ๆ
“ใช่ๆ แอนนาเบลมีชื่อมาตั้งนานแล้วเรื่องประจบทางแบรนด์ก่อนคัดตัวมาหนึ่งวัน แต่ก็อย่างที่คุณรู้ ตอนนี้เธอดังมาก แถมปีที่แล้วที่เธอเป็นพรีเซนเตอร์ให้ทอม ฟอร์ด บิวตี้ยอดขายของแบรนด์นั้นเพิ่มขึ้นตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์!” เจสร่ายยาวเป็นการช่วยให้แจจุงตัดสินใจง่ายขึ้น
“สามสิบเปอร์เซ็นต์งั้นเหรอ?” แจจุงเข้าใจฝ่ายการตลาดแล้วที่ฝากหน้าที่ให้โคลอี้กับเจสช่วยดูแล พวกเขามีโปรไฟล์ฉบับเจาะลึกแบบที่หาที่ไหนไม่ได้พร้อมเสิร์ฟตลอดแม้ในยามที่ไม่ต้องการ
“ถึงแม้เธอจะมีคนไม่ชอบเยอะ แต่คนไม่ชอบแอนนาเบลก็มาซื้อเครื่องสำอางของทอม ฟอร์ดเหมือนกัน แถมพวกนางก็ยังโพสต์หน้าตัวเองที่แต่งด้วยเครื่องสำอางนั้นแล้วผลปรากฏว่าพอใจกันทุกราย แล้วก็รีวิวเครื่องสำอางในแง่ดีด้วย ที่ญี่ปุ่นเขาเรียกซึนเดเระค่ะ”
“ซีนเดเระงั้นเหรอ? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยแม้ฉันจะพอเข้าใจความหมายอย่างที่คุณบอก” มิสเจเบิกตาโพลงและยิ้มเมื่อได้ค้นพบกับศัพท์ใหม่ที่สุดจะโก้เก๋ “สะกดยังไงล่ะ?”
“ที-เอส-ยู-เอ็น-ดี-อี-อาร์-อีค่ะมิสเจ”
“เริ่ด!”
ขณะนั้นเอง สตาฟสาวในเสื้อยืดดำและไมค์ลอยก็เดินเข้ามาที่โต๊ะของกรรมการพร้อมกับเอกสารในมือ พวกเขาทั้งสี่จึงเลิกหัดพูดซึนเดเระแล้วให้ความสนใจกับสตาฟ
“เดี๋ยวโชว์นายแบบจะเริ่มแล้วนะคะ แล้วนี่ก็มีใบสมัครมาเพิ่มค่ะ” เธอพูดอย่างฉะฉานแต่ทว่ากลับยื่นใบสมัครแบบอิดๆออดๆแบบไม่ค่อยมีความมั่นใจ
“เดี๋ยวๆ ฉันเคยบอกว่าไม่รับใบสมัครวันคัดตัวและก่อนวันคัดตัวหนึ่งวันไง แล้วนี่อะไร?” กริฟฟินไม่รับกระดาษมาและตั้งคำถามให้สตาฟตอบไม่ถูก สีหน้าจิกกัดของแจจุงทำให้สตาฟยิ่งอกสั่นขวัญแขวนเข้าไปใหญ่
“คือ…เขาให้เช็คฉันมาหนึ่งพันห้าร้อยดอลลาร์ตรงทางเข้า ฉันพยายามห้ามเขาและบอกให้เขากลับไปเพราะฉันรู้ว่าคุณคงไม่ยอมแน่ๆ แต่ว่าเงินมันมากฉันก็เลยไม่ทน”
เจส:
หนึ่งพันห้าร้อยดอลลาร์? กรี๊ดดดด~ ได้พินอิทอัพบู๊ทหนึ่งคู่เลยนะ
แก ฉันจะไม่ทน ! เจสซี่ ทอมป์สันจะไม่ทน !
โคลอี้:
เป็นฉันก็ไม่ทนว่ะ ว่าแต่คนๆนั้นเป็นใคร? นี่แค่ค่าผ่านประตูยังทุ่มขนาดได้พินอิทอัพ,
แกเอ้ย ถ้าเขาได้เข้ามาจริง มาเจอลอเรนเข้านี่ไม่ทุ่มคอลเลคชั่นโอกูตูร์เลยรึไง?
ท่ามกลางความเงียบของสถานการณ์ เสียงกดข้อความในวอทส์แอปของเจสกับโคลอี้ก็ดังระรัวแบบไม่เกรงใจคุณกริฟฟินและคุณมิสเจ เพราะตอนนี้อาร์ตไดเรกเตอร์ของเรากำลังนั่งซักถามกับสตาฟถึงความจริงที่เกิดขึ้น
“แล้วคุณจะรับใบสมัครนี้ไว้มั๊ยคะ?” หลังจากที่ได้ฟังเหตุผลและคำด่าจี๊ดๆของลอเรนแล้ว สตาฟก็ย้ำให้แน่ใจอีกครั้งว่าเงินมูลค่าพันกว่าดอลลาร์นี้จะเนรมิตทุกอย่างดั่งที่ใจใครบางคนต้องการ ไม่อย่างนั้นล่ะก็เธออาจจะตกที่นั่งลำบาก แม้ว่าตอนนี้จะเปลี่ยนจากคำว่านั่งมาเป็นยืนเท่านั้น
“ก็ได้ แล้วฉันจะจัดการเรื่องนี้แทนเธอเอง ไม่ต้องเอาไปฟ้องสื่อหรือคนนอกน่ะเข้าใจมั๊ย? ฉันไม่ชอบกิริยาแบบลูกสาวคนเดียวของพ่ออะไรแบบนั้นน่ะ” ลอเรนคว้าใบสมัครมาจากมือของสตาฟอย่างรวดเร็วจนเธอตกใจ พร้อมกับจิ๊ปากและส่งสายตาจิกๆให้
“ไปได้แล้ว บอกให้โชว์เริ่มได้”
เมื่อใบสมัครนั่นอยู่ในมือ ลอเรนแทบไม่ได้ปรายตามองมันด้วยซ้ำ (บอกว่าไม่เลยยังจะดูดีกว่า) เขาโยนมันให้โคลอี้และเจสซี่ที่กำลังเม้าท์แตกในวอทส์แอปกับเรื่องที่นำออกอากาศสู่สายตาของลอเรน คิม กริฟฟินไม่ได้ (นินทานั่นเอง!) กระดาษบางที่แนบรูปถ่ายนั้นก็ปลิวไปตกลงบนไอโฟนห้าของโคลอี้พอดี
“นี่มัน…” โคลอี้ที่อยู่ข้างๆเห็นดังนั้นหวังดีก็เลยหยิบออกให้ก่อนจะกรีดร้องแบบไม่มีเสียง ทั้งที่ในใจคงจะดังลั่น!
“ยุนโฮ…ยุนโฮจริงๆด้วย” เจสซี่ยื้อกระดาษมาให้ตัวเองเห็นชัดๆว่าเป็นใบสมัครของนายแบบที่กำลังฮอต ฮอต ฮอตแอสฟัคในเวลานี้!
“โอ้พระเจ้า! ไม่น่าเชื่อเขาจะใช้รูปที่ฉันชอบโคตรๆแนบมา มดลูกฉันระเบิดอย่างงดงามค่ะยุนโฮ!” โคลอี้เอามือทาบอกก่อนจะขยี้ผมบลอนด์สลวยที่อุตส่าห์จัดทรงมาในรถไฟฟ้าจนกระจุยเหมือนคนบ้า เจสซี่ก็ไม่ต่างกัน หน้าเขาตอนนี้เหมือนน้องหนูชอบกินแยมได้อีกเมื่อได้เปิดรูปที่ยุนโฮแนบมาดูทีละรูป ถึงเจสซี่จะไม่มีมดลูกแต่รับรองว่าถ้ามีล่ะก็ไม่แพ้โคลอี้แน่นอน
“ใครสาดกาแฟใส่พวกเธอกัน?” ทันทีที่กริฟฟินหันมาจิก พวกนางทั้งสองคนก็ตัวลีบลงไปถนัดตา แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกนางจะหยุด!
“ลอเรนซัง คนที่ยอมทุ่มเงินหนึ่งพันห้าร้อยดอลลาร์เพื่อมาสมัครน่ะเป็นชองยุนโฮนะ!” โคลอี้ได้ยินดังนั้นก็รีบยื่นใบสมัครของยุนโฮให้ตรงหน้าลอเรน
“ชองยุนโฮเหรอ? อย่าล้อมิสเจเล่นนะ…โอ้พระเจ้า”
“นี่คุณก็เป็นไปกับเขาด้วยรึ?” กริฟฟินจิกสายตาโดยไม่สนใจมิสเจจะดึงเอกสาร ‘เปล่าประโยชน์’ ของเขาออกไปจากมือ และนำไปกรีดร้องลมๆแต่รับรองว่าบรรยากาศไม่ได้ต่างอะไรกับที่เขาเดินผ่านเวทีกลางแจ้งของจัสติน บีเบอร์เลยสักนิด มีแต่เสียงกรีดร้องจากพวกบีลีเบอร์ดังระงมจนเขาสงสารวงโปรดอย่างจามิโรไควที่กำลังร้องเพลงจากไอพอดทัชสีแดงของเขาแข่งกับเสียงด้านนอก
“กริฟฟิน คุณไม่ควรพลาดข้อเสนอนี้นะ เขาเสนอตัวให้แบรนด์คุณและแน่นอนไม่ใช่แค่แบรนด์คุณชอบเขา ลูกค้าของแบรนด์คุณจะต้องปลาบปลื้มแน่นอน”
“มิสเจครับ ผมกำลังดูนายแบบที่มีศักยภาพพอสำหรับแบรนด์ของผมอยู่ เห็นรึเปล่า?”
“ขอโทษฮ่ะ! ฉันเห็นแต่ยุนโฮเคว้งคว้างเต็มไปหมด!” ลอเรนคิดว่าตัวเขาน่าจะชินได้แล้วกับการโดนตอกกลับจากคนในวงการแฟชั่นที่ฝีปากเปรี้ยวจี๊ด แต่เขาก็ยังไม่ชินซะที! ยิ่งมิสเจพูดแบบนี้เขาก็ยิ่งโมโห เลยได้แต่เม้มริมฝีปากเก็บงำอาการนั้นเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของมิสเจ
เพราะเวลาว่างของแจจุงนอกจากคิดสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆแล้วก็คือเทควันโด!
ลอเรนเงียบและมองไปที่รันเวย์ซึ่งมีนายแบบกำลังเดินเรียงกันมาอวดทรวดทรง เขารู้สึกจริงๆไม่ได้รู้สึกไปเองว่านายแบบอีกมากมายที่มาคัดตัววันนี้นั้นมีแรงดึงดูดมากมายพอที่จะกลบพวกหลงผิดชอบยุนโฮไปได้ แค่ในรูปภาพที่แนบมา คนอื่นก็ขึ้นกล้องมากกว่าไอ้บ้านี่ ยิ้มสวยกว่าไอ้บ้านี่แล้วกล้ามท้องช็อกโกแลตนั่น…ถึงจะน่าลูบพอๆกัน แต่ลอเรนแมนพอที่จะจำแนกได้ว่าคุณสาวๆเหยื่อเอเดรียน มิลเลอร์จะชอบแบบไหนมากกว่า
“นั่นไงยุนโฮ!” มิสเจที่ชนะอาร์ตไดเรกเตอร์มาหนึ่งยก ดูนางยังไม่สาสมใจ นางยังระริกระรี้ชี้ชวนให้แจจุงจับตามองเขาซึ่งกำลังเดินออกมาจากหลังเวทีด้วยเสื้อโปโลธรรมดาๆกับกางเกงขาเดฟที่แนบเนื้อซะจนจินตนาการของเจสกับโคลอี้เตลิดแบบสิปแปดบวก เปลี่ยนบวกเป็นคูณก็ยังไหว
ร่างสูงสมส่วนของยุนโฮกำลังเดินออกมาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ใบหน้าทางตรงที่มองมุทะลุไปข้างหน้า ตาตี่ๆแบบเอเชียอันเป็นเสน่ห์นั้นเซ็กซี่พอๆกับผิวสีแทนและกล้ามแขนที่ขึ้นรูปเป็นมัดๆ ซึ่งยิ่งใส่เสื้อแขนสั้นแล้วก็ยิ่งเห็นว่ามันต้องกับแสงสปอตไลท์ได้งามจับใจขนาดไหน
ลอเรนกำลังจะเป็นบ้ากับกรรมการที่มานั่งขนาบข้างด้วยอาการเหม่อลอยถึงชายร่างสูงซึ่งกำลังโพสท่าอยู่ที่ปลายรันเวย์ แค่หันข้างโชว์สันจมูกโด่งๆนั่นก็ชนะไปอีกหนึ่งยก เพราะขณะที่เขาหันข้าง ใบหน้าของเขาก็อยู่ตรงข้ามโต๊ะของกรรมการทั้งสี่พอดี
“เขามองฉันน่ะแก! เขามองฉัน”
“นังโคลอี้แกอย่ามาโมเม!”
แต่ใครเลยจะรู้…ว่าเพียงเสี้ยววินาทีที่ยุนโฮหันมาทางกรรมการทั้งสี่ เขากำลังปวดประสาท
คุณต้องบ้าไปแล้วที่ไม่มองผม
แล้วผมก็บ้าไปแล้วที่เมื่อหันหลังกลับเข้าหลังเวที
ภาพที่คุณเพิกเฉยกับผม จะมีผลกับผมมากขนาดนี้
เจ็บใจยิ่งกว่าตอนมิแรนด้า เคอร์เฉยกับผมซะอีก
คุณเป็นใครกัน?
ความคิดเห็น