ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KHR] reborn Novel

    ลำดับตอนที่ #1 : ๑

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 55


               ‘ระ...ร้อนชะมัด ทำไมหน้าร้อนนี้มันถึงได้ร้อนแบบนี้นะเสียงความคิดภายในใจของเด็กหนุ่มผมฟูสีน้ำตาลที่มันลู่ลงกว่าปกติเล็กน้อยเพราะเหงื่อที่ชุ่มไปทั้งหัวถึงต้องนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ เพราะอากาศที่ของหน้าร้อนที่ร้อนจัดขนาดพัดลมยังเอาไม่อยู่ทำให้คนที่มีภูมิต้านทานอ่อนแออย่างร่างเล็กคนนี้จึงอยู่ในสภาพที่ราวกับปลาที่กำลังถูกย่างจนใกล้สุกอย่างไรอย่างนั้น จนไม่ได้สนใจอาจารย์ที่สอนอยู่ที่หน้ากระดานซักนิด

                    สึนะ นายๆไม่เป็นไรนะเพื่อนผมนิลที่หลังอยู่ทางด้านหลังกระซิบถามคนที่นอนฟุบอยู่ ก่อนจะได้การส่ายหัวกลับออกมาเล็กน้อย

                    กริ๊ง!!~เสียงออดบอกอเวลาเลิกเรียนดังขึ้นมา นักเรียนหลายคนรีบเร่งเก็บข้าวของลงกระเป๋าแล้วรีบเร่งออกจากห้องเรียน เพื่อไปยังที่ๆนัดกันไว้หลังเลิกเรียน บ้างก็ไปชมรมเพื่อฝึกซ้อม ในห้องนั้นจึงเหลือเพียงคนสามคนอยู่ในห้อง

                    รุ่นที่สิบไหวมั้ยครับเด็กหนุ่มผมเทาเดินมาเอยถามคนที่เอาแต่นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะอย่างเป็นห่วงกับอาการแพ้ความร้อนของคนตรงหน้า ก่อนที่คนถูกถามจะค่อยๆเงยใบหน้าอันซีดเซียวพร้อมกับพวงแก้มที่ขึ้นเลือดฝาดๆขึ้นมาส่งยิ้มให้เล็กน้อย

                    พะ...พอไหวอยู่น่ะโกคุเทระคุงสึนะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ช้าๆโดยมีเพื่อนทั้งสองค่อยประคองให้ลุกขึ้น แต่ก็เซจนเกือบหัวฝาดกับโต๊ะถ้าไม่ได้เพื่อนผมนิลที่อยู่ข้างๆนั้นคว้าตัวไว้ได้ก่อน พอจะถามว่าเป็นอะไรคนตรงหน้าก็สลบไปแล้ว

                    ไม่มีภูมิต้านทานเลยเหะหมอนี่น่ะยามาโมโตะพูดขึ้นเมื่อเห็นสึนะที่สลบบอยู่ในอ้อมแขนของตน ก่อนจะแบกคนที่สลบขึ้นหลังแต่ก็โดนใครบ้างคนขัดขึ้นมาซักก่อน

                    อย่ามาเตะต้องรุ่นที่สิบน่ะเจ้าบ้าเบสบอลโกคุเทระแว้ดขึ้นมาแทบจะทันทีเมื่อเห็นยามาโมโตะแบกร่างเล็กของสึนะขึ้นหลัง

                    ชู่ๆเบาหน่อยสิ สึนะหลับอยู่น่ะยามาโมโตะเอ่ยเตือนโกคุเทระ แล้วหันมามองคนที่ยังหลับอยู่บนหลังของตนนอย่างโล่งใจที่ไม่ตื่นขึ้นมา โกคุเทระจึงได้แต่มองมาอย่างหงุดหงิดก่อนถือกระเป๋าของสึนะตามหลังของคนที่แบกเจ้าของชื่อออกไปแล้วแม้จะโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

                    ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าบ้าเบสบอล

                ~บ้านซาวาดะ~           

                “แหม~ซือคุงนี่ล่ะก็ ต้องขอโทษจริงๆน่ะจ๊ะที่ให้ลำบากมาส่งแบบนี้คุณแม่วัยสาวนาม ซาวาดะ นานะเอยขึ้นมาอย่างเกรงใจโกคุเทระกับยามาโมโตะที่พาสึนะมาส่งที่บ้านแถมยังขึ้นไปส่งบนห้องแล้วพานอนบนเตียงให้เรียบร้อยอีก

                    ไม่เป็นไรหรอกครับท่านแม่ เรื่องแค่นี้สำหรับมือขวาอย่างผมแล้วมันเล็กน้อยครับโกคุเทระเอยออกมาอย่างดีใจที่โดนนานะชม

                    ไม่เป็นไรหรอกครับ แถมตัวของสึนะเองก็ไม่ได้หนักอะไรมากยามาโมโตะพูดขึ้นตามที่ตนคิด

                    แหม~เกรงใจจังเลยจ๊ะ

                    งั้นฝากลารุ่นที่สิบ/สึนะเขาด้วยนะครับยามาโมโตะและโกคุเทระพูดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดกัน โกคุเทระจึงหันมามองอย่างโกธรเคืองคนข้างตัวที่ดันมาพูดพร้อมเขา ยามาโมโตะเองก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่ส่งยิ้มแบบร่าเริงมาให้ราวกับไม่สนอะไร ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกมาจากบ้านซาวาดะ

                    -ห้องนอนของสึนะ-

                “อือ....เสียงละเม่อของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงดังขึ้นมาเบาๆก่อนที่เปลือกตาจะค่อยปรือตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ มือเล็กๆยกขึ้นมาบังแสงหลอดไฟบนเพดานเพราะสายตายังไม่ชินกับแสงรอบตัวนัก ...ที่นี่มัน...ห้องนอนงั้นเหรอ...

                แอด~เสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามาโดยนานะที่ยกชามข้าวต้มขึ้นมาให้คนสลบ มองคนที่เพิ่งฟื้นอย่างอมยิ้มเล็กน้อยเพราะสายตาที่สึนะมองมาที่ตนราวกับสงสัยว่าตนเองนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

                    ซือคุงเป็นลมที่โรงเรียนยามาโมโตะกับโกคุเทระคุงเลยพามาส่งที่บ้านนะจ๊ะ ทำเอาทุกคนเขาเป็นห่วงกันยกใหญ่เลยน่ะนานะตอบสิ่งที่สึนะสงสัยแล้วจึงยกชามข้าวต้มมาวางไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะนึกถึงกลุ่มคนที่มาเยี่ยมคนที่เป็นลม พอรู้ข่าวว่าคนๆนี้เป็นลมก็แห่กันมาซะยกใหญ่ใครที่มาไม่ได้ก็โทรศัพท์มาถามอาการ ขนาดสามีของเธอเองที่ปกติจะตามตัวยากกลับโทรมาบอกว่าอีกไม่กี่วันก็จะกลับมาบ้านแม้จะเป็นเรื่องที่ตัวเธอเองนั้นดีใจสุดๆ แต่พอพ่อลูกคู่นี้มาเจอกันทีไรก็ออกไปข้างนอกแต่เช้าตกเย็นสึนะก็กลับในสภาพดูไม่ได้ทุกที จนเธอเองก็อดหวงลูกไม่ได้

                    งั้นเหรอครับสึนะตอบกลับมาสั้นๆอย่างเรียบเฉย น้ำเสียงที่ออกจะเย็นชานั้นทำเอานานะเหลือบไปมองหน้าของลูกชายที่กำลังตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าไล่ความร้อนก่อนจะตักเข้าปากและเคี้ยวช้าๆ

                    จริงด้วยสิ อีกไม่กี่วันพ่อเขาจะกลับมา...

                “งั้นผมจะไปนอนค้างบ้านยามาโมโตะก็แล้วกันครับสึนะเอยขัดนานะขึ้นมาแทบจะทันทีที่นานะเอยถึงสามีของตนหรือพ่อของเด็กคนนี้นั้นคือ ซาวาดะ อิเอมิสึ ไม่รู้เพราะอะไรหลังๆมานี้ลูกชายของตนมักจะตีตัวออกห่างคนรู้จักของตนเองออกไปเรื่อยๆ ขนาดพวกเด็กๆที่อยู่ที่บ้านสึนะก็เลี่ยงที่จะไม่เล่นด้วย อาการที่ตื่นสายประจำจนต้องให้รีบอร์นไปปลุกก็หายไปแล้วด้วยราวกับพยายามที่จะตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะเลี่ยงไม่เจอทุกๆคนอย่างไงอย่างนั้น แต่ก็มีเพียงยามาโมโตะ ทาเคชิ ลูกชายร้านทาเคซูชิ กับโกคุเทระ ฮายาโตะ น้องชายของเบี้ยงกี้ล่ะมั้งที่สึนะยอมให้เข้าใกล้ตัวเองได้

                    ที่จริงแม่สงสัยมานานแล้วน่ะซือคุงมีอะไรที่ปิดบังแม่อยู่หรือเปล่านานะรวบรวมความกล้าถามออกมาตรงๆ สึนะที่ตักข้าวต้มกินไปได้ซักพักแล้วหันมามองแม่ของตนเล็กน้อยก่อนจะที่คิ้วเรียวของเจ้าตัวนั้นจะขมวดเข้าหากันราวกับคิดหาคำตอบที่จะตอบอยู่

                    ไปถามพ่อเอาสิครับรายนั้นนะมีเรื่องปิดปังคุณแม่มากกว่าผมซะอีกสึนะเลี่ยงที่จะไม่ตอบแต่โบยไปให้อิเอมิสึแทน ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีแล้วตักข้าวต้มขึ้นมากินต่ออย่างไม่สนใจอะไร

                    แต่แม่อยากรู้เรื่องของซือคุงปิดบังแม่มากกว่าเรื่องของพ่อนะจ๊ะ!!!”นานะจับหน้าของลูกชายหันมามองที่ตน สายตาที่จริงจังของนานะทำเอาสึนะที่สบตามองมันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะปัดมือที่จับหน้าของตนนั้นออก แล้วมองมาที่นานะด้วยสายตาที่เย็นชา

                    ผมน่ะไม่มีเรื่องอะไรที่ปิดบังคุณแม่หรอกน่ะครับแต่ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรหรือคิดว่าผมปิดบังเรื่องอะไรก็ถามมาสิครับ ผมจะตอบทุกคำถามสึนะเน้นประโยคสุดท้ายแบบสุดๆ นานะเองก็เองก็ลังเลเล็กน้อยกับโอกาสที่สึนะมอบให้ ก่อนจะพยายามตั้งสติแล้วเอยเรื่องที่สงสัยมากที่สุดออกไป

                    ทุกเรื่องที่ซือคุงไม่เคยบอกแม่ช่วยเล่าให้หมดเลยนะจ๊ะนานะเอือมมือของตนไปกุมมือลูกชายของตนไว้ สึนะมองมือของนานะที่สั่นเทาราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่างด้วยสายตาที่เศร้าๆเล็กน้อก่อนที่มันจะมีประกายความมุ่งหมั้นในสายตา

                    งั้นมันคงเริ่มจากวันที่รีบอร์นมาไม่สิคงเป็นในอดีตเมื่อหกปีที่แล้ว....

     

                    ยามเช้าของบ้านซาวาดะในวันนี้ออกจะอึกครึ้มผิดปกติซึ่งถ้าเป็นปกติมันจะเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นแม้มันจะมีเสียงที่ดังเอะอะโหวกเหวกออกมาโดยตลอดก็เหอะ ซึ่งบุคคลที่ทำให้บรรยากาศในเช้าวันนี้เป็นแบบนี้ก็คือคนที่ทุกคนคาดไม่ถึงเลยซักนิดคนๆนั้นก็คือ  ซาวาดะ นานะ ทั้งๆที่เมื่อวานยังดีใจที่ได้รับโทรศัพท์จากอิเอมิสึแท้ๆ

                เหล่าบุคคลที่แอบมองแผ่นหลังของนานะที่ทำอาหารอยู่ในครัวอย่างเป็นห่วงเพราะตั้งแต่ที่นานะยกข้าวต้มขึ้นไปให้สึนะ พอลงมาข้างล่างพร้อมชามข้าวต้มที่เหลืออยู่ตั้งครึ่งชามก็อยู่ในสภาพแบบนี้ตลอด ทุกคนตั้งใจไว้ว่าเช้านี้จะถามเรื่องทั้งหมดกับสึนะแต่ปรากฏว่าเจ้าตัวดันชิ่งหนีไปโรงเรียนซะก่อนแถมยังไปตั้งแต่เช้ามืด  ขนาดเจ้าตัวป่วนอย่างแรมโบ้ยังสังเกตได้จึงไม่คิดที่จะก่อเรื่องหรือสร้างความวุ่นวายเหมือนทุกๆครั้ง

                    เอาไงกันดีครับคุณเบี้ยงกี้เด็กชายวัยสิบขวบเจ้าของฉายาแรงค์กิงค์บอยนามฟูตะ เอยถามหญิงสาวผมม่วงเจ้าของฉายาแมงป่องพิษที่หลงรักรีบอร์นอย่างหนักนามเบี้ยงกี้ที่ใบหน้ายามนี้ตีหน้ายุ่งซะจนคิ้วนั้นแทบจะผูกกันเป็นโบอยู่แล้ว ก่อนจะรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปในครัว

                    ให้หนูช่วยมั้ยค่ะหม่าหม้าเบี้ยงกี้พูดขึ้นข้างหลังนานะ สิ่งที่ได้กลับมาคืออาการตกใจของนานะ แล้วรีบหันมามองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่เมื่อหันมาแล้วเห็นว่าคนที่ทักตนเป็นเบี้ยงกี้ก็ถอนหายใจพร้อมกับส่งยิ้มาให้เหมือนทุกครั้ง

                    โธ่~เบี้ยงกี้เองเหรอจ๊ะตกใจหมดเลยน่าน้ำเสียงที่ตอบกลับมาอย่างร่าเริงเช่นทุกครั้งทำให้บรรยากาศที่อบอุ่นเริ่มกลับมาอีกครั้ง พวกเด็กที่ตอนแรกที่สุ่มมองมาก็ออกมาช่วยนานะกับเบี้ยงกี้ทำอาหาร

                    ฮ่าๆคุณแรมโบ้เองก็จะช่วยด้วยเด็กน้อยทรงผมแอฟโฟ้ชุดวัวชื่อแรมโบ้วิ่งเข้ามาในครัวแล้วเริ่มหยิบจานชามออกมาวางเรียงที่โต๊ะ

                    อี้ผิงก็จะช่วยด้วยเด็กสาวที่ออกสำเนียงจีนชื่ออี้ผิงพูดขึ้นแล้วเดินไปช่วยแรมโบ้เรียงจานบนโต๊ะ แต่เพราะแรมโบ้ที่อยากทำคนเดียวจึงเกิดการแย่งกันขึ้น ฟูตะจึงต้องเขามาแยกทั้งสองคนออก ความสุขในยามเช้าจึงกลับมาอย่างเดิม

     

                    -ที่โรงเรียนกลางนามิโมริ-

                    บรรยากาศในห้องเรียนยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่างยกเว้นเพียงแต่  บุคคลที่นั่งมองท้องฟ้าจากทางหน้าต่างอย่างเหม่อลอยไม่มีอะไรที่เป็นจุดบ่งบอกว่ามองอะไรอยู่ ภายใต้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เจือปนความเศร้าบางๆประปนไปกับความรู้สึกที่หลายต่างๆแต่มีสิ่งหนึ่งที่เด่นชัดนั้นคือ ความจริงจังที่ราวกับว่าคิดที่จะตัดสินใจกับบางสิ่งอย่างเด็ดขาด ซึ่งสายตานั่นก็ทำให้คนที่แอบสุ่มมองจากต้นไม้นั่นขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

                    สายตานั่นของนายมันหมายถึงอะไรเหรอเจ้าห่วยเด็กทารกที่ห้อยจุกนมสีเหลือง อดีตเสาหลักของทูรนีเซนต์ อัลโกบาเล่โน่อรุณ รีบอร์น กล่าวออกมาอย่างแคลงใจเพราะตั้งแต่ที่เรื่องราวในศึกตัวแทนอัลโกบาเล่โน่สิ้นสุดลง ลูกศิษย์ของเขาหรือก็คือสึนะได้ทำตัวแปลกประหลาดไป เริ่มแรกก็ปลีกตัวออกห่างทุกคนอย่างช้าๆโดยที่ไม่มีใครสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนนั้นเริ่มสังเกตก็คือ การที่ทุกคนรู้สึกว่านภาที่คอยโอบกอดหรือแสงสว่างที่ส่องมาในความมืดนั้นเริ่มจะอ่อนลงจนคล้ายกับว่ามันจะหายไปอย่างไรอย่างนั้น ถึงแม้มันอาจจะเป็นเพียงสิ่งที่คิดไปเองแต่ความอึดอัดที่มันบีบรัดที่หน้าอกนี่คืออะไร ทั้งๆที่ตัวเราเองก็ยังมองเห็นและรับรู้ในการมีอยู่ของคนตรงหน้าแต่ทำไม.......ถึงรู้สึกว่ามันช่าง........ห่างไกลกันซะเหลือเกิน

                   

                    ไม่ใช่แค่ทางด้านของรีบอร์นที่กังวลกับท่าทางที่แปลกไปของลูกศิษย์ของตน แต่ยังมีอีกคนบุรุษที่ใครต่างก็คิดว่าคนๆนี้คงไม่มีทางที่จะเปิดใจให้ใครและเป็นดั่งเมฆาที่ล่องลอยไปมาไม่ยึดติดกับสิ่งใด ผู้พิทักษ์เมฆาของวองโกเล่รุ่นที่สิบ(เดทิโม่) ฮิบาริ เคียวยะ หัวหน้าคณะกรรมการรักษาระเบียบที่เคร่งครัดที่สุด ที่ตอนนี้กำลังจัดการเอกสารต่างๆบนโต๊ะเหมือนปกติ แต่มันก็ดันมีสิ่งที่มารบกวนจิตใจของอย่างสายตาของสัตว์กินพืชบางตัวที่ชอบสุ่มหัวกันเป็นกลุ่มอยู่เป็นประจำจนตัวเขานั้นเห็นจนชินตาไปแล้ว แต่ทำไมตอนนั้นเจ้านั้นถึงอยู่คนเดียวกันนะ แถมยัง....

                    +++ ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน +++

                    แสงอาทิตย์สีส้มอ่อนที่สาดส่องไปทั่วเมืองบ่งบอกให้ใครหลายๆคนที่นอนหลับอยู่รับรู้ว่ายามเช้าๆได้มาถึงแล้ว ซึ่งหลายๆคนคงจะงัวเงียอยู่บนเตียง แต่ไม่ใช่กับฮิบาริที่รักนามิโมริยิ่งชีพที่ลุกออกจากฟูกแล้วตรงไปที่ห้องอาบน้ำและแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนของนามิโมริอย่างรวดเร็ว ซึ่งทุกอย่างก็คือเรื่องปกติสำหรับคนอย่างฮิบาริที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อออกมาเดินตรวจตรารอบๆเมืองก่อนที่ไปยังห้องกรรมการรักษาระเบียบเพื่อสะสางงานเอกสารต่างๆบนโต๊ะ

                    ...เช้าเกินไปสินะเสียงทุ้มที่ออกแนวหวานที่เอยขึ้น จนทำฮิบาริที่เพิ่งจะเดินออกมาจากซอยด้านข้างโรงเรียนนามิโมรนั้นต้องหันไปมองบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหน้าของโรงเรียนนามิโมริ

                ‘นั้นมันสัตว์กินพืชที่อยู่กับเจ้าหนูฮิบาริมองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างสงสัยเพราะปกติแล้วเขาจะเห็นเด็กคนนี้มาสายตลอดเวลาการที่เด็กคนนี้มาเช้าคงจะไม่แปลกอะไรแต่ที่แปลกคงเป็นการที่เจ้านี่อยู่คนเดียวล่ะมั้ง

                    มันเสียมารยาทนะครับที่จ้องคนอื่นเขาแบบนั้นนะครับสึนะหันมามองฮิบาริด้วยสายตาปกติสายตาที่อ่อนโยนแต่มีความเศร้าแฝงอยู่ ซึ่งมันเป็นสายตาที่ทำให้ตัวเขานั้นรู้สึกหงุดหงิดแทบจะทุกครั้งที่เห็นมัน แต่ยิ่งกว่าอะไรเลยนั่นคือการที่ตัวเขานั้นโดนเจ้าสัตว์กินพืชนี่พูดจาต่อว่า

                    อยากที่จะโดนขย้ำตายมากเลยสินะฮิบาริยกทอนฟาขึ้นมาก่อนจะพุ่งไปที่สึนะอย่างไม่มีการลังเลและพร้อมที่จะปลิดชีพคนตรงหน้าให้ตายคาที่ ซึ่งมันอาจจะเป็นอย่างนั้นถ้าไอ้คนตรงหน้ามันไม่หลบการโจมตีของเขาได้แถบจะคิดได้เพียงแต่ว่าเจ้านี่มันอ่านทางเขาออกหมด นี่คือสิ่งที่เจ้าม้าพยศนั่นชอบพูดถึงซินะ ไอ้สายเลือดบ้าๆบอๆที่สืบทอดต่อๆกันมาของวองโกเล่ ลางสังหรณ์สุดยอด (Blood of  Vongola) แต่มันจะใช่จริงๆนะเหรอแค่ลางสังหรณ์พรรคนั้นจะทำให้คนเราหลีกเลี่ยงอันตรายแบบนี้ได้จริงๆน่ะเหรอ

                    ผมว่าพอแค่นี้ดีกว่านะครับสึนะถอยห่างจากการโจมตีของฮิบาริที่เหงื่อออกชุ่มไปหมด ผิดกลับเขาที่ไม่มีเหงื่อซักนิด แต่ดูเหมือนว่าฮิบาริจะไม่ยอมฟังที่เขาพูดเลยสักนิดเลยสักนิดแถมยังใส่พลังในการโจมตีเพิ่มขึ้นอีก ถ้าจะหนีไปตลอดมันก็ได้อยู่หรอกแต่ตอนนี้มันได้เวลาที่พวกนักกีฬาจะมาซ้อมตอนเช้าแล้วนี่สิขืนมีใครมาเห็นเข้ามันก็....

                    เฮ้อ~ต้องโทษที่คุณไม่ฟังที่ผมเตือนนะครับคุณฮิบาริพูดจบสึนะก็หายตัวไปอยู่ด้านหลังของฮิบาริแล้วฟาดเข้าที่ต้นคอของฮิบาริอย่างแรง แม้จะไม่ทำให้ฮิบาริสลบไปเลยในทีเดียวแต่อย่างน้อยก็ทำให้ตัวเขานั้นหนีไปจากตรงนี้ได้ล่ะน่ะ

                    ฮิบาริที่กำลังจะหมดสติมองมาทางสึนะที่ยืนมองเขาด้วยสายตาที่เขานั้นคาดเดาไม่ออกว่าเจ้าตัวนั้นรู้สึกเช่นไร แต่ก่อนที่สติเขาจะหายไปนั้นก็ได้สิ่งที่ชวนให้เขานั้นสงสัยออกจากปากของคนๆนี้แม้จะจับใจความไม่ค่อยจะได้

                    สึนะที่ก้มลงไปอุ้มร่างของฮิบาริอย่างทุลักทุเลเพราะขนาดร่างกายที่ต่างกันแบบสุดๆก่อนจะพาไปนอนที่โซฟาของห้องรับแขกได้อย่างเหนื่อยหอบสุดๆ เนื่องจากต้องหลบสายตาของนักเรียนที่เริ่มมาที่โรงเรียน สึนะที่นั่งหอบอยู่กับพื้นเงยหน้าขึ้นมามองคนนอนสลบ แล้วลุกออกจากห้องไปอย่างเงียบที่สุด ทิ้งไว้เพียงคำพูดที่แผ่วเบาแล้วเป็นปริศนา

                “....ขอโทษนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ

     

                -ที่ห้องคณะกรรมการรักษาระเบียบ-

                เปลือกตาของเด็กหนุ่มค่อยปรือตาขึ้นมามอง สถานที่โดยรอบ ....ที่นี่ห้องคณะกรรมการรักษาระเบียบ.....เจ้านั้น!!!....

                ฮิบาริลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาแล้วกวาดสายตามองโดยรอบเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเขานั้นกำลังจะขย้ำเจ้าสัตว์กินพืชที่พูดจาอวดดีกับเขาที่หน้าโรงเรียน แล้วทำไมตัวเขานั้นถึงมาอยู่ที่นี้ ก่อนจะเกือบตัดสินใจว่ามันเป็นความฝันเมื่อตัวเขานั้นรู้สึกปวดแปลบที่ต้นคอและสัมผัสได้ถึงปลาตเตอร์ยาแก้ปวดที่แปะอยู่ แต่ก่อนที่จะคิดอะไรมากกว่านี่ คุซาเบะ ทาคุยะรองประธานนักเรียนและเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใกล้ฮิบาริได้โดยไม่โดนขย้ำเปิดประตูเข้ามาพร้อมใบรายชื่อนักเรียนที่มาสาย

                    คุณเคียวครับนี่เป็นรายชื่อของคนที่มาสายในวะ...อ่ะ! เกิดอะไรขึ้นที่คอเหรอครับคุซาเบะเอยถามนายน้อยของต้นแทบจะทันทีที่เห็นปลาตเตอร์ที่ต้นคอของฮิบาริ ทำให้เจ้าตัวทำใบรายชื่อนักเรียนที่มาสายตกจนมันปลิวไปหมด แล้วเหมือนกับสายลมจะเป็นใจให้ใบนักเรียนห้อง 2-A ปลิวมาหล่นใกล้ๆกับเท้าของฮิบาริ ซึ่งรายชื่อนักเรียนที่มาสายในนั้นทำเอาฮิบาริต้องรีบหยิบขึ้นมาดูแทบจะทันทีเพราะในจำนวนที่มาสายดันมีคนที่เขาไม่คิดว่าจะสายรวมอยู่ด้วย

                    ซาวาดะ สึนะโยชิ ทำไมเจ้านั้นถึง....

                “คุณเคียวมีอะไรกับใบรายชื่อห้องนั้นเหรอครับคุซาเบะเอยถามอย่างงุนงงที่เห็นฮิบาริมองใบรายชื่อนั่นอย่างกับตกใจอะไรซักอย่าง ก่อนที่จะมองตามสายตาของฮิบาริที่จ้องที่ชื่อของ ซาวาดะ สึนะโยชิ แล้วมองกลับมาที่นายน้อยของตนที่ตอนนี้ละสายตาออกจากใบรายชื่อนั้นแล้วและยื่นใบราบชื่อนั้นคืนคุซาเบะ

                    ไม่เห็นมีอะไรที่น่าสนใจคำพูดที่เฉยชาของฮิบารินั้นแฝงความหงุดหงิดและไม่พอใจเอาไว้จนคุซาเบะที่จะเอยถามเรื่องปลาตเตอร์ที่คอต้องหุบปากลงแทบจะทันที แม้จะยังคงสงสัยเรื่องปลาตเตอร์ยาแก้ปวดที่ต้นคอกับเรื่องที่ฮิบาริมีท่าทางตกใจก็เถอะ

                ฮิบาริสบถด่าสึนะภายในใจอย่างหงุดหงิด เจอกันคราวหน้าฉันไม่เอานายไว้แน่ ซาวาดะ สึนะโยชิ

                   

                +++ กลับมาที่ปัจจุบัน +++

                    ก๊อก!! ก๊อก!! เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ฮิบาริที่เหม่อลอยอยู่หันไปมองที่ประตู แล้วส่ายหัวไปมาเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา แล้วจึงอนุญาตให้คนที่อยู่หน้าประตูเข้ามาได้

                    ผมเอาเอกสารที่คุณเคียวสั่งให้ไปเอามาแล้วครับคุซาเบะวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะของฮิบาริแล้วก็ค่อยๆเดินออกจากห้องไป

                    ยังขยันเหมือเดิมเลยนะฮิบาริรีบอร์นที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้กำลังซดชาอยู่ที่โซฟา

                    มีอะไรงั้นเหรอเจ้าหนูฮิบาริอยถามทั้งๆที่ตายังไม่จากเอกสารที่อ่านอยู่

                    ....ช่วงนี้เจ้าห่วยสึนะมันแปลกๆไป นายก็ด้วยคอยจ้องแต่จะสู้กับเจ้านั้นตลอดเลยนี่รีบอร์นสังเกตสีหน้าและท่าทางของฮิบาริ ถ้ามองจากภายนอกอาจเห็นว่าปกติดีทุกอย่างแต่สำหรับรีบอร์นนั้นสังเกตเห็นความหงุดหงิดในแววตาฮิบาริเพียงแวบเดียวก่อนจะกลับไปเป็นปกติ

                    .......ฮิบาริเลือกที่จะไม่ตอบสิ่งที่รีบอร์นถามเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอย่างไร แต่ที่แน่ๆตัวของฮิบารินั้นไม่อยากที่จะให้ใครรู้ว่าเขาต่อสู้แพ้คนที่เขาชอบดูถูกว่าเป็นสัตว์กินพืชโดยเฉพาะคนที่ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าห่วยอย่างเจ้านั้นแล้วด้วย

                    เรื่องของสึนะฉันอยากให้นายช่วยดูหน่อย

                “ไม่เห็นจำเป็นเลยนี้เจ้าสัตว์ตัวเล็กก็นั้นมี โกคุเทระ ฮายาโตะผู้พิทักษ์วายุกับยามาโมโตะ ทาเคชิผู้พิทักษ์พิรุณคอยเฝ้าอยู่แล้วเจ้าเด็กรุ่นสิบของชิมอนที่ชื่อโคซาโตะ เอนมะนั้นก็อยู่ห้องเดียวกันเห็นว่าสนิทกันดีเลยไม่ใช่เหรอไงฮิบารจ้องมองมาที่รีบอร์นอย่างหัวเสียสุดๆ

                    แค่โกคุเทระกับยามาโมโตะและเอนมะเอาเจ้าสึนะในตอนนี้ไม่ไหวหรอก ฉันถึงต้องมาขอร้องคนอย่างนายไง

                “ถ้าเป็นเรื่องอื่นฉันอาจจะยอมนะเจ้าหนูแต่เฉพาะเจ้าสัตว์กินพืชนั้นที่ผมไม่อยากอยู่ใกล้

                “ทำไมล่ะฮิบาริเจ้าสึนะมันก็เป็นคนของนามิโมริ ไหนนายบอกว่าทุกสิ่งที่อยู่ในนามิโมริจะต้องอยู่ในความรับผิดชอบของกรรมการรักษากฏระเบียบไงล่ะ

                “แล้วหมอนั้นก็เป็นลูกศิษย์ของนายเหมือนกันนี่เจ้าหนู

                เปรี๊ยะ~!!!!เปรี๊ยะ~!!!! เสียงไฟฟ้าสถิตที่แล่นขึ้นสูงเนื่องจากฮิบาริกับรีบอร์นนั้นจ้องตากันจนเกิดประกายไฟฟ้าระหว่างทั้งสองคนขึ้น

                    ก๊อก!!ก๊อก!!      

                “ขออนุญาตนะครับเสียงทุ้มที่ออกแนวหวานเอยขึ้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะเปิดประตูเข้ามาข้างในห้องอย่างเบาที่สุด ก่อนที่คิ้วเรียวจะขมวดเข้าหากันเมื่อเข้ามาเห็นอัลโกบาเล่โน่แห่งอรุณเด็กทารกที่แกร่งที่สุดอย่างรีบอร์นจ้องหน้าของฮิบาริอยู่ แต่พอมองไปทางฮิบาริแล้วรายนั้นก็จ้องมองรีบอร์นด้วยสายตาที่หงุดหงิดพอๆกันทั้งสองฝ่ายแล้วดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าเขาเดินเข้ามาในห้องนี้แล้วซะด้วยซิ สึนะส่ายหน้าอย่างปลงๆกับคนทั้งสองก่อนจะวางแฟ้มเอกสารไว้ที่โต๊ะที่วางอยู่ใกล้ๆกับประตูเพราะที่จริงตัวเขานั้นโดนอาจารย์ฝ่ายปกครองโบยมาให้ จึงต้องเดินมาที่ห้องนี้ ท่าเป็นช่วงเวลาที่ปกติช่วงที่เขาจะมาห้องนี้ได้ก็ต่อเมื่อเขาต้องของความร่วมมือเจ้าของอย่างฮิบาริ เคียวยะในบ้างเรื่องเท่านั้นหรือไม่ก็โดนรีบอร์นลากมาซึ่งมันมักจะมีฉากจบสามกรณี หนึ่งเจ้าตัวปฏิเสธแล้วไล่ออกมาเฉยๆ สอง ปฏิเสธและพูดว่าจะขย้ำให้ตาย(แถมช่วงนี้เป็นบ่อยด้วยสิเจ้าคิดเจ้าแค้นจริงเหะคนๆนี้) สาม ยอมให้ความร่วมมือโดยแลกกับการที่สึนะหรือดีโน่ต้องมาเป็นคู่ซ้อมจนกว่าเจ้าตัวจะพอใจ

                    สึนะที่กำลังเดินออกจากห้องมองมาที่ทั้งสองคนที่ยังคงจ้องหน้ากันแล้วเกิดความคิดสงสัยอะไรบางอย่างขึ้นมาว่างมากจนมาเล่นจ้องตากันแบบนี้เลยเหรอ รีบอร์น คุณฮิบาริ

                “?!”ทั้งสองคนหันขวับมามองสึนะที่ยืนมองมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไร้ความรู้สึก คิ้วที่สวยเรียวได้รูปขมวดเข้าหากันราวกับข้องใจอะไรบางอย่าง แว่นตากรอบสีเขียวอ่อนๆที่มีดวงตากลมโตสีน้ำตาลมองมาด้วยสายตาที่คาดเดาความรู้สึกไม่ออกนั้นยิ่งไม่สามารถทำให้ผู้ที่ถูกมองไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่าโดนมองด้วยความรู้สึกอย่างไงเพราะมันว่างเปล่าราวกับ...ดวงตาของตุ๊กตา

                “นายมาทำอะไรที่นี้เจ้าสึนะนี้มันเวลาเรียนไม่ใช่รึไงรีบอร์นที่ตั้งสติได้ไวกว่าฮิบาริเอยถามออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยตามปกติของตน แต่ก็แอบกังวลเล็กน้อยว่าคนตรงหน้าจะได้ยินเรื่องที่ตนพูดกับฮิบาริมั้ย

                    ฮิบาริมองสึนะด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าอยกที่จะฆ่าตนให้ตาย ก่อนน้ำเสียงเย็นที่ชวนสยองของฮิบาริจะเอยขึ้นมาพร้อมรังสีฆ่าฟันเข้าห้องมาโดยไม่ได้รับอนุญาตจะขย้ำให้ตาย!!!!”

                    ผมเอาเอกสารของฝ่ายปกครองมาส่งแล้วก็เคาะประตูแถมขออนุญาตก่อนเข้ามาแล้วด้วย...สึนะหยิบแฟ้มที่วางไว้ขึ้นมาโบกไปมาก่อนมองที่รีบอร์นกับฮิบาริ ....แต่เพราะพวกคุณกำลังเล่นจ้องตาด้วยความเพลิดเพลินจนลืมรอบข้างจนไม่สังเกตผู้มาเยือนแบบนี้...ถ้าจะโดนลอบฆ่าก็เรื่องง่าย

                สึนะวางแฟ้มไว้ที่เดิมก่อนหันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนบุคคลที่โมโหแบบสุดๆกับกริยาท่าทางที่ทำให้คันไม้คันมือจนอยากที่จะฆ่าทิ้งซะเหลือเกิน

                    เจ้าหนูฉันตกลงแต่ฉันขอใช้วิธีของฉันนะฮิบาริพูดจบก็เดินไปเคลียเอกสารที่โต๊ะต่อแม้ภายในจะร้อนรุ่มเพียงใดภายนอกนั่นยังคงสงบนิ่งราวภูเขาไฟที่รอประทุเท่านั้น

                    หึ ตามสบายเลยฮิบาริจะฆ่าจะแกงยังไงฉันไม่ห้ามหรอก แต่อย่าถึงตายเชียวนะพูดจบรีบอร์นก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงฮิบาริที่มุมปากของเขานั้นได้เสยะยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยตัวให้เอนไปตามผนักพิงของเก้าอี้

                    ฉันจะทำให้นายรู้ว่านายการมามาเรื่องฉันเป็นสิ่งที่ผิด  ซาวาดะ สึนะโยชิ

     

                    ~ยามเย็นในเวลาเลิกเรียน~

                    รุ่นที่สิบคร้าบบบ~เสียงตะโกนของโกคุเทระที่ดังมาแต่ไกลทั้งๆที่ห้องเรียนมันก็เล็กนิดเดียว แถมเสียงมันยังมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาอีกตั้งหาก สึนะหันมามองโกคุเทระด้านหลังก็มีบุคคลผมสีแดงซอยสั้นระต้นคอ รูปร่างบางแต่ดูเหมือนผู้ชายมากกว่าตัวเขานั้นในชุดของนักเรียนชิมอนชื่อโคซาโตะ เอนมะ  ส่วนยามาโมโตะนั้นได้โดดเรียนไปตั้งแต่สองคาบที่แล้วเพื่อไปซ้อมเบสบอลเนื่องจากจะมีแข่งขันในสองอาทิตย์ข้างหน้า

                    สะ....สึนะคุงวันนี้รีบกลับบ้านเลยหรือเปล่าเอนมะเอยขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวอะไรสักอย่าง

                    มีอะไรหรือเปล่าเอนมะคุง

                “เอ่อ คือ....

                “พอดีฉันจัดงานฉลองที่รีบอร์นคุงกับเพื่อนของรีบอร์นคุงๆหลุดจากคำสาปนะจ๊ะ สถานที่คือโกคุโยแลนด์เพราะโคลมยังอาการไม่ค่อยดีพวกฉันเลยไปจัดที่นั้นนะเด็กสาวผมสีทองสั้นประบ่าเอยขึ้นมาก่อนที่เอนมะจะได้พูดคนนี้คือ ซาซากาวะ เคียวโกะ ที่ส่งยิ้มแบบร่าเริงมาให้สึนะ

                “โกคุเทระคุงคิดว่าไง เห็นว่าฉันควรไปรึเปล่าสึนะหันไปถามโกคุเทระ

                    เด็กหนุ่มผมเงินมองมาที่ดวงตาขงคนตรงหน้าที่ตอนนี้มันว่างเปล่าไม่มีความรู้สึกใดๆที่จริงแล้วเขาไม่อยากที่จะให้คนๆนี้ไปสถานที่นั้นเท่าไร แต่ในสถานการณ์แบบนี้มันก็น่าจะลองดูซักนิดนึงล่ะนะ

    ผมว่าควรจะไปนะครับจะได้ฉลองให้คุณรีบอร์นที่คลายคำสาปได้แล้ว และจะได้ถือโอกาสนี้ผ่อนคลายเรื่องที่เครียดอยู่ด้วยก็ดีนะครับ

                “เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันไปกับพวกเคียวโกะก่อนแล้วกัน โกคุเทระคุงรอไปพร้อมยามาโมโตะก็แล้วกันเพราะไม่รู้ว่ายามาโมโตะจะรู้เรื่องนี้หรือเปล่านะพูดจบสึนะเดินออกจากห้องไปพร้อมเคียวโกะและเอนมะที่เดินออกไปรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนข้างๆกันนั้นก็มีเด็กสาวอีกคนที่ผมสีน้ำตาลอมม่วงที่มัดรวบเป็นหางม้าพร้อมชุดของโรงเรียนสตรีชื่อดังอย่างโรงเรียนมิโดริ เธอคนนี้คือ มิอุระ ฮารุ

                    สวัสดีค่า~คุณสึนะ ดีใจจังนะค่ะที่คุณสึนะจะไปงานเลี้ยงที่โกคุโยแบบนี้ฮารุพูดจาออดอ้อนสึนะเหมือนเช่นเคย

                    ก็ไปเยี่ยมโคลมนี้แต่ทำไมพูดอย่างกับว่าฉันจะไม่ไปงั้นล่ะฮารุสึนะขมวดคิ้วมองฮารุด้วยสายตาที่เรียบเฉยไม่แสดงออกถึงอาการใดๆส่งมาให้ฮารุ

                    ฮะฮิ เปล่าค่า~ๆฮารุก็ถามไปงั้นเหละค่ะคุณสึนะ เคียวโกะจังไปกันเถอะเนอะจะไดไปเจอโคลมจังไวฮารุคว้าแขนเคียวโกะแล้วรีบเดินนำไปโกคุโยอย่างเร็ว โดยมีสายตาของสึนะหมวดคิ้วเรียวเข้าหากันจนจะผูกเป็นโบว์พลางจ้องไปที่เอนมะที่รีบเบือนหน้าหนีแล้วก็ไม่ยอมสบตาเขาอีกคน แต่ใช่ว่าสงสัยไปแล้วเขาจะไปทำอะไรได้ล่ะแล้วอีกอย่างคิดไปก็หาคำตอบไม่ได้ด้วย สึนะเดินตามหญิงสาวทั้งสองที่เดินนำไปพลางลอบมองท้องฟ้าไปด้วยอย่างเหม่อๆ ซึ่งในสายตาของทุกคนเห็นว่าเป็นอาการที่น่าเป็นห่วงสุดๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×