คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 : เจรจา 100%
นายที่ยิ้มรับทุกอย่าง
นายที่ทุ่มเททุกสิ่ง
นายที่ทำทุกอย่างให้กับผู้อื่น
นายจะทำแบบนั้น...
ไปอีกนายเท่าไหร่ถึงจะพอ
จะทำให้คนอื่น...
จนกว่าตัวเองจะล้มลง
หรือจนกว่าตัวเองจะพังทลาย
พวกเราไม่ได้เกลียดนิสัยเช่นนั้นของนาย
ทว่าบางครั้งก็อดจะคิดไม่ได้
ว่าถ้านาย...
เป็นคนเห็นแก่ตัวขึ้นมาอีกสักหน่อย
มันคงจะดีไม่น้อยเลย...
เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้นี่แหละ ตอนนี้พวกเขาถึงต้องมาแอบเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้ยังไงละ แถมเป็นการแอบเข้าบ้านของคนอื่นเพื่อจะเดินไปเจอเจ้าของบ้านอีกต่างหาก
มีใครเขาคิดจะทำแบบกัปตันทีมนี้ไหม...ไม่ใช่สิต้องถามว่ามีกัปตันทีมไหนเขาคิดจะทำกัน คิโดคิดอยู่ในใจขณะปีนเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่ตามกิ่งไม้ ถ้าตกลงไปละก็ไม่ต้องคิดเลยว่าจะบาดเจ็บหรือไม่และเมื่อไหร่ที่บาดเจ็บขึ้นมาก็ไม่ต้องถามอีกนั่นแหละว่าโค้ชคุโดจะยอมให้ลงไปยืนบนสนามหรือเปล่า ทั้งที่อีกมีกี่วันก็จะถึงวันแข่งอยู่แล้วแต่คนเป็นกัปตันก็ยังมาทำอะไรเสี่ยงๆเพื่อทีมอื่นอีก แถมทีมอื่นที่ว่านั้นยังจะกลับกลายมาเป็นคู่แข่งในอีกไม่กี่วัน
“แล้วจะหาเจอได้ยังไงละเนี่ย” โทระมารุถามออกมาเมื่อเห็นประตูมากมายที่ทอดยาวไปตามทางเดินในคฤหาสน์หลังใหญ่ เห็นแล้วช่างน่าหนักใจเหลือเกิน
“เปิดมันทุกบ้านเลยแล้วกัน” เอนโดพูดแล้วเดินนำออกไปอย่างมุ่งมั่น
“นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะ” ฮิโรโตะพูดออกมาด้วยท่าทางหนักใจแต่คนเป็นกัปตันกลับเดินไปไกลเกินกว่าที่จะได้ยินเขาแล้ว
“ฉันว่าเรารีบหาก่อนที่จะถูกจับได้ดีกว่า” คิโดพูดพลางตบบ่าของเพื่อนเพื่อปลอบใจทั้งตนเองและคนที่เขากำลังคุยด้วยว่าให้ทำใจเสียเถอะ
โทระมารุแย้งคำพูดของคนเป็นมันสมองแห่งทีมอินาสึมะเจแปนอยู่ในใจ วิ่งเข้าไปหาเจ้าของบ้านเองแบบนี้สุดท้ายก็ต้องถูกจับได้อยู่ดีนั่นแหละ
อันที่จริงคิโดเองก็รู้เรื่องนี้ดัอยู่แล้วเพียงแต่ไม่อยากพูดออกมาเพื่อตกย้ำตัวเองเท่านั้น
“รุ่นพี่ครับ พวกเราจะต้องเปิดประตูทุกห้องจริงๆหรือครับ” โทระมารุถามรุ่นพี่ทั้งสองคนหลังจากเห็นคนเป็นกัปตันเล่นเปิดประตูเสียทุกบานตามที่เจ้าตัวพูด
“ก็คงต้องแบบนั้นแหละโทระมารุคุง เอนโดคุงก็ทำให้ดูแล้วนี่นา” ฮิโรโตะในตอนนี้ทำได้แค่ทำใจและทำตามวิธีของกัปตันเท่านั้น
โดยไม่พูดอะไรอีกทั้งคิโด ฮิโรโตะและโทระมารุต่างช่วยกัปตันทีมของพวกเขาเปิดประตูทุกบานเพื่อหาโค้ชของอีกฝ่ายให้พบ พวกเขาไม่อยากจะเสียเวลามากไปกว่านี้อีกแล้ว ขอแค่ออกไปจากที่นี่ได้ก็พอ...ยิ่งเร็วมากเท่าไหร่ยิ่งดี!!
ลูกกลมๆสีขาวดำที่กลิ้งไปบนพื้นสนาม
สิ่งนั้นคือสิ่งสำคัญในชีวิตของฉัน
เพราะลูกบอลเล็กๆลูกนั้น
ทำให้ฉันได้พานพบกับทุกคน
ทำให้ฉันมีเพื่อนมากมายขนาดนี้
ทำให้ฉันได้พบกับนาย...
และทำให้เราเข้าใจกัน
เพราะฉะนั้น...
ฟุตบอลคือ...
สิ่งสำคัญที่ฉันจะไม่ยอมให้ใครแย่งชิงไปเด็ดขาด
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงพวกเขาก็ยังไม่พบโค้ชของอีกฝ่ายเสียทีจนเอนโดชักจะถอดใจ ยังมีประตูอีกหลายบานที่ยังไม่ถูกเปิดออกและยังมีห้องอีกหลายห้องที่ยังไม่ถูกค้นหา
“ถ้าค้นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่ไหวแน่เลยเอนโดคุง” ฮิโรโตะพูดขณะเดินลงจากชั้นสองมายังชั้นล่างสุดของคฤหาสน์ น่าแปลกที่เขายังไม่พบใครเลยทั้งที่เดินไปทั่วบ้านแบบนี้ มันน่าแปลกมากจนคิโดอดจะคิดไม่ได้ว่าความจริงแล้วอีกฝ่ายกำลังเปิดทางให้พวกเขาเดินเข้าไปหาตัวเองง่ายขึ้นหรือเปล่า
“อีกแค่ชั้นเดียวเท่านั้น” เอนโดพูดออกมาด้วยความมุ่งมั่นและพยายามปัดความท้อถอยของตนเองออกไป ยังไงวันนี้เขาก็ต้องพบโค้ชคนนั้นให้ได้ คนเป็นกัปตันเปิดประตูเข้าไปแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นแสงที่ส่องออกมาจากในห้อง
“นึกว่าจะถอดใจไปแล้วเสียงอีก” เสียงที่ดังออกมาจากในห้องทำให้เอนโดรีบสาวเท้าเข้าไปทันที
สิ่งที่เขาเห็นคือห้องที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราเหมือนห้องอื่นๆ บนโต๊ะตัวใหญ่มีเอกสารมากมายวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าห้องนี้เป็นห้องทำงานของคนตรงหน้า ชายวัยกลางคนท่าทางถูมิฐานคนหนึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะ ดวงตาของเขาละจากเอกสารในมือขึ้นมามองผู้มาเยือนยามวิกาลนิดหนึ่งก่อนจะละออกไปอย่างไม่สนใจ
“สมกับที่ได้ยินมาจริงๆ เอนโด มาโมรุ ทั้งที่โดนไล่ขนาดนั้นก็ยังดึงดันมายืนอยู่ตรงนี้จนได้” คำพูดของชายตรงหน้าทำเอาโทระมารุกับฮิโรโตะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ท่าทางที่ชายตรงหน้าแสดงออกเหมือนกับกำลังดูถูกกัปตันของพวกเขาชัดๆ
คิโดยังคงวางท่าทีเฉย ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้เดินไปทั่วคฤหาสน์หลังนี้ได้ง่ายดายนัก นั่นเป็นเพราะคนตรงหน้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะเข้ามาและก็เพราะคนตรงหน้ายอมเปิดทางให้นี่แหละพวกเขาถึงได้สามารถมายืนอยู่ตรงนี้โดยไม่ถูกโยนออกไปจากคฤหาสน์เสียก่อน
“ว่ามา...ทำไมถึงอยากพบฉันนัก” อีกฝ่ายเองก็ไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้เหมือนกัน เขาไม่ต้องการให้มีใครมารบกวนการทำงานของเขาแต่ก็เพราะอีกฝ่ายคือเอนโด มาโมรุกัปตันทีมอินาสึมะเจแปนนี่แหละเขาถึงเกิดเปลี่ยนใจอยากจะลองพบขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง
เด็กหนุ่มที่ไม่ว่าโค้ชคนใดในญี่ปุ่นก็สนใจ กัปตันของทีมตัวแทนญี่ปุ่นที่โรงเรียนคู่แข่งทุกทีมต่างยอมรับและรู้สึกนับถือแม้ว่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ตาม
“ผมได้คุยกับกัปตันทีมของคุณ” เอนโดเปิดเรื่องขึ้นอย่างไม่ยอมเสียเวลาเช่นกัน เขาเป็นคนตรงๆพูดอ้อมไปอ้อมมาไม่เป็นหรอก รีบพูดแล้วรีบกลับดีกว่าเขาเสียเวลากับที่นี่มานานแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้พวกเขาต่างก็มีซ้อมกันตอนเช้า
เมื่อได้ยินคำพูดจากปากของกัปตันทีมอินาสึมะเจแปนอีกฝ่ายก็ละความสนใจออกจากเอกสารในมือมามองเด็กหนุ่มที่ยืนเผชิญหน้ากับตนเองตรงๆ
“ผมอยากให้คุณช่วยเปลี่ยนข้อต่อรองของพวกเขา” เอนโดกล่าวขณะมองชายตรงหน้าไม่วางตา ลูกทีมอีกสามคนต่างรอฟังคำพูดของคนเป็นกัปตัน ถึงตอนนี้พวกเขาไม่มีหน้าที่อะไรเพราะพวกเขาไม่ได้รู้สถานการณ์ทั้งหมดมาตั้งแต่แรก
“สำหรับผมแล้วแพ้ชนะไม่ใช่สิ่งสำคัญเพราะฟุตบอลคือความสนุกต่างหาก” กัปตันทีมอินาสึมะเจแปนกำลังพยายามจะเปลี่ยนข้อตกลงของโค้ชกับลูกทีมของเขา ทั้งที่ความจริงแล้วข้อตกลงพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตนเองเลยแม้แต่น้อย
“คนแพ้คือคนที่ไม่มีสิทธิไปต่อ ขณะที่คนชนะคือผู้ที่แข็งแกร่ง” โค้ชของอีกฝ่ายขัดคำพูดของเอนโดขึ้นมา
“แล้วแบบนี้หรือแพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ ในเมื่อมีแต่ผู้ชนะเท่านั้นที่มีสิทธิจะยืนอยู่บนสนามในนัดถัดไป” ดวงตาของชายตรงหน้าที่มองมาราวกับจะบอกว่าความคิดของเขาก็เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันเท่านั้น
“ผิดแล้ว...ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนสนามไม่ใช่ผู้ชนะ” สำหรับเอนโดแล้วคำว่าชัยชนะไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าคนๆนั้นแข็งแกร่ง
“ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนสนามคือผู้ที่ทุ่มเทความสนุกทุกอย่างลงในการเล่นโดยไม่นึกถึงอะไรต่างหาก” เอนโดแย้งคำพูดนั้นออกมา
คนที่แข็งแกร่งคือคนที่วิ่งอยู่บนสนามอย่างอิสระและสนุกสนามมากกว่าใคร ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างลงในการแข่งของตนเองโดยไม่คิดเสียใจทีหลังและโดยไม่สนใจว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะ วิ่งไปอย่างมุ่งมั่นและมั่นใจในวิธีทางของตนเอง นั่นแหละคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสายตาของเอนโด
“ผมอยากเห็นทีมของคุณที่แข็งแกร่งแบบนั้น” เอนโดตอบโต้เพราะเชื่อมั่นในทางทีที่ตนเองเลือกแล้ว
“ผิดแล้ว...ผู้แพ้คือคนอ่อนแอและคนอ่อนแอก็ไม่สมควรยืนอยู่บนสนาม” คำพูดจากปากของชายตรงหน้าทำเอาทั้งคิโด ฮิโรโตะและโทระมารุต่างกำมือแน่น คนตรงหน้าพูดราวกับว่าคนที่แพ้ไม่มีสิทธิจะแก้มือ คนที่แพ้ไม่มีสิทธิจะเก่งขึ้นและคนที่อ่อนแอก็ไม่มีสิทธิจะแข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน
“คนเรามีความอ่อนแอและคนเราก็มีสิทธิจะแข็งแกร่งขึ้น” ฮิโรโตะที่ฟังอยู่นานแย้งขึ้นมาทันที เขาเป็นคนหนึ่งที่เคยแพ้และเขาก็เป็นคนหนึ่งที่เคยอ่อนแอ แต่เขาก็สมารถลุกขึ้นมาได้เพราะมีเอนโด เพราะมีทุกคนและก็เพราะมีฟุตบอลที่เขารัก เหนือสิ่งอื่นใดก็เพราะเขาได้โอกาสมา
คิโดกับโทระมารุก็คิดเหมือนกับฮิโรโตะเพราะพวกเขาก็มีช่วงเวลาที่เคยพ่ายแพ้อย่างหมดรูปและมีช่วงเวลาที่เคยอ่อนแอจนแทบจะลุกไปต่อไม่ไหว พวกเขาทุกคนต่างได้รับโอกาสอีกครั้งจึงสามารถมายืนร่วมกันในวันนี้
ชายตรงหน้าไม่พูดอะไร อันที่จริงเขาเหมือนไม่สนใจด้วยซ้ำ
“งั้นมาเดิมพันกัน” เอนโดที่ทนไม่ไหวโผออกไปอย่างหงุดหงิด ชายตรงหน้าหันกลับมามองกัปตันทีมอินาสึมะเจแปนด้วยความสนใจอีกครั้ง คราวนี้เด็กหนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนอีกละ
“ถ้าผมชนะแล้วทำให้คุณเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับฟุตบอลได้คุณจะต้องยกเลิกข้อตกลงบ้าๆนั่น” เอนโดบอกข้อต่อรองของตนเองออกมาทันทีที่อีกฝ่ายสนใจคำพูดของเขา
“แล้วถ้าเธอแพ้...” ชายตรงหน้าถามออกมาราวกับจะหยั่งเชิง ลูกทีมที่เหลือต่างมองกัปตันของตนอย่างเป็นกังวลแต่ก็ไม่คิดจะพูดแทรกอะไร ทั้งหมดพวกเขายกให้เอนโดเป็นคนตัดสินใจ
“ถ้าพวกผมแพ้ในการเดิมพันครั้งนี้ ทีมตัวแทนญี่ปุ่นจะถูกเปลี่ยนมือ” มันคือการตัดสินใจของกัปตันทีมอินาสึมะเจแปนที่ไม่มีใครคัดค้านสักคน
“ตกลง” และโค้ชของอีกฝ่ายก็รับข้อเสนอ แค่คำนี้แหละที่เอนโดต้องการ
เมื่อได้คำตอบที่พอใจแล้วพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก คนทั้งสี่เดินออกจากคฤหาสน์ด้วยความมุ่งมั่นที่มากกว่าเดิม คิโดมองแผ่นหลังของกัปตันที่เดินนำอยู่ข้างหน้า สุดท้ายก็หาเรื่องมาอีกจนได้ แต่คราวนี้เขาไม่คิดจะโทษใครนอกจากตนเองที่ห้ามอีกฝ่ายไม่ลง
ถ้าเป็นโกเอนจิต้องสามารถห้ามเอนโดได้แน่ๆ คิโดคิดแบบนั้น ทว่าในความเป็นจริงโกเอนจิไม่ได้อยู่ที่นี่
คนที่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างลงในการเล่น
คนที่ยืนอยู่บนสนามด้วยความรู้สึกสนุกสนาม
คนที่วิ่งไปอย่างเชื่อมั่นในวิถีที่ตนเองเลือก
คนๆนั้นนั่นแหละ...
คือผู้เล่นที่แข็งแกร่งมากที่สุดในสนาม
ความคิดเห็น