คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 : ฮาร์ปี
เจ้าบ้า...
ทั้งที่รู้ว่าอยู่ในทะเลไม่ได้ยังคิดจะกระโดดลงไปช่วยคนอื่นอีกนะ
ลำบากคนอื่นต้องกระโดดลงไปช่วยอีกจะทำไปทำไม
ช่วยอยู่เฉยๆทีเถอะ
“คราวหน้าถ้าตกลงไปฉันจะไม่ช่วยอีกแล้วนะ”
ตูม!!
“บ้าเอ๊ย...”
และสุดท้าย...
ตูม!!
ก็ต้องกระโดดลงไปช่วยอยู่ดี
ช่างเป็นกัปตันที่น่าปวดหัวจริงๆเลย
โดย โรโรโนอา โซโล
นักดาบประจำเรือเทาซัน ซันนี่
สังกัดกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
“ฮาร์ปีเหรอ” ช็อปเปอร์มองเหล่าคนครึ่งนกที่กางปีกแล้วบินอยู่บนท้องฟ้าไม่วางตา
“ว้าว...นี่ชวนมาเป็นพวกเราดีกว่า” ดวงตาของเด็กหนุ่มหมวกฟางทอประกายแล้วอยากจะวิ่งเข้าไปชวนเร็วๆ
“เลิกชวนตัวอะไรแปลกๆมาเข้าเป็นพวกได้แล้ว” ทุกคนบนเรือต่างตะโกนว่าเจ้ากัปตันจอมวุ่น นิสัยเสียแบบนี้ไม่ว่าจะกี่ปีก็ไม่เคยปรับปรุงให้ดีขึ้นเลยจริงๆ เห็นอะไรแปลกๆก็ต้องชวนมาเป็นพวกเนี่ยเรื่องนี้เลิกสักทีได้ไหม
“ฮาร์ปีหรือ...ยุ่งแล้วสิ” นามิพูดแล้วหันไปมองพวกผู้ชาย ถึงว่าทำไมล็อกโพสจึงจับสัญญาณของเกาะนี้ตั้งแต่แรกไม่ได้นั่นก็เพราะว่าสัญญาณของเกาะนี้มันอ่อนลงมากเนื่องจากมีเสียงเพลงของพวกฮาร์ปีรบกวนคลื่นของเกาะนะสิ
“มีอะไรหรือนามิ” อุปซปถามหญิงสาวผู้เป็นต้นหนเรือที่มีท่าทางเคร่งเครียดขึ้นมา
“ฉันว่าพวกนายรีบปิดหูก่อนดีกว่านะ” โรบินแนะนำพลางมองเหล่าฮาร์ปีที่บินเข้ามาใกล้
“ทำไมละครับ” บรู๊คถามแล้วมองเจ้าครึ่งคนครึ่งนกที่กำลังบินมาทางนี้ เขาละไม่เข้าใจจริงๆว่าสองสาวกำลังกังวลอะไรอยู่
“เพลงของพวกฮาร์ปีจะล่อลวงผู้ชายทุกคนให้หลงใหล...” โรบินพูดออกมาทำให้ทำให้ทุกคนหันไปสนใจ
“ถ้าหลงใหลไปกับมันแล้วจะเป็นยังไง” โซโลถามด้วยความหวั่นใจขึ้นมา หวังว่าคงจะไม่ได้เกิดอะไรบ้าๆขึ้นมาอีกนะ
“ถ้าขืนหลงไปกับเพลงของพวกมันก็จะกลายเป็นอาหารของพวกมันนะสิ” คำตอบของนามิทำเอาทุกคนบนเรือชะงักไปทันที
“อาหารเหรอ!!” ช็อปเปอร์กับอุปซปตะโกนออกมาพร้อมใบหน้าซีดเผือด พวกเขายังอยากมีชีวิตล่องทะเลไปนานๆยังไม่อยากจะกลายเป็นอาหารให้พวกครึ่งคนครึ่งนกในตอนนี้หรอกนะ
“ถ้าไม่อยากกลายเป็นอาหารก็รีบยกมือขึ้นปิดหูสิยะ” นามิตะโกนบอกแต่ก็ไม่ทันแล้วเมื่อเหล่าฮาร์ปีเริ่มร้องเพลงออกมาเป็นท่วงทำนองอันไพเราะ
“ไม่ได้ยิน...ฉันไม่ได้ยิน...ไม่ได้ยินอะไรเลย” อุปซปพยายามพูดให้ดังกลบเสียงเพลงพร้อมกับที่ยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างแต่น่าแปลกในเมื่อพวกเขาก็ได้ยินเสียงเพลงเมื่อกี้เข้าไปเต็มๆแล้วนี่ทำไมยังไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
แต่ละคนค่อยๆยกมือลง พวกเขาได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะแต่เสียงเพลงแค่นี้ไม่อาจจะชักจูงพวกเขาให้หลงใหลได้หรอกยกเว้น...
“แหม..ไม่ต้องใช้เพลงผมก็หลงรักพวกคุณแล้วคร๊าบ...” โซโลมองกัปปะจอมลามกที่ไปตะโกนบอกรักพวกฮาร์ปีปาวๆอย่างนึกสมเพช เขาละอยากจะถีบหมอนี่ไปเป็นอาหารของพวกฮาร์ปีข้างนอกเรือเสียจริง
“เฮ้ยๆ...ทำไมไม่เป็นอะไรเลยละ” แฟร้งกี้ถามออกมาอย่างแปลกใจ ก็สองสาวบอกว่ามันมีผลกับผู้ชายไม่ใช่หรือ พวกเขาก็ผู้ชายนะโวย
“แปลกจริง” นามิเองก็งุนงงไปเหมือนกัน ก็เธอได้ข้อมูลมาแบบนี้นี่นา
“หรือเจ้าพวกนี้จะเป็นวายพันธุ์พิเศษ” โรบินวิเคราะห์เรียกความสนใจจากทุกคนให้หันกลับมาใหม่
“อะไรคือสายพันธุ์พิเศษ” โซโลถามออกมา เขาเริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเสียแล้ว หวังว่าคงจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นหรอกนะ
“เสียงเพลงของพวกฮาร์ปีสายพันธุ์พิเศษจะล่อลวงเฉพาะผู้ชายที่มีพลังของผลปีศาจ ทำให้หลงใหลและหลอกล่อให้ลงทะเล” โรบินพยายามเค้นข้อมูลในสมองของตนออกมา ทุกคนต่างรู้ดีว่าเหล่าผู้ที่กินผลปีศาจเข้าไปจะว่ายน้ำไม่ได้ไปตลอดชีวิตและถ้าขืนหล่นลงไปในทะเลโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือละก็มีแค่ตายกับตายเท่านั้น
“ผมก็เป็นผู้มีพลังพิเศษนะครับ เป็นผู้ชายด้วยถึงจะเหลือแต่กระดูกก็เถอะ โยโฮ โยโฮ” คำพูดที่มาจากนักดนตรีประจำเรือทำเอาใบหน้าของแต่ละคนฉายแววเอือมระอา ก็เพราะเป็นกระดูนั่นแหละถึงไม่มีใครนับว่าหมอนี่เป็นคน แค่คุณสมบัติข้อแรกก็ไม่ผ่านแล้วต่อให้เป็นผู้ชายแล้วมีพลังพิเศษแล้วยังไง เหลือแต่กระดูกคิดว่าพวกฮาร์ปีจะเอาไปกินหรือไง
“ฉันก็ผู้ชายนะ แล้วยังกินผลปีศาจเข้าไปด้วย” ช็อปเปอร์โวยวายพร้อมใบหน้าที่ซีดขาวทำเอาซันจิที่ทนไม่ไหวเขกหัวเจ้าเรเดียร์จมูกน้ำเงินจอมแตกตื่นเข้าไปโป๊กหนึ่ง
“นายมันใช่มนุษย์ซะที่ไหน” ซันจิพูดทำให้เรเดียร์กึ่งมนุษย์เริ่มนึกได้
“นั่นสินะ” ช็อปเปอร์พูดพร้อมพยักหน้ารับ ก็เขาไม่ใช่มนุษย์นี่นา อันที่จริงตอนนี้ต่อให้ทุกคนบอกว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดช็อปเปอร์ก็ไม่สนหรอกเพราะเขาเคยประกาศออกไปแล้วว่าเขาจะเป็นสัตว์ประหลาดที่มีประโยชน์กับลูฟี่
“ค่อยโล่งอก ซันจิ แฟร้งกี้ โซโล อุปซปไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษ” นามิพูดแล้วปาดเหงื่อบนใบหน้าของตนเองออก ส่วนบรู๊คกับช็อปเปอร์ถึงจะกินผลปีศาจเข้าไปแต่ก็ไม่เข้าเงื่อนไขอยู่ดี
แต่เดี๋ยว...เหมือนกับว่าพวกเขาจะลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไป
“ผู้ชายที่มีพลังของผลปีศาจอย่างนั้นหรือ...” อุปซปพูดอย่างครุ่นคิดแต่โซโลถึงกับหน้าซีดไปแล้วเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าบนเรือยังมีอีกคนที่เข้าเงื่อนไขนั่นแน่ๆ
“ลูฟี่...” นักดาบหนุ่มถึงกับตะโกนเสียงหลงทำให้ทุกคนรู้แล้วว่าพวกเขากำลังลืมอะไรไป มนุษย์ผู้ชายที่มีพลังของผลปีศาจบนเรือเทาซัน ซันนี่ก็มีอยู่คนหนึ่งนี่นา
เมื่อคิดได้ดังนั้นทุกคนก็หันขวับไปมองกัปตันเรือทันทีแล้วต่างคนก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างของเด็กหนุ่มผู้มีค่าหัวถึง 400 ล้านเบรีกำลังเดินอย่างเลื่อนลอยไปทางทะเลแถมยังปีนขึ้นไปยืนอยู่บนกาบเรืออีกต่างหาก ท่าทางแบบนั้นดูก็รู้ว่าหมอนี่หลงไปกับเสียงเพลงของพวกฮาร์ปีเต็มๆ ก็ว่าตั้งแต่เมื่อกี้ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงของลูฟี่เลย
โซโลพุ่งเข้าไปหากัปตันเรืออย่างรวดเร็ว เขาได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้ลูฟี่เดินต่อไปเลยแม้แต่ก้าวเดียวก็ไม่ได้เพราะหากขยับตัวเดินไปอีกแค่ก้าวเดียวร่างของเด็กหนุ่มคงร่วงจมหายลงไปในทะเลที่มีกระแสน้ำเชี่ยวแน่ๆ
เสียงร้องเพลงของพวกฮาร์ปีดังกังวานขณะที่ทุกคนต่างภาวนาในใจขอให้ลูฟี่หยุดยืนอยู่แค่ตรงนั้นและขอให้โซโลสามารถคว้าตัวลูฟี่เอาไว้ให้ได้ ทว่าคำภาวนาของทุกคนต่างไร้ผลเพราะก่อนที่โซโลจะคว้าร่างของเด็กหนุ่มได้ลูฟี่กลับกระโดดออกจากกาบเรือหายวูบลงไปในท้องทะเลที่บ้าคลั่ง
“ลูฟี่...” โซโลร้องตะโกนเรียกกับตันของเขา เจ้าตัวใจหายวูบราวกับถูกกระชากหัวใจออกจากร่างในยามที่ร่างนั้นหายวูบไปต่อหน้าต่อตาความคิดและร่างกายของเขาก็เหมือนจะหายวูบไปด้วย
อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น...อีกแค่นิดเดียวก็จะสามารถคว้าเอาไว้ได้ ทั้งที่ยื่นมือออกไป ทั้งที่หมอนั่นยืนอยู่ตรงหน้าเขาแท้ๆ ทั้งที่ถ้าคว้าเอาไว้ได้ตอนนี้หมอนั่นก็จะยืนอยู่ตรงหน้าเขา
โดยไม่คิดอะไรอีกชายหนุ่มผู้เป็นนักดาบประจำเรือก็กระโดดตามกัปตันลงไปติดๆ
โซโลไม่คิดกลัวกระแสน้ำที่บ้าคลั่งเลยแม้แต่น้อย ในตอนนั้นเขาคิดเพียงแค่ว่าเขาจะต้องคว้าร่างนั้นเอาไว้ให้ได้ จะต้องคว้าเอาไว้ไม่ให้หลุดมือไปได้เป็นครั้งที่สอง
ตูม!!
เสียงน้ำแตกกระจายทำเอาเพื่อนที่เหลือต่างตื่นตระหนกด้วยไม่คิดว่าชายหนุ่มผมเขียวจะกระโดดตามลงไปแบบนั้น
“โซโล ลูฟี่” ช็อปเปอร์ตะโกนออกมาอย่างตื่นตกใจขณะที่ทุกคนถลาเข้ามาที่ขอบเรือหวังจะมองหาร่างสองร่างที่หายวูบไปกับสายน้ำ
“ลงไปหาสิ...เอาเรือเล็กลงไปหา” อุปซปเร่งแต่ก็โดนซันจิเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน
“เปล่าประโยชน์นายก็รู้ดี” พ่อครัวประจำเรือพูดออกมาในสิ่งที่ทุกคนรู้กันดีทว่าพวกเขาก็แค่อยากจะหาทางช่วย...ทางที่พวกเขาจะสามารถช่วยได้สักทางไม่ใช่ทำได้เพียงแค่ยืนมองเหมือนอย่างในตอนนี้
“แต่...” ช็อปเปอร์ทำท่าจะคัดค้าน จะให้มองเพื่อนสองคนจมหายลงไปในทะเลอย่างนั้นหรือ
“ช็อปเปอร์พอเถอะ” แฟร้งกี้มองลงไปที่ผืนน้ำเบื้องล่างแล้วได้แต่ตบบ่าของเรเดียร์จมูกน้ำเงิน อุปซปเองก็เริ่มมีท่าทางเห็นด้วยกับคนอื่นทำให้หมอประจำเรือหันไปมองนามิ
“กระแสน้ำแรงเกินไป ถึงลงไปหาตอนนี้ก็ไม่เจออยู่ดี” นามิพูดอย่างตัดใจ เธอที่เป็นต้นหนย่อมรู้ดีที่สุดถึงกระแสน้ำที่ไหลผ่านเรืออยู่ในตอนนี้ ต่อให้สองคนนั้นรอดป่านนี้ก็คงถูกพัดไปไกลแล้ว
ช็อปเปอร์จ๋อยลงทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของนามิแต่ก็มีมีท่าทางดีใจขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดต่อมา
“เอาเรือเทียบฝั่งกันดีกว่า เราจะตามหาพวกเขาบนบก” นามิหันไปบอกเพื่อนคนอื่นทำให้ทุกคนมีสีหน้าดีขึ้นเพราะนั่นหมายความว่านามิเองก็เชื่อว่าสองคนนั้นยังคงปลอดภัยอยู่ที่ไหนสักแห่งบนเกาะ
ไม่มีใครลังเลที่จะเปลี่ยนทิศทางเรือมุ่งหน้าไปสู่เกาะขณะที่พวกฮาร์ปีต่างบินออกห่างเรือไปเมื่อเห็นว่าไม่มีอาหารให้กินแล้ว
“นามิ โซโลกับลูฟี่จะปลอดภัยใช่ไหม” ช็อปเปอร์ถามทำให้นามิลูบหัวอย่างปลอบใจ คนเป็นต้นหนเรือไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสองคนนั้นจะเป็นยังไงแต่เธอพยายามจะเชื่อว่าสองคนนั้นยังคงปลอดภัยและน่าจะถูกซัดไปอยู่ที่เกาะ ทว่าถ้าพลิกเกาะทั้งเกาะหาแล้วยังไม่พบเธอก็ไม่กล้าจะคิดต่อไปแล้วจริงๆว่าสองคนนั้นจะยังอยู่หรือไม่
“ต่อให้บาดเจ็บแค่ไหนฉันก็รักษาได้ ขอแค่ยังปลอดภัยกันก็พอ...” ช็อปเปอร์พูดแค่นั้นแล้วรีบวิ่งไปช่วยทุกๆคน
คำว่าปลอดภัยของหมอประจำเรือแปลว่าขอเพียงแค่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ ถ้าหากมีชีวิตช็อปเปอร์ย่อมรักษาได้อย่างแน่นอนแต่ถ้าตายไปแล้วต่อให้เป็นหมอประจำเรือเทาซัน ซันนี่ก็คงไม่มีปัญญาไปแย่งวิญญาณของคนทั้งสองออกจากอุ้มมือมัจจุราชได้หรอก
นามิได้แต่มองทะเลที่ทั้งคนเป็นกัปตันและนักดาบหนุ่มหายไปตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมลูฟี่ถึงไม่ได้ยินเสียงเพลง ถึงว่าสิทำไมคนหูดีอย่างหมอนั่นถึงไม่ได้ยินนั่นก็เพราะเสียงเพลงของพวกฮาร์ปีพันธุ์พิเศษมันมีอะไรแตกต่างไปสักหน่อย คนที่เป็นเหยื่อจะได้ยินเสียงเพลงนี่ตราบเมื่อฟังใกล้ๆพวกมันเท่านั้นถึงตรงนี้เมื่อได้ฟังเพลงเข้าไปละก็คงโดนสะกดไปเต็มๆแน่ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการหลบหนีและป้องกันความผิดพลาดเวลาที่สะกดเหยื่อไปแล้ว ส่วนคนอื่นๆจะได้ยินในรัศมีที่ไกลออกไปในเมื่อคนพวกนั้นไม่ใช่เหยื่อของมันจะได้ยินเพลงหรือไม่ได้ยินก็ไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว
นามิยังคงก้มมองผืนน้ำที่ปั่นป่วนด้านล่างไม่ไปไหน เธอหวังว่าสองคนนั้นจะไม่เป็นอะไร
“กระโดดลงไปโดยไม่คิดถึงอะไร...” หญิงสาวผมส้มพูดขึ้นมาในขณะที่คิดไปถึงการกระทำของโซโล
ไม่คิดถึงแม้แต่ชีวิตของตนเอง...
“ช่างสมกับเป็นนายเสียจริง”
ใช่...ช่างสมกับเป็นนาย...ช่างสมกับเป็นลูกเรือที่สามารถตายแทนกัปตันได้ ช่างสมกับที่เป็น...คนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องกัปตัน
“หวังว่ายังคงปลอดภัยกันนะทั้งสองคน”
พวกเราเองก็กำลังจะไป...จะไปตามหานายให้พบ
เขารักสายตามุ่งมั่นไม่ไหวเอนนั่น
เขารักนิสัยที่รักพวกพ้องและไร้ความลังเล
เขารักในสิ่งที่คนๆนั้นทำให้เพื่อนคนสำคัญ
เขาเชื่อมั่นทั้งการกระทำและการตัดสินใจของคนๆนั้นมาตลอด
แต่บางครั้งเขาก็นึกชิงชังนัก
ชิงชังที่อีกฝ่ายมักจะทำอะไรเกินตัว
ชิงชังที่หลายครั้งอีกฝ่ายทำเหมือนไม่สนใจแต่กลับเก็บความรู้สึกมากมายเอาไว้
ชิงชังที่อีกฝ่ายมักสนใจความรู้สึกของคนรอบข้างมากกว่าความปลอดภัยของตนเอง
ทว่าบางครั้ง...
เขาอาจนึกชิงชังตนเองมากกว่า...
นึกชิงชังที่ตนเองไม่สามารถปกป้องคนๆนั้นได้เลยสักครั้งเดียว
ความคิดเห็น