ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CODE GEASS {SUZAKU X LELOUCH} YAOI

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : เผชิญหน้า 100%

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 57


     

    สิ่งที่เคยสูญเสียไปแล้วครั้งหนึ่ง

     

    สิ่งที่เคยปล่อยให้หลุดลอยไปต่อหน้า

     

    ในวินาทีที่มันกลับมาปรากฏอยู่ในมืออีกครา

     

    ตั้งแต่วินาทีนั้นก็ตัดสินใจแล้วว่า
     

    จะไม่มีวัน...

     

    ปล่อยมันไปอีก!!

     

    วันนี้สวนส้มที่แสนสงบและร่มรื่นในบริทาเนียกลับได้ต้อนรับแขกผู้มาเยือนรายสำคัญตั้งแต่เช้า เจเรเมียมองคนที่เดินเข้ามาพร้อมซีทูด้วยดวงตาที่ไม่ได้แปลกใจเลยสักนิด ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างรู้ดีที่สุดว่าสักวันคนๆนี้จะต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน

     

    ร่างสูงสง่าในชุดคลุมสีดำก้าวเข้ามาภายในสวนอย่างมั่นคง ใบหน้าของเจ้าตัวถูกบดบังไว้ด้วยหน้ากากสีดำสนิทที่ชวนให้รู้สึกเย็นชา ด้านหลังมีไนท์แมร์เฟรมสีดำที่เจ้าตัวใช้โดยสารมาจอดอยู่

     

    “ในที่สุดก็มาจนได้นะ” เจเรเมียพูดออกมาแทนการทักทายเมื่อร่างของซีทูและผู้มาเยือนเดินเข้ามาใกล้

     

    “หมอนั่นไม่ได้ออกมาใช่ไหม” ซีทูเอ่ยถามอีกฝ่ายทันทีที่พบหน้าแทนการทักทายกันตามมารยาท

     

    “วางใจเถอะ...พวกฉันยังไม่ให้ออกมาหรอก” เจเรเมีนพูด แม้หลายครั้งพวกเขาเกือบจะพลาดท่าปล่อยเด็กหนุ่มนั้นออกมาแล้วก็ตาม แม้ไม่เหลือความทรงจำทว่าลูลูช วี บริทาเนีย ก็ยังคงความเจ้าเล่ห์และสมองอันชาญฉลาดของตนเองไว้ได้อย่างครบถ้วน

     

    “ว่าแต่จะไม่ทักกันหน่อยหรือ ซีโร่” เจเรเมียหันไปถามผู้มาเยือนที่ยังคงนิ่งเงียบ เห็นตัวตนของคนๆนี้แล้วเจเรเมียคิดถึงเด็กหนุ่มอีกคนที่เคยเป็นซีโร่ แม้ว่าตอนนี้คนๆนั้นจะไม่เหลือความทรงจำใดๆอีกแล้วก็ตาม แต่สำหรับเจเรเมียแล้วเด็กหนุ่มคนนั้นเหมาะกับซีโร่ ชายผู้สร้างปาฏิหาริย์ยิ่งกว่าใคร

     

    ต่อให้โดนทักตรงๆแบบนี้หรือต่อให้ต้องเสียมารยาทมากกว่านี้ซีโร่ก็ไม่คิดจะเอ่ยอะไรออกมาเหมือนเช่นเคย บทสนทนาทุกอย่างจึงตกอยู่ในความเงียบ

     

    “เข้าไปหาหมอนั่นกันเถอะ” ซีทูพูดเปลี่ยนเรื่องเพราะเธอรู้ดีว่าซีโร่จะไม่ยอมกล่าวอะไรออกมาแน่ๆ ตัวตนของซีโร่คือสิ่งสุดท้ายที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนๆนี้เอาไว้ จะให้พังทลายลงมาไม่ได้เด็ดขาด

     

    หญิงสาวผมเขียวเดินนำออกไปในขณะที่ซีโร่สาวเท้าตาม ความสนใจทั้งหมดของเขามันพุ่งไปอยู่ที่คนๆนั้นหมดแล้ว

     

    เจเรเมียมองตามหลังชายซึ่งอยู่ในชุดคลุมสีดำสนิทไป เหตุใดคนๆนี้จึงไม่พูดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ เจเรเมียคิดว่าเขารู้และเขาก็เชื่อด้วยว่าหากท่านลูลูชตายไปแล้วหมอนั่นก็คงไม่ยอมพูดออกมาตลอดชีวิตนั่นแหละ

     

    เพราะซีโร่คือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจสิ่งสุดท้าย...คือสิ่งยึดเหนี่ยวที่ยังคงประคับประครองให้ซีโร่ทะนงและสง่างามอย่างเช่นซีโร่ในทุกวันนี้

     

    รู้บ้างไหมว่าการมีชีวิตอยู่

     

    มันช่างยากเย็น...

     

    ยิ่งกว่าการตายเสียอีก

     

    ลูลูชนั่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่ภายในห้องนอนสุดหรูหรา อาการบาดเจ็บที่เคยหลงเหลืออยู่บัดนี้ได้จางหายไปจนหมดแล้ว แรงกายก็กลับมาครบถ้วนสมบูรณ์ แม้แต่สมองก็แจ่มใสเป็นปกติ ทว่าสิ่งที่น่าหงุดหงิดก็คือเขาไม่สามารถจะออกไปจากที่นี่ได้ หลายวันที่ผ่านมานี้มีคนสองคนผลัดเปลี่ยนเข้ามาหาเขา เอาน้ำ เอาอาหารและสิ่งจำเป็นต่างๆมาให้

     

    คนแรกแนะนำตนเองว่าชื่อเจเรเมีย ก็อตเวลล์ ชายคนนั้นเข้ามาแนะนำตัวด้วยสีหน้าดีใจและเทิดทูลเขา แถมยังบอกให้เขาเรียกตัวเองว่า เจ้าส้ม อีกด้วย คนที่สองคือเด็กสาวที่แนะนำตัวกับเขาว่าชื่ออาเนีย อัลสเตมล์ ดวงตาของเธอจับจ้องเขาด้วยความเจ็บปวดและทรมานทว่าแม้จะพยายามนึกแค่ไหนก็ไม่มีภาพของสองคนนี้อยู่ในความทรงจำของเขาสักนิดเดียว

     

    ลูลูชอยากจะออกไปจากที่นี่แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนคนข้างนอกก็ไม่ยอมให้เขาก้าวเท้าออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียว เขาใช้สารพัดวิธีแต่ก็ไม่มีใครหลงกล ไม่รู้ว่าสองคนนั้นฉลาดจริงๆหรือดักทางนิสัยของเขาได้กันแน่

     

    นี่ก็ผ่านมาแปดวันแล้วนับตั้งแต่วันที่เขาตื่นขึ้นมา ผู้หญิงที่ชื่อซีทูคนนั้นตั้งแต่ที่พบกันวันแรกเขาก็ไม่เห็นเธออีกเลย เขาเคยถามหาเธอกับเจเรเมียไปครั้งหนึ่งซึ่งอีกฝ่ายก็เพียงแค่บอกว่าเธอไปธุระแต่ไม่ได้บอกว่าไปธุระอะไรและไม่ได้ขยายความไปมากกว่านั้น

     

    ตั้งแต่วันที่ลืมตาตื่นขึ้นมาจนมาถึงวันนี้ลูลูชจึงยังไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ไม่รู้ว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไรและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง เอาจริงๆเลยก็คือตั้งแต่ที่ฟื้นขึ้นมาเขาก็ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเดียว

     

    แอด... เสียงประตูเปิดเข้ามาก่อนจะปิดลงเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มที่อยู่ในห้องคนเดียวให้หันไปมองแต่ก็ต้องเป็นตนเองที่ชะงักไปเมื่อเห็นร่างสง่าในชุดคลุมสีเข้มเดินเข้ามา ใบหน้าของผู้มาเยือนถูกปิดบังไว้ด้วยหน้ากากสีดำทำให้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

     

    ความคุ้นเคยที่แล่นเข้ามาในหัวใจทำเอาเขาที่กำลังเหม่อมองร่างตรงหน้าที่ก้าวเข้ามาหาเผลอเอ่ยเรียกชื่อๆหนึ่งออกมา ชื่อที่เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าไปเอามาจากไหน

     

    “ซีโร่...” ถ้อยคำนี้ทำเอาร่างตรงหน้าชะงักเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงเข้ามาด้วยฝีเท้าที่ร้อนรนกว่าเดิม มือของคนตรงหน้าแตะลงบนแก้มของเขาอย่างอ่อนโยนแล้วเอ่ยขึ้น

     

    “ไม่ใช่...” มืออีกข้างปลดหน้ากากสีดำที่ปกปิดใบหน้าของตนเองออกเผยให้เห็นเส้นผมสีน้ำตาลและดวงตาสีเขียวที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยยิ่งกว่าสิ่งใด

     

    “ฉันคุรุรุกิ สุซาคุ” คนตรงหน้าแนะนำตัวพร้อมดวงตาสีเขียวที่เป็นประกายอย่างยินดี

     

    อา...ชื่อที่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำมันเป็นชื่อของคนๆนี้เองนะหรือ ทว่าแม้จะพยายามค้นหาเท่าไหร่ตัวตนของคนๆนี้ในความทรงจำของเขาก็ยังคงว่างเปล่าเช่นเดิม

     

    “ดีใจที่พบเธออีกนะลูลูช”

     

    สิ่งสำคัญที่อยู่ในมือ...

     

    มันช่างดูเปราะบางนัก

     

    ราวกับสามารถจะแหลกสลายไปได้ตลอดเวลา

     

    เพียงแค่ออกแรง...

     

    กำมันไว้มากกว่าที่เคยเท่านั้นเอง

     

    สิ่งแรกที่ผ่านเข้าสู่ดวงตาที่ถูกซ่อนไว้หลังหน้ากากคือร่างของเด็กหนุ่มที่อยู่ในความทรงจำและเฝ้ารอคอยอย่างทรมานมาเสมอ คนๆนั้นที่อยู่ในความทรงจำเป็นเช่นใดคนที่นั่งอยู่บนเตียงใหญ่ก็ไม่แตกต่าง ราวกับว่าถอดออกมาจากความทรงจำไม่ผิดเพี้ยน

     

    แต่เมื่อก้าวเข้าไปใกล้เขาถึงได้รู้ว่าคนตรงหน้าก็มีสิ่งที่แตกต่างจากคนเดิมอยู่เล็กน้อย นั่นคือแววตาที่มองตรงมายังเขา ดวงตาสีม่วงที่มองมาราวกับมองคนที่ไม่รู้จัก ดูเหมือนว่าคนที่เขาเฝ้าภาวนาให้ปลอดภัยและเฝ้ารอมาตลอดจะลืมเลือนพวกเขาไปจนหมดสิ้นแล้ว

     

    เพียงแค่คิดก็เจ็บปวด...เพียงแค่มองก็ทรมาน บทลงโทษของเขามันยังไม่มากพอหรืออย่างไร

     

    “ซีโร่...” เสียงเรียกที่ออกจากปากของคนตรงหน้าทำเอาเขาชะงักไปเล็กน้อย ความปวดร้าวเล่นงานเขาอีกรอบเพียงแค่ได้ยินคำว่าซีโร่ที่เอ่ยออกจากปากของอีกฝ่าย เจ็บปวดยิ่งกว่าที่โดนผู้คนมากมายร้องเรียกและสรรเสริญ เพราะมันทำให้คิดถึงในยามที่ฝังคมดาบใส่ร่างตรงหน้า

     

    จำได้...หรือว่าคนตรงหน้าคิดจะกลั่นแกล้งกัน แต่ดวงตาสีม่วงที่ยังมองมามันเต็มไปด้วยความสงสัยและพยายามครุ่นคิดจนเขาต้องบอกกับตนเองว่าช่างมันเถอะ... ต่อให้เป็นการกลั่นแกล้งก็ช่างมัน ต่อให้เป็นคำหลอกลวงเขาก็จะขอเชื่อท่าทางและคำพูดของคนๆนี้ แค่ได้เห็นเธอมีชีวิตอยู่มันก็ดีมากแล้ว มาก...จนไม่กล้าร้องขอสิ่งใดอีก

     

    เขาสาวเท้าเข้าไปหาเด็กหนุ่มตรงหน้าเร็วขึ้นและเมื่อยืนอยู่เบื้องหน้าเขาก็อดจะเอามือสัมผัสแก้มคนๆนี้ไม่ได้

     

    “ไม่ใช่...” เขาไม่เคยเป็นและไม่คิดว่าตนเองจะเป็นซีโร่ ชายผู้สร้างปาฏิหาริย์แม้แต่ตอนนี้คนที่คู่ควรกับมันก็มีแค่เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้เท่านั้น และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่สุซาคุยอมพูดออกมาแม้ว่ากำลังสวมหน้ากากของซีโร่ก็ตาม

     

    มือของเขาเอื้อมไปปลดหน้ากากออกเพราะปรารถนาจะเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้ชัดๆ คนที่โหดร้ายมากที่สุดแต่ก็อ่อนโยนมากที่สุดเช่นกัน

     

    “ฉันคุรุรุกิ สุซาคุ”

     

    แค่ต่อหน้าเด็กหนุ่มคนนี้เท่านั้น...แค่ต่อหน้าเธอที่จะไม่มีซีโร่ชายที่กำลังหลอกลวงคนทั้งโลก

     

    แค่ตอนหน้าเธอเท่านั้นที่จะมีเพียงสุซาคุที่เป็นเพื่อนและอัศวินของเธอ...เป็นอัศวินของเธอมาเสมอ

     

    และเพียงแค่ต่อหน้าเธอเท่านั้นที่คุรุรุกิ สุซาคุจะกลับมามีชีวิต...

     

    ใช่...ทั้งหมดนี่เพียงแค่ต่อหน้าเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น

     

    “ดีใจที่พบเธออีกนะลูลูช”

     

    บทลงโทษของผมมันยังไม่มากพอใช่ไหม

     

    เพียงแค่คิดก็ทรมาน...

     

    เพียงแค่นึกถึงก็เจ็บปวด...

     

    ใช่...

     

    ทั้งเจ็บปวดและทรมาน

     

    จนแทบจะทนไม่ไหว

     

    ทว่า...

     

    ก็ทำสิ่งใดไม่ได้

     

    นอกจากต้องทน!!

     

    สุซาคุใช้เวลาอยู่ในบ้านหลังเล็กกับลูลูชทั้งวัน จนเมื่อถึงยามเย็นนั่นแหละเจ้าตัวถึงยอมเดินออกมาเพราะตระหนักได้ว่าตนเองยังมีภาระที่แบกเอาไว้บนบ่า

     

    “จะกลับแล้วหรือ” ซีทูถามขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงในชุดคลุมสีดำเดินไปยังไนท์แมร์เฟรมตัวสีดำที่ถูกจอดเอาไว้ ตอนนี้เจ้าตัวกลับไปซ่อนใบหน้าของตนเองเอาไว้ภายใต้หน้ากากอีกครั้งหนึ่ง

     

    “อืม...” แต่ผิดคาดไปเล็กน้อยเพราะคราวนี้ซีโร่ยอมเปิดปากพูดออกมา

     

    “ฉันยังต้องกลับไปจัดการสิ่งที่ลูลูชทิ้งเอาไว้” การมาอยู่กับลูลูชที่นี่ไม่ได้ทำให้เขาลืมหน้าที่ที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้

     

    วันนี้เขาไม่มีธุระอะไรเป็นพิเศษนอกจากส่งจักรพรรดินีนันนาลี่กลับบริทาเนีย แต่เขาก็ไม่ได้ไปส่ง ต่อให้ขาดเขาไปคนหนึ่งซีโร่ก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงเพราะที่นั่นมีทั้งกลุ่มภาคีอัศวินดำและทหารราชองครักษ์หลายคน จะมีเขาหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน อีกอย่างการส่งจักรพรรดินีนันนาลี่มันไม่สำคัญเท่ากับเวลาที่เขาจะได้อยู่กับลูลูชหรอก

     

    “นายจะเอายังไงต่อ” ซีทูถามออกมา หลังจากได้คุยกับลูลูชแล้วสุซาคุน่าจะรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่เหลือความทรงจำอะไรอีก แม้แต่ตัวตนของพวกเขาก็ตาม

     

    “ตอนนี้ยังให้ลูลูชออกไปไหนไม่ได้” ซีโร่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและมันจะต้องเป็นไปตามนั้น เขาจะไม่ยอมให้คนๆนี้กลับไปเสี่ยงอีกแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นเรื่องดี

     

    “นายคิดจะขังหมอนั่นเอาไว้หรือไง” ซีทูถามอย่างนึกแปลกใจ จะกักขังคนอย่างลูลูชนะหรือ ยากไปหรือเปล่า

     

    “ผมไม่ได้คิดแต่จะทำ” เด็กนุ่มผู้อยู่ในชุดคลุมสีดำพูดออกมาด้วยใบหน้าจริงจังกว่าครั้งใด

     

    ในเมื่อคนๆนั้นยอมลบตัวตนของตนเองเพื่อโลกใบนี้และสละทิ้งความทรงจำของตนเองไปแล้วก็เท่ากับว่าลูลูช วี บริทาเนียตายไปแล้วครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นเวลาต่อจากนี้และวันเวลาทั้งหมดที่เหลืออยู่ทั้งหมดของเธอจะเป็นของผม

     

    เธอเป็นคนเลือกที่จะตาย เธอเป็นคนเลือกที่จะสละทิ้งทุกสิ่งอย่าง แม้แต่ตัวตนและความทรงจำ ชีวิตใหม่ที่ผมมอบให้เธอนั้น...วันเวลาทั้งหมดสมควรเป็นของผม

     

    “ยังไงช่วงที่ผมไม่อยู่ก็ขอฝากลูลูชไว้กับเธอแล้ว” สุซาคุเอ่ยปากฝากคนสำคัญของตนเองไว้กับแม่มดผู้ไม่มีวันตายเพราะเขารู้ดีว่าคนที่วางใจได้มากที่สุดก็มีแต่หญิงสาวผมเขียวคนนี้

     

    “ฉันขอฝากเธอเป็นโล่ของลูลูชเหมือนเดิม” ฝากเธอเป็นโล่เหมือนกับตอนนั้น ตอนที่คนๆนั้นเป็นจักรพรรดิลูลูช วี บริทาเนีย

     

    “แล้วนายจะไปไหน” ซีทูถามเมื่อเห็นร่างในชุดคลุมยังเดินต่อไปยังไนท์แมร์เฟรมที่จอดรออยู่

     

    “ผมเองก็ยังมีหน้าที่ที่จะทิ้งไปไม่ได้” ทั้งหน้าที่ของซีโร่ที่เธอทิ้งเอาไว้และหน้าที่ของดาบที่จะกำจัดศัตรูทุกคนของเธอ

     

    “แล้วผมจะมาบ่อยๆ” ซีโร่เอ่ยแล้วหันไปมองบ้านหลังนั่นแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง

     

    ตั้งแต่วันที่ยืนเคียงข้างเธอ

     

    ความจงรักษ์ทั้งหมด

     

    ความภัคดีทุกอย่าง

     

    ก็ยังไม่เคยยกให้กับผู้ใด



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×