คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : ผลลัพธ์ของการตัดสินใจ 100%
ถึงขนาดยอมก้มหัวให้คนอื่นสอนดาบ
เจ้าคนพูดไม่เป็นเอ๊ย...
การที่ผู้ชายอย่างนายยอมทิ้งศักดิ์ศรี
แปลว่าต้องเป็นการทำเพื่อใครบางคนแน่
นายคนจะหาสิ่งนั้นเจอแล้วสินะ
สิ่งที่ชนะความทะเยอทยานของนาย
“ฉันมอบชีวิตให้คนๆนั้นไปหมดแล้ว”
มอบให้ตั้งแต่ที่คนๆนั้นช่วยออกมาจากกองทัพเรือ
มอบให้ตั้งแต่ตกลงยอมร่วมทางไปด้วย
มอบให้ตั้งแต่ที่กลับกลายเป็นหนึ่งในโจรสลัดหมวกฟาง
โดย โรโรโนอา โซโล
นักดาบประจำเรือเทาซัน ซันนี่
สังกัดกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
สายลมโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับเกลียวคลื่นที่ม้วนตัวขึ้นสูงด้วยแรงลม เทาซัน ซันนี่แล่นผ่ายพายุที่โหมกระหน่ำโดยมีหญิงสาวผมส้มซึ่งเป็นต้นหนตะโกนสั่งงาน แฟร้งกี้อยู่ประจำที่คันบังคับขณะที่ซันจิกำลังตรวจดูของในห้องครัว ส่วนคนอื่นนะหรือ... ก็หาที่เกาะตามเสากระโดงเรือนั่นแหละ
“ทำอะไรสักอย่างสินามิ” อุปซปตะโกนบอกต้นหนเรือที่กำลังมองดูสภาพภูมิอากาศที่อยู่รอบๆ
“ประครองเรือตรงไปเรื่อยๆแฟร้งกี้ อีกไม่นานก็จะหลุดจากพายุแล้ว” นามิตะโกนบอกคนที่บังคับหางเสือของเรือพลางมองล็อกโพสที่ข้อมือเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้พาเพื่อนทุกคนออกนอกเส้นทาง ฝนยังคงตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาทำให้นามิต้องเพ่งมองไปข้างหน้ามากขึ้น
“คุณนามิคร๊าบ...เข้ามาก่อนไหมครับเดี๋ยวเป็นหวัด” ซันจิโพล่หน้าออกมาถามและแน่นอนว่าเขาต้องเชิญโรบินเข้าไปพักข้างในเรียบร้อยแล้ว
“หนวกหูโว้ยเจ้าคิ้วม้วน ถ้ายายนี่เข้าไปแล้วใครจะเป็นคนนำทางไม่ทราบ” โซโลเถียงออกมาอย่างรำคาญเต็มทนขณะมือยึดขอบเรือด้านหนึ่งเป็นหลักเอาไว้แน่น
“หุบปากน่าเจ้ามอสหัวเขียว ฉันเป็นห่วงคุณนามิแล้วมันผิดตรงไหน” อีกคนก็ไม่ยอมน้อยหน้าเพราะเจ้าตัวตะโกนกลับมาแข่งกับสายฝนที่โหมกระหน่ำอยู่รอบตัว
“ผิดตรงมันใช่เวลาไหมเล่าไอ้กัปปะจอมลามก” ดูเหมือนว่าการทะเลาะกันประจำเรืออันเป็นเรื่องปกติจะเกิดขึ้นแล้วแต่มันดูจะผิดเวลาไปเสียหน่อย นามิคิ้วกระตุกยามที่เสียงทะเลาะของคนทั้งคู่ลอยเข้าหู เจ้าพวกนี้กำลังทำลายสมาธิของเธอหมดแล้ว
“หุบปากไปได้แล้วยะถ้ายังไม่อยากตาย” หญิงสาวตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิดทำเอาคนที่กำลังเถียงกันอยู่ปิดปากฉับ
“เข้าใจแล้วคร๊าบคุณนามิ...แหมตอนโกรธก็ยังสวยนะครับ” แต่ก่อนจะเงียบไปจริงๆชายหนุ่มผมเหลืองก็ไม่ลืมจะตอบรับและชมตามความเคยชิน
“ฮี่ๆ...” กัปตันเรือหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีทั้งที่เรือของตนเองกำลังโดนพายุฝนโจมตี แขนข้างหนึ่งของลูฟี่พันเอาไว้กับเสากระโดงเรือต้นยักษ์ขณะที่มืออีกข้างจับหมวกฟางของตนเองเอาไว้ไม่ให้ปลิวไปตามลม เด็กหนุ่มยังคงยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนเพราะเขาเชื่อมั่นในตัวของต้นหนประจำเรือ ถ้านามิบอกว่าเดี๋ยวก็หลุดออกจากพายุแล้วเดี๋ยวมันก็เป็นไปตามที่นามิบอกนั่นแหละ
เพียงไม่นานคำพูดของต้นหนสาวก็เป็นจริงเมื่อทุกคนเห็นแสงสว่างที่ปลายเมฆฝนยักษ์และนั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าพวกเขากำลังจะหลุดออกจากพายุแล้ว
“แสงนี่...” ช็อปเปอร์รู้สึกดีใจมากที่จะหลุดออกจากพายุเพราะตอนนี้ขนเขาเปียกไปหมดแล้ว
“ถ้าออกจากพายุได้คุณนามิไปอาบน้ำหน่อยนะครับเดี๋ยวไม่สบายเอา” ซันจิพูดด้วยท่าทางเป็นห่วง ซึ่งเขาก็เป็นห่วงแต่หญิงสาวสวยๆเท่านั้นแหละ
“เอาสิ” นามิตอบขณะที่เรือแล่นออกจากกลุ่มเมฆฝนและภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้ดวงตาของลูฟี่ ช็อปเปอร์และอุปซปเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ถึงเกาะแล้ว!!” ลูฟี่ตะโกนออกมาเสียงดังก่อนจะวิ่งพรวดไปนั่งอยู่บนหัวสิโตอันเป็นที่ประจำของเขา
ทุกคนกำลังตื่นเต้นที่เจอเกาะแต่โซโลกลับมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับเกาะตรงหน้าเอาเสียงเลย หรือเขากำลังคิดมากไปเอง
ยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อใครบางคน
ความรู้สึกนี้...
ก็เพิ่งเคยพบนี่แหละ
เรือแล่นเข้ามาตามลำน้ำที่เชื่อมกับทะเลไหลผ่านกลางเกาะ พืชพันธุ์ตามธรรมชาติขึ้นรกชันไปหมดขณะที่เสียงขู่คำรามของสัตว์ป่าดังมาให้ได้ยิน คนทั้งเก้าบนเรือไม่ได้เกรงกลัวเสียงร้องของพวกสัตว์ป่าตรงกันข้ามพวกเขากลับรู้สึกดีใจเสียมากกว่าโดยเฉพาะเด็กหนุ่มหมวกฟางซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าของเรือเพราะถ้าได้ยินเสียงร้องของสัตว์นั่นแปลว่าที่นี่มีอาหารให้กินแถมยังเป็นเนื้ออย่างที่เจ้าตัวโปรดปรานเสียด้วยและเมื่อมีอาหารนั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถหาเสบียงที่นี้ได้
“ป่าแบบนี้หวังว่าจะมีน้ำ” ซันจิพูดออกมาเพราะเขาเองก็ต้องการน้ำจืดมาปรุงอาหารให้ทุกคนบนเรือทานเหมือนกัน
“ลงไปสำรวจเดี๋ยวก็รู้เอง” ลูฟี่พูดอย่างเห็นเป็นเรื่องง่าย ก็ไม่เห็นจะต้องคิดมาเลยนี่จริงไหม
“นั่นสิครับ โยโฮ โยโฮ” บรู๊คเองก็มีความคิดเห็นตรงกับกัปตันทำเอาช็อปเปอร์กับอุปซปชำเรืองมองผืนป่าที่รกชันขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเรือแล่นเข้ามาลึกขึ้นเท่าไหร่ผืนป่าก็ยิ่งรกชัน ไม่อยากลงไปเลยอะ
“นี่...ฉันได้ยินเสียงเพลงมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” อยู่ๆช็อปเปอร์ก็พูดออกมาทำให้ทุกคนเอียงหูแล้วตั้งใจฟัง
“ไม่เห็นจะได้ยินเลย” ลูฟี่พูดออกมาเป็นคนแรกขณะที่คนอื่นยังคงตั้งใจฟังกันอยู่
“นายไม่ได้ยินหรือ” โซโลถามออกมาอย่างแปลกใจ ปกติลูฟี่หูดีจะตายทำไมคราวนี้ถึงไม่ได้ยินละ
“ดูเหมือนว่าเสียงนั่นจะมาจากข้างหน้า” โรบินวิเคราะห์ในขณะที่หลับตาอยู่เพื่อจะฟังเสียงให้ชัดขึ้น
“ใกล้เข้ามาแล้วด้วย” แฟร้งกี้เองก็ได้ยินเสียงอย่างชัดเจนในขณะที่คนอื่นต่างพยักหน้าให้ นั่นแปลว่าบนเรือลำนี้มีแค่กัปตันเรือคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ยินเสียงอะไร
“ใครมาร้องเพลงแถวนี้กันนะ” อุปซปพูด เขาได้ยินเสียงเพลงนั่นดังขึ้นทุกที
“อะไรกัน...อะไรกันฉันไม่เห็นได้ยินเลย” ลูฟี่พยายามเอียงหูฟังเสียงเพลงเช่นเดียวกันแต่เขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
“นี่ทุกคน...ข้างหน้า...” คำพูดเสียงสั่นพร้อมนิ้วมือที่ชี้ไปข้างหน้าของนามิทำให้ทุกคนหันไปมองและพวกเขาก็ได้แต่เบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
บนโขดหินมากมายมีร่างของคนครึ่งนกอยู่ ครึ่งบนของพวกมันมีรูปร่างเป็นหญิงสาวงดงามทว่าครึ่งร่างกลับมีร่างกายเหมือนนกยักษ์ซึ่งมีกงเล็บอันแหลมคม พวกมันต่างหยุดร้องเพลงแล้วหันมามองเมื่อรู้สึกว่ามีเรือลำหนึ่งแล่นผ่านมาทางนี้
“ตะ...ตัวอะไร” ช็อปเปอร์ถามออกมาด้วยความกลัวเพราะท่าทางของพวกมันหลายตัวที่มองมาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
“ยุ่งแล้วสิ” หญิงสาวผมดำพูดออกมาและเพราะคำพูดนี้ทำให้ทุกคนต่างหันไปสนใจ พูดออกมาแบบนี้แปลว่าต้องรู้แน่ๆว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้าคืออะไร
“เจ้านี่คืออะไร” ลูฟี่ถามออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นสิ่งแปลกใหม่แต่โรบินกลับไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีเลยสักนิด
“เจ้าพวกนี้คือฮาร์ปี!!”
เพราะเป็นเด็กหนุ่มคนนั้น
เพราะมีดวงตาที่มุ่งมั่นไม่ไหวเอน
เพราะมีนิสัยไม่หวั่นเกรงผู้ใด
จึงยอมมอบชีวิตทั้งหมดเอาไว้
ตรงหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้น
และแล้วปัญหาใหม่ก็เปิดตัวจนได้
ความคิดเห็น