ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FiC ReBoRn 1827

    ลำดับตอนที่ #3 : ฟากฟ้าที่ 2 : การประชุมของเหล่าผู้นำ(แก้ไข)

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 63



    ในยามเช้าเมื่อเงยหน้าขึ้นฟ้า...

     

     นภาสีครามช่างกว้างใหญ่และงดงาม

     

    ทว่าเมื่อความมืดมิดของราตรีมาเยือน

     

    นภาสีดำสนิทพาให้เยือกเย็นและน่าหวั่นเกรง

     

    ณ ตึกสูงใจกลางเมืองหลวงอิตาลีแห่งหนึ่งถูกตกแต่งและประดับประดาด้วยแสงไฟมากมาย จากด้านหน้าจนถึงทางเข้าตึกถูกปูด้วยพรมแดงเพื่อรอต้อนรับเหล่ามาเฟียชั้นแนวหน้าที่มาร่วมประชุมกันในวันนี้ สองข้างทางพรมแดงมีเชือกกั้นเอาไว้และมีเจ้าหน้าที่ยืนเฝ้าอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้คนมากมายที่มามุงเข้ามายุ่งได้

     

    ท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับค่อยๆมืดลง เมื่อไม่มีแสงอาทิตย์ท้องฟ้าในยามนี้ช่างมืดมิดจนน่าหวั่นเกรง และเพียงไม่นานที่รถคันหรูมากมายต่างขับเข้ามาจอดส่งเจ้านาย ก่อนคนขับรถจะเอารถไปจอดในลานจอดรถที่เตรียมเอาไว้

     

    คนมากมายเริ่มมามุงดูขึ้นเรื่อยๆ การจะเห็นมาเฟียชั้นแนวหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งมืดลงเท่าไหร่เหล่าคนที่มางานก็ยิ่งเป็นคนสำคัญมากขึ้นเท่านั้น ผู้คนที่มารอดูต่างพากันเบียดแน่นยิ่งกว่าเดิม พวกเขาต่างอยากเห็นผู้นำของแฟมิลี่ใหญ่ๆโดยเฉพาะผู้นำของแก๊งวองโกเล่แฟมิลี่ซึ่งเป็นแฟมิลี่ที่มีอำนาจที่สุดในยุคสมัยนี้

     

    ทว่าหัวหน้ารุ่นที่สิบไม่ค่อยชอบเผยตัวต่อสาธารณะ ถ้าหากมาจริงๆพวกเขาจะได้เห็นแค่ตอนลงรถเท่านั้นเพราะว่าหลังจากลงรถแล้วเหล่าผู้พิทักษ์อีกหกคนก็จะเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังราวกับปกป้องทันที

     

    เพียงไม่นานเสียงฮือฮามากมายก็ดังขึ้นเมื่อเห็นรถลีมูนซีนสีดำวาวคันยาวแล่นเข้ามาจอดตรงพรมสีแดง ข้างๆรถนั้นมีตราสัญลักษณ์วองโกเล่รุ่นที่สิบบอกให้รู้ว่าคนสำคัญในงานครั้งนี้มาถึงแล้ว

     

    ประตูรถถูกเปิดออกจากด้านใน คนที่ก้าวเท้าออกมาเป็นคนแรกก็เรียกเสียงฮือฮาจากทุกคนได้ดี ร่างสูงของชายชื่อแรมโบ้เดินออกมาจากรถคันหรู เขาคือผู้พิทักษ์แห่งอัสนี สายฟ้าที่เก็บซ่อนพลังอันร้ายกาจไว้

     

    คนที่สองที่ลงจากรถตามมาคือชายหนุ่มชื่อ ซาซางาวะ เรียวเฮ เขาคือผู้พิทักษ์แห่งรุ่งอรุณ ดวงอาทิตย์ที่สาดแสงให้ท้องฟ้าสว่างไสว

     

    คนที่สามที่ออกมาจากรถคือหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มผู้พิทักษ์ทั้งหกในรุ่นนี้ โคลม โคคุโร่ ผู้พิทักษ์แห่งสายหมอก คือภาพลวงตาที่ไม่สามารถจับต้องได้

     

    คนที่สี่คือคนที่ทุกคนเห็นกันอยู่เป็นประจำ ยามาโมโตะ ทาเคชิ  เขาคือมือซ้ายของรุ่นที่สิบ ผู้พิทักษ์แห่งพิรุณ สายฝนที่ชำระล้างทุกสรรพสิ่ง 

     

    คนที่ห้าก็ยังเป็นคนที่พวกเขาคุ้นเคยเพราะเป็นมือขวาของวองโกเล่รุ่นที่สิบซึ่งคอยทำหน้าที่ประชุมแทนรุ่นที่สิบมาตลอด โกคุเทระ ฮายาโตะ หรือผู้พิทักษ์แห่งวายุ ลมพายุที่พร้อมจะพัดกระหน่ำศัตรูทุกคนที่ขวางหน้า

     

    คนที่ลงจากรถมาเป็นคนที่หกคือบุรุษที่เป็นอาจารย์ของบอสรุ่นที่สิบในปัจจุบัน รีบอร์น ชายคนนี้คือมือสังหารที่รุ่มที่เก้าและรุ่นที่สิบไว้ใจมากที่สุด

     

    แต่แล้วเสียงฮือฮามากมายก็ดังขึ้นทันทีที่บุคคลที่เจ็ดลงจากรถ คนมากมายยิ่งเบียดกันแน่นขึ้นไปอีกเพื่อพยายามให้เห็นคนๆนี้ ร่างสูงลงจากรถด้วยใบหน้าที่หงุดหงิดเมื่อเห็นจำนวนคนที่มาสุมหัวกันที่นี่ ดวงตาสีนิลคมกริบคมกริบบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่พอใจสุดๆทว่าก็ต้องเก็บอารมณ์อยากขย้ำพวกสัตว์กินพืชที่มาสุมหัวกันเอาไว้ ฮิบาริ เคียวยะ เมฆที่ล่องลอยไปโดยไม่ผูกมัดกับใคร

     

    ทุกคนเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้วเพราะหากคนๆนี้มาด้วยบอสรุ่นที่สิบแห่งวองโกเล่ก็น่าจะมาด้วย ถ้าหากนภาไปงานไหนที่นั่นก็จะมีเมฆาตามไปด้วยเสมอ และเมื่อร่างสุดท้ายลงมาจากรถทุกอย่างก็ดูจะวุ่นวายมากยิ่งขึ้น

     

    ร่างที่อาจจะดูเล็กกว่าทุกคนในกลุ่มแต่ก็สง่างามและทรงอำนาจยิ่งกว่าใครกำลังลงมาจากรถ ท่าทางนิ่งเฉยติดจะเฉยชาราวกับว่าทุกอย่างในที่นี่ล้วนไม่มีค่ากับเขา ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยเป็นประกายบัดนี้เรียบเฉยไร้อารมณ์เป็นที่สุด สมกับเป็นผู้นำของวองโกเล่ที่ทรงอำนาจ ซาวาดะ สึนะ ผู้พิทักษ์ทุกคนต่างเดินมาบังร่างเล็กให้พ้นจากสายตาของประชาชนอย่างรู้หน้าที่

     

    ไปกันได้แล้ว” เสียงเรียบของสึนะออกคำสั่งด้วยท่าทางทรงอำนาจผิดกับในยามปกติ แต่โลกมาเฟียก็แบบนี้ เมื่อใดที่เผลอแสดงความอ่อนแอและจุดอ่อนออกไปนั่นหมายความว่ากำลังปล่อยให้ตนเองมีช่องว่างให้ศัตรูใช้โจมตี ยิ่งวองโกเล่ยิ่งใหญ่มากเพียงใดศัตรูก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเพียงนั้น  

     

    ทุกคนค่อยๆทยอยเข้าไปในงาน ยกเว้นแต่เมฆาที่หันไปมองรอบๆอย่างสำรวจและตามเข้าไปทีหลัง มีบางสิ่งบางอย่างที่นี่และเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ฮิบารินึกหงุดหงิดนัก

     

     

    ภายในตึกสูงระฟ้าถูกและประดับตกแต่งอย่างหรูหราสมกับเป็นที่ๆมาเฟียชั้นแนวหน้ามารวมตัวกัน พนักงานหญิงรีบตรงเข้ามาต้อนรับพวกเขาทันทีที่ก้าวข้ามผ่านประตูเข้ามาก่อนเชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งในห้องจัดงานเลี้ยง แต่จะบอกว่าเป็นห้องจัดงานเลี้ยงก็พูดได้ไม่เต็มปากเพราะมันจัดเหมือนห้องประชุมที่มีโต๊ะตัวยาวอยู่กลางห้องและมีเก้าอี้มากมายสำหรับแค่บอสแต่ละแฟมิลี่ ส่วนสมาชิกที่พามาด้วยที่เหลือจะต้องยืนเอา

     

    สึนะนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะด้วยท่าทางสง่างามชวนให้น่าเกรงขาม ความกดดันภายในโต๊ะเพิ่มขึ้นทันทีที่บอสแห่งวองโกเล่มาเยือน หัวหน้าแฟมิลี่ต่างๆที่นั่งอยู่ก่อนแล้วอดหันมามองด้วยยำเกรงไม่ได้ สมกับเป็นบอสรุ่นที่สิบของวองโกเล่และไม่แปลกที่วองโกเล่จะรุ่งเรืองเมื่ออยู่ใต้การปกครองของชายคนนี้

     

    ผู้พิทักษ์ทั้งหมดต่างยืนรวมกันอยู่ด้านหลังสึนะ พวกเขาพร้อมจะออกมาปกป้องบอสเสมอถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝัน แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยืนห่างออกไป ไม่คิดจะเข้ามารวมกลุ่มกับทุกคน นั่นคือฮิบาริที่พยายามข่มอารมณ์ตนเองไม่ให้เข้าไปทำลายการประชุมตรงหน้า ในเมื่อเขาเกลียดการสุมหัวจะตาย ทว่าก็ต้องทนเอาไว้เพื่อนภาของเขา

     

    ไม่ได้เจอกันนานเลยนะวองโกเล่รุ่นที่สิบ” เสียงยียวนดังมาจากหัวหน้าแฟมิลี่หนึ่งเรียกสายตาเย็นชาให้หันไปมอง ถึงทุกคนที่นี่จะยำเกรงบอสรุ่นที่สิบของว่องโกเล่ก็จริง ทว่าต่อหน้าไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมรับหรือเผยความรู้สึกพวกนี้ออกไปเด็ดขาด พวกเขาย่อมใช้คำพูดและท่าทางถือดีเพื่อเก็บซ่อนความรู้สึกพวกนั้นลงไป

     

    ยำเกรงหรือเคารพศัตรู นั่นไม่ต่างจากพ่ายแพ้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง และทุกคนรู้ดี สิ่งที่รออยู่เบื้องหลังความพ่ายแพ นอกจากความตายแล้วก็คือการตายทั้งเป็น

     

    จะไม่เจอก็ไม่แปลกนี่ ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมจนฉันคิดว่าบอสแห่งวองโกเล่ตายไปแล้วเสียอีก” เสียงเย้ยหยันดังมาจากปากสตีผู้อยู่สูงสุดของอีกแฟมิลี่หนึ่งทำเอาฮายาโตะเดินขึ้นมาตบโต๊ะดังปังอย่างไม่พอใจสุดๆ สำหรับผู้พิทักษ์ จะบอสของแฟมิลี่ไหนเขาก็ไม่หวั่นเกรงทั้งนั้น ในสายตาของเขานอกจากรุ่นที่สิบและเหล่าคนในแฟมิลี่แล้ว ทุกคนก็ล้วนไร้ค่าพอกัน

     

    ขอโทษรุ่นที่สิบเดี๋ยวนี้” มือขวาของสึนะตะโกนออกมาพร้อมดวงตาที่วาววับด้วยความไม่ชอบใจ ไม่ใช่แค่ฮายาโตะไม่ชอบใจอยู่คนเดียวแต่ผู้พิทักษ์คนอื่นรวมถึงรีบอร์นก็ไม่พอใจเช่นกันแต่พวกเขายังเตือนตัวเองทันว่าอย่าทำตัวไร้มารยาทที่นี่

     

    โกคุเทระ…ออกไป” น้ำเสียงเฉียบขาดแต่ไม่ได้ดังไปกว่าเวลาพูดธรรมดาที่ออกจากปากสึนะกลับทำให้ผู้พิทักษ์แห่งวายุหยุดชะงักเพราะได้สติ เจ้าตัวเอ่ยปากขออภัยกับบอสของตนเองแล้วเดินกลับไปยืนรวมกับพวกผู้พิทักษ์ที่เหลือแบบเดิม ดวงตาของสึนะตวัดวูบทำเอาทุกคนตัวชาวาบ ไม่มีใครในที่นี้หรอกนะที่อยากลุกขึ้นมาสู้กับคนๆนี้

     

    พวกคุณควรระวังคำพูดเอาไว้บ้างนะครับ เพราะครั้งหน้าเรื่องมันไม่จบเท่านี้หรอก” เสียงเด็ดขาดเอ่ยออกมาสร้างความหวั่นเกรงให้ทุกคนที่นั่งอยู่รายล้อม ในที่ประชุมพากันเงียบลงเพราะรับรู้ได้ถึงความกดดันจากร่างเล็กที่อยู่หัวโต๊ะทั้งๆที่สึนะแค่พูดออกมาแต่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไร

     

    สึนะยังคงนิ่งเฉยมีเพียงดวงตาสีน้ำตาลเท่านั้นที่กวาดมองทุกคนแต่แค่นั้นก็เพิ่มแรงกดดันได้แล้ว อันที่จริงนิสัยของบอสรุ่นที่สิบไม่ได้เป็นแบบนี้ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากมายโดยเฉพาะหัวหน้าแฟมิลี่อื่นสิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือต้องให้พวกเขาหวั่นเกรง

     

    ฮายาโตะได้แต่เก็บความหงุดหงิดไว้ในใจเพราะสตรีผู้เริ่มเรื่องก็ยังไม่ได้เอ่ยขอโทษรุ่นที่สิบของเขาอยู่ดี ถ้าเมื่อครู่สึนะไม่เอ่ยปากปรามเอาไว้ แค่ผู้พิทักษ์แห่งวายุคนเดียวก็สามารถทำให้งานเลี้ยงในคืนนี้วุ่นวายได้แล้ว ยังไม่นับรวมผู้พิทักษ์ที่เหลือ ซึ่งไม่ต้องถามเลยว่าจะช่วยหยุดหรือผสมโรงตาม

     

    จบงานนี้ระเบิดให้เละไปเลย บังอาจว่ารุ่นที่สิบ” ฮายาโตะพึมพำแม้มันจะไม่ดังจนบอสแฟมิล่อื่นได้ยินแต่ผู้พิทักษ์อีกทั้งห้าคนและรีบอร์นก็ได้ยินชัดเจน

     

    เอาเถอะน่าๆ” ยามาโมโตะปลอบเพื่อนพลางตบไหล่ราวกับจะทำให้ผู้พิทักษ์แห่งวายุสงบลงแม้ตนเองจะพยายามเก็บความหงุดหงิดเอาไว้เหมือนกันก็เถอะ ในเมื่อถ้าเปรียบฮายาโตะเป็นมือขวายามาโมโตะก็เป็นมือซ้ายของสึนะ และมือซ้ายอย่างเขาก็ไม่ชอบให้ใครมาว่าบอสของเขาเหมือนกัน แต่ขืนเขาพูดเออออตามไป มีหวังมือขวาได้เขวี้ยงระเบิดออกไปตอนนี้แน่นอน

     

    ลุยเมื่อไรอย่าลืมชวนละกัน” เรียวเฮพูดออกมาอย่างมีน้ำโมโหไม่ต่างกัน เขาที่เป็นคนใจร้อนก็อยากจะลงมืออยู่หรอกแต่เพราะยังคำนึงถึงสถานที่จึงไม่ได้แสดงความโกรธออกมาเหมือนผู้พิทักษ์วายุ แต่จะไปว่าฮายาโตะก็ไม่ได้เพราะพวกเขารู้ดีว่าคนที่รักและชื่นชอบรุ่นที่สิบมากกว่าใครก็คือฮายาโตะนี่แหละ ถ้าจะเลือดขึ้นหน้าเพราะมีคนมาพูดแบบนั้นกับรุ่นที่สิบก็ไม่แปลก

     

    พวกแกจะหงุดหงิดตอนนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา เลิกงานแล้วพวกแกก็เป่ามันให้กระจุยดับอารมณ์เลยสิ” รีบอร์นเสนอขึ้นมาตามนิสัยซึ่งทำให้โครมอยากจะส่ายหน้า นึกว่าจะช่วยปรามๆกันเสียอีก

     

    โคลมหันไปมองผู้พิทักษ์แห่งอัสนีและผู้พิทักษ์เมฆาที่ไม่แสดงความคิดเห็น ทว่าท่าทางตื่นเต้นของแรมโบ้ก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าถ้ามีใครคิดจะลุยชายหนุ่มก็พร้อมที่จะลุยด้วยเหมือนกัน แต่สำหรับฮิบาริโคลมไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายคิดยังไง เธอเดาท่าทางนิ่งๆของอีกฝ่ายไม่ออกจึงต้องลองถามดู

     

    แล้วคุณฮิบาริว่าไงค่ะ” ทุกคนต่างรอฟังคำตอบของฮิบาริ เพราะผู้พิทักษ์แห่งเมฆานั้นแข็งแกร่งที่สุดในผู้พิทักษ์ทั้งหกคน ถ้าคนๆนี้ตกลงพวกเขาก็จะได้กำลังเสริมที่แข็งแกร่งและพึ่งพาได้ แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรใช่ว่าหมอนี่จะจำเป็นกับพวกเขามากนัก ไม่มีหมอนี่พวกเขาก็จัดการผู้หญิงปากเสียคนนั้นได้อยู่ดี

     

    ดวงตาสีนิลราบเรียบคู่นั้นละสายตกจากการสุมหัวของหัวหน้ามาเฟียแต่ละแฟมิลี่มามองผู้พิทักษ์ที่เหลือก่อนจะเปิดปากตอบ

     

    งี่เง่า ใครจะไปสุมหัวกับพวกสัตว์กินพืชชั้นต่ำ” ไม่มีใครแปลกใจกับคำตอบที่ได้รับมาสักเท่าไหร่เพราะมันก็สมเป็นฮิบาริดี

     

    เมฆานั้นเอาแต่ใจแบบนี้เสมอ ถึงเจ้าตัวบอกว่าไม่ยอมสุมหัวกับพวกสัตว์กินพืชชั้นต่ำแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่บุกเดี่ยวไปถล่มรังของพวกมันด้วยตัวคนเดียวนี่

     

    ก็บอกแล้วว่าใครพยายามทำให้นภาของเขาต้องแปดเปื้อนมันต้องชดใช้ด้วยชีวิต

     

     

    แม้นภาจะเป็นเช่นใด...

     

    ภายใต้ฟากฟ้ากว้างใหญ่

     

    ก็ยังคงมีเมฆาอยู่ดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×