ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CODE GEASS {SUZAKU X LELOUCH} YAOI

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : ซีโร่ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 57


     

    ชายผู้อยู่ในชุดคลุมสีดำ

     

    ชายผู้ซ่อนใบหน้าของตนเองไว้ภายใต้หน้ากาก

     

    ชายผู้ที่ทุกคนต่างกล่าวสรรเสริญ

     

    ชายผู้สร้างปาฏิหาริย์

     

    ทว่าจะมีสักกี่คนที่รู้

     

    หลังหน้ากากที่เจ้าตัวบรรจงสวม

     

    มีเพียงแค่...

     

    สิ่งหลอกลวงที่ไม่เป็นจริง

     

    ชายร่างสูงสง่าซึ่งอยู่ในชุดคุมสีดำและหน้ากากปกปิดใบหน้ากำลังเดินเข็นรถจักรพรรดินีนันนาลี่ วี บริทาเนีย ไปตามทางเดินเพื่อเข้าสู่ตึกสูงอันเป็นสถานที่ประชุมกับเหล่าพันธมิตรจากอาณาจักรต่างๆในวันนี้ ด้านหลังมีเหล่าองครักษ์และกองกำลังภาคีอัศวินดำเดินตามในขณะที่สองข้างทางเต็มไปด้วยประชาชนที่ออกมาต้อนรับอย่างล้นหลาม

     

    เสียงของพวกเขาตะโกนและโห่ร้องเรียกซีโร่อย่างต่อเนื่องราวกับเป็นถ้อยคำสรรเสริญที่จะคงอยู่ตลอดไป ทว่าก็เพราะว่าถ้อยคำเหล่านั้นเช่นกันที่ทำให้ชายซึ่งซ่อนใบหน้าของตนเองเอาไว้ภายใต้หน้ากากรู้ตัวอยู่เสมอว่าซีโร่สำคัญมากเพียงใดและจะขาดไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด

     

    ชายผู้สร้างปาฏิหาริย์ ผู้คนต่างร้องเรียกเช่นนั้น โดยหลงลืมกันไปแล้วว่าแท้จริงแล้วชายคนนั้นก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเช่นกัน เป็นเพียงคนที่มีเลือดเนื้อ มีชีวิตและมีความรู้สึก

     

    แต่มนุษย์ก็เป็นเช่นนั้น พวกเขาต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งหลายและตอนนี้ซีโร่ก็คือสิ่งยึดเหนี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวที่จะหายไปไม่ได้เด็ดขาดแม้ว่าเจ้าตัวปรารถนาจะหายไปมากเท่าไหร่ก็ตาม

     

    ซีโร่ไม่ได้หันไปมองตามเสียงรอบข้างเลยสักนิด เขาเลือกที่จะเมินเฉยต่อทุกสิ่งแล้วเข็นรถของเด็กสาวผมน้ำตาลตรงเข้าตึกไปอย่างมั่นคง เหล่าผู้ติดตามที่เดินตามหลังก็ทำไม่ต่างกัน พวกเขาทำเพียงแค่เดินตามร่างสูงสง่าของผู้นำเข้าไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกรอบข้างเลยสักนิด

     

    เสียงร้องที่ดังไปทั่ว

     

    ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน

     

    ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือน

     

    ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี

     

    ก็ยังคงเป็นบทเพลงสรรเสริญนาย

     

    ไปตลอดกาล...

     

    “เหนื่อยหน่อยนะคะ” เสียงหวานของเด็กสาวที่นั่งอยู่บนรถเข็นเอ่ยขึ้นลอยๆหลังจากการประชุมทุกอย่างเสร็จสิ้นลง ตอนนี้ทุกคนต่างอยู่ในญี่ปุ่นไม่ใช่บริทาเนีย มันทำให้นันนาลี่คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

     

    บุรุษที่ยังคงเข็นรถเธอยังคงเงียบสนิทแต่ก็ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจ ตั้งแต่ที่ซีโร่ฆ่าจักรพรรดิลูลูช วี บริทาเนียไปเขาก็ไม่เคยส่งเสียงให้ใครได้ยินอีกเลย

     

    “วันนี้ท่านนันนาลี่จะกลับไปพัก ที่นั่น ไหมคะ” เพราะรู้ว่าผู้นำของตนเองจะไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไรโคซึกิ คาเรนจึงเป็นฝ่ายถามออกมาแทน

     

    ที่นั่น ที่ถูกพูดถึงคือบ้านแห่งความทรงจำของพวกเขา บ้านในโรงเรียนแอชฟอร์ด บ้านที่ยังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี...ให้มันสวยงามเช่นที่เคยเป็น แม้ว่าความอบอุ่นจะจางหายไปนานแล้วก็ตาม มันคือบ้านแห่งความทรงจำของพี่ชายที่รักเธอมากที่สุดกับเธอที่โง่เขลาที่สุด

     

    “วันนี้ฉันอยากพักที่นั่นคะ แล้ววันพรุ่งนี้ค่อยกลับบริทาเนีย” นันนาลี่เอ่ยบอกความต้องการของตนในขณะที่ทุกคนยกทั้งตัวเธอและรถเข็นขึ้นรถยนตร์คันหรูที่สมกับตำแหน่งจักรพรรดินี

     

    แม้จะรู้ดีว่าการกลับไปที่นั่นจะพบเจอแต่ความทรมานกับความเจ็บปวดทว่าที่นั่นก็เป็นเพียงที่แห่งเดียวที่มีความทรงจำของท่านพี่อยู่มากมาย เป็นที่แห่งเดียวที่เธอรู้สึกว่าได้อยู่ใกล้ท่านพี่คนนั้นมากที่สุด

     

    เพราะถูกขนานนามว่าจักรพรรดิจอมโฉดร่างที่ไร้วิญญาณของท่านพี่จึงไม่ได้ถูกฝังในสุสานของบริทาเนีย ไม่รู้ว่าร่างที่ไร้ลมหายใจของท่านพี่ไปอยู่ที่ใด ไม่มีใครเลยที่คิดจะสนใจนอกจากเธอ แต่ต่อให้เธอยากรู้มากแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้เพราะไม่มีใครคิดจะพูดถึงมัน ใช่...ไม่มีใครคิดจะพูดถึงแม้แต่คนที่รู้เรื่องราวทุกอย่างดีอย่างคนที่ซ่อนใบหน้าของตนเองไว้หลังหน้ากากคนนี้ก็ตาม

     

    รถยังคงเคลื่อนที่ไปตามถนนจนมาถึงบ้านพักในโรงเรียนแอชฟอร์ด ภาพบ้านในตอนนี้และในความทรงจำยังเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยนทว่าความรู้สึกของคนที่มองมันกลับไม่เหมือนเดิม

     

    เจ็บปวด ทรมานและแหลกสลาย นันนาลี่มองมันด้วยความรู้สึกเช่นนั้น แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อที่นี่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแห่งสุดท้ายของเธอ บ้านที่มีภาพของพี่ชายคนนั้น พี่ชายที่ชั่วร้ายในสายตาของทุกคนแต่กลับใจดีและอ่อนโยนที่สุดในสายตาของเธอ

     

    ความปรารถนาของเธอก็แค่อยากจะมีชีวิตอยู่กับพี่ชายคนนั้นก็พอทว่ามันกลับเป็นความปรารถนาที่ยากเย็นเหลือเกิน

     

    ซีโร่เป็นคนเข็นรถเข็นของนันนาลี่เข้าไปข้างในขณะที่เหล่าองครักษ์ต่างยืนประจำการเพื่อเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัยให้จักรพรรดินีในค่ำคืนนี้

     

    “พรุ่งนี้พวกผมจะมารับนะครับ” คานาเมะ โอกิพูดก่อนชายที่อยู่ในชุดคลุมสีดำจะเดินออกไปเป็นคนแรกเมื่อตรวจสอบความปลอดภัยในบ้านพักเรียบร้อยแล้วและเมื่อผู้นำเดินออกไปกลุ่มภาคีอัศวินดำที่เหลือจึงเดินออกไปด้วย

     

    นันนาลี่มองร่างสูงสง่าในชุดคลุมสีดำที่เดินออกไป ไม่บอกลาและไม่พูดจาใดๆตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อน เธอรู้ว่าซีโร่ในวันนี้ไม่ใช่คนเดียวกับซีโร่ที่เริ่มการปฏิวัติ ไม่ใช่แค่เธอที่รู้แต่หัวหน้าหน่วยแต่ละคนของกองภาคีอัศวินดำก็รู้ แต่ทุกคนก็เลือกที่จะปล่อยให้เรื่องทุกอย่างดำเนินต่อไปเพื่อรักษาโลกใบใหม่ที่ซีโร่คนก่อนมอบเอาไว้ให้

     

    คุรุรุกิ สุซาคุ ชายที่ถูกกลบฝังตัวตนของตนเองแล้วสวมบทซีโร่ชายผู้สร้างปาฏิหาริย์ที่คนๆนั้นหยิบยื่นให้ นี่ก็เป็นการชดใช้เช่นกัน...

     

    ดวงตาสีม่วงของจักรพรรดินีละจากร่างของบุรุษคนนั้นก่อนจะหันกลับมามองบ้านที่เงียบเหงาด้วยสายตาเจ็บปวดเช่นเคย

     

    “น้องรักท่านพี่นะคะ...” เด็กสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่กลับกังวานในหัวใจของเธอ

     

    “น้องรักท่านพี่...และจะรักตลอดไป” พร่ำบอกถ้อยคำรัก พร่ำขอโทษคนๆนั้น ทั้งที่รู้ดีว่าทุกอย่างมันสายเกินไป ทั้งที่ก็รู้ดีว่าคนๆนั้นจะไม่มีวันได้ยินถ้อยคำเหล่านี้

     

    “น้องรักท่านพี่...” เอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลริน ความเย็นเยียบของมือคู่นั้นยังติดอยู่ในความทรงจำ เลือดสีแดงฉานในวันนั้นยังไม่ลบเลือน แม้แต่นาทีสุดท้ายของชายคนนั้นก็ยังรังสรรค์ให้คนอื่น... นี่หรือจักรพรรดิผู้ชั่วร้าย นี่หรือทรราชจอมโฉดที่ทุกคนต่างประณาม มันไม่ยุติรรมเลยสักนิด พี่ชายที่ทำให้โลกมากมายขนาดนั้นควรจะได้รับคำสรรเสริญสิ ไม่ใช่กกกอดความเจ็บปวดและจากไปพร้อมคำสาปแช่งอันโหดร้ายจากทุกคน

     

    “ทั้งที่น้องก็แค่...อยากจะอยู่กับท่านพี่เท่านั้นเอง” อยากจะอยู่ด้วยกันเท่านั้น ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร ขอเพียงแค่มีพี่ชายคนนั้นอยู่เคียงข้าง เธอปรารถนาแค่นั้นเอง

     

    แต่ท่านพี่กลับอยากให้เธอมีชีวิตที่ดีกว่านั้น ตอนนี้ความปรารถนาของเธอจึงกลับกลายเป็นความว่างเปล่า จะเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึง จะทรมานทุกครั้งที่หวนคิด นั่นคือการชดใช้ของเธอ...

     

    ชดใช้ให้กับสิ่งที่เธอทำเอาไว้ ชดใช้ให้กับความโหดร้ายและความโง่เขลาของเธอและชดใช้ให้กับความผิดพลาดของเธอ

     

    นันนาลี่คิดว่าตนเองเป็นคนโง่เขลาที่สุดในโลก โง่ที่ไปหวาดระแวงพี่ชายคนนั้น โง่ที่ไปคิดสงสัยในความรักที่เขามอบให้ โง่ที่คิดจะขัดขวางการกระทำของเขา โง่ที่เลือกจะยืนอยู่คนละฝั่งกับเขาคนนั้น โง่ที่หวาดกลัวสิ่งที่คนๆนั้นทำ โง่ที่ทรยศและหันหลังให้เขา สุดท้ายคือเธอเป็นคนโง่เขลาที่เคยนึกประณามพี่ชายคนนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วพี่ชายคนนั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด

     

    เธอโง่เอง...และยิ่งโง่ที่ไม่เคยนึกสงสัยว่าคนๆนั้นจะเจ็บปวดมากเพียงใดเมื่อต้องเห็นเธอเป็นศัตรู

     

    ความเจ็บปวดและความทรมานทุกอย่างในตอนนี้คือการชดใช้ ชดใช้ให้กับพี่ชายคนนั้น ชดใช้ให้กับความรักของเขาที่ไม่เคยน้อยลงไปสักนิดเดียว

     

    ความปรารถนาของเธอมันไม่มีวันเป็นจริงไปแล้ว ทว่าโลกใบใหม่ที่พี่ชายสร้างและฝากมันเอาไว้ในมือเธอ...เธอสัญญาว่าจะรักษามันเอาไว้ให้ดีที่สุด

     

    สันติภาพที่ต้องแลกมาด้วยเลือด เนื้อและเกียรติยศของพี่ชายคนนั้นเธอจะไม่มีวันยอมให้มันสูญสลายไป จะทำทุกวิถีทางให้มันดำรงอยู่เช่นนี้ นั่นคือความตั้งใจของเธอ ความตั้งใจที่จะรักษาสิ่งสุดท้ายที่พี่ชายคนนั้นทิ้งเอาไว้และมันคือการชดใช้ของเธอ

     

    โง่เขลาที่เคยไปสงสัยความรักของเขา

     

    โง่เขลาที่เคยคิดขัดขวางการกระทำของเขา

     

    โง่เขลาที่เคยนึกประณามเขาเอาไว้

     

    และช่างโง่เขลาเหลือเกิน...

     

    โง่เขลาที่ทรยศเขาคนนั้นจะต้องมานึกเสียงใจ

     

    ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างนะ...

     

    มันสายไปเสียแล้ว

     

    หลังจากส่งจักรพรรดินีนันนาลี่แล้วกองกำลังภาคีอัศวินดำก็พากันกลับฐานทัพของตนเอง ภาคีอัศวินดำเป็นกองกำลังอิสระที่ไม่ขึ้นตรงกับผู้ใด พวกเขาอยู่เคียงข้างกับความยุติธรรมเท่านั้น

     

    “ไง...กลับมากันแล้วหรือ” ชินอิจิโร่ ทามากิทักคนทั้งสามที่กับมาถึงฐานทัพข้างๆเขาคือชิโร่ โทโดซึ่งมายืนรอรับซีโร่เช่นเดียวกัน

     

    “กลับมาแล้ว” คาเรนพูดออกมาเสียงดังก่อนจะบิดตัวซ้ายขวาเพื่อคลายความเมื่อยล้าของตนเอง

     

    “เหนื่อยหน่อยนะ” โทโดเอ่ยออกมาเมื่อเห็นท่าทางเมื่อยล้าของคาเรนและโอกิขณะที่คนที่เหลือต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนในหน่วยของตนเอง

     

    “แค่นี้เอง...ไม่เป็นไรหรอก” โอกิพูดพร้อมรอยยิ้ม เหนื่อยแค่นี้มันช่างเป็นเรื่องเล็กน้อยนัก...เพราะนี่คือการตอบแทนให้ชายคนนั้น

     

    “ถึงจะเหนื่อยหน่อยก็เถอะ แต่พอได้ฟังจักรพรรดินีนันนาลี่พูดในที่ประชุมแล้วค่อยคุ้มค่ากับความเหนื่อยขึ้นมาหน่อย” คาเรนพูดออกมาเพราะวันนี้จักรพรรดินี่นันนาลี่ก็ไม่ทำให้พวกเธอผิดหวัง

     

    ในครั้งแรกที่เข้าประชุมพวกเธอต่างห่วงสาวน้อยคนนี้ว่าจะไหวหรือไม่ในขณะที่เหล่าพันธมิตรได้แต่หวาดระแวงว่าจักรพรรดินีคนนี้จะเป็นหุ่นเชิดให้ซีโร่หรือเปล่า และสิ่งที่ทุกคนยิ่งหวาดระแวงก็คือกลัวว่าซีโร่จะเข้าข้างบริทาเนีย ทว่าทุกคนก็ต้องเปลี่ยนความคิดแทบจะในทันทีที่จักรพรรดินีนันนาลี่เอ่ยปากพูด เด็กสาวคนนั้นกำลังประกาศให้ทุกคนรู้ว่าตนเองจะไม่ยอมเป็นตุ๊กตาตัวสวยให้ใครเชิด เธอทำได้ดีตั้งแต่วันแรกจนกระทั้งวันนี้

     

    ซีโร่ไม่คิดจะทักทายหรือพูดสิ่งใดกับผู้ที่มายืนรอรับ เขาสาวเท้าเดินต่ออย่างไม่สนใจ จุดหมายมีแค่ห้องพักส่วนตัวที่อยู่ด้านในสุดของฐานทัพ

     

    “นายจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ” ในที่สุดคาเรนก็พูดคำนี้ออกมาหลังจากที่อดทนเก็บมันเอาไว้ถึงหกเดือนเต็ม ทุกคนต่างรอคอยมาตลอดให้อีกฝ่ายเป็นคนพูดออกมาก่อนแต่ก็ไม่เคยได้ยินเสียงจากคนตรงหน้าเลยสักครั้ง

     

    ซีโร่ชะงักไปก็จริงทว่าเขาเพียงแค่หันมามองแวบหนึ่งก่อนจะมองเลยไปแล้วก้าวเดินต่ออย่างมั่นคง ไม่คิดจะพูดหรือเอ่ยอะไรออกมาอย่างเช่นทุกครั้งที่ทำ

     

    ดวงตาสี่คู่มองตามหลังร่างสง่าในชุดคลุมนั้นไป พวกเขาต่างรู้กันดีว่าคนที่อยู่หลังหน้ากากคือใคร ไม่ใช่ซีโร่ที่เคยออกคำสั่งกับพวกเขาและก็ไม่ใช่ลูลูช วี บริทาเนียแต่เป็นคุรุรุกิ สุซาคุ

     

    “ผ่านไปนานขนาดนี้หมอนั่นยังไม่คิดจะพูดอะไรออกมาอีกหรือเนี่ย ไม่คิดจะไว้ใจพวกเราหรือไง” ทามากิโวยวายออกมาเมื่อลับหลังร่างนั้นไปแล้ว หกเดือนที่ผ่านมาคนๆนั้นเก็บเรื่องราวทุกอย่างเอาไว้หลังหน้ากากสีดำอันมืดมิดและไม่เคยพูดกับพวกเขาสักครั้งเดียว

     

    “ไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้ใจหรอก” โทโดแก้ต่างให้คนที่เดินจากไป เขาไม่ถือสากับท่าทางที่ซีโร่แสดงออกมา เขาคิดมานานแล้วถึงสาเหตุที่คนๆนี้ไม่ยอมพูดจาและเขาคิดว่าเขาเข้าใจ

     

    “ชิ...” คาเรนส่งเสียงออกมาอย่างหงุดหงิดขณะมองตามแผ่นหลังนั้นไป เธอเองก็เข้าใจเหตุผลนั่นเช่นกัน ที่ไม่พูดออกมาก็เพราะไม่อยากให้ตัวตนที่คนๆนั้นสร้างมาทลายลง มันก็เท่านั้นเอง

     

    “เอาน่า...เขาก็มีเหตุผลของเขา” โอกิปลอบใจทุกคน ตอนนี้แค่คนๆนั้นยอมเป็นซีโร่แทนมันก็ดีมากสำหรับทุกฝ่ายแล้ว

     

    ต่างคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ

     

    และ...

     

    ต่างคนต่างมีสิ่งที่ต้องชดใช้

     

    ซีโร่ปลดหน้ากากและเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเองแทบจะในทันทีที่เข้ามาอยู่ในห้องพัก ที่นี่คืออาณาเขตเพียงแห่งเดียวที่เขาจะกลับมาเป็นคนเดิม เจ้าตัวเดินไปที่เตียงนอนก่อนจะนั่งลง ดวงตาสีเขียวมองหน้ากากสีดำในมือก่อนจะลูบมันเบาๆ

     

    สุซาคุกำลังนึกถึงคนที่ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ให้เขา ไม่ว่าจะเป็นน้องสาว คำสัญญา สันติภาพหรือโลกทั้งใบ

     

    จงมีชีวิตต่อไป คำๆนี้มันเป็นคำสั่ง คำสัญญาหรือว่าคำสาปกันแน่ ทั้งที่เขาปรารถนาความตาย...ทั้งที่ปรารถนาว่าจะหายไปทว่าก็เพราะคำพูดของคนๆนั้นถึงทำให้เขายังมีชีวิตอยู่เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ แต่มันก็เป็นแค่ชีวิตที่เขาไม่ปรารถนาจะยืดมันอีกต่อไป

     

    เขานะยังคงมีชีวิตอยู่ทั้งที่หัวใจแหลกละเอียดและวิญญาณก็หายไปตั้งนานแล้ว ทุกอย่างนะหายไปตั้งแต่วินาทีที่เขาลงดาบใส่เด็กหนุ่มคนนั้น

     

    หกเดือนที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยเยี่ยวยาหัวใจของเขา กาลเวลามีแต่จะทำให้เขาทรมานและเจ็บปวด เลือดสีแดงที่เปื้อนทั้งมือและหน้ากากยังเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นยังปรากฏขึ้นทุกครั้งไม่ว่ายามนิทราหรือยามตื่น ไม่ว่าจะเป็นดวงตาสีม่วงหรือรอยยิ้มแสนเศร้ารวมถึงถ้อยคำสุดท้ายไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถลืมเลือนไปได้เลยสักนิด เขาทำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่มือที่ทาบลงบนหน้ากากของเขาก่อนจะตกลงไปเขาก็ไม่อาจจะสัมผัสมันได้ ใครสักกี่คนจะรู้ดาบที่แทงใส่ร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นกลับให้ความรู้สึกไม่ต่างจากแทงใส่ตนเอง

     

    เธอเรียกแผนการครั้งนี้ว่าอะไรนะ บทเพลงสรรเสริญซีโร่ ใช่ไหม แม้แต่วันนี้บทเพลงนั่นก็ยังคงถูกขับขานทว่าหัวใจของเขาราวกับถูกเหยียบย้ำทุกครั้งที่ถูกเรียกว่าซีโร่

     

    เขายังจำได้ดีว่าหลังจากแทงดาบใส่เด็กหนุ่มคนนั้นแล้วเหตุการณ์เป็นอย่างไร ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมดเมื่อทุกคนคิดว่าจักรพรรดิผู้ชั่วร้ายได้สิ้นลง แต่เขารู้ดีว่าเธอยังไม่ตาย... เธอยังคงมีลมหายใจที่แผ่วเบา นั่นก็เพราะสุดท้ายเขาก็ทำใจสังหารเธอไม่ลงอย่างไรละ เขาเคยแค้นเธอแต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ฆ่าเธอไม่ได้ แม้แต่วินาทีสำคัญที่สุดก็ทำไม่ลง ดาบที่แทงเข้าไปในวันนั้นหลีกเลี่ยงจุดสำคัญของเธอ

     

    ท่ามกลางความวุ่นวายเขาพาร่างของเธอออกมา อาศัยความวุ่นวายเหล่านั้นในการหลบหลีกแต่เขาก็ตระหนักได้ดีว่าไม่อาจจะเก็บเธอเอาไว้ข้างกาย การตัดสินใจสุดท้ายของเขาคือการส่งร่างที่ยังเหลือลมหายใจอันแผ่วเบาของเธอให้กับแม่มดผู้ไม่มีวันตาย นับจากวันนั้นข่าวคราวของเธอหายเข้ากลีบเมฆ ไม่รู้เลยว่ายังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว

     

    “นายอยู่ที่ไหนกันนะลูลูช...” สุซาคุเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบและความเดียวดาย เขาจะยอมเอ่ยปากพูดในตอนที่ไม่ได้อยู่ในนามของซีโร่เท่านั้นและที่เพียงที่เดียวที่เขาไม่ได้เป็นซีโร่ก็คือที่นี่

     

    “จะยังอยู่หรือตายไปแล้วกันแน่” ไม่รู้...นับตั้งแต่หกเดือนก่อนเขาก็ไม่ได้ข่าวคราวของเธอและไม่พบแม้แต่ซีทู

     

    มันทรมาน...ทรมานมาก ในขณะที่คนอื่นคิดว่าเธอตายไปแล้ว มีเพียงเขาเท่านั้นที่ยังคงทรมานและเฝ้ารอปาฏิหาริย์จากเธอ

     

    สุซาคุไม่เคยพูดออกมาในยามที่ตนเองเป็นซีโร่ เพราะเขาไม่ต้องการจะทำลายตัวตนที่ลูลูชทิ้งเอาไว้ เมื่อใดที่เขาเอ่ยปากพูดในยามที่ใส่หน้ากากนั่นเท่ากับว่าเขาได้ลบเลือนสิ่งที่อีกฝ่ายเคยเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่เขายอมไม่ได้

     

    ซีโร่...คือสิ่งสุดท้ายที่ยึดเหนี่ยวหัวใจอันแหลกสลายของเขาเอาไว้ ในเมื่อมันคือสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนั้นยังอยู่ใกล้ๆเขา...ยังคงไม่ได้ทิ้งเขาไปไหน เขาไม่อยากให้ตัวตนของลูลูชที่ฝังเอาไว้กับซีโร่ทลายลงมา

     

    “นายยังคงโหดร้ายเหมือนเดิมเลยนะ” สุซาคุกล่าวหาคนที่อยู่ห่างกันไกลแสนไกล สร้างโลกใบใหม่ขึ้นมา...สร้างสันติภาพขึ้นมาทว่าตัวเองกลับจากไปทิ้งสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้คนอื่นทำแทน

     

    เขาปรารถนาความตายแต่ก็ไม่อาจทำได้เพราะคำพูดของลูลูชในวันนั้น หลายครั้งที่อยากจะตามเธอไปแต่ก็ทำไม่ได้ ลูลูชคงรู้ดีอยู่แล้วจึงไม่กังวลว่าโลกนี้จะไม่มีซีโร่ จักรพรรดิผู้ชั่วร้ายคนนั้นวางแผนมาอย่างดีและไม่มีคำว่าผิดพลาด โลกใบใหม่ที่เด็กหนุ่มคนนั้นทิ้งไว้ให้คือสิ่งยืนยันในแผนการทั้งหมด

     

    ทว่าเธอไม่เคยเหลียวมามองว่าแผนการอันสมบูรณ์แบบของเธอทำร้ายคนรอบข้างจนเจ็บปวดมากแค่ไหน เธอไม่เคยรับรู้ว่าทิ้งความเจ็บปวดมากมายเอาไว้ให้กับคนที่รู้แผนการของเธอ เขาถึงได้บอกว่าเธอยังคงโหดร้ายเหมือนเดิม

     

    แต่แม้จะเจ็บปวดมากแค่ไหน ทรมานมากเพียงใดเขาก็ยังต้องมีชีวิตต่อไป

     

    สันติภาพที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อของเธอ โลกที่แลกมาด้วยการสาปแช่งเธอ ความสงบสุขที่แลกมาด้วยเกียรติของเธอและวันพรุ่งนี้ที่แลกมาด้วยความปรารถนาทั้งหมดของเธอ เขาตั้งใจจะดูแลและรักษาอย่างดี...ให้สมกับที่เธอไว้ใจ

     

    ทว่าพอเห็นผู้คนที่สาปแช่งเธอแล้วได้แต่นั่งคิดในใจว่ามันช่างโหดร้ายกับเธอเหลือเกิน จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าจักรพรรดิจอมชั่วร้ายของพวกเขาแท้จริงแล้วเป็นคนสร้างโลกใบใหม่ที่ไร้สงครามขึ้นมา จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าคนที่พวกเขากำลังประณามและสาปแช่งแท้จริงแล้วได้รังสรรค์สิ่งมากมายไว้ให้พวกเขา ทั้งที่เธอใจดีและอ่อนโยนขนาดนั้นแต่กลับต้องจากไปพร้อมถ้อยคำประณามและสาปแช่ง จากไปพร้อมกับคำว่า ทรราชจอมโฉด มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

     

    “ผมอยากให้นายมายืนอยู่ตรงนี้จังเลยลูลูช” ผมเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยที่จะรอคอยปาฏิหาริย์จากเธอแล้ว และเมื่อใดที่ผมทนไม่ไหวผมจะเป็นฝ่ายออกตามหาเธอเอง จะออกมาตามหาจนกว่าจะพบด้วยตาของตัวเอง ผมอยากจะให้เธอมายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง และคราวนี้ผมจะไม่มีวันปล่อยเธอไปอีกแน่

     

    “ในที่สุดก็หาเจอ...” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังเข้ามาในห้องพร้อมกับหน้าต่างที่เปิดออก สายลมยามดึกพัดพาเส้นผมสีเขียวให้แผ่กระจาย ดวงตาสีอำพันของเธอจับจ้องเพียงร่างของเด็กหนุ่มที่ถือหน้ากากสีดำเอาไว้ สุซาคุหันไปมองอย่างไม่อยากเชื่อเพราะเสียงที่ได้ยินมันคือเสียงของหญิงสาวที่หายไปนานถึงหกเดือน

     

    “ซีทู” ยามนี้แม่มดผู้ไม่มีวันตายกลับมาปรากฏร่างที่เบื้องหน้าของเขาอีกครั้ง

     

    “ฉันมาหานาย คุรุรุกิ สุซาคุ” สุซาคุรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นแรงขึ้น หายไปหกเดือนในที่สุดก็กลับมา เขาหวังว่าจะกลับมาพร้อมกับข่าวดีของเด็กหนุ่มคนนั้น

     

    “ลูลูชกลับมาแล้ว” เพียงแค่คำพูดนี้...แค่คำพูดนี้จากปากของแม่มดผู้ไม่มีวันตายสุซาคุก็เลือกที่จะทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลังและตามเธอไปเพื่อพบกับคนๆนั้น

     

    เจ็บปวดมากเพียงใด

     

    ทรมานมากแค่ไหน

     

    ทุกสิ่งนะแหลกสลายไปแล้ว

     

    ในวินาทีที่...

     

    ลงดาบใส่เธอ



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×