คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : การตัดสินใจของต้นหน
ในยามที่อยู่บนผืนทะเลอันคาดเดาไม่ได้...
ต้นหนคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุด
เพราะมีชีวิตของเพื่อนพ้องคนสำคัญเป็นเดิมพัน
ถ้าเป็นความปรารถนาของกัปตัน...
ไม่ว่าที่ใดต้นหนเช่นเธอก็จะพาไปให้ได้
“นามิ...ไปที่นี่กันเถอะ...”
“ม่ายน้า...”
ต่อให้ปฏิเสธเพราะอันตราย
แต่สุดท้าย...
ก็ต้องพาไปอยู่ดี
โดย นามิ
ต้นหนประจำเรือเทาซัน ซันนี่
สังกัดกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
ในวันที่อากาศดีและปราศจากเมฆฝนและลมพายุ นาวาลำเล็กกำลังแล่นไปบนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่พร้อมลูกเรือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน
ลูฟี่และช็อปเปอร์กำลังหาอาหารมื้อกลางวันและมื้อเย็นในการนั่งตกปลา ทั้งที่เพิ่งออกจากเกาะมาได้ไม่นานแต่ซันจิก็เริ่มบ่นแล้วบ่นอีกว่าเสบียงในเรือใกล้จะหมดอีกแล้ว ที่เป็นแบบนั้นเพราะในเรือมีกัปตันจอมกินเก่งที่วันๆคิดแต่จะเผาผลาญอาหารในห้องเสบียงและหาอะไรสนุกๆทำนั่นเอง
โซโลกำลังนอนหลับอย่างที่ทำเป็นประจำ วันๆนอกจากจะนอนพักนักดาบหนุ่มก็ฝึกซ้อม กินแล้วก็นอนวนไปวนมาอยู่แบบนี้แต่ถ้าลงไปจากเรือเมื่อไหร่อีกสิ่งที่ชายหนุ่มผมเขียวคนนี้ทำได้คือหลงทาง
ซันจิกำลังยกน้ำชาและเค้กที่เป็นของหวานมาบริการโรบินที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ เป็นปกติที่พ่อครัวประจำเรือจะบริการหญิงสาวสวยๆด้วยตัวเองส่วนผู้ชายนะหรือ...
“ของว่างวันนี้เป็นเค้กขึ้นมากินได้แล้ว” ตะโกนเรียกอย่างไม่สนใจว่าพวกข้างล่างจะได้ยินหรือไม่ก่อนจะหันกลับไปบริการหญิงสาวผมดำต่อ
“โรบินจังต้องการอะไรเพิ่มไหมครับ” หญิงสาวร่างสูงเพียงแค่หันมายิ้มให้แบบปกติก่อนจะปฏิเสธแล้วหันไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
“ซันจิ...ซันจิไหนเค้กฉันละ” ลูฟี่ทิ้งอุปกรณ์ตกปลาทั้งหมดก่อนจะรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็วก่อนใครเพื่อนทำให้ซันจิรีบยื่นขนมออกมาให้แต่ก็ไม่ลืมกำชับ
“มีชิ้นเดียว ไม่มีเติม” ช่างเป็นคำพูดที่โหดร้ายสำหรับคนเป็นกัปตันเหลือเกิน
เจ้าตัวมองเค้นที่ถูกยื่นมาตรงหน้าพลางบ่นในใจ เค้กชิ้นแค่นี้จะไปพอยาไส้เขาได้ยังไง
คนที่เดินเข้ามากินของว่างเป็นคนที่สองและคนที่สามคืออุปซปกับช็อปเปอร์ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ลูฟี่เขมือบเค้กทั้งชิ้นของตนเองหายลงท้องไปในคำเดียว ไม่พอคนเป็นกัปตันยังยืดแขนที่เหมือนยางของตนเองออกมาหวังคว้าส่วนของอุปซปมากินอีก
“ห้ามแย่งนะลูฟี่...นี่มันของฉัน” ชายจมูกยาวรีบคว้าเค้กของตนเองออกจากโต๊ะทำเอามือที่พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็วของเด็กหนุ่มหมวกฟางพลาดกับเค้กไปอย่างน่าเสียดายแต่ยังไม่ทันจะหดมือกลับก็ถูกซันจิตบมือนั่นลงบนโต๊ะเสียงดังปังเสียก่อน
“ซันจิ...” ลูฟี่หันไปมองพ่อครัวประจำเรือแล้วพยายามจะขยับแขนและมือของตนเองที่ถูกกดติดไว้กับโต๊ะ
“ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าเค้กมีชิ้นเดียว ไม่มีเติมและก็ไม่ได้บอกให้นายไปแย่งของคนอื่นด้วย” คำพูดสั่งสอนคนเป็นกัปตันมาพร้อมแรกกดที่มือของเด็กหนุ่มหมวกฟางมากยิ่งขึ้นเล่นเอาลูฟี่เจ็บขึ้นมานิดๆเหมือนกันแต่ถ้าสลดก็ไม่ใช่ มังกี้ ดี ลูฟี่แล้ว
“ก็ฉันยังหิวนี่ ก้อนเดียวมันไม่พอหรอก” คำพูดแก้ตัวของคนเป็นกัปตันทำเอาคิ้วม้วนแทบกระดิกเลยทีเดียว
“หิวรึ...” เสียงโหดเปล่งออกมาจากปากของพ่อครัวประจำเรือทำเอาช็อปเปอร์และอุปซปถือเค้กของตนเองเดินห่างออกมาจากโต๊ะเล็กน้อย
“คนที่กินข้างเช้าของวันนี้มากกว่าคนอื่นแถมยังแอบไปกินของในห้องเสบียงสี่ห้ารอบยังกล้าพูดว่าหิวแบบนี้อีกเรอะ” พูดขึ้นมาแล้วซันจิก็อยากจะจับคนเป็นกัปตันโยนลงทะเลเสียจริง อุปซปกับช็อปเปอร์หันไปมองทางอื่นราวกับไม่สนใจแต่แอบเหงื่อแตกผลัก ก็ในสี่ห้ารอบที่ซันจิพูดถึงมันรวมอุปซปกับช็อปเปอร์คนละครั้งด้วยนะสิ
“สี่ห้าครั้งอะไรแค่สามครั้งต่างหาก...อุ๊บ” หลังจากหลุดปากไปแล้วลูฟี่ถึงได้รู้ว่าพลาดไปถนัดใจเมื่อเห็นสีหน้าของพ่อครัวคนเก่งที่เริ่มจะมีไฟลุกเป็นฉากประกอบหลัง
“แปลว่านายเข้าไปแอบกินอาหารที่ฉันเตรียมไว้จะเอามาเป็นมื้อเที่ยงจริงๆด้วยสินะ” ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มผมเหลืองแทบจะกระโดดซัดกัปตันให้ร่วงเลยทีเดียวแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงชายอีกคนแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าไม่อิ่มก็กินส่วนของฉันไปด้วยแล้วกัน” คำพูดนี้เป็นของชายหนุ่มผมเขียวที่แม้จะหลับไปแต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงทะเลาะของคนเป็นกัปตันและพ่อครัวประจำเรือ
ลูฟี่หันไปมองคนพูดด้วยดวงตาเป็นประกายก่อนจะหัวเราะฮี่ๆออกมาอย่างอารมณ์ดีแล้วรีบคว้าเค้กส่วนของนักดาบหนุ่มไปอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าใครจะมาแย่งไป
“นายใจดีที่สุดเลยโซโล” เด็กหนุ่มพูดไปกินเค้กในมือไปอย่างมีความสุข เห็นแล้วช่างน่าหมั่นไส้ในสายตาของซันจิและอุปซปเหลือเกิน
หมอนี่ก็ชมทุกคนที่ให้ของกินว่าเป็นคนใจดีทั้งนั้นแหละ คิดพลางแต่ละคนก็หันไปมองคนใจดีที่ยังคงหลับตานอนอย่างสบายใจ เมื่อทุกคนเห็นท่าทางแบบนั้นก็อยากจะร้องเหอะออกมา
ตามใจกันเหลือเกินนะ แม้จะมีความคิดที่ตรงกันทว่าก็ไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมาเพราะพวกเขารู้ดีว่าโซโลมักจะตามใจกัปตันคนนี้มากแค่ไหน ยิ่งลองย้อนกลับไปนึกถึงตอนแรกๆที่ได้เจอกันจนมาถึงตอนนี้ยิ่งเห็นว่านักดาบหนุ่มแทบจะไม่เคยขัดใจลูฟี่เลยสักนิด นอกจากเจ้าตัวจะตามใจแล้วยังไม่แทบไม่เคยได้ยินหมอนี่บ่นเวลาที่กัปตันให้ทำนู้นทำนี่อีกด้วย มีแต่คำว่า ‘ได้’ แล้วก็ทำได้จริงๆ
เพราะฉะนั้นเรื่องที่โซโลมักตามใจลูฟี่พวกเขาชินกันหมดแล้วละ ไม่ห้าม ไม่ขัดแถมเป็นแรงสนับสนุนอีกต่างหาก
“แล้วนามิละ” ลูฟี่ถามออกมาเมื่อกินเค้กชิ้นที่สองหมดแล้วเห็นแฟร้งกี้กับบรู๊คเดินมาทางนี้แต่ไม่เห็นคนเป็นต้นหน
“คุณต้นหนน่าจะวาดแผนที่อยู่นะ” โรบินเป็นคนตอบให้ ถ้านามิกำลังวาดแผนที่อยู่ละก็นั่นแปลว่าห้ามเข้าไปยุ่งเด็ดขาด
ก็แค่อยากจะตามใจเพราะเชื่อมั่น
ในเมื่อเด็กหนุ่มคนนี้เป็น...
กัปตันที่เขายอมเดินตามและฝากชีวิตเอาไว้
ภายในห้องทำงานหญิงสาวผมส้มกำลังร่างภาพแผนที่ของตนเองอย่างตั้งอกตั้งใจแต่แล้วเธอก็ต้องเหลือบไปมองล็อกโพสของโลกใหม่ที่สวมไว้ที่ข้อมือ
เข็มทั้งสามเล็กของล็อกโพสมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ จากการเปรียบเทียบความสั่นของเข็มแล้วนามิเห็นว่าเข็มทางขวาสุดสั่นน้อยกว่าอีกสองเข็มที่เหลือ เธอจำได้ว่าเข็มยิ่งสั่นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น
นามิมองเข็มอีกสองเข็มที่เหลือซึ่งสั่นอย่างมากอย่างน่าหวั่นใจแล้วสัญญากับตนเองว่าจะไม่ยอมให้กัปตันจอมยุ่งเห็นเข็มบนมืออย่างเด็ดขาดเพราะเธอเดาได้เลยว่าคนเป็นกัปตันจะเลือกไปทางไหน
“ต้องไม่บอกลูฟี่” นามิตัดสินใจแบบนั้นขณะมองเข็มบนล็อกโพสอีกครั้ง เธอจำได้ว่าตอนออกจากเกาะมีเพียงเข็มเดียวที่จับทิศทางของเกาะได้ส่วนอีกสองเข็มยังคงหมุนราวกับหาทิศทางของเกาะไม่เจอแต่พอแล่นเรือออกมาถึงตรงนี้เข็มอีกสองเข็มก็เจอเกาะจนได้
“เกาะลอยน้ำหรือเกาะที่สัญญาณอ่อนมากจนจับสัญญาณในตอนแรกไม่ได้นะ” นามิได้แต่คาดเดาทว่าในใจเธอตัดสินใจแล้วว่าจะพาเพื่อนพ้องทุกไปคนยังทางที่เข็มสั่นน้อยที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นสถานที่ที่เพิ่มถูกล็อกโพสจับสัญญาณได้ก็ตาม
ต้นหนเรือ...
คือผู้ที่แบกรับชีวิตของเพื่อนพ้องมากที่สุด
ยามอยู่บนท้องทะเลที่ไม่อาจคาดเดาอะไรได้
เพราะฉะนั้น...
จึงได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง...
ในการเดินเรือ
และแล้วเรื่องก็เริ่มวิ่งเข้ามาหา
ความคิดเห็น