ตอนที่ 53 : COME BACK-[11]=ถ่ายทำวันที่สอง
วันนี้เป็นวันที่สองแล้วสำหรับกองถ่ายหนังสั้น และเป็นการทำงานที่ต้องแข่งขันกับเวลามากๆ ดังนั้นทุกคนจึงต้องตื่นตัวกันอยู่ตลอดเวลา ซีนที่จะถ่ายทำในวันนี้ก็คือฉากในวัยเด็กทั้งหมด
ด้วยความที่จะต้องใช้เด็กเข้าฉากนี่ล่ะ ทำให้ทุกคนปวดหัวกันไม่น้อย แต่ก็ยังโชคดีที่เด็กที่เป็นนักแสดงหลักนั้น อยู่ในวัยที่พอจะเข้าใจและดูแลตัวเองได้ดีพอสมควรแล้ว
เด็กคนแรกซึ่งมารับบทของแพก ซันโฮนั่นก็คือออลจังรุ่นเด็กที่กำลังมาแรงในขณะนี้ คิม มุนบิน ซึ่งฮยอคแจพอใจมาก เนื่องจากตามเนื้อเรื่องแล้ว แพก ซันโฮไม่ได้มีความบอบบางในเรื่องของร่างกาย ตามนิยายทั่วไป หากแต่เป็นเด็กชายธรรมดาทั่วไปที่มีใบหน้าน่ารัก และมุนบินนั้นก็มีครบตามที่ต้องการทุกอย่าง
คิม ชานอู เด็กน้อยนายแบบเสื้อผ้าเด็กที่ทมีผลงานมากมาย ได้ก้าวเข้ามารับบทของ โอ จุนกอลในวัยเด็ก ซึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายต่อการทำงานมากเพราะทั้งมุนบินและชานอูนั้นก็ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่แล้ว ชานอูนั้นมีใบหน้าที่คมเข้มมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเมื่อโตขึ้นคงจะต้องกลายเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์แน่นอน
และนักแสดงหลักในวัยเด็กคนสุดท้าย ผู้ที่เข้ามารับบทของคิม มิกิ ตัวแปรสำคัญของเรื่องก็คือ คิม เยอึน หนูน้อยน่ารักกับมาดของเจ้าหญิงเย็นชา เธอทำให้ซีวอนประทับใจตั้งแต่แรกเห็นเลยทีเดียว แถมยังตกปากรับคำไม่ต้องแคสให้เลือกเลยทันที
และเนื่องจากในวันนี้จะถ่ายทำฉากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทางทีมงานจึงต้องประสานงานจัดหาเด็กในละแวกนี้กว่าสามสิบคนมาเข้าฉากร่วม เพื่อสร้างบรรยากาศของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าให้สมจริงมากยิ่งขึ้น
เมื่อนักแสดงทุกคนแต่งตัวกันเสร็จหมดแล้ว ซีวอนจึงมองหานักแสดงหลักและก็พบว่ากำลังยืนคุยอยู่กับฮยอคแจนั่นเอง
สายตาของผู้กำกับหนุ่มกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเข้าไปร่วมวงด้วย
อืม...พวกเราทุกคนจำบทได้แล้วใช่มั้ย? ฮยอคแจพูดกับเหล่านักแสดงตัวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ครับ/ค่ะ!
ดีแล้ว....จำได้ก็ดี เสียงทุ้มของผู้ที่มาใหมทำให้ผู้เขียนบทเจ้าของเรื่องนี้ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังรักษาอาการเอาไว้ได้ดี ส่วนพวกเด็กๆก็รีบโค้งหัวให้ผู้กำกับชเวทันที
กินอะไรรึยัง? ซีวอนหยั่งเชิงถามด้วยความเป็นห่วง
ยังไม่ถึงเวลา ฮยอคแจตอบอีกฝ่ายเรียบๆ
ทำไมล่ะ รออะไร?
ยังไม่มีใครได้กินสักคน จะเห็นแก่ตัวกินก่อนได้ยังไง...เห็นแก่ตัว ฮยอคแจเหยียดปากเมื่อสิ้นคำพูดสุดท้าย ก่อนจะเดินหลบออกไปพร้อมนักแสดงทั้งหมด
การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้น กับฉากแรกเลย เป็นการแนะนำเรื่อง คือการถ่ายแนะนำนักแสดงหลักชายทั้งสองคนกับชีวิตการเป็นอยู่ มุนบินและชานอูผู้รับบทของซันโฮและจุนกอล ต้องวิ่งไล่กันไปมา แสดงความเป็นเพื่อนรักท่ามกลางเด็กอีกหลายสิบชีวิตภายในสถานเลี้ยงกำพร้า
ด้วยความที่ทั้งมุนบินและชานอูนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่ก่อนแล้วฉากแบบนี้จึงไม่ยากนัก เหลือเพียงแต่การถ่ายเจาะซีนโคลสอัพใบหน้าของซันโฮ ในขณะที่แอบมองจุนกอลเท่านั้น เพื่อสื่อให้รู้ว่าแอบรักมาตั้งแต่เด็กแล้ว ถ่ายได้ไม่กี่เทคก็ได้ภาพสมใจผู้กำกับชเว ซีวอน
เมื่อทั้งมุนบินและชานอูเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนั้น ซีวอนจึงสั่งดำเนินฉากต่อไปทันที
ต้องขอบคุณคุณตาและคุณยายมากๆจริงๆที่ช่วยอำนวยเรื่องความสะดวกให้แก่กองถ่ายมากมายขนาดนี้ อีกทั้งยังคอยจัดหาอาหารไว้ให้พวกเราอีก
ฉากที่สองก็คือการเปิดตัวคิม ดันบี ลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้อุปถัมภ์สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ มีเด็กหลายคนมายืนมุงดูเด็กสาวตัวเล็กน่ารัก แต่กลับมีแววตาเศร้าโศก ไม่ยอมพูดจากับใคร
ดันบี เดี๋ยวลูกนั่งรอพ่อตรงนี้ก่อนนะ พ่อขอเข้าไปคุยธุระแป๊บเดียว ผู้ที่มารับบทคุณพ่อนั้นลูบหัวเด็กสาวเบาๆก่อนจะเดินหลบฉากออกไป
ตัดมายังฉากที่มีเด็กมากมายโดยเฉพาะเด็กผู้ชายพยายามแวะเวียนเข้าไปชวนเด็กหญฺงคิม ดันบีคุย แต่วิ่งที่ได้รับกลับมาก็มีเพียงความเงียบงัน จนหลายคนเริ่มจะท้อ และรามือไปในที่สุด
ดันบี นั่งห้อยขา กอดอกอยู่บนม้าหินหน้าห้องของผู้ดูแลที่นี่ โดยมีสายตาของใครสักคนหนึ่งแอบมองอยู่ไม่ไกล
อะไรหรอวะ...จุนกอล? ซันโฮที่เห็นว่าจุนกอลยืนอยู่ตรงนี้ได้สักพักแล้วก็ถามออกมา
แกดูตรงนั้นสิ... จุนกอลพยักเพยิดไปบริเวณม้านั่ง
อ่อ ยัยคุณหนูน้ำแข็งอ่ะนะ ทำไมวะ...แกชอบ? ซันโฮถามเหมือนไม่ใส่ใจทั้งๆที่ความจริงแล้วก็แอบลุ้นกับคำตอบของเพื่อนอยู่เหมือนกัน
เออดิ...รักแรกพบเลยนะเว้ย
ประโยคเดียวที่ทำให้อีกคนชะงักไปเลยทันที ถ้าหากจุนกอลเกิดรักแรกพบจริง แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นรักครั้งแรกด้วยแน่ๆ ซันโฮรู้สึกราวกับว่าตัวเองหายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ สูยเสียการควบคุมไปเลย
เฮ้ย!! ซันโฮเป็นไรป้ะวะเนี่ย? จุนกอลเขย่าไหล่เพื่อน
หะ...หา อะไรนะ? ซันโฮร้องเสียงหลง
ก็ชั้นพูดว่าชั้นจะลองเข้าไปคุยกับเค้าดีมั้ย?.... จุนกอลถามความเห็นเพื่อน
แกไม่กลัวโดนเค้าตอกกลับมาเหมือนคนอื่นๆรึ? ซันโฮถามกลับ
ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้สิวะ ไปล่ะนะ จุนกอลพูดจบก็วิ่งออกไปทันที
ทิ้งให้ซันโฮได้แต่ยืนมองแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดึงผ้าเช็ดหน้าสีครีมอ่อน ปักที่ชายผ้าว่า JUNGOEL ขึ้นมามองเบาๆ แล้วสาวเท้าตามอีกฝ่ายเข้าไป
เอ่อ....สวัสดี จุนกอลเอ่ยทักทายอีกฝ่าย
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คืออาการเงียบงันของอีกฝ่ายเท่านั้น ทำเอาเด็กเลือดร้อนเสียความในใจไปเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
ชั้นชื่อจุนกอลนะ โอ จุนกอล...เธอล่ะ?
ดันบีถอนหายใจหนักๆแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเล็กน้อย
คนที่นี่น่ะ...ไม่รู้จักคำว่ามารยาทเลยรึไง? เสียงเล็กแหลมพูดออกมาช้าๆ แต่ก็ทำเอาคนฟังหน้าชาไปเหมือนกัน
เอ่อ.....
ชั้นก็แสดงออกผ่านท่าทางไปหมดแล้วว่าไม่อยากจะคุยด้วย ก็ยังตื๊อกันอยู่นั่นล่ะ ทำตัวน่ารำคาญ เสริมให้อีกที
จุนกอลยืนนิ่งราวกับถูกสาป ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอกเค้าได้แทบล้มทั้งยืนแบบนี้ รู้ตัวอีกทีก็คือเดินออกมาจากบริเวณนั้นแล้ว
นี่...ยัยตุ๊กตา ซันโฮที่ได้ยินทุกคำพูดถึงกับทนไม่ไหว ตรงปรี่เข้าไปต่อว่าอีกฝ่ายทันที
ดันบีที่มองหน้าอีกฝ่ายก็ชะงักไปเล็กน้อย
ใครกันแน่ที่ไม่มีมารยาท ทุกคนที่เข้ามาคุยกับเธอก็เพราะอยากเป็นเพื่อนกับเธอนั่นล่ะ แล้วเธอยังตอบกลับน้ำใจของทุกคนแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน เฮอะ! คิดว่าตัวเองดีนักรึ? ซันโฮส่ายหัวไปมา
ในขณะที่ดันบีได้แต่มองตาปริบๆ เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเธอขนาดนี้เลย!
ทำไมคุณหนู แค่นี้รับฟังไม่ได้เลยรึไง? ที่เธอพูดออกมาเมื่อครู่น่ะ ดีที่เป็นเพื่อนชั้น ถ้าเป็นชั้นเองนะ ไม่ยอมเสวนาตั้งแต่เห็นสายตาแบบนั้นแล้ว คนอะไรว่า หน้าตาก็น่ารัก แต่นิสัยนี่....อ้าว เฮ้ย! ร้องไห้ทำไม.... ซันโฮสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อเห้นว่าเด็กสาวมีน้ำตาไหลออกมา
โอ้ให้ตายเถอะ นี่เค้าว่าแรงเกินไปงั้นรึ?
ฮึกๆ...ฮือ...ฮึก...... ดันบียกสองมือขึ้นมาเช็ดใบหน้าเนียนของตนเอง
เฮ้ เธอ ชั้นขอโทษ ไม่เอาน่า หยุดร้องเถอะ เดี๋ยวไม่น่ารักนะ... ซันโฮเริ่มหันซ้ายหันขวา
ก่อนที่มอจะไปสัมผัสเข้ากับผ้าเช็ดหน้าของตนเอง หยิบขึ้นมาอย่างชั่งใจก่อนจะส่งมันให้กับอีกคน
อ้ะ!....ถือว่าชั้นขอโทษ
ดันบีมองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นอย่างช่างใจก่อนจะรับมาในที่สุด
ขอบคุณ... เธอกล่าวเบาๆ
เออแฮะ เวลาพูดเพราะๆแบบนี้ก็น่ารักดีนี่นา ซันโฮยิ้มกว้าง
และวินาทีนั้นเองเช่นกัน ที่ดันบียิ้มออกมา...เป็นยิ้มแรกที่สดใสที่สุดในชีวิตของเธอ
คัต!!! เสียงผู้กำกับชเว สั่งขึ้นมาดังทั่วบริเวณนั้น ก่อนจะตามมาด้วยอาการพยักหน้าว่าเป็นที่พอใจ
เดี๋ยวเราพักกองกันแค่นี้นะ แล้วเดี๋ยวบ่ายนี้เราค่อยมาเริ่มถ่ายกันต่อ มินกิในฐานะผู้ช่วยผู้กำกับประกาศบอกทีมงานทุกคน
เหตุการณ์ต่อจากนั้นจึงเป็นการที่ทุกฝ่ายแยกย้ายกันเป็นกลุ่มๆเพื่อร่วมกันรับประทานอาหาร ในขณะที่ซีวอนนั้น เลือกที่จะนั่งกินบริเวณมอนิเตอร์เพื่อเช็กเทป
ฮยอคแจที่นั่งอยู่ออกไปไม่ไกลนัก แอบมองร่างสูงเป็นระยะๆ ซีวอนจะดูจริงจังมากเมื่ออยู่ในเวลาทำงาน ถึงแม้ว่าการทำงานครั้งนี้จะมีข้อจำกัดในหลายๆด้าน แต่ทว่าร่างสูงก็ยังคงความละเอียดพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ถ้าส่วนไหนไม่ดีก็จะทำการถ่ายทำใหม่ทันทีไม่มีข้อยกเว้น
นักแสดงและทีมงานทุกคนจึงต้องพยายามกันให้มากขึ้น ดังนั้นงบประมาณต่างๆจึงไม่เกินเลยแม้แต่นิดเดียว
ซีวอนเหลือบตาไปมองฮยอคแจเล็กน้อยแล้วก็ทันเห็นอาการรีบหันหน้ากลับของอีกฝ่าย ร่างสูงจึงยิ้มที่มุมปากเบาๆ
เท่านี้ก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าอย่างน้อยๆ ร่างบางก็ยังพอมีเยื่อใยให้แกเค้าอยู่บ้าง
ซีวอนชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นข่าวที่ดังออกมาจากทีวีที่เปิดอยู่ในบริเวณบ้าน
อีกไม่ถึงสามเดือน การเลือกตั้งครั้งใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ของเราก็จะมาถึงแล้วนะคะ นั่นก็คือการเลือกตั้งประธานาธิปบดีคนใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้การหาเสียงจึงเต็มไปด้วยความเข้มข้นอย่างมากเลยค่ะ โดยคนที่มาแรงที่สุดในขณะนี้คงจะหนีไม่พ้น ท่านหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านคนปัจจุบัน...คุณชเว จินโม นั่นเองค่ะ!!.....
สิ้นเสียงบรรยายของผู้ประกาศข่าว บรรดาทีมงานเกือบจะทุกคนก็หันมามองที่ซีวอนเป็นตาเดียว ใครบ้างล่ะจะไม่รู้ถึงความสัมพันของทั้งสองคนนี้ เพียงแต่ร่างสูงเองนั่นล่ะที่แทบจะไม่กล่าวถึงคนที่เป็น พ่อบังเกิดเกล้า ของตัวเองเลยก็ว่าได้
ซีวอนเชิดคอแข็งขึ้นเล็กน้อย เมื่อต้องเผชิญกับสายตาเหล่านี้ เหมือนในคอมันขมขึ้นมาทันที เค้าชินแล้วล่ะกับเรื่องแบบนี้
ต่อให้ต้องเจออีกกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ไม่สะทกสะท้านอะไรแล้วล่ะ
ฮยอคแจมองซีวอนด้วยสายตาที่อ่อนโยนลงเล็กน้อย
นึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่มินโฮเพิ่งได้บอกตนเองแล้วก็ยิ่งสงสารร่างสูงนี่เข้าไปอีก ดูจากแววตาของอีกฝ่ายแล้วมันไม่ได้มีเพียงแต่ความเกลียดชังเท่านั้น มันยังแฝงอาการตัดพ้อเอาไว้อีกด้วย
คำว่า ไม่รู้ นี่มันช่างน่ากลัวจริงๆ
หลังจากพักกองกันไปประมาณชั่วโมงกว่าแล้ว ซีวอนจึงดำเนินการถ่ายทำต่อทันที
ฉากที่เหลือเป็นซีนเด็กทั้งหมดที่จะต้องเร่งถ่ายทำให้จบภายในวันนี้ และซีนที่จะถ่ายทำต่อไปก็คือฉากที่ดันบีจะต้องไปเรียนต่อมัธยมปลายที่ฝรั่งเศส
กล้องพร้อม ไฟพร้อม 5
4
3
.2
.แอคชั่น!! มินกิพูดจากนั้นการทำงานทุกอย่างจึงเริ่มต้นขึ้นทันที
มีอะไรหรอดันบี... ซันโฮที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งพร้อมกับมองใบหน้าหญิงสาวตรงหน้า
คือ...เรา....จะต้องไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสน่ะ ดันบีพูดพร้อมใบหน้าที่เศร้าหมอง
อ้าว....ไปนานเท่าไหร่ล่ะ? ซันโฮมีน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย
ก็ยังไม่รู้สิ ซันโฮ...สัญญากับเราได้มั้ย? ดันบีเอื้อมมือมากุมมือของซันโฮเอาไว้
อะ....ไรหรอ? ซันโฮมองมืออีกฝ่ายอย่างลำบากใจ
สัญญาได้มั้ย...ว่าจะรอเรา?
ซันโฮเงียบไป พร้อมกับใช้สายตาขอโทษสื่อไปยังอีกฝ่าย เค้ารู้ดีว่าคนตรงคิดยังไงกับเค้า แต่ทว่าเค้าคงจะไม่อาจตอบสนองความรู้สึกนั้นได้
ได้มั้ย!.....ได้มั้ยซันโฮ!!.... ดันบีเขย่ามืออีกฝ่ายเมื่อเห้นว่าบรรยากาศแย่ลงทุกที
ขอโทษนะ....ดันบี.... ซันโฮถอนมือตัวเองออกจากมือของอีกฝ่าย
......
ขอให้ดันบีโชคดีกับการเรียนนะ.... ซันโฮยิ้มบางๆเล็กน้อยแล้วตัดสินใจเดินเลี่ยงออกไป
ปล่อยให้ดันบียืนอยู่คนเดียว พร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลรินลงมา
เวลาผ่านไปสักพักที่เด็กสาวยังคงร้องไห้อยู่ตรงนั้น พร้อมกับการก้าวเข้ามาอย่างรีบร้อนของใครอีกคน
ดับบีเธอจะไปฝรั่งเศสหรอ...อ้าว....ร้องไห้ทำไม!!.... จุนกอลอึ้งไปเมื่อวิ่งเข้ามาแล้วเจอเพียงหญิงสาวยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาอยู่
เอ่อ...เปล่า.... ดันบีหลบสายตา
ทำให้จุนกอลได้เห็นลายที่ปักอยู่บนผ้าเช็ดหน้าสีครีมในมือของดันบี อักษรที่ปักเอาไว้ว่า JUNGOEL ทำให้หัวใจของเค้าพองโตขึ้นมาทันที
หรือว่า.....
ดันบี! ชั้นจะรอเธอนะ จะรอเธอคนเดียว... จุนกอลให้สัญญาอย่างหนักแน่น
ทำให้เด็กสาวได้แต่ก้มหน้าเพื่อสีหน้าของความเจ็บปวดเอาไว้ คนที่รักก็ไม่ใช่คนที่ใช่ก็ไม่ได้รัก
จุนกอลรู้สึกว่าตัวเองมีความหวังเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีใจให้เค้าตอบกลับด้วย ไม่ว่าจะต้องรอนานแค่ไหนเค้าก็รอได้
รอวันที่เธอบอกว่ารักเค้าจริงๆ
ไกลออกไป ใต้ต้นไม้ใหญ่อีกต้นหนึ่ง ซันโฮยืนมองทั้งคู่ด้วยแววตาที่เจ็บปวด
รัก....ที่พูดไม่ได้ มันทรมานมากจริงๆ
คัตตตต!!!!!.....เยี่ยมมากทุกคน ซีวอนลุกขึ้นปรบมือให้นักแสดงรุ่นเด็กทั้งหมด
การทำงานวันนี้ถือว่าบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้จริงๆ ถ่ายได้ครบทุกฉาก และอากาศก็เป็นใจให้เรามากๆด้วย
เก็บของเตรียมเข้าที่พักกันเถอะ.... ซีวอนย้ำอีกครั้ง ทีมงานทุกคนจึงเฮกันลั่น เพราะนั่นหมายถึงการที่ทุกคนจะมีเวลาว่างให้ได้พักผ่อน ท่องเที่ยวที่เมืองแห่งนี้ด้วย
ซีวอนมองไปยังฮยอคแจที่กำลังรวบของลงกระเป๋าก็ตั้งใจจะเดินเข้าไปหา แต่เหมือนกับว่าอีกฝ่ายรู้ทัน รีบเดินหนีเค้าไปซะก่อน
ทำให้ผู้กำกับชเวได้แต่มองตามเท่านั้น
เอาแต่มอง เมื่อไหร่จำสำเร็จล่ะครับท่าน... มินกิเดินเข้ามาล้อเลียน
รู้มากนะนาย เดี๋ยวจะโดนตัดเงินเดือน ซีวอนย้อน
โห...เดี๋ยวนี้มีขู่นะ อยากคุยก็เข้าไปคุยเลยสิ
เค้าอยากคุยกับชั้นที่ไหนล่ะ.... ซีวอนยักไหล่ด้วยแววตาเศร้าๆ
มินกิเองก็ได้แต่อมยิ้มน้อยๆ เชื่อแล้วล่ะว่าสำคัญมากจริงๆ มากจนสามารถเปลี่ยนสัญชาตญาณของราชสีห์ให้ร่าเริง ขี้เล่น กล้าต่อล้อต่อเถียงขึ้นมากขนาดนี้
ช่วยกลับมาเป็นชีวิตทั้งชีวิตของลูกพี่ผมเร็วๆเถอะนะครับ คุณฮยอคแจ
****************************
แถมให้อีกตอน ^^'
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตามไปสิแกจะยืนมองทำไม
กล้าๆหน่อยวอน มีโอกาสอยู่ใกล้กันแล้วแท้ๆ
Fighting +++++
รุกและตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
คงต้องให้เวลากับฮยอกบ้างล่ะนะ วอนก็ทำตัวดีๆแสดงความรู้สึกจริงๆตัวเองออกมาได้แล้ว
คุณพระ!! กลับมาแล้วววววววววววว T^T โฮววววว
คิดถึง
แขขราลูก ใจอ่อนไปเลยๆๆๆ
เจ็บมาก็เยอะ เจ็บอีกซักที ชีวิตจะดีขึ้นเชือป้าสิ