ตอนที่ 82 : {Accidentally}=[48]-[โปรดอย่ามาสงสาร]
ดวงตาคู่โตรับกับใบหน้าสวยเกินผู้หญิงบางคนกำลังทอดยาวไปตามสายน้ำข้างหน้า ฮีชอลนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวริมแม่น้ำแบบนี้มาได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว แขนขาไม่ยอมขยับไปไหน มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกของตัวเองเท่านั้นอยู่เป็นเพื่อน
ประกายตาภายในนัยน์ตาคู่นี้ทอแสงอ่อนล้าเหลือเกิน สองมือที่มีมันพยายามจะไขว่คว้ามาตลอดสิบกว่าปี แต่ที่ได้กลับมามีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น เค้าควรจะใช้สองมือนี้กลับมากอดตัวเองจะดีกว่ารึเปล่านะ?
เงาคนที่ปรากฏขึ้นข้างๆ ทำให้ฮีชอลจำต้องหันไปมอง และเมื่อพบว่าเป็นใคร ร่างบางก็เตรียมจะลุกหนีทันที เพียงแต่มือที่วางไว้บนเก้าอี้กลับถูกใครอีกคนนำมือมาวางทับซะก่อน
คิดซะว่าชั้นไม่ได้อยู่ตรงนี้ จะมองว่าชั้นเป็นอากาศ เป็นต้นไม้ เป็นลม เป็นต้นหญ้าหรืออะไรก็ได้ตามที่ใจนายต้องการ แต่อย่าฝืนหัวใจตัวเองเลยฮีชอล ร้องออกมาเถอะ ชั้นรู้ว่านายพยายามจะเป็นคนที่เข้มแข็งให้ได้ แต่เชื่อฉันถึงนายจะร้องไห้บ้าง...ฉันว่าฉันรับได้ และโลกนี้ก็รับได้เช่นเดียวกัน ฮันเกิงพูดอย่างอ่อนโยน และนั่นก็พังทลายกำแพงในใจที่ฮีชอลพยายามสร้างขึ้นลงทันที
น้ำตาจำนวนพากันทะลักออกมาจากดวงตาคู่งามนั้นตามด้วยเสียงสะอื้นอย่างหนักเมื่อเจ้าตัวพาลนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง
พี่แทบิน!! ฮีชอลก้าวตามแทบินไปอย่างรวดเร็ว
หืม?.... แทบินหันกลับมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับมาหาฮีชอลเช่นเดียวกัน
ผมขอ...ผมขอเวลาพี่สักสิบนาทีได้มั้ยครับ ไม่สิ! ห้านาทีก็ได้ นะครับ... ฮีชอลพูดไปก็น้ำตาไหลไป
ใจเย็นๆ ฮีชอล ตั้งสติก่อน.... แทบินยกผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาเช็ดน้ำตาของอีกฝ่าย นั่นยิ่งทำให้ฮีชอลร้องไห้หนักขึ้นไปกว่าเดิมอีก
มือเรียวยกขึ้นจับมือของคนที่กำลังเช็ดน้ำตาตัวเองมากุมเอาไว้ แทบินมองอาการของคนตรงหน้าด้วยความนิ่งสงบ
พี่แทบินครับ ผมมีบางอย่างอยากจะบอกพี่ อยากบอกพี่มานานแสนนานแล้ว อยากบอกพี่ในฐานะคิม ฮีชอล ไม่ใช่น้องของภรรยาพี่ อยากบอก...อยากบอกมาตั้งแต่สิบปีที่แล้ว... ฮีชอลสูดลมหายใจลึกๆพยายามห้ามน้ำตาที่ยังคงไหลลงมาไม่ยอมหยุด
...... แทบินยังคงนิ่งเงียบ
ผมพยายามเรียนให้เก่ง ผมพยายามเป็นหัวหน้าชมรม ผมพยายามทำกิจกรรมทุกอย่างในโรงเรียน ก็เพราะพี่ ผมสมัครเข้ากรรมการนักเรียนก็เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับพี่ที่เป็นประธานรุ่นตอนนั้น ผมทำทุกอย่าง พยายามทุกอย่างมาตลอด อะไรที่พี่ชอบ จะยากแค่ไหนผมก็ต้องทำให้ได้ เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพี่ก็กลายเป็นความสนใจของผม ผมมาเป็นครูก็เพื่อพี่ เพราะวันที่ผมไปห้องสมุดวันนั้นพี่บอกว่าถ้าผมเป็นครูก็คงจะดีสินะ พี่อาจจะลืมไปแล้วก็ได้ แต่ผม...รู้แล้วว่าทุกสิ่งที่ผมพยายามจะทำมาตลอดก็คือการบอกกับพี่ไปตรงๆ ว่าผมรักพี่! รักมาตลอดระยะเวลาสิบปี ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเจอ จนวันนี้ที่พี่ยืนอยู่ตรงหน้าผมในฐานะพี่เขย ผมก็ยังคงรักไม่เปลี่ยนแปลง
ผมทรมานกับการต้องเก็บเอาไว้ในใจ มองพี่...ที่อยู่ใกล้แค่นี้แต่กลับคว้ามาไม่ได้ วันที่ผมรู้ว่าพี่กับฮีจินเป็นแฟนกันผมว่าเป็นวันที่ผมเสียใจมากพอแล้ว แต่วันที่พี่สองคนตัดสินใจแต่งงานกันผมกลับเจ็บปวดมากกว่า ต้องปั้นหน้าเป็นน้องที่ดีบอกทั้งคู่ว่ายินดีด้วย แต่ผมกลับต้องแอบไปร้องไห้อยู่คนเดียวเป็นอาทิตย์ พี่ครับ...ผมขอโทษที่เป็นแบบนี้ แต่ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้จริงๆ จะพยายามแค่ไหนผมก็ยังรักพี่อยู่ดี... ฮีชอลก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาของตัวเองร่วงหล่นไปบนมือของแทบิน จนรู้สึกว่าร่างของตัวเองถูกดึงเข้าไปปะทะกับอกของอีกคน แทบินกอดร่างบางเอาไว้แน่นกว่ากอดของการจากลาเมื่อครู่เสียอีก
ไม่ใช่เราเองหรอกนะที่เก็บไว้มาตลอดสิบปี พี่เองก็รอนายพูดมาตลอดสิบปีเหมือนกัน... แทบินตัดสินใจพูดในที่สุด ฮีชอลเบิกตากว้าง
อะไร...นะครับ
คิดว่า...พี่ไม่รู้เลยหรอ กับอากัปกริยาที่นายเป็นน่ะ แม้ตอนแรกพี่จะยังไม่ค่อยแน่ใจก็ตามเถอะนะ แต่พอได้อ่านไดอารี่ตอนที่นายเผลอหลับในห้องสมุดก็เลยเข้าใจน่ะ เพียงแต่รอวันที่นายจะพูดออกมาเท่านั้นเอง ไม่คิด...ว่านายจะเก็บมาได้นานขนาดนี้
พี่...... ฮีชอลไม่รู้วาควรจะพูดอะไรออกไปดี
ฮีชอล...พี่เองก็รักนายนะ แทบินดันฮีชอลให้ออกมาสบสายตาใกล้ๆ เรียกน้ำตาอีกฝ่ายได้อีกครั้ง แต่ร่างสูงก็ใช้นิ้วมือปาดน้ำตานั้นออกไปทันที
แต่...นายเองก็คงเข้าใจว่าตอนนี้เราทั้งสองคนต่างมาไกลจากจุดนั้นแล้วใช่มั้ย? แทบินยิ้มจางๆ ซึ่งร่างบางก็พยักหน้ารับทันที
พี่จะไม่พูดว่าทำไมพี่ถึงแต่งงานกับฮีจิน ทำไมถึงไม่บอกนายในวันนั้นว่าพี่รู้ทุกอย่างมานานแล้ว แต่เชื่อเถอะเราสองคนถึงย้อนเวลากลับไปได้ สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นอย่างตอนนี้เหมือนเดิม
หรอครับ...ถึงย้อนเวลากลับไปได้ ให้ผมได้บอกรักพี่ก่อน พี่ก็ยัง...จะเลือกฮีจินหรอครับ ฮีชอลยิ้มสมเพชตัวเอง
เด็กโง่...มันไม่เกี่ยวกับตัวแปรอื่นหรอก เลิกขังตัวเองไว้ในโลกของความผูกพันระหว่างพี่กับนายได้แล้ว สิบปีที่นายเอาแต่ยึดติดทำให้นายเองอาจจะเสียอะไรไปมากมาย พี่ดีใจนะที่อย่างน้อยในวันนี้นายยอมพูดมันออกมา และให้โอกาสพี่ได้พูดมันเช่นกัน
ผมก็...ดีใจครับที่ได้บอกไป และดีใจมากที่ได้ยินพี่บอกว่ารักผม...ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย? ฮีชอลพยายามยิ้มออกมา
ไม่เลยมันคือความจริงฮีชอล พี่รักนาย จนถึงตอนนี้ก็ยังรักนาย แต่รักในวันนั้นกับในวันนี้มันต่างสถานะไปแล้วรักในเชิงชู้สาวมันเจือจางจนกลายเป็นรักเพราะนายคือครอบครัวของพี่ และพี่ดีใจที่ได้เห็นการเติบโตของนาย เพียงแต่พี่ก็ยังเสียใจอยู่ทุกวันที่ทำให้นายคนที่มีแววตาร่าเริงคนนั้นหายไปเหลือเพียงคิม ฮีชอลผู้เศร้าโศกอยู่แบบนี้ ปล่อยมือจากอดีตเถอะนะ ยอมรับความจริงเถอะว่าอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ มันก็ไม่มีวันเป็นจริงได้ อย่าไขว่คว้าอดีตไว้อีกเลยฮีชอล มันไม่อยู่กับเราหรอก แทบินลูบผมนิ่มเบาๆอย่างทะนุถนอม
ฮีชอลมองลึกเข้าไปในดวงตาคมของอีกฝ่ายก็เจอเพียงความอบอุ่นส่งกลับมาเท่านั้น ใช่...เค้าเจอความรักปะปนอยู่ในนั้น ความรักที่ถูกความอ่อนโยนปกคลุมจนเกือบจะมองไม่เห็นเลยก็ว่าได้ คงจะถึงเวลา...ที่ต้องยอมรับความจริงแล้วสินะ
มือเรียวข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นไปโอบบริเวณท้ายทอยของร่างสูง แทบินกระตุกคิ้วข้างหนึ่งเหมือนกำลังต่อสู้กับความรู้สึกภายในจิตใจของตัวเอง แต่ฮีชอลกลับมีเพียงแววตาที่แน่วแน่
ครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ...เพื่อบอกลารักครั้งแรกของผม จากนี้ผมคงจะไม่มีวันได้พบกับเค้าอีกแล้ว และเป็นการต้อนรับพี่เขยของผม ที่ผมจะเปิดใจรับเค้าเข้ามาเป็นครอบครัวครั้งแรกด้วยความเต็มใจ แค่ครั้งเดียว...ให้ผมเก็บมันไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตผมเคยรักใครสักคนได้ยาวนานขนาดนี้ ผมรักพี่นะครับ ได้โปรดอย่าลืมทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ อย่าลืมประโยคนี้ที่ผมบอกว่ารักพี่ และคงไม่สามารถรักใครได้เท่าพี่อีกแล้ว...
แทบินสอดมือรั้งเอวบางเข้ามาแนบชิดจากนั้นจึงก้มลงสัมผัสกับริมฝีปากสีแดงอิ่ม ค่อยๆไล้เลียจากภายนอกจนลึกซึ้งเข้าไปเก็บเกี่ยวความหวานภายใน ไม่มีความเร่าร้อน ไม่มีความปรารถนาใดๆ มีเพียงการส่งต่อความรู้สึกที่มีให้กันและกันเท่านั้น ร่างสูงผละออกมาสบตาฮีชอลก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจูบหน้าผากเนียนและจบด้วยการจูบย้ำอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะกระซิบแนบชิดเพื่อให้ซึมลึกเข้าไปในหัวใจของใครอีกคน
ขอให้เราเป็นภาพความทรงจำที่ดีของกันและกันตลอดไป และพี่เองก็จะจดจำรอยยิ้มแรกที่นายมีให้พี่ในวันนั้นที่เราพบกันครั้งแรก จดจำว่าเราเคยมีกันและกันในความรู้สึก ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหนบนโลกพี่จะจำเอาไว้ว่าคนแรกที่ได้หัวใจของพี่ไปก็คือนาย ฮีชอล...
ฮีชอลพยักหน้ารับเมื่อแทบินปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระแล้ว รอยยิ้มหวานแรกในรอบสิบปีถูกส่งออกไปด้วยความจริงใจ จบแล้วความทรมานที่เกาะกินหัวใจเค้ามาตลอดสิบปี ในที่สุดก็ได้พูดมันออกไปแล้ว
ถ้าเราต่างหันหลังให้กันไปแล้ว อย่าหันกลับมามองกันอีกนะครับ ผมสัญญา เจอกันคราวหน้าพี่จะเป็นพี่เขยที่แสนดีของผม... ฮีชอลยกมือขึ้นเพื่อโบกลา ซึ่งแทบินก็ยิ้มรับบางๆเท่านั้น
ลาก่อนครับ พี่แทบิน... ร่างบางหมุนตัวหันหลังเดินออกมา
เค้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าพี่แทบินจะหันกลับไปทันที หรือจะยืนมองเค้าอยู่ หรือเดินไปแล้วแต่หันกลับมา รู้เพียงว่าตัวเค้ากอดตัวเองเดินออกมาจากจุดตรงนั้นโดยที่ไม่หันกลับไปอีกเลย!
เนิ่นนานจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่ฮีชอลยังนั่งร้องไห้อยู่แบบนี้ โดยมีฮันเกิงนั่งมองหยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงบนมือของตัวเองที่เกาะกุมอีกฝ่ายเอาไว้
ถามว่าเจ็บไหม? มันเกินคำนั้นมานานแล้ว เจ็บตั้งแต่ที่เห็นในสนามบินแล้ว ปวดกับทุกคำพูดที่ได้ยิน ทรมานกับทุกการกระทำของคนทั้งสองคนนั้น แค่นี้เค้าก็ได้คำตอบแล้วล่ะว่าทุกความพยายามของเค้ามันไม่เคยมีผลต่อร่างบางเลย เค้าไม่เคยได้แทรกเข้าไปอยู่ภายในหัวใจของฮีชอลได้สำเร็จเลยซักครั้ง เพราะสำหรับฮีชอลแล้วจะเรียกว่ามีชีวิตอยู่เพื่ออิม แทบินเลยก็ว่าได้
แล้วชั้นควรจะทำยังไงดีล่ะฮีชอล จะให้อยู่เป็นอากาศรอบตัวนายแบบนี้ตลอดชีวิตเลยรึเปล่า?
ประโยคที่พูดว่ามาเป็นครูเพราะรุ่นพี่แทบินยิ่งทำให้เค้าสมเพชตัวเอง เมื่อกลับมามองย้อนดูตัวเองที่กลายมาเป็นอาจารย์ในทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะใจรักเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะคนตรงหน้านี้ต่างหากล่ะ วันที่ต้องงัดข้อกับที่บ้านเพื่อต่อรองขอทำงานที่นี่ก่อนกลับไปรับช่วงต่อกิจการร้านอาหารของตระกูล
ทั้งๆที่ความจริงแล้วเค้ารักงานด้านนั้นกว่ามาก แต่ก็ยังเลือกที่จะอยู่ที่นี่เพื่อหวังว่าซักวันทุกสิ่งที่ทำลงไปจะมีค่าพอให้ร่างบางตรงหน้านี้เห็นค่ามัน แต่สิบปีผ่านมานี้ทำให้เค้าเข้าใจแล้วล่ะว่ามันสูญเปล่าจริงๆ
จะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนหัวใจของคิม ฮีชอลก็มีไว้เพื่อคนๆนั้นเพียงคนเดียวจริงๆ
เกิง.... ฮีชอลสะอึกสะอื้นเรียกชื่ออีกฝ่ายขึ้นมา ดึงสติฮันเกิงให้กลับมาอยู่กับความจริง
อืม.... จะพูดอะไรดีล่ะในช่วงเวลาแบบนี้
ชั้นรู้นะ...ว่านายคิดยังไงกับชั้น.... ฮีชอลใช้มืออีกข้างปาดน้ำตาให้มันหยุดไหล
...... ฮันเกิงไม่ตอบรับอะไร ทำเพียงปรายตามองฮีชอลใช้มือข้างที่ละจากการเช็ดน้ำตามาดึงมือของตัวเองให้หลุดจากมือของเค้า
แต่เรา...เป็นเพื่อนกันเถอะนะ เหมือนกับว่าโลกทั้งโลกมันสิ้นสุดลงที่วินาทีนี้แล้ว คำว่า เพื่อน ที่อีกฝ่ายมอบให้มานั้นยิ่งกดแผลเก่าเรื้อรังของร่างสูงให้จมลึกลงไปอีก ทั้งๆที่แค่นี้มันก็ไม่มีทางจะรักษาให้หายได้อีกแล้วตลอดชีวิต
.... พูดอะไรดีล่ะ อะไรก็ได้ที่จะพอดันทุรังให้พ้นกับเหตุการณ์นี้ไป อะไรซักอย่างที่ว่านั้นฮันเกิงเองก็ยังไม่รู้เช่นกันว่ามันคืออะไรกันแน่
ชั้นขอโทษ...แต่ชั้นไม่อยากทำร้ายนาย ชั้นเสียใจจริงๆนะเกิง ชั้นขอโทษ...ขอโทษจริงๆ ฮีชอลเริ่มปล่อยโฮอีกครั้ง
แต่น่าแปลกที่ครั้งนี้ไม่มีเสียงปลอบโยนจากฮันเกิงอีกแล้ว อย่าว่าแต่ปลอบใจคนอื่นเลย แค่บอกตัวเองให้ลากสติกลับคืนมาเค้ายังทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับการให้คำแนะนำคนอื่น
จะ...ขอโทษทำไม.... อยากจะฝืนยิ้มให้เหมือนกับทุกครั้ง แต่ตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงจะหายใจมันยังรวยริน
ชั้นไม่อยากให้นายรอ อย่ารอเลยนะเกิง อย่ารอเลย....
ทำไม...ถึงรักแต่เค้า รอแค่เค้า...ฉันอยู่ตรงนี้อยู่ข้างนายมาตลอด ทุกนาทีที่นายรอใครก็เป็นเวลาเดียวกับที่ชั้นคิดถึงแต่เรื่องของนาย ทำไมกันฮีชอล...แค่นายหันหลังกลับมานายก็จะเจอความรักจากชั้นแล้ว ทำไม...ยังต้องวิ่งตามคนที่เอาแต่วิ่งหนีนายด้วย ทำไม... ฮันเกิงถามด้วยน้ำเสียงที่บางเบาแต่กลับแฝงไปด้วยความปวดร้าวที่คนฟังสัมผัสได้เป็นอย่างดี
ชั้นไม่รู้ ชั้นขอโทษนะเกิง ชั้นขอโทษ.... ฮีชอลส่ายหน้าไปมาแล้วรำพันออกมาแต่คำว่าขอโทษเท่านั้น ซึ่งมันทำให้ฮันเกิงอยากถามประโยคนี้ออกไปเหลือเกิน
ขอโทษแล้วมันหายเจ็บมั้ย? มันทำให้เค้าทรมานน้อยลงรึเปล่า ซึ่งไม่เลย เค้ารู้ดีว่ามันไม่มีทางเยียวยาบาดแผลของเค้าได้เลยแม้แต่น้อย
หยุดร้องเถอะฮีชอล...หยุดทำให้ชั้นสมเพชตัวเองซักที ฮันเกิงยิ้มเย้ยหยั่นออกมา ซึ่งไม่ได้หมายถึงร่างบางเลย เค้ายิ้มเพราะเวทนาตัวเองต่างหาก
เกิง.....
หยุด...ร้องไห้เพราะไม่รักชั้นเถอะ มันยิ่งทำให้ชั้นทั้งอิจฉาและเกลียดรุ่นพี่แทบินไปพร้อมๆกัน ที่ทำให้นาย...ร้องไห้เพราะรักเค้า หยุดเถอะ ฮันเกิงหลับตาลง ไม่อยากเห็นคนตรงหน้า เค้าอยากหายตัวออกไปจากโลกนี้ ตอนนี้ วินาทีนี้เลยด้วยซ้ำ
ฮีชอลเบือนหน้าหนีจากใบหน้าที่ปวดร้าวของร่างสูงด้วยเช่นกัน ส่วนลึกในจิตใจของเค้าเอง เค้ายอมรับ...วันนี้มันไม่ใช่พี่แทบินเต็มร้อยอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่ส่วนที่เป็นของฮันเกิงมันก็บางเบาจนเค้าแทบจะไม่รู้สึกเช่นเดียวกัน
และเค้ารู้สึกว่าถึงเวลาที่ร่างสูงควรจะก้าวต่อไปข้างหน้าเสียที การหยุดอยู่ที่เค้ามันก็เหมือนที่พี่แทบินพูดนั่นล่ะ ฮันเกิงอาจจะสูญเสียสิ่งดีๆไปมากมาย ตลอดเวลาที่เอาความรู้สึกมาผูกอยู่ที่เค้า ให้เรา...จบกันเพียงแค่นี้ดีกว่า
เค้ารู้ว่ามันเป็นความคิดโง่ๆ แต่เค้าไม่พร้อมจะรับใครเข้ามาให้ความรู้สึกตอนนี้จริงๆ เพราะมัน...ยังมีเพียงความเศร้าโศกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนไม่กล้าจะเริ่มต้นใหม่กับใคร แม้ว่าคนๆนั้นจะรักและหวังดีกับเค้ามากขนาดไหนก็ตาม
ชั้นพูดได้เพียงแต่ว่าชั้นเสียใจ...เท่านี้จริงๆเกิง แม้มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็ตาม
แต่ชั้น...ไม่เคยรักนายเลย ชั้นเองก็เสียใจ
************************************************************
TOT' เป็นตอนที่ย้อนกลับมาอ่านกี่ครั้งก็ยังแอบน้ำตาตกในได้เสมอ T^T
อิคู่นี้จะรันทดไปไหนเคอะ พี่แทบิ๊นนนนน >< (ไม่ได้สงสารเกิงเล๊ย กร๊ากกก)
ปาดน้ำตาเวลาแต่ง แล้วคงมีคนแอบแช่งไรเตอร์ เอิ๊ก....
ไม่มีใครเม้นท์เล๊ย 555' สงสัยจะหายไปนานเกินหรือไม่ทุกคนก็คงกำลังอินเทรนด์อยู่กับน้ำ
สู้ๆกันล่ะเน้อ พี่น้องชาวไทย :D
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มันเศร้าอ่ะ
T_T
สงสารฮีด้วย
แถมยิ่งมารู้ว่าพี่เขยก็รักฮีชอลเหมือนกัน
แล้วจะลบความทรงจำออกไปได้ง่าย ๆ ยังไงกัน
ความรู้สึกของคนเรามันเปลี่ยนกันไม่ได้ง่าย ๆ
สงสารเกิงแต่ก็สงสารฮีด้วย เรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้นี่นะ
เเต่งได้ดรม่าเเบบที่บอก เเม่.งงงง
ร้องไห้เลย! เเง๊งงงTT[ ]TT
อย่าดราม่านักเลย T^T
ไรเตอร์มาแต่งรันทด ทำไมเนี่ย เกิงทำไรผิด 555 อย่าให้คู่นี้รันทดนานๆนะ
แต่ว่าคิดถึงคู่ม้าไก่แล้ว อ่ะไรเตอร์
สู้ไรเตอร์เป็นกำลังใจให้
แต่ก็นะ เรื่องรัก ๆ บังคับใจกันไม่ได้