คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : ~FOURTH~Se@soN!_RAINY = DO YOU KNOW = ๕
그대 내눈을 보아요
มองเข้ามาในตาของผมที่รัก
설레이는 맘 가득해
มันได้เติมเต็มด้วยหัวใจอันอ่อนล้า
마법같은 키스처럼 따사로운
อบอุ่นเหมือนกับจุมพิตเวทมนตร์
나의 마음을 이제는 보아요
โปรดรับความรู้สึกผมไว้
ถึงแม้ว่าเมื่อวานจะพลาดไป แต่วันนี้ฮยอคแจก็ยังมาอีกครั้งจนได้ บางทีเมื่อวานคนๆนั้นอาจจะมีเหตุให้มาไม่ได้ก็ได้
ร่างบางพยายามคิดเข้าข้างตัวเองเอาไว้แบบนี้
แต่วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฮยอคแจต้องผิดหวังเมื่อเปิดประตูร้านเข้ามาแล้วเจอกับประโยคที่ว่า
“อ้าว ฮยอคแจวันนี้มาประเดิมเป็นคนแรกเลยนะ”
ได้ยินแบบนี้ตอนสามทุ่มมันก็ท้อเหมือนกันนะ
สองขามันเหมือนจะไม่มีแรงเลย
ฮยอคแจค่อยๆพาตัวเองลงนั่งที่เก้าอี้หวาย และหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิดดูที่หน้าล่าสุด
“ช่วงนี้ฝนตกบ่อย อย่าลืมกางร่มด้วยนะครับ”
ร่างบางเริ่มคิดช้าๆ ข้อความนี้คงจะถูกเขียนไว้ตั้งแต่วันที่เค้ามาเก้อแล้วล่ะมั้ง
ทำไมวันนั้นเค้าถึงไม่เปิดดูนะ
ฮยอคแจมองออกไปนอกร้านที่สายฝนกำลังพากันสาดกระหน่ำลงมา
แม้จะไม่หนักมากนัก แต่ฮยอคแจก็ไม่ชอบมันเอาเสียเลย
ไม่ชอบเวลาที่ฝนตก ไม่ชอบเลยจริงๆ
ดวงตาหวานไหววูบเมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นตา
ฮันคยองและฮีชอลภายใต้ร่มคันเดียวกัน กำลังเดินผ่านหน้าร้านนี้ไป
ฮยอคแจหลับตาลงกับภาพที่เห็นตรงหน้า
นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งก็ได้มั้งที่ทำให้เค้าเกลียดเวลาที่ฝนตก
ช่วงเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวแล้วเฝ้ามองคู่รักคู่แล้วคู่เล่าเดินผ่านเรา ในขณะที่เราต้องอยู่ลำพังเพียงคนเดียว
มันเจ็บจริงๆนะ
ฮยอคแจหยิบปากกาขึ้นมาเขียนอีกครั้ง
“ผมอยากมีคนกางร่มให้เวลาฝนตกจังเลย”
ฮยอคแจมองหนังสือนั่นและวางมันไว้บนชั้นอีกครั้ง
เค้าจะไม่เขียนมันอีกครั้งจนกว่าคนๆนั้นจะมาเขียนตอบมัน
ทำไมกันนะ ทำไมเค้าถึงยอมให้บุคคลปริศนาก้าวเข้ามาอิทธิพลต่อชีวิตเค้ามากขนาดนี้
ฮยอคแจหลับตาลง
หรือช่วงเวลาที่ฝนตกแบบนี้ เค้าจะต้องเจ็บไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้เลยรึยังไงกันนะ?
ผ่านไปหนึ่งวัน
สองวัน
สามวัน
สี่วัน
ห้าวัน
ห้าวันแล้วนะ ที่ฮยอคแจมานั่งเฝ้าหนังสืออยู่แบบนี้ ไม่มีเลยสักครั้งนับจากวันนี้ที่ฮยอคแจ
จะได้เห็นตัวหนังสือจากใครคนนั้นอีก
ส่วนลึกของใจมันก็ท้อเหมือนกันนะ แต่ร่างบางก็ยังคงที่จะเฝ้ารอต่อไป
ล่วงเลยเข้ามาสู่วันที่หก ฝนเริ่มจะตกหนักมากขึ้นอีกแล้ว
ฮยอคแจยอมลงทุนเดินผ่าในเพื่อมานั่งที่ร้านกันเลยทีเดียว จนบางครั้งผู้จัดการคิมก็อดเป็นห่วงเค้าไม่ได้
แต่จะทำยังไงได้ สำหรับเค้าป่วยกายยังดีกว่าป่วยใจ
และวันนี้ก็ยังเป็นเหมือนหลายวันที่ผ่านมา ไม่มีการตอบกลับใดๆทั้งสิ้น
มือบางวางหนังสือลงบนชั้นอย่างเหนื่อยอ่อน
และก็มาถึงวันที่เจ็ด วันนี้ที่ฮยอคแจไม่สามารถจะมาที่ร้านได้ เนื่องจากว่าพิษฝนทำร้ายนั่นล่ะ! มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้มา นอนซมไข้อยู่ที่บ้าน
ส่วนซีวอนที่พอเหยียบถึงตึกคณะลงจากรถบัสแล้ว ก็ตรงเข้าไปเช็คชื่อและวิ่งออกมาที่ร้านกาแฟทันที
ส่วนพวกสัมภาระนั้นยกให้เพื่อนสนิทยืนเฝ้าให้ไว้ก่อน
ซีวอนวิ่งมาตัวเปล่า ไม่ได้คว้ากระเป๋าตามมาเลยสักใบ
“แอ๊ดดด” ร่างสูงหอบเล็กน้อยเมื่อวิ่งมาถึงที่ร้านแล้ว
“อ้าว หายไปหลายวันเลยนะ” ผู้จัดการของร้านทักพอเป็นพิธี
“ครับ ขอเหมือนเดิมนะครับ” ซีวอนพูดแล้วเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นทันที
ร่างสูงขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่ออ่านประโยคที่ใครสักคนทิ้งมันเอาไว้ให้
“ผมอยากมีคนกางร่มให้เวลาฝนตกจังเลย”
เค้าก็ไปตั้งหลายวันนี่นา ทำไมถึงได้เขียนเพียงแค่นี้ล่ะ
ซีวอนล้วงกระเป๋ากางเกงจะหยิบปากกาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองนั้นหยิบใส่กระเป๋าใหญ่ไป
เรียนร้อยแล้ว
“โธ่เว้ย!” ซีวอนสบถเบาๆ
ก่อนจะมองหาปากกาแท่งเดียวรอบร้าน
“คุณลุงครับๆ” ทนไม่ไหวก็เรียกผจก.ร้านซะนั่น
“อะไรๆ เรียกซะลั่นร้านเลย”
“มีปากกาสักแท่งมั้ยครับ?” ร่างสูงถามอย่างร้อนใจ
“เอ.....ไม่มีเลยแฮะ” ซาบยอลทำสีหน้าผิด
แต่ซีวอนกลับหนักยิ่งกว่าเมื่อโทรศัพท์มือถือดังขึ้นและเค้ากดรับมัน
“อะไร” ซีวอนกรอกเสียงลงไปอย่างไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก
‘แกหายไปไหนเนี่ย เค้าจะให้ขึ้นไปสรุปงานด้วยนะ แกลืมแล้วรึไง’ เสียงที่ปลายสายตอบ
กลับมา ทำเอาซีวอนต้องกรอกตาไปมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“เออๆ รู้แล้วๆ” ซีวอนว่าแล้วก็ตัดสายทิ้ง ก่อนจะตัดจางหนังสือลงที่เดิม
เดี๋ยวค่อยมาเขียนก็ได้
แต่จนแล้วจนรอด ร่างสูงก็ไม่ได้กลับมาอีกครั้งในคืนนั้น เพราะว่ากว่าจะสรุปงานจน
แยกกันนั้นก็เกือบห้าทุ่มแล้ว
ร่างสูงได้แต่เฝ้าโมโหอยู่แบบนั้นแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
난 약속해요
ผมสัญญา
우리 손을 꼭 걸어요
มือของเราจะจับกันไว้ตลอดไป
행복한 기분이죠
เป็นเหมือนความสุขอย่างหนึ่ง
눈부신 운명이죠
เป็นเหมือนอนาคตที่ซ้อนไว้
사랑의 향기에 취해보아요
มาออกจากวงเวียนกลิ่นอายรักเถอะ
영원히
ตลอดไป....
สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือการที่ซีวอนไม่สามารถแวะที่ไปร้านกาแฟแห่งนั้นได้อีกเลยตั้งแต่กลับมาจากชิลลา
เนื่องจากว่าเค้าจะต้องเข้าไปส่วนหนึ่งของการวิจัยตัวยาบางอย่าง ซึ่งเป็นตัวสอบส่วนสำคัญ
เวลาการเรียนจึงเพิ่มขึ้นเป็นภาคเช้าจรดภาคดึก
แต่เห็นตารางเรียนก็ท้อแล้ว
มาเห็นตารางชีวิตกลับท้อยิ่งกว่า!
ทางด้านฮยอคแจถ้าวันไหนที่ฝนตก เจ้าตัวก็จะไม่ยอมไปที่ร้านนั่นอีกเลย
ราวกลับกลัวว่าถ้าหากไปแล้วจะต้องพบกับความว่างเปล่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้
แต่ช่วงเวลาที่ไม่ได้ไป ไม่ได้เขียนอะไรลงในหนังสือเล่มนั้นแล้ว มันยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ได้
รู้ว่า เค้ารักบุคคลปริศนานั้นมากแค่ไหน
และวันนี้ก็เป็นวันที่ร่างบางทนต่อความคิดถึงไม่ได้อีกแล้ว
และก็เป็นอีกวันที่เลิกช้ากว่าปกติ ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาที่เลยสี่โมงเย็น
มาแล้ว
ฝนตกลงมาปรอยๆอีกแล้ว แต่ฮยอคแจกลับรู้สึกว่าวันนี้อยากจะไปที่นั่นอีกเหลือเกิน
ขาเรียวเดินไปตามทางเรื่อยๆ แข่งกับสายฝนที่พากันกระหน่ำตกลงมา
แต่เมื่อไปถึงที่ร้านก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าผู้จัดการคิมหรือคุณลุงซาบยอลกำลังเก็บของต่างๆลงกล่องลัง!
“นี่คุณลุงกำลังทำอะไรครับ!” ฮยอคแจร้องอย่างตกใจ
“อ้าว มาแล้วหรอ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” คุณลุงท่านยังคงยิ้มอย่างใจดีเหมือนเดิม
“นี่มันอะไรกันครับ” ฮยอคแจชี้ไปยังกล่องลังที่วางอยู่มากมาย
“ลุงจะกลับไปอยู่ต่างจังหวัดกับลูกของลุงน่ะ เค้าขอร้องกันมานานแล้ว ตอนนี้ลุงว่ามันก็
ถึงเวลาแล้วล่ะ”
“เอ่อ....หรอครับ” ฮยอคแจมองหาหนังสือเล่มนั้น
“ใช่แล้วล่ะ ต่อไปนี้คงเหงาแย่นะ ไม่มีฮยอคแจมาร้องขอซื้อกาแฟอีกแล้ว”
“เอ่อ...ครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมาขอบคุณมากนะครับ” ฮยอคแจพูดอย่างจริงใจ
ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆอีกครั้ง
“ถ้าหนังสือที่เรามาอ่านประจำทุกวันน่ะลุงวางไว้ให้บนเคาท์เตอร์แล้วล่ะ” คุณลุงพูดขึ้นลอยๆ
“เอ่อ...........” ฮยอคแจเงียบ
“ไปหยิบซะสิ มันมีค่าสำหรับเธอมากไม่ใช่หรือไง”
“ขอบคุณครับ” ฮยอคแจโค้งขอบคุณอีกครั้ง
“คุณลุงครับ รักษาสุภาพด้วยนะครับ ถ้ามีโอกาสเราจะต้องได้พบกันอีกแน่นอนครับ” ฮยอคแจยังคงทิ้งเพียงรอยยิ้มอันสดใสไว้เป็นของที่ระลึกเท่านั้น
“อ๊า!” ร่างบางร้องขึ้นเมื่อออกมายืนหน้าร้านแล้วก็พบว่าฝนได้กระหน่ำตกลงมาหนักกว่าเดิมเสียอีก
จะต้องติดแหง็กอยู่ตรงนานแค่ไหนเนี่ย
ก่อนจะก้มลงมองหนังสือที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
แล้วต่อไปนี้...เค้ากับคนๆนั้นยังจะมีโอกาสได้คุยกันอีกมั้ย?
ว่าแล้วก็กอดหนังสือเล่มนี้เอาไว้ให้แน่นๆ
“พระเจ้าครับ ถ้าเกิดว่าการที่ผมกับเค้าได้มารู้จักกันมันไม่ใช่แค่เรื่องของความบังเอิญแต่
เป็นพรหมลิขิตจริงๆ ช่วยให้ผมได้พบเค้าด้วยเถอะนะครับ”
ซีวอนขับรถฝ่าฝนออกมาจากมหาวิทยาลัยด้วยใจที่มีความสุข เพราะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เค้าจะต้องอยู่ร่วมงานบ้าบออะไรนั่น
ในที่สุดช่วงเวลาที่เหมือนกับอยู่ในนรกนั่นก็จบลงซะที
ถึงแม้ว่าในจะตกลงมาหนักแค่ไหน แต่ภายในใจของร่างสูงตอนนี้ก็มีเพียงว่าจะต้องไปร้าน
กาแฟแห่งนั้นให้ได้
ซีวอนจดรอดไว้ที่ริมฟุตบาท ก่อนจะมองไปยังที่หน้าร้าน
...ใครสักคน...
หัวใจของร่างสูงเริ่มเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นี่มันคือเรื่องจริงใช่มั้ย? เค้ากำลังจะได้เจอใครคนนั้นใช่มั้ย
ซีวอนต้องตกใจหนักขึ้นไปมากกว่าเดิม เมื่อมองแล้วพบว่าคนที่กำลังกอดหนังสือเล่มสำคัญเอาไว้แน่น จะเป็นคนที่เค้าไม่สามารถลบใบหน้าออกไปจากหัวใจได้เลย
พระเจ้าครับ ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะลองพนันกับท่าน
มันคงจะไม่บาปมากนักหรอกใช่มั้ย?
ถ้าผมลองทักเค้าด้วยประโยคนึงแล้ว ถ้านี่เป็นเรื่องของพรหมลิขิตจริงๆ ไม่ใช่แค่ความบังเอิญ
พระองค์ช่วยบอกให้เค้าตอบรับผมด้วยนะครับ
ซีวอนยิ้มหมายมั่น แล้วเดินลงไปจากรถ
ฮยอคแจยังคงเหม่อมองสายฝนไปเรื่อย
“ไหนนายบอกว่าฟ้าหลังในจะสวยยังไงล่ะ...” ฮยอคแจพูดกับตัวเองเบาๆ
“ต้องการคนกางร่มให้สักคนมั้ย?”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำเอาฮยอคแจจะต้องรีบหันไปมอง
“นาย...?” ฮยอคแจทวนคำอย่างสงสัย
“ขอหนังสือเล่มนั้นให้ชั้นได้มั้ย?” ซีวอนยังคงพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ทะ...ทำไม?” ฮยอคแจเริ่มเสียงสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่สมองเริ่มประมวลผลแล้วว่า
คนตรงหน้านี้อาจจะเป็น...
“พอดีว่าชั้นจะต้องเขียนตอบใครบางคนน่ะ”
คนๆนั้นที่เค้ารอ!!!
“นาย.......” ฮยอคแจรู้สึกว่ากว่าจะเปล่งเสียงออกมาจากลำคอได้นั้นมันช่างยากเย็น
เหลือเกิน
“ว่ายังไงล่ะ คำตอบน่ะ?” ซีวอนยิ้มบางๆ
ฮยอคแจสูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง
“ต้องการมากถึงมากที่สุดเลยครับ”
ปิดท้ายด้วยการยิ้มแฉ่งอีกสักรอบให้คนมองได้ใจระทวยเล่น
“ว้า แย่จัง ชั้นไม่ได้เอาร่มมาซะด้วย” ซีวอนร้องอย่างเสียดาย
ก่อนจะถอดเสื้อโค้ทของเองออกมากางให้กว้าง
“แต่ถ้านายไม่รังเกียจชั้นเอารถมา จะไปด้วยกันมั้ยล่ะ?”
ฮยอคแจขมวดคิ้วและอมยิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย
“ไม่รังเกียจ”
ร่างบางกล่าวแค่นั้นและก้าวเข้าไปยืนอยู่ใต้เสื้อโค้ทร่วมกับซีวอน ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันวิ่ง
ผ่าสายฝนไปยังที่รถ
...ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม...
รู้สึกอะไรไหม? พวกเค้าทั้งสองคนยังไม่มีฝ่ายไหนที่พูดคำว่ารักออกมา
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?
ก็เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาคงจะเป็นเครื่องแสดงออกที่ชัดเจนแล้วล่ะว่ารักอีกฝ่ายมากแค่
ไหน
ห่วงมากแค่ไหน
แคร์มากแค่ไหน
ฟ้าหลังฝนคราวนี้คงจะเป็นท้องฟ้าที่มีสีสวยแลละงดงามมากที่สุดเท่าที่ชเว ซีวอนจะเคยเห็น
เวลาที่ฝนตกต่อไปนี้ คงจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ลี ฮยอคแจจะรู้สึกไม่ชอบอีกแล้ว
ถ้าเกิดว่าหนังสือ “ความรักที่แท้จริงนั่นอยู่ที่ไหน?” มันสามารถพูดได้
มันก็คงจะบอกแก่ทั้งคู่ว่า
“เราอยู่ที่ตรงนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว เธอทั้งสองเป็นฝ่ายเดินมาหาเรา และสุดท้ายก็เป็นเธอทั้งสองนั้นล่ะที่พาเรากลับไปด้วยกัน อยู่ที่พวกเธอทั้งสองคนแล้วว่าจะสามารถดูแลเราได้ดีขนาดไหน”
สายฝนที่เริ่มซาลง แสงแดดที่ค่อยๆจืดจางลงเพราะกลางคืนกำลังจะเข้ามาแทนที่
ยังมีบุคคลอีกสองชีวิตที่จ้องมองท้องฟ้ายามที่ฝนเพิ่งจะหยุดตก
...ทั้งๆที่ทั้งสองมือยังคงเกาะกุมกันแน่น...
...ด้วยความรัก จากหัวใจ...
오로지 난 그대만을 사랑합니다
ผมรักคุณ และรักคุณคนเดียว...
*******************************************************
และแล้ว มันก็จบ = " =
5555 อยากให้เศร้าแต่มันก็ไม่เศร้า >o<!
ฤดูหน้า สุดท้าย แล้วน้า
ความคิดเห็น