ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {WONHYUK} ROMANTIC REAL

    ลำดับตอนที่ #31 : ~FOURTH~Se@soN!_RAINY = DO YOU KNOW = ๕

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.41K
      5
      1 มี.ค. 53


    그대 내눈을 보아요
    มองเข้ามาในตาของผมที่รัก
    설레이는 맘 가득해
    มันได้เติมเต็มด้วยหัวใจอันอ่อนล้า
    마법같은 키스처럼 따사로운
    อบอุ่นเหมือนกับจุมพิตเวทมนตร์
    나의 마음을 이제는 보아요
    โปรดรับความรู้สึกผมไว้


                ถึงแม้ว่าเมื่อวานจะพลาดไป แต่วันนี้ฮยอคแจก็ยังมาอีกครั้งจนได้ บางทีเมื่อวานคนๆนั้นอาจจะมีเหตุให้มาไม่ได้ก็ได้

     

                ร่างบางพยายามคิดเข้าข้างตัวเองเอาไว้แบบนี้

     

                แต่วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฮยอคแจต้องผิดหวังเมื่อเปิดประตูร้านเข้ามาแล้วเจอกับประโยคที่ว่า

     

                อ้าว ฮยอคแจวันนี้มาประเดิมเป็นคนแรกเลยนะ

     

                ได้ยินแบบนี้ตอนสามทุ่มมันก็ท้อเหมือนกันนะ

     

                สองขามันเหมือนจะไม่มีแรงเลย

     

                ฮยอคแจค่อยๆพาตัวเองลงนั่งที่เก้าอี้หวาย และหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิดดูที่หน้าล่าสุด

     

     

     

              ช่วงนี้ฝนตกบ่อย อย่าลืมกางร่มด้วยนะครับ

     

     

                ร่างบางเริ่มคิดช้าๆ ข้อความนี้คงจะถูกเขียนไว้ตั้งแต่วันที่เค้ามาเก้อแล้วล่ะมั้ง

     

                ทำไมวันนั้นเค้าถึงไม่เปิดดูนะ

     

                ฮยอคแจมองออกไปนอกร้านที่สายฝนกำลังพากันสาดกระหน่ำลงมา

     

                แม้จะไม่หนักมากนัก แต่ฮยอคแจก็ไม่ชอบมันเอาเสียเลย

     

                ไม่ชอบเวลาที่ฝนตก ไม่ชอบเลยจริงๆ

     

                ดวงตาหวานไหววูบเมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นตา

     

                ฮันคยองและฮีชอลภายใต้ร่มคันเดียวกัน กำลังเดินผ่านหน้าร้านนี้ไป

     

                ฮยอคแจหลับตาลงกับภาพที่เห็นตรงหน้า

     

                นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งก็ได้มั้งที่ทำให้เค้าเกลียดเวลาที่ฝนตก

     

                ช่วงเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวแล้วเฝ้ามองคู่รักคู่แล้วคู่เล่าเดินผ่านเรา ในขณะที่เราต้องอยู่ลำพังเพียงคนเดียว

     

                มันเจ็บจริงๆนะ

     

                ฮยอคแจหยิบปากกาขึ้นมาเขียนอีกครั้ง

     

     

              ผมอยากมีคนกางร่มให้เวลาฝนตกจังเลย

     

     

                ฮยอคแจมองหนังสือนั่นและวางมันไว้บนชั้นอีกครั้ง

     

                เค้าจะไม่เขียนมันอีกครั้งจนกว่าคนๆนั้นจะมาเขียนตอบมัน

     

                ทำไมกันนะ ทำไมเค้าถึงยอมให้บุคคลปริศนาก้าวเข้ามาอิทธิพลต่อชีวิตเค้ามากขนาดนี้

     

                ฮยอคแจหลับตาลง

     

                หรือช่วงเวลาที่ฝนตกแบบนี้ เค้าจะต้องเจ็บไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้เลยรึยังไงกันนะ?

     

     

     

                ผ่านไปหนึ่งวัน

     

                สองวัน

     

                สามวัน

     

                สี่วัน

     

                ห้าวัน

     

     

     

                ห้าวันแล้วนะ ที่ฮยอคแจมานั่งเฝ้าหนังสืออยู่แบบนี้ ไม่มีเลยสักครั้งนับจากวันนี้ที่ฮยอคแจ

    จะได้เห็นตัวหนังสือจากใครคนนั้นอีก

     

                ส่วนลึกของใจมันก็ท้อเหมือนกันนะ แต่ร่างบางก็ยังคงที่จะเฝ้ารอต่อไป

     

                ล่วงเลยเข้ามาสู่วันที่หก ฝนเริ่มจะตกหนักมากขึ้นอีกแล้ว

     

                ฮยอคแจยอมลงทุนเดินผ่าในเพื่อมานั่งที่ร้านกันเลยทีเดียว จนบางครั้งผู้จัดการคิมก็อดเป็นห่วงเค้าไม่ได้

     

                แต่จะทำยังไงได้ สำหรับเค้าป่วยกายยังดีกว่าป่วยใจ

     

                และวันนี้ก็ยังเป็นเหมือนหลายวันที่ผ่านมา ไม่มีการตอบกลับใดๆทั้งสิ้น

     

                มือบางวางหนังสือลงบนชั้นอย่างเหนื่อยอ่อน

     

     

     

                และก็มาถึงวันที่เจ็ด วันนี้ที่ฮยอคแจไม่สามารถจะมาที่ร้านได้ เนื่องจากว่าพิษฝนทำร้ายนั่นล่ะ! มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้มา นอนซมไข้อยู่ที่บ้าน

     

                ส่วนซีวอนที่พอเหยียบถึงตึกคณะลงจากรถบัสแล้ว ก็ตรงเข้าไปเช็คชื่อและวิ่งออกมาที่ร้านกาแฟทันที

     

                ส่วนพวกสัมภาระนั้นยกให้เพื่อนสนิทยืนเฝ้าให้ไว้ก่อน

     

                ซีวอนวิ่งมาตัวเปล่า ไม่ได้คว้ากระเป๋าตามมาเลยสักใบ

     

                แอ๊ดดด ร่างสูงหอบเล็กน้อยเมื่อวิ่งมาถึงที่ร้านแล้ว

     

                อ้าว หายไปหลายวันเลยนะ ผู้จัดการของร้านทักพอเป็นพิธี

     

                ครับ ขอเหมือนเดิมนะครับ ซีวอนพูดแล้วเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นทันที

     

                ร่างสูงขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่ออ่านประโยคที่ใครสักคนทิ้งมันเอาไว้ให้

     

     

              ผมอยากมีคนกางร่มให้เวลาฝนตกจังเลย

     

     

            เค้าก็ไปตั้งหลายวันนี่นา ทำไมถึงได้เขียนเพียงแค่นี้ล่ะ

     

                ซีวอนล้วงกระเป๋ากางเกงจะหยิบปากกาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองนั้นหยิบใส่กระเป๋าใหญ่ไป

    เรียนร้อยแล้ว

                โธ่เว้ย!” ซีวอนสบถเบาๆ

     

                ก่อนจะมองหาปากกาแท่งเดียวรอบร้าน

     

                คุณลุงครับๆ ทนไม่ไหวก็เรียกผจก.ร้านซะนั่น

     

                อะไรๆ เรียกซะลั่นร้านเลย

     

                มีปากกาสักแท่งมั้ยครับ? ร่างสูงถามอย่างร้อนใจ

     

                เอ.....ไม่มีเลยแฮะ ซาบยอลทำสีหน้าผิด

     

                แต่ซีวอนกลับหนักยิ่งกว่าเมื่อโทรศัพท์มือถือดังขึ้นและเค้ากดรับมัน

     

                อะไร ซีวอนกรอกเสียงลงไปอย่างไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก

     

                แกหายไปไหนเนี่ย เค้าจะให้ขึ้นไปสรุปงานด้วยนะ แกลืมแล้วรึไง เสียงที่ปลายสายตอบ

    กลับมา ทำเอาซีวอนต้องกรอกตาไปมาอย่างเหนื่อยอ่อน

     

                เออๆ รู้แล้วๆ ซีวอนว่าแล้วก็ตัดสายทิ้ง ก่อนจะตัดจางหนังสือลงที่เดิม

     

                เดี๋ยวค่อยมาเขียนก็ได้

     

                แต่จนแล้วจนรอด ร่างสูงก็ไม่ได้กลับมาอีกครั้งในคืนนั้น เพราะว่ากว่าจะสรุปงานจน

    แยกกันนั้นก็เกือบห้าทุ่มแล้ว

     

                ร่างสูงได้แต่เฝ้าโมโหอยู่แบบนั้นแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

     

     

     

    난 약속해요
    ผมสัญญา
    우리 손을 꼭 걸어요

    มือของเราจะจับกันไว้ตลอดไป
    행복한 기분이죠
    เป็นเหมือนความสุขอย่างหนึ่ง
    눈부신 운명이죠

    เป็นเหมือนอนาคตที่ซ้อนไว้
    사랑의 향기에 취해보아요

    มาออกจากวงเวียนกลิ่นอายรักเถอะ
    영원히
    ตลอดไป....

     

                สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือการที่ซีวอนไม่สามารถแวะที่ไปร้านกาแฟแห่งนั้นได้อีกเลยตั้งแต่กลับมาจากชิลลา

     

                เนื่องจากว่าเค้าจะต้องเข้าไปส่วนหนึ่งของการวิจัยตัวยาบางอย่าง ซึ่งเป็นตัวสอบส่วนสำคัญ

     

                เวลาการเรียนจึงเพิ่มขึ้นเป็นภาคเช้าจรดภาคดึก

     

                แต่เห็นตารางเรียนก็ท้อแล้ว

     

                มาเห็นตารางชีวิตกลับท้อยิ่งกว่า!

     

     

     

                ทางด้านฮยอคแจถ้าวันไหนที่ฝนตก เจ้าตัวก็จะไม่ยอมไปที่ร้านนั่นอีกเลย

     

                ราวกลับกลัวว่าถ้าหากไปแล้วจะต้องพบกับความว่างเปล่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้

     

                แต่ช่วงเวลาที่ไม่ได้ไป ไม่ได้เขียนอะไรลงในหนังสือเล่มนั้นแล้ว มันยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ได้

    รู้ว่า เค้ารักบุคคลปริศนานั้นมากแค่ไหน

            และวันนี้ก็เป็นวันที่ร่างบางทนต่อความคิดถึงไม่ได้อีกแล้ว

     

                และก็เป็นอีกวันที่เลิกช้ากว่าปกติ ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาที่เลยสี่โมงเย็น

    มาแล้ว

     

                ฝนตกลงมาปรอยๆอีกแล้ว แต่ฮยอคแจกลับรู้สึกว่าวันนี้อยากจะไปที่นั่นอีกเหลือเกิน

     

                ขาเรียวเดินไปตามทางเรื่อยๆ แข่งกับสายฝนที่พากันกระหน่ำตกลงมา

     

                แต่เมื่อไปถึงที่ร้านก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าผู้จัดการคิมหรือคุณลุงซาบยอลกำลังเก็บของต่างๆลงกล่องลัง!

     

                นี่คุณลุงกำลังทำอะไรครับ!” ฮยอคแจร้องอย่างตกใจ

     

                อ้าว มาแล้วหรอ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว คุณลุงท่านยังคงยิ้มอย่างใจดีเหมือนเดิม

     

                นี่มันอะไรกันครับ ฮยอคแจชี้ไปยังกล่องลังที่วางอยู่มากมาย

     

                ลุงจะกลับไปอยู่ต่างจังหวัดกับลูกของลุงน่ะ เค้าขอร้องกันมานานแล้ว ตอนนี้ลุงว่ามันก็

    ถึงเวลาแล้วล่ะ

     

                เอ่อ....หรอครับ ฮยอคแจมองหาหนังสือเล่มนั้น

     

                ใช่แล้วล่ะ ต่อไปนี้คงเหงาแย่นะ ไม่มีฮยอคแจมาร้องขอซื้อกาแฟอีกแล้ว

     

                เอ่อ...ครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมาขอบคุณมากนะครับ ฮยอคแจพูดอย่างจริงใจ

     

                ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆอีกครั้ง

     

                ถ้าหนังสือที่เรามาอ่านประจำทุกวันน่ะลุงวางไว้ให้บนเคาท์เตอร์แล้วล่ะ คุณลุงพูดขึ้นลอยๆ

     

                เอ่อ........... ฮยอคแจเงียบ

     

                ไปหยิบซะสิ มันมีค่าสำหรับเธอมากไม่ใช่หรือไง

     

                ขอบคุณครับ ฮยอคแจโค้งขอบคุณอีกครั้ง

     

                คุณลุงครับ รักษาสุภาพด้วยนะครับ ถ้ามีโอกาสเราจะต้องได้พบกันอีกแน่นอนครับ ฮยอคแจยังคงทิ้งเพียงรอยยิ้มอันสดใสไว้เป็นของที่ระลึกเท่านั้น

     

                อ๊า!” ร่างบางร้องขึ้นเมื่อออกมายืนหน้าร้านแล้วก็พบว่าฝนได้กระหน่ำตกลงมาหนักกว่าเดิมเสียอีก

     

                จะต้องติดแหง็กอยู่ตรงนานแค่ไหนเนี่ย

     

                ก่อนจะก้มลงมองหนังสือที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง

     

                แล้วต่อไปนี้...เค้ากับคนๆนั้นยังจะมีโอกาสได้คุยกันอีกมั้ย?

     

                ว่าแล้วก็กอดหนังสือเล่มนี้เอาไว้ให้แน่นๆ

     

     

     

                พระเจ้าครับ ถ้าเกิดว่าการที่ผมกับเค้าได้มารู้จักกันมันไม่ใช่แค่เรื่องของความบังเอิญแต่

    เป็นพรหมลิขิตจริงๆ ช่วยให้ผมได้พบเค้าด้วยเถอะนะครับ

     

     

                ซีวอนขับรถฝ่าฝนออกมาจากมหาวิทยาลัยด้วยใจที่มีความสุข เพราะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เค้าจะต้องอยู่ร่วมงานบ้าบออะไรนั่น

     

                ในที่สุดช่วงเวลาที่เหมือนกับอยู่ในนรกนั่นก็จบลงซะที

     

                ถึงแม้ว่าในจะตกลงมาหนักแค่ไหน แต่ภายในใจของร่างสูงตอนนี้ก็มีเพียงว่าจะต้องไปร้าน

    กาแฟแห่งนั้นให้ได้

     

                ซีวอนจดรอดไว้ที่ริมฟุตบาท ก่อนจะมองไปยังที่หน้าร้าน

     

     

                ...ใครสักคน...

     

                หัวใจของร่างสูงเริ่มเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นี่มันคือเรื่องจริงใช่มั้ย? เค้ากำลังจะได้เจอใครคนนั้นใช่มั้ย

     

                ซีวอนต้องตกใจหนักขึ้นไปมากกว่าเดิม เมื่อมองแล้วพบว่าคนที่กำลังกอดหนังสือเล่มสำคัญเอาไว้แน่น จะเป็นคนที่เค้าไม่สามารถลบใบหน้าออกไปจากหัวใจได้เลย

     

                พระเจ้าครับ ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะลองพนันกับท่าน

     

                มันคงจะไม่บาปมากนักหรอกใช่มั้ย?

     

                ถ้าผมลองทักเค้าด้วยประโยคนึงแล้ว ถ้านี่เป็นเรื่องของพรหมลิขิตจริงๆ ไม่ใช่แค่ความบังเอิญ

     

                พระองค์ช่วยบอกให้เค้าตอบรับผมด้วยนะครับ

     

                ซีวอนยิ้มหมายมั่น แล้วเดินลงไปจากรถ

     

     

     

                ฮยอคแจยังคงเหม่อมองสายฝนไปเรื่อย

     

                ไหนนายบอกว่าฟ้าหลังในจะสวยยังไงล่ะ... ฮยอคแจพูดกับตัวเองเบาๆ

     

     

              ต้องการคนกางร่มให้สักคนมั้ย?

     

     

                เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำเอาฮยอคแจจะต้องรีบหันไปมอง

     

                นาย...? ฮยอคแจทวนคำอย่างสงสัย

     

                ขอหนังสือเล่มนั้นให้ชั้นได้มั้ย? ซีวอนยังคงพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

     

                ทะ...ทำไม? ฮยอคแจเริ่มเสียงสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่สมองเริ่มประมวลผลแล้วว่า

    คนตรงหน้านี้อาจจะเป็น...          

     

                พอดีว่าชั้นจะต้องเขียนตอบใครบางคนน่ะ

     

                คนๆนั้นที่เค้ารอ!!!

     

                นาย....... ฮยอคแจรู้สึกว่ากว่าจะเปล่งเสียงออกมาจากลำคอได้นั้นมันช่างยากเย็น

    เหลือเกิน

     

                ว่ายังไงล่ะ คำตอบน่ะ? ซีวอนยิ้มบางๆ

     

                ฮยอคแจสูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง

     

     

                ต้องการมากถึงมากที่สุดเลยครับ

     

     

                ปิดท้ายด้วยการยิ้มแฉ่งอีกสักรอบให้คนมองได้ใจระทวยเล่น

     

                ว้า แย่จัง ชั้นไม่ได้เอาร่มมาซะด้วย ซีวอนร้องอย่างเสียดาย

     

                ก่อนจะถอดเสื้อโค้ทของเองออกมากางให้กว้าง

     

                แต่ถ้านายไม่รังเกียจชั้นเอารถมา จะไปด้วยกันมั้ยล่ะ?

     

                ฮยอคแจขมวดคิ้วและอมยิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย

     

                ไม่รังเกียจ

     

                ร่างบางกล่าวแค่นั้นและก้าวเข้าไปยืนอยู่ใต้เสื้อโค้ทร่วมกับซีวอน ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันวิ่ง

    ผ่าสายฝนไปยังที่รถ

     

                ...ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม...

     

     

     

                รู้สึกอะไรไหม? พวกเค้าทั้งสองคนยังไม่มีฝ่ายไหนที่พูดคำว่ารักออกมา

     

                ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?

     

                ก็เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาคงจะเป็นเครื่องแสดงออกที่ชัดเจนแล้วล่ะว่ารักอีกฝ่ายมากแค่

    ไหน

     

                ห่วงมากแค่ไหน

     

                แคร์มากแค่ไหน

     

                ฟ้าหลังฝนคราวนี้คงจะเป็นท้องฟ้าที่มีสีสวยแลละงดงามมากที่สุดเท่าที่ชเว ซีวอนจะเคยเห็น

     

                เวลาที่ฝนตกต่อไปนี้ คงจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ลี ฮยอคแจจะรู้สึกไม่ชอบอีกแล้ว

     

                ถ้าเกิดว่าหนังสือ ความรักที่แท้จริงนั่นอยู่ที่ไหน? มันสามารถพูดได้

     

                มันก็คงจะบอกแก่ทั้งคู่ว่า

     

                เราอยู่ที่ตรงนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว เธอทั้งสองเป็นฝ่ายเดินมาหาเรา และสุดท้ายก็เป็นเธอทั้งสองนั้นล่ะที่พาเรากลับไปด้วยกัน อยู่ที่พวกเธอทั้งสองคนแล้วว่าจะสามารถดูแลเราได้ดีขนาดไหน

     

                สายฝนที่เริ่มซาลง แสงแดดที่ค่อยๆจืดจางลงเพราะกลางคืนกำลังจะเข้ามาแทนที่

     

                ยังมีบุคคลอีกสองชีวิตที่จ้องมองท้องฟ้ายามที่ฝนเพิ่งจะหยุดตก

     

                ...ทั้งๆที่ทั้งสองมือยังคงเกาะกุมกันแน่น...

     

                ...ด้วยความรัก จากหัวใจ...

     

     

     

    오로지 난 그대만을 사랑합니다
    ผมรักคุณ และรักคุณคนเดียว... 


    *******************************************************

    และแล้ว มันก็จบ = " =

    5555 อยากให้เศร้าแต่มันก็ไม่เศร้า >o<!

    ฤดูหน้า สุดท้าย แล้วน้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×