ตอนที่ 6 : ลอกบอก : ย ก ที่ สี่
LOVE again
BREAK again
- ยกที่สี่ -
“ยงนัมมมมมม กินมะเขือเทศให้หน่อย” ยงกุกพูดก่อนจะเขี่ยสิ่งที่ว่าใส่จานของพี่ชายฝาแฝด
ตอนนี้สองฝาแฝดตระกูลบังและฮิมชานพร้อมด้วยน้องรหัสปีหนึ่งของฮิมชานมานั่งร่วมโต๊ะกันอยู่ ณ ที่ร้านเสต๊กแห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัย
“แดกเองดิ ของกูก็มีเต็มจานแล้วเนี่ย” ยงนัมเขี่ยกลับคืน
ยงกุกหันไปหวังพึ่งเพื่อนสนิทตัวเองทันที “ไอ้ฮิม....”
“เขี่ยมา เดี๋ยวกูแดกให้” คิมฮิมชานไม่อยากจะฟังไอ้สองแฝดนี่มันง้องอนกันอีกแล้วครับ ปวดหัว “มึงไม่เกรงใจน้องรหัสกูบ้างเลย”
“ไม่เป็นไรครับ น่ารักดี” เด็กปีหนึ่งคนที่ว่ายิ้มจนตาปิด
“เออ” เหมือนยงกุกจะเริ่มรู้สึกตัว “ชื่ออะไรนะเนี่ย”
“มึงฟังเวลาคนอื่นเขาพูดบ้างมั้ยเนี่ย น้องชื่อจงออบเว้ย มุนจงออบ” ฮิมชานแทบจะเอามีดหั่นเสต๊กทิ่มตาเพื่อนสมัยเด็ก
“อ้อๆ บอกเลยนะว่านายซวยแล้วมามีไอ้เหยินนี่เป็นพี่รหัส”
“อ้าว ไมมึงพูดงี้วะ มึงเอาไปแดกเองเลย มะเขือเทศเนี่ย” ฮิมชานแยกเขี้ยว
จงออบหัวเราะเบาๆ “พวกพี่นี่สนิทกันจังเลยนะครับ”
“ก็ไม่ได้อยากสนิทหรอกนะทำไงได้ พ่อแม่สนิทกันมาก่อนตั้งแต่พวกฉันจะเกิดซะอีก” ฮิมชานเล่า “โตก็โตมาด้วยกัน เรียนก็เรียนที่เดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลยันมหาลัยแบบนี้ เกินคำว่าเบื่อขี้หน้ามาแล้วล่ะ”
“ดีจังนะครับ ผมต้องย้ายที่เรียนบ่อยก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทเลย” จงออบยิ้มไม่หยุด
“ยิ้มแล้วน่ารักนะเนี่ย” ยงกุกอดยิ้มตามไม่ได้
ฮิมชานยื่นเท้าไปเหยียบเท้าเพื่อนใต้โต๊ะแรงๆ “มึงอย่ามายุ่งกับน้องรหัสกูนะเว้ย”
“ทำไม หรือมึงจะเก็บไว้ยุ่งเอง” ยงกุกเถียงกลับ
“ไอ้ยงกุก” ฮิมชานหน้าตาตื่นเหมือนคนถูกจับได้
“คนมองกันทั้งร้านแล้วพวกมึงจะอายได้รึยัง” ยงนัมขัดขึ้น “รีบแดกของมึงให้หมดเลยยงกุก กูจะไม่ซื้อตุ๊กตาให้มึงแล้วนะ” คนเป็นพี่เสียงเครียด
“ทำไมอะ มึงสัญญากับกูแล้วนะเว้ย” คนเป็นน้องก็โวยวายไม่เกรงใจใบหน้าตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“ว้าย สมน้ำหน้า อดซะ..” ฮิมชานหัวเราะเกทับ
“มึงแม่ง!!” ยงกุกหน้าง้ำงอทันที รีบยัดเสต๊กเข้าปากคำโตๆ
“เออ...” ยงนัมรับคำในคอแล้วจึงกินส่วนของตัวเองบ้าง
ฮิมชานเหลือบมองสองแฝดตรงหน้าแล้วก็ขำ “งานเข้าอีกแล้วไง เรารีบกินแล้วแยกๆกับพวกมันเถอะจงออบ”
เด็กปีหนึ่งคนเดียวของโต๊ะหัวเราะเล็กน้อยแล้วจึงรีบลงมือกินตามคำสั่ง
“ไปนะมึง เดี๋ยวกูพาจงออบไปซื้อของก่อน เจอกันที่บ้าน ไอ้ยงกุกเดี๋ยวกูจะเอาหนังสือไปให้มึงดูนะ” ฮิมชานพูดขึ้นหลังจากจ่ายเงินค่าอาหารเสร็จแล้ว
“เออๆ มึงจะมาตอนไหนก็มา” ยงกุกยังหงุดหงิดกับแฝดตัวเองอยู่ หันไปยิ้มให้จงออบเล็กน้อยแล้วเดินตัวปลิวไปเลย
“ไปมึง ไปง้อมัน” ฮิมชานตบบ่ายงนัม “น้องมึงนี่แม่งตุ๊ดขึ้นไปทุกวันๆ”
ยงนัมยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วจึงเดินแยกกับฮิมชานและจงออบตามมาหาใครบางคนที่มาหยุดอยู่หน้าร้านตุ๊กตาเจ้าประจำแล้วจนได้
“ไหนมึงบอกมีตัวใหม่เข้ามาไง”
“กูให้เขาเก็บไว้ให้แล้ว”
“งั้นก็ไปซื้อดิ ไปจ่ายเงินแล้วเอาตุ๊กตามาให้กู”
“กูบอกว่าจะไม่ซื้อให้มึงแล้วไง” ยงนัมเลิกคิ้ว
“ไอ้ยงนัม”
“อะไร”
“ไอ้พี่เชี่ย...”
“เดี๋ยวกูจะตบปากมึง” ยงนัมดุ
ยงกุกหน้างอซะยิ่งกว่าเดิม “ทำไม่ได้แล้วจะสัญญาทำห่าอะไร ไอ้พวกชอบให้ความหวังคนอื่น มึงไปไกลๆเลย เดี๋ยวกูซื้อเองก็ได้ ไอ้ควาย”
“มึงจะงอแงทำเหี้ยไรเนี่ย เรื่องแค่นี้เอง” ยงนัมเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ขำอีกต่อไปแล้ว
เดี๋ยวคงได้ทะเลาะกันหน้าไอ้ร้านตุ๊กตาสุดแสนจะมุ้งมิ้งนี่แล้วล่ะ
“กูเกลียดมึง”
“เออ เกลียดไปเลย”
“ง้อกูเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ไม่ง้อ” ยงนัมสวนกลับทันที “แล้วถ้ามึงจะฟ้องแม่มึงก็ไปฟ้องเลย”
“ฮึ่ย!!!” ยงกุกกำมือแน่นเหมือนเด็กถูกขัดใจ “กูโกรธมึงจริงๆแล้วนะ”
“โกรธเลย กูก็โกรธมึงเหมือนกัน”
ยงกุกจ้องตาพี่ชายไม่กี่นาทีของตัวเองที่สูงกว่าห้าเซ็นราวกับต้องการจะเอาชนะทางสายตา “กูจะเอาหนังสือนิยายมึงไปเผา” หมายถึงนิยายภาษาเยอรมันสุดรักสุดหวงของยงนัมนั่นล่ะนะ
“กูก็จะเอาทิกเกอร์ทุกคอลเลกชั่นของมึงไปทำปุ๋ยเหมือนกัน”
“เออ! ได้! มึงไม่ต้องมาคุยกับกูเลยนะ อยากทำเหี้ยไรก็ทำไปเลย” ยงกุกซัดอกคนตรงหน้าไปทีนึง แล้วเดินตรงออกไปเพื่อที่จะกลับบ้านทันที
“เฮ้อ..” ยงนัมถอนหายใจหนักๆ “กูต้องเป็นฝ่ายง้ออีกแล้วสินะ”
แฝดพี่เดินหายกลับเข้าไปในร้านพักใหญ่ๆก็เดินออกมาพร้อมกับถุงใส่ตุ๊กตาทิกเกอร์ที่เพิ่งเปิดตัวในวันนี้จนได้
“ยงกุก...” ยงนัมสาวเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะเดินให้ทันอีกฝ่าย
เจ้าของชื่อก้มหน้าก้มตาเดินไม่สนเสียงเรียกของใครทั้งสิ้น
“ไอ้ยงกุก จะเอามั้ยตุ๊กตาเนี่ย” ยงนัมเดินทันแล้วจึงยื่นถุงไปให้คนข้างๆ
ยงกุกยังไม่สนใจอยู่ดี “ไม่เอาแล้ว”
“โอเค กูขอโทษรอบนี้ ตกลงมั้ย” เอื้อมมือไปโอบรอบคอแฝดน้องตัวเองเอาไว้ “ยงกุก...พี่ขอโทษ หายงอนนะ”
“ไม่...ได้งอนนะเว้ย โกรธเหอะ”
“ได้ หายโกรธเถอะนะ พี่ผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่แกล้งแบบนี้อีกแล้ว”
ยงกุกหยุดเดินเมื่อถึงหน้าบ้านแล้ว ร้านอาหารซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวเขาก็ยังคงคึกคักเหมือนทุกวัน
มือเรียวเอื้อมไปกระชากถุงจากมือของยงนัมมาถือเอาไว้ซะเอง “จะรับไว้แล้วถือว่าเป็นของขวัญขอโทษละกันนะ”
ยงนัมพ่นเสียงหัวเราะพลางขยี้ผมอีกคนแรงๆ “ดีใจก็พูดมาไอ้ตุ๊ดเด็ก”
“ใครตุ๊ดวะ!!!” ยงกุกวิ่งไล่ถีบพี่ชายตัวเอง พลางวิ่งขึ้นตึกกันไปห้องพักข้างบน
“ยงนัม ยงกุก อย่าวิ่ง!!!” ได้ยินเสียงแม่ออกจากครัวของร้านมาตะโกนด่าพวกเขา
“แม่!! นัมมันหาว่ากุกเป็นตุ๊ด แม่มาตีมันให้หน่อย!”
ยองแจเก็บของเข้าตู้เย็นจนเสร็จแล้ว ความจริงเรียกว่าล้างตู้เย็นขัดทำความสะอาดแทบทุกซอกทุกมุมเลยซะมากกว่า ขยะเก่าๆก็เอามาทิ้งหมดแล้วด้วย มันก็ยังเสร็จก่อนหกโมงเย็นอยู่ดี
ฆ่าเวลาด้วยการโทรกลับไปคุยกับแม่ อธิบายคร่าวๆว่าชีวิตที่เมืองหลวงนี่เป็นยังไงบ้างให้ท่านพอคลายกังวล พร้อมรับปากว่าจะรีบกลับบ้านแน่ๆเมื่อมีเวลา
ก็ไม่ได้รออะไรหรอกนะ เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนที่ตรงต่อเวลาก็เท่านั้นเอง พอเข็มยาวชี้เลขสิบสอง บอกเวลาหกโมงเย็นเป๊ะ เขาก็มายืนอยู่ที่หน้าร้านขายไก่ทอดใต้หอพักนี่แล้ว
“จะเข้าไปข้างในดีมั้ยเนี่ย” ยองแจพูดกับตัวเองเบาๆ
ถึงแดฮยอนจะบอกให้เขาเข้าไปรอก็ได้เถอะนะ แต่ไหนๆอีกฝ่ายก็จะเลิกกะทำงานแล้วนี่นา รออยู่ข้างนอกนี่ก็ได้มั้ง
“ยองแจ!” เสียงร้องเรียกใกล้ๆทำให้เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้ง “ยูยองแจใช่มั้ยเนี่ย”
“ชอน..จี....” ยองแจหรี่ตามองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วเรียกชื่อออกมา
“นึกว่าจะลืมกันซะแล้ว” ชอนจีดับมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่งออกไปส่งไก่ทอดให้ลูกค้ามาแล้วพุ่งตรงมาหายองแจทันที “ไปยังไงมายังไงถึงมาอยู่ที่นี่ได้เนี่ย”
“เอ่อ...” เรื่องมันยาวจนไม่อยากเล่าเลยแฮะ
ชอนจีหันซ้ายหันขวา “เจอกับไอ้แดฮยอนมันรึยังล่ะ หรือว่าไม่อยากเจอ”
“เจอแล้ว อยู่ห้องเดียวกันข้างบนเนี่ย” ยองแจทำหน้าเบื่อโลก
“ห๊ะ....” ชอนจีที่ปกติตาก็โตอยู่แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนตาจะถลนออกจากเบ้ามาซะมากกว่า “ยาวครับยาว....งานนี้มีเรื่องให้คุยกันยาว เข้ามาในร้านก่อนดิ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไร ฉันแค่....”
“มาเถอะ ไอ้แดฮยอนมันไม่อยู่ร้านหรอกตอนนี้” ชอนจีดันหลังเพื่อนเก่าสมัยมัธยมให้เดินเข้ามาในร้านด้วย ยองแจแม้จะไม่เต็มใจแต่ก็มาโผล่ที่หลังร้านแล้วจนได้
“พาใครมาด้วยวะมึงไอ้ชอนจี แฟนมึงหรอ ซุ่มนะมึง”ยูนกิที่กำลังนับจำนวนสต๊อคเนื้อไก่อยู่หันมาทัก
“นี่มัน.....” ดงกึนมองหน้ายองแจสักพักคล้ายว่าเคยเจอที่ไหน “คนในรูปที่ไอ้แดฮยอนเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์นี่หว่า”
ยองแจชะงักไปนิดหน่อยกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ
“อะแฮ่ม” ชอนจีกระแอมเรียกบรรยากาศผ่อนคลาย “นี่คือยูยองแจเว้ย เพื่อนกูตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายที่ปูซาน”
“ยูยองแจ...เมียเก่าไอ้แดฮยอนอะนะ...โอ๊ย!!!” ยูนกิร้องเพราะโดนดงกึนเขกหัวเข้าเต็มแรง “เอ่อ ขอโทษๆๆๆ....”
“ไม่เป็นไร” ยองแจพูดสั้นๆ “นี่รู้เรื่องกันหมดเลยหรอ”
“อย่าไปถือสาไอ้ยูนกิมันเลยนะยองแจ มันก็ปากเสียแบบนี้ล่ะ เอ้านี่ นั่งๆๆ” ชอนจีจัดแจงเก้าอี้ให้อีกฝ่ายนั่งพลางจัดไก่ทอดใส่จานแยกมาให้ด้วย “กินเลยๆ กินฟรีไม่มีคิดตังค์”
“เอ่อ ขอบใจ” ยองแจพยักหน้างงๆ เหมือนพนักงานร้านนี้จะไม่เต็มกันเลยสักคน
“พวกนายชื่อดงกึน....” ยองแจชี้ไปยังผู้ชายที่สำเนียงการพูดแปร่งๆนิดหน่อย จากนั้นจึงชี้ไปที่อีกคน “ส่วนนายคือยูนกิใช่มั้ย ฉันจะจำไว้”
ยูนกิลากเก้าอี้มานั่งข้างๆยองแจ “ตอนนี้ไอ้แดฮยอนมันไปส่งของให้ลูกค้าล่ะ...”
“ไหนมันว่าวันนี้ไม่ใช่กะส่งของรอบของมันไง” ยองแจเผลอถามออกมา
“รู้ได้ไงเนี่ย”ดงกึนพับกล่องไว้เตรียมแพคไก่ทอดเสร็จหันมามองอย่างสงสัย
ยองแจเลี่ยงคำตอบนั้นโดยการก้มหน้ากินไก่ทอดแทน ชอนจีจึงเป็นคนเฉลยเสียเอง “ยองแจพักอยู่ห้องเดียวกับไอ้แดฮยอนข้างบนเนี่ย”
“จริงดิ!!!” อีกสองคนประสานเสียงขึ้นมา “โคตรซวย!!!”
“อือ ซวยจริง” ยองแจพยักหน้า “ห้องที่จองไว้มีปัญหานิดหน่อย เลยถูกจับมาอยู่ร่วมกับห้องมันไปก่อนเทอมนึง”
“ฉันได้ข่าวว่านายสอบติดมหาลัยตั้งแต่ก่อนเราจบแล้วนี่...” ชอนจีขมวดคิ้ว
“ฉันซิ่วมาเรียนปีหนึ่งใหม่” ยองแจตอบ
“ไม่เอา ไม่คุยเรื่องเรียนดิ ไม่เห็นน่าสนใจ” ยูนกิร้องโวยวาย “มาคุยเรื่องไอ้แดฮยอนกัน” ทำหน้าทะเล้นแถม
ยองแจหรี่ตา “ฉันไม่มีอะไรจะพูดถึงมันหรอกนะ”
“โห้ย! เยอะแยะเลยเถอะ แต่ถ้านายไม่อยากพูด งั้นฟังจากพวกเราแทนมั้ยล่ะ”
“ฟังอะไร” ยองแจงง
“ก็ฟังเราเล่าว่าไอ้แดฮยอนมันยังคิดถึงนายแค่ไหนยังไงล่ะ” ยูนกิหัวเราะร่า
ดงกึนต้องเขกหัวรูมเมทของตัวเองอีกรอบ “ไม่ใช่เรื่องของมึงน่าไอ้ยูนกิ เดี๋ยวไอ้แดฮยอนก็เตะปากมึงแตกเอาหรอก”
ยองแจเอียงคอ “ชักอยากฟังแล้วสิ เล่ามาๆ”
“เห็นมั้ย! ยองแจอยากรู้ งั้นกูก็ต้องเล่าสิ” ถลกแขนเสื้อเตรียมเล่าอย่างเมามัน “ไอ้แดฮยอนอะนะ มันชอบโวยวายกลบเกลื่อนตลอดเลยเวลาที่พวกเราล้อมันว่ามันยังลืมนายไม่ได้น่ะ”
“งั้นหรอ..” ยองแจทำน้ำเสียงไม่สนใจแต่ความจริงแล้วในใจลึกๆกลับเต้นระรัวเลยล่ะ
บ้าน่า! คนเจ้าชู้อย่างไอ้แดฮยอนเนี่ยนะ จะยังลืมเขาไม่ได้
ฝันไปเถอะ!
“พอแล้วไอ้ยูนกิ” ชอนจีที่ถึงยังไงก็ยังเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของแดฮยอนอยู่ดีต้องปราม “มึงพูดมากเกินไปแล้วนะ”
“โหย อะไรวะ” เหมือนเด็กน้อยที่โดนบรรดาพี่ชายตำหนิ
“ไม่เป็นไร แค่นี้ก็พอแล้ว ขอบใจนะ” ยองแจยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างจริงใจ
เสียงประตูร้านเปิดขึ้นอีกรอบพร้อมแดฮยอนที่รีบวิ่งพุ่งเข้ามา “เฮ้ยพวกมึงๆ กูไปแล้วนะ กู.....รีบ....อ้าวมึง” แดฮยอนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเงิบเมื่อเห็นยองแจนั่งแทะไก่ทอดอยู่สบายใจเฉิบ “กูไม่เห็นมึงหน้าร้านขึ้นไปเปลี่ยนชุดบนห้องก็ไม่เจอ นึกว่ามึงไปซุปเปอร์มาเก็ตคนเดียวแล้วนะเนี่ย
ยองแจตีหน้ามึน “กูไปคนเดียวแล้วใครจะช่วยกูหารล่ะ”
“ฮิ้วววววววว!!!” เสียงลูกคู่อีกสามคนประสานกันขึ้น
“ฮิ้วหาพ่อมึงหรอ” แดฮยอนขัดฟีลทันที
ชอนจีศอกเพื่อนที่เอวเบาๆ “บ่เห็นมึงบอกกูเล่ยว่าบักยองแจมาอยู่ฮ่วมฮ่องกับมึง”
“อีหลีเบาะ กูคึดว่ากูบอกมึงแล้วเด้ล่ะ” นี่ก็ตีมึน
“บักซั่วซ่าเอ้ย คึดสิปิดกูแมนบ่ มึงปิดกูบ่ได้ดอกหมู่เอ้ยย กูกับมึงนี่เป็นหมู่กันมาน่าน อย่าคึดว่ากูบ่ฮู้ใจมึงเด๊” ประโยคหลังๆนี่ชอนจีเลือกกระซิบเบาๆกับแดฮยอนแทน
“ขอบใจที่เลี้ยงฉันนะ” ยองแจเช็ดปากแล้วเดินไปล้างมือที่อ่างล้าง ดงกึนจึงเนียนๆเดินเข้ามาหาแดฮยอนทันที “น่ารักว่ะ”กระซิบเบาๆ
“อะไรน่ารัก” แดฮยอนหนวดกระตุกทันทีที่มองตามสายตาของดงกึนแล้วจึงรู้ว่ามันหยุดอยู่ที่ยองแจ
“ยองแจไง มึงนอกใจเขาลงได้ไงวะ น่ารักขนาดนั้น ไม่ต้องทำอะไร แค่อยู่เฉยๆก็น่ารักแล้ว”
“เช็ดน้ำลายหน่อยมั้ยมึง เอาตีนกูเช็ดมั้ยครับ”
“หึงหยอ หวงหยอ...” ยูนกิโผล่หน้าเข้ามทะเล้นใส่ทันที
“ฟวย” แดฮยอนด่าสั้นๆ
“ไปๆมึง จะไปซื้อของกันใช่มั้ย รีบไปเถอะ” ชอนจีโบกมือไล่พร้อมล็อกคอเพื่อนร่วมงานอีกสองคนไว้ไม่ให้ตามไปป่วนทั้งคู่อีก
“ไว้เจอกันนะ” ยองแจส่ายหัวให้กับอาการพิลึกๆของคนทั้งหมด
“เอ้า! ใส่ซะ” แดฮยอนโยนหมวกกันน็อกใบสีแดงขาวให้ยองแจ
ยองแจมองหมวกกันน็อกในมือตัวเองที่ด้านข้างเพ้นท์เป็นลายมิกกี้เม้าส์อยู่ก็เหลือบมองอีกคนที่สวมหมวกกันน๊อกสีดำสนิทสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์รออยู่ก่อนแล้ว “มึงไปซื้อมาตอนไหน”
“ขากลับเมื่อกี๊เห็นเขาวางขายมือสองอยู่ก็เลยซื้อมา” แดฮยอนเบนหน้าไปอีกทาง
“ของมือสองทำไมดูใหม่จัง เงาวับเลย”
“มึงคิดว่าคนขายเขาจะไม่ทำความสะอาดเลยรึไงล่ะ สงสัยอะไรนักหนา ขึ้นมา!” แดฮยอนเสียงเข้มขึ้น
จะให้บอกได้ไงล่ะว่าแวะไปซื้อใบใหม่มาให้
เสียฟอร์มคนหล่อหมด!
“เออๆ ถามแค่นี้ไม่เห็นจะต้องขึ้นเสียงเลยนี่หว่า เป็นอะไรของมึงเนี่ย” ยองแจหน้ามุ่ย สวมหมวกกันน็อกแล้วจึงขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายแดฮยอน
ระหว่างเดินทางแดฮยอนก็พยายามคิดหัวข้ออะไรสักอย่างขึ้นมาเพื่อที่จะได้ชวนอีกฝ่ายคุย “มึงคิดไว้รึยังว่าจะซื้ออะไรบ้าง”
“ก็เขียนๆไว้แล้วนะ พวกของใช้ ของกิน ของจำเป็น ตอนนี้ตู้เย็นก็แทบไม่เหลืออะไรแล้วกูลิสต์ไว้สิบกว่าอย่างแล้วอะ”
แดฮยอนขำนิดๆ “มึงนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ ชอบวางแผนทุกอย่างล่วงหน้าเสมอ”
“จะให้ใช้ชีวิตไม่มีแก่นสารไปวันๆแบบมึงรึไง”
“เอ้า! ไอ้นี่เว้ย วกมาด่ากูซะงั้น” แดฮยอนจงใจบิดคั่นเร่งให้ไวขึ้น
“ไอ้เหี้ย! มันอันตรายนะ อย่าขับเร็ว กูไม่ชอบ” ยองแจทุบไหล่คนขับไปหนึ่งที
“กลัวก็กอดเอวกูไว้ดิ”
ยองแจเม้มปากแน่น เบนหน้าไปมองข้างทาง “พูดเหี้ยอะไรชวนอ้วก”
แดฮยอนพยักหน้ารับเบาๆ แต่ก็ไม่ต่อปากต่อคำอะไรกับอีกฝ่ายให้มันเสียบรรยากาศเพิ่ม ขับรถไปเรื่อยๆจนมาถึงซุปเปอร์มาเก็ตจนได้
“กูมีงบให้มึงเท่านี้นะ อย่าซื้อเกิน หมดตัวแล้วเนี่ย” แดฮยอนยื่นแบงก์ห้าหมื่นวอนสองใบให้ยองแจ
“มึงจะไม่มาเดินเลือกกับกูรึไง จะไปไหน”
“ไปเอารถเข็นครับ ไอ้สัตว์” แดฮยอนหายไปสักพักก็กลับมาตามรถเข็นตามที่พูดจริงๆ
“เห็นมึงยัดมือใส่เงินกูก็นึกว่าจะทิ้งให้กูเดินซื้อคนเดียว” ยองแจพูดแก้เก้อ
“ก็เดี๋ยวมึงจะหาว่ากูไม่มีเงินจ่ายอีก นี่เงินเดือนที่กูได้จากเป็นแคชเชียร์ที่ร้านสะดวกซื้อเว้ย เงินเดือนออกวันนี้พอดี”
ยองแจพยักหน้ายิ้มๆ พลางเดินนำหน้าเพื่อเลือกของ หยิบพวกน้ำยาซักผ้า น้ำยาถูพื้น ของใช้จำเป็นๆอีกหลายอย่าง
“มึง เอาอันนี้ดิ มันถูกกว่าที่มึงถือเยอะเลย” แดฮยอนพูดขึ้นเมื่อเห็นยองแจหยิบน้ำยาปรับอากาศ
“แต่อันนี้มันเป็นลายมิกกี้เม้าส์ กูจะเอาอันนี้” ยองแจพูดพลางมันลงในรถเข็น
แดฮยอนขมวดคิ้ว “แต่ครึ่งหนึ่งมันก็เงินกูนะเว้ย กูไม่มีสิทธิ์ออกเสียงเลยรึไง”
“งั้นเดี๋ยวอันนี้มึงไม่ต้องหาร กูจะเอาเงินตัวเองจ่าย มึงอย่าเอาออกดิ๊!!!” ยองแจร้องงอแงเมื่อแดฮยอนทำท่าจะหยิบกล่องน้ำยาปรับอากาศที่ว่าขึ้นไปเก็บบนชั้นขาย ทำเอาแดฮยอนต้องรีบเอามาใส่รถเข็นเหมือนเดิมแทบไม่ทัน
“มึงจะร้องทำไมเนี่ย โตเป็นควายแล้วกูอายเขา”
“มันเป็นมิกกี้เลยนะเว้ย มันน่ารัก มึงอย่ามายุ่ง!” ยองแจทำหน้าจริงจังถึงขีดสุด
“เออๆ มึงนี่มันบ้ามิกกี้เม้าส์จริงๆ กูล่ะเกลียดหนู”
“ก็เหมือนที่กูเกลียดแมวที่มึงชอบนั่นล่ะ!!” ยองแจกอดอกเดินนำหน้าไปอีกโซนทันที
บรรยากาศที่ตึงเครียดและกำแพงที่กั้นคนทั้งสองคนเอาไว้มันค่อยๆลดลงที่ละนิดๆโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด
ที่รู้ก็แค่ว่า...ตอนนี้มันก็ดีนะ
อือ...ลึกๆในใจแล้วกำลังรู้สึกดี
“ขอบคุณที่มาช่วยผมเลือกซื้อของนะครับพี่ฮิมชาน แล้วยังขับรถมาส่งผมถึงที่นี่อีก” จงออบโค้งหัวขอบคุณพี่รหัสตัวเองเบาๆ
ฮิมชานเหลือบมองอาคารตรงหน้า “นี่นายพักอยู่ที่นี่หรอ”
“ครับ ผมเช่าอยู่ที่ชั้นห้าล่ะครับ ตรงข้ามกับห้องเจ้าของหอพักพอดี”
“ห้องพักเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ก็ดีนะครับ สะดวกดี แต่งคล้ายๆอารมณ์คอนโดเลย ถูกใจผมดีราคาก็พอรับได้ด้วย”
“ถูกใจก็ดีแล้ว นายมีเบอร์พี่แล้วใช่มั้ย ถ้ามีอะไรก็โทรมานะ” ฮิมชานยิ้มให้คนตรงหน้า
เมื่ออีกฝ่ายยิ้มกลับมันยิ่งทำให้ฮิมชานอารมณ์ดีขึ้นไปอีก
เด็กนี่มีรอยยิ้มที่น่ารักจริงๆ
“พี่จงออบ!” เสียงไถเสก็ตบอร์ดดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กชายหัวทองคนหนึ่ง รูปร่างสูงเก้งก้างเลยล่ะ
“อ้าว จุนฮงกลับมาจากโรงเรียนแล้วหรอ” จงออบหันไปยิ้มทัก
“ผมเลิกนานแล้ว แต่แวะไปเล่นบอร์ดกับเพื่อนๆมาก่อน พี่ไปซื้อของมาหรอครับ” เด็กหนุ่มมองถุงในมือของจงออบแล้วจึงเลยมามองฮิมชานที่ดูเหมือนจะกลายเป็นคนนอกวงสนทนาไปแล้ว
“อ้อ จุนฮงนี่พี่ฮิมชาน เป็นพี่รหัสที่มหาลัยของพี่เอง แล้วนี่ก็จุนฮงครับ เป็นลูกชายเจ้าของหอพักนี้”
“อ่า..สวัสดี” ฮิมชานพยักหน้ารับรู้
“ดี...” แต่จุนฮงกลับตอบรับคำได้ห้วนซะฮิมชานต้องขมวดคิ้ว
“ถ้ายังไง ผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับพี่ฮิมชาน ขอบคุณที่มาส่งผมอีกครั้งนะครับ”
“ไม่เป็นไรๆ ไว้เจอกันที่มหาลัยนะ” ฮิมชานยิ้มพร้อมเอ่ยคำลา
เมื่อจงออบเดินเขาตึกไปแล้วจุนฮงก็จะไถบอร์ดกลับขึ้นห้องตัวเองเช่นกัน แต่ก็ไม่วายเปลี่ยนทิศทางเข้ามาใกล้ๆฮิมชานที่จะเดินกลับรถ
“อย่ามาจีบพี่จงออบนะเว้ย!” ยักคิ้วกวนตีนแถมอีกต่างหาก
“อะไร...” ฮิมชานทำน้ำเสียงติดจะรำคาญ
จุนฮงทำท่าเชือดคอ “พี่จงออบน่ะว่าที่แฟนฉัน ถ้าไม่อยากตายไปจีบคนอื่นซะ”
“น่ากลัวมาก อย่านมรึยังเหอะไอ้ขี้ก้าง”
“เฮ้ย พูดจางี้อยากมีเรื่องหรอวะ” จุนฮงฉุน
“จะหลบไปดีๆ หรือจะให้ฉันขึ้นไปพบพ่อแม่ของนายแล้วบอกว่าฉันถูกนายข่มขู่ยังไงน่ะ”
“ชิ! ไอ้พวกขี้ฟ้อง” จุนฮงจิ๊ปากแล้วจึงไถบอร์ดหลบกลับไปยังประตูขึ้นตึก
“อะไรของมันวะ ไอ้เด็กสมัยนี้” ฮิมชานส่ายหัวพลางเหลือบมองชุดนักเรียนสีเหลืองๆของอีกฝ่าย
“เรียนที่ SOPA เลยหรอวะ รุ่นน้องกันนี่หว่า”
“มึงซื้อของเยอะขนาดนี้คิดว่ากูมีรถสิบล้อหรอครับ” แดฮยอนบ่นขึ้นทันทีหลังจากที่หอบข้าวของที่ซื้อมาขึ้นมากองบนห้องได้จนหมดแล้ว
เพราะยองแจบอกว่าของที่ตนจดลิสต์มานั้นล้วนสำคัญทั้งหมดตัดอะไรออกก็ไม่ได้สุดท้ายก็ซื้อซะถล่มทลาย
“มึงจะบ่นทำไม ก็กลับมาถึงห้องได้จนปลอดภัยแล้วนี่ไง”
แดฮยอนปีนขึ้นไปนอนแผ่บนเตียง “เหนื่อยโว้ย ทำงานก็เหนื่อยแล้วยังต้องมาแบกของเพิ่มอีก”
“แทนที่มึงจะบ่นไร้สาระ เอาเวลามาช่วยกูเก็บของเข้าที่ได้มั้ย” ยองแจเท้าเอว
“ไม่เอาล่ะ มึงทำเลย กูเสียสละ กูเพลีย กูจะนอน” ฝังหน้าลงกับหมอนบนที่นอนที่จัดการเปลี่ยนผ้าปูทั้งหมดแล้วทันที
“ไอ้เหี้ยนี่...” ยองแจล่ะหมดคำจะพูด
หลังจากถอนหายใจเบื่อๆคนที่นอนอยู่บนเตียงชั้นสองเสร็จแล้ว ยองแจก็เดินมาเช็คของทั้งหมดที่ซื้อมาทันที จัดการเอาของสดแยกใส่ตู้เย็นไว้ก่อน จัดเรียงทุกอย่างได้เป็นระเบียบอย่างดีเลยล่ะ
“ยองแจ...” แดฮยอนเรียกขึ้น
แต่เพราะว่ายองแจยังง่วนอยู่แต่กับการเก็บของนี่ล่ะเลยไม่ได้ขานตอบ
“ไอ้อ้วน! โทรศัพท์มึงสั่น!!!” คราวนี้ถึงกับต้องตะโกนลั่นห้อง
“กูไม่ได้อ้วน!!!” ยองแจตะคอกกลับ แต่ก็ยังเดินไปจับโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่บนเตียงอยู่ดี “คนเหี้ยอะไร มือถือสั่นอยู่ตั้งไกลยังรู้สึกได้”
แดฮยอนชูนิ้วกลางให้แทนคำชมนั้น
ยองแจมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วก็รีบกดรับทันที “โดจิน!” เรียกชื่อด้วยน้ำเสียงกระปรี้กระเป่าซะจนแดฮยอนขมวดคิ้ว
“อื้อๆ...ปิ๊กบ้านแล้วก่อ....” ยองแจหลุดภาษาถิ่นประจำอึยจองบูออกมา
แดฮยอนนอนพลิกตัวหันข้างมาดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของยองแจ
“ยะอะหยังอยู่ กิ๋นเข้าแล้วก๊า...”
“....”
“ฮากิ๋นแล่ว....”
ยองแจเดินเก็บของไปเรื่อยๆพร้อมกับพูดคุยโทรศัพท์ไปด้วย สักพักก็ขึ้นเสียงสูงด้วยความตกใจ “ไปยะหยังมา แข้งขามีก้าเป้อะ....”
“.....”
“คิงจะมากรุงโซลบ่าได.....”
“......”
“แมนก่อ.....” ยองแจมีสีหน้าเศร้าเล็กน้อย “อือ ฮาบ่เป็นหยัง อยากเห็นหน่าคิงสักเตื้อ ฮากะจะปิ๊กบ้านสักสองอาทิตย์หน่า..”
แดฮยอนเบะปากเพราะเริ่มรู้ได้แล้วว่าบทสนทนาที่ตนเองไม่เข้าใจนั้นไอ้ปลายสายมันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
“อือ..” ยองแจพยักหน้ากับโทรศัพท์ “หยังมาเสียงดังขนาด คิงยะอะหยังอยู่...”
“.....”
“คุยบ่ได้แล้วก่อ...หยังมาง่อมแต๊ง่อมวา...ขอแหมน่อยเต๊อะ..”
“.....”
“แม่นก่อ...ฟั่งแต๊ ฟั่งว่า...”
“......”
“กึ๊ดเติงขนาด...”
ยองแจพูดอีกไม่กี่ประโยคก็ตัดสายลง สีหน้าเศร้าลงเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเก็บของต่อ
“ออนตอน ยะ ออนตอน...” แดฮยอนทำเสียงล้อเลียน
“อะไรของมึง เสียงยังกับควายออกลูก”
“โอ้โห” แดฮยอนพลิกตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที “มึงคุยกับใครอะ”
“เสือก” สั้นๆแต่ชัดเจน
“เออ กูเสือก”
ยองแจยักไหล่ “แฟนกู มึงจะทำไม”
แต่คำตอบสั้นๆคราวนี้กลับทำให้แดฮยอนไปไม่เป็นเลยทีเดียว หนุ่มปุซานอึ้งไปสักพัก
“มึง...มีแฟนใหม่แล้วหรอ”
ยองแจชะงักมือที่เก็บของเข้าชั้นแต่ก็ไม่ได้หันกลับมามองแดฮยอนอยู่ดี “มึงไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหนล่ะ ว่ากูต้องนั่งรอคนอย่างมึง”
แดฮยอนเม้มปากแน่น เบือนหน้าหนีไปอีกทางพลางล้มตัวนอนลงบนเตียง ต้องใช้เวลาเกือบสักพักเลยล่ะกว่าจะปรับน้ำเสียงตัวเองได้
“กูเองก็มีแฟนใหม่เป็นสิบเลยเถอะ”
“เรื่องของมึงสิ” ยองแจสวนแทบจะทันที “มีแฟนหลายคนมันไม่ได้น่าอวดเท่ากับมีแฟนที่คบกันได้นานหรอกนะ”
โดนหมัดฮุคเข้าไปอีกเต็มๆสำหรับแดฮยอน
ฝ่ามือที่กำเข้าหากันแน่นและความเจ็บที่แล่นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุทำให้รู้สึกว่าตัวเองต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อโต้กลับ
“แล้วมาอยู่ไกลแบบนี้ไม่กลัวรักแท้แพ้ระยะทางเรอะ ระวังน้า กลับบ้านอีกทีจะเจอแฟนอยู่กับคนอื่น ...”
ยองแจปิดประตูชั้นอย่างแรง พลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆบ้าง “ไม่จำเป็นต้องอยู่ไกลหรอก...”
“.....”
“บางทีนั่งอยู่ข้างกันทุกวัน สบตากันแทบจะตลอด ถ้าคนมันจะเหี้ย ยังไงมันก็หาทางไปแอบกินกันจนได้นั่นล่ะ”
“......”
“มึงน่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่รึไงแดฮยอน” ยองแจต้องข่มความเจ็บปวดไว้อย่างหนักเลยล่ะกว่าจะพูดออกมาได้จนจบประโยค
แดฮยอนเองก็ยังนอนหันหน้าเข้ากำแพงอยู่เหมือนเดิม
บรรยากาศดีๆมันพังลงไปอีกแล้ว
“ไม่เถียงหน่อยล่ะ หมดข้อแก้ตัวแล้วรึไง”
“แม่ง....” แดฮยอนสบถเบาๆ
“กูไม่น่ารู้จักมึงเลยแดฮยอน กูกับมึงไม่น่าเคยคบกันเลย”
“.....”
“จุดด่างในชีวิตกูแท้ๆ”
“.....”
“กูเกลียดมึง ได้ยินมั้ย กูเกลียดมึง” ยองแจคว้าเอาถุงรามยอนที่อยู่ใกล้มือปาขึ้นไปใส่หลังคนที่นอนอยู่เหมือนทองไม่รู้ร้อน
“เออ กูได้ยินแล้ว รู้แล้วว่ามึงเกลียดกู” แดฮยอนตอบรับในที่สุด
“....ปึง!!.....”
เสียงปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับเสียงน้ำไหลดังออกมาจนได้ยินชัดเจน
แดฮยอนยกมือขยี้ผมตัวเองหนักๆ “แม่งเอ๊ย หนีไปร้องไห้ในห้องน้ำอีกแล้วสินะ”
หนุ่มปูซานผิวสีเข้มชักอยากจะตบปากตัวเองแรงๆที่ชอบพูดจาให้อีกฝ่ายเจ็บปวดตลอด
“ขอโทษนะยองแจ”
ได้แต่พูดเบาๆให้เสียงน้ำไหลนั้นกลบเสียงตัวเอง
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
#ลอกบอก บน ทวิตเตอร์
สกรีมกันเยอะๆนะคะ จะรอฟีดแบกก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นึกภาพเวลามีผู้ชายตัวโตแทนตัวเองว่าพี่ก็น้องชายที่อายุเท่ากันแล้วมันมิ้งมากเลย
ต้องขอบคุณยูนกินที่เผาแด้ให้แจฟัง วร้ายยย ยองแจใจสั่นน่ารักไปอีก
แต่แบบพออ่านมาเจอช่วงท้ายบท นี้ถ้าต่อยมวยกันแดฮยอนก็คงเป็นมุมน้ำเงินที่โดนน๊อคเอ้าท์คาเวที ไม่ต้องรอแพทย์สนามเรียกรถมาเก็บเลยเถอะ คือโดนหมัดฮุกจนน่วมกันเลยที่เดียว
ตอนนี้คืออยากรู้มากว่า แด้เลิกกับยัยหนูได้ไง คือแค่นอกใจจริงๆเหรอ แบบแด้เบื่อแล้วมีคนใหม่ไรงี้ แต่นั้นจริงๆ รึมีอะไรมากกว่านั้น
ส่วนบังทวินส์ โอ้ย พี่ยงกุกนี่จะเข้าข่ายคำว่าตุ๊ดเข้าไปทุกวันแล้วนะ ง้องแง้งมาก แต่น่าร้ากกกก พี่ยงนัมก็นะ ถึงจะชอบชวนน้องทะเลาะ แต่ก็เป็นฝ่ายง้อน้องตลอดเลย เป็นพี่ที่อบอุ่นมากอ่ะ
ส่วนแดแจนี่สติลยังคงหมั่นไส้แดฮยอนมิเสื่อมคลาย คนอะไรนิสัยไม่ดี ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจยองแจอ่ะ ทั้งๆที่ในอดีตตัวเองก็ผิดแท้ๆเลยนะ อึ้งเลยอ่ะดิ น้องแจมีแฟนแล้ว ว้ายๆๆๆ
ปล. น้องแจพูดภาษาเหนือน่ารักมากกกก
แกมันนอกใจ เจ้าชู้ ปากคอเลาะร้าย หนอยแน่ะ ยังไงฉันอยู่ข้างยะแจน้อย
นะจ้ะ อู้คำเมืองน่าฮักขนาด พี่น้องนัมกุกก็น่าตีจัง ง้องแง้งน่ารักจุง