คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [COLMAR] - 0 - Bienvenue en France
– 0 –
“ Bienvenue en France ”
มีความเชื่อที่ว่าชีวิตคือการเดินทาง
และแต่ละคนก็มีเหตุผลในการออกเดินทางที่ต่างกัน
หลายคน....ไปเพื่อที่จะได้เห็น
แต่สำหรับบางคน
การก้าวเดินออกจากจุดเดิมไปยังที่ใหม่ๆ
ก็เพียงเพื่อที่จะ...
ไม่ต้องเห็นต่างหาก
ชายหนุ่มในชุดสีดำสนิทไปทั้งตัวลากกระเป๋าเดินทางใบขนาดกลางสีเงินเดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า
เบื้องหลังนั้นมีป้ายตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนตระหง่าน
“Paris-Charles de Gaulle Airport”
(ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล)
เสียงถอนหายใจเบาๆพร้อมกับเดินออกมาจากมวลหมู่ประชากรที่เดินทางมารับผู้โดยสารคนอื่นๆร่วมกับไฟลท์ของเขา
สมกับเป็นสนามบินหลักของประเทศจริงๆ ผู้คนเดินกันพลุกพล่านเต็มไปหมด เคยคิดว่าสนามบินอินชอนคือสุดยอดสนามบินที่คนเยอะแล้วนะ ตอนนี้เขาคงต้องยกรางวัลให้ที่นี่แทนแล้วล่ะ
ลากกระเป๋าหลบไปทางนั้นทีทางนี้ที กว่าจะเจอมุมสงบๆให้พอได้หยุดพักบ้างก็ทำเอาเหงื่อตกไปเหมือนกัน
ชายหนุ่มคนเดิมเปิดกระเป๋าเป้ของตัวเองเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพร้อมกับเชื่อมต่อเข้ากับสัญญาณไวไฟภายในสนามบินซึ่งถือว่ามีความเร็วขั้นดีเยี่ยมเลยล่ะ
ทันทีที่เปิดเครื่องและสามารถเชื่อมต่อกับโลกของอินเตอร์เน็ตได้ ข้อความแจ้งเตือนทุกอย่างก็พรั่งพรูขึ้นมาบนจอราวกับสายน้ำไหล
หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยขณะเลื่อนดูตามแอปพลิเคชั่นต่างๆของโทรศัพท์ตัวเอง
เขาไม่ได้เปิดสัญญาณโทรข้ามประเทศ
แต่ถึงอย่างนั้นในโลกที่เทคโนโลยีก้าวหน้ามามากมายขนาดนี้ก็ยังมีช่องทางติดต่อกันอีกมากมายผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คหลายยี่ห้อ
Whatapp, Facebook, Kakao Talk
ทั้งสามแอปพลิเคชั่นหลักนี้มีตัวเลขแจ้งเตือนเกินหลักร้อยเลยทีเดียว
เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะเลือกกดเข้าที่แอพสีเหลืองตัวอักษรสีน้ำตาล
KAKAO TALK หรือที่เรียกย่อจนชินปากกันว่า “คาทก”
มีข้อความแจ้งเตือนจากแอคเค้าท์ทางการบ้างประปรายแต่สิ่งสำคัญคือใครบางคนที่ตัวเลขสีแดงขึ้นหลังชื่อแสดงจำนวนข้อความที่ส่งมาและยังไม่ถูกเปิดอ่านเกือบสองร้อยข้อความ
และก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อข้อความล่าสุดเด้งขึ้นมาพอดี
‘ถ้านายยังไม่ตายเปิดอ่านข้อความเดี๋ยวนี้นะ!!’
สุดท้ายก็ต้องกดเปิดช่องแชตของใครคนนี้ขึ้นมาจนได้
กว่าจะเลื่อนเจอข้อความแรกสุดที่ยังไม่ได้อ่านก็ต้องลากนิ้วบนหน้าจอจนเมื่อยอยู่เหมือนกัน
สายตาเรียวกวาดสายตาเร็วพอๆกับปลายนิ้วที่สไลด์เลื่อนดูแต่ละข้อความไปเรื่อยๆ
‘นายอยู่ไหนน่ะ..’
‘ไปกินข้าวกันมั้ย’
‘นายตอบช้านะ....’
‘นี่ ทำไมไม่เปิดข้อความอ่านล่ะ’
‘ผ่านไปสองชั่วโมงแล้วนะ ให้ตายสิ!!!’
‘ย๊า!!! คิมฮิมชาน!’
‘รับโทรศัพท์ฉันสิ ทำไมฉันติดต่อนายไม่ได้ล่ะ!!’
‘ (อิโมติค่อน)’
‘(อิโมติค่อน)’
‘นายทำให้ฉันเป็นห่วงนะ!’
.
.
.
.
.
‘เปิดโทรศัพท์ซะทีสิ เจ้าโง่’
‘ถ้านายไม่ติดต่อมาฉันจะแจ้งตำรวจแล้วนะ’
‘ฉันเกลียดนายชะมัดให้ตายสิ’
ข้อความทั้งหมดถูกส่งมาห่างกันแทบจะไม่ถึงห้านาที บางครั้งก็เป็นส่งสติ๊กเกอร์หรืออิโมติค่อนมาแทน
ดูเหมือนจะเป็นการส่งมาตลอดทั้งคืนด้วยเลย
คงจะเป็นตลอดช่วงเวลาที่เขาอยู่บนเครื่องบินนั่นเอง
หน้าจอโทรศัพท์เด้งขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ใช่ข้อความแล้ว เป็นโทรศัพท์มาผ่านแอพเลยล่ะ
เจ้าของเครื่องหลับตาเรียกความเข้มแข็งตัวเองอีกครั้งก่อนจะกดรับในที่สุด
“คิมฮิมชานใช่มั้ย!” ปลายสายถามขึ้นทันทีที่เขากดรับสาย
“ฉันเอง....”
“นาย...นาย....” ปลายเสียงกลับอ้ำอึ้ง “นายทำบ้าอะไรของนายอยู่ ฉันติดต่อนายไม่ได้เกือบสองวันเต็มๆเลยนะ!”
“ฉัน....”
“นายทำเอาฉันกังวลจนจะประสาทตายอยู่แล้วรู้ตัวมั้ย นายอยู่ที่ไหน ทำไมปิดเครื่อง ฉันส่งข้อความไปเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ”
ส่ายหัวเบาๆ “ขอโทษนะ”
“ขอโทษอะไร ฉันถามเพื่อให้นายตอบไม่ใช่ขอโทษ”
“....” ชายหนุ่มเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ
“นายเป็นอะไรของนายฮิมชาน ทำไมนายต้องปิดสัญญาณ find my friend ด้วย” ปลายสายหมายถึงแอพพลิเคชั่นของเครื่องมือสื่อสารเครือแอปเปิ้ลที่จะสามารถเช็คได้ว่าใครอยู่ที่ไหนบนโลกนี้จากสัญญาณโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อเล็คโทรนิกส์ใดๆก็ตามภายใต้แบรนด์นี้
“.....”
“ตอบสิ อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้”
“ฮโยริน...” เสียงแรกที่ฮิมชานเอ่ยออกมาหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่
“นายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนะฮิมชาน นี่นายยังเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่าเนี่ย”
คำว่า “เพื่อน” สั้นๆที่ทำให้ฮิมชานต้องหลับตาข่มความเจ็บปวดเอาไว้อีกครั้ง
“ขอโทษนะ”
“ขอโทษฉันเรื่องอะไร”
“ที่นั่นกี่โมงแล้ว”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ ก็ตีสามไงนายไม่มีนาฬิกา.....” ปลายสายชะงักไป “ถามแบบนี้อย่าบอกนะว่านาย...ไม่ได้อยู่ในเกาหลีแล้ว”
“.....”
“ฮิมชาน ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้ นายอยู่ที่ไหน”
ชายหนุ่มปล่อยมือที่จับกระเป๋าเดินทางเพื่อใช้มันยกขึ้นมากุมหน้าผากบริเวณผมหน้าของตัวเอง
“ฮิมชาน....” หญิงสาวลากเสียงยาว “ทำไมทำแบบนี้”
“ฉัน...มาทำงาน”
“งานอะไร ที่ไหน แล้วทำไมถึงไม่บอกฉันเลย ทำไมมันกะทันหันแบบนี้”
“เป็นงานด่วนน่ะ”
หญิงสาวเงียบไปเล็กน้อยจึงเอ่ยต่อ “มันจะถึงงานแต่งของฉันแล้วนะ”
เจ้าของชื่อฮิมชานเม้มปากลงจนสนิท มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับหูกระเป๋าเดินทางอีกครั้งคล้ายกับต้องการพยุงตัวเองเอาไว้
“ฉันรู้”
“นายจะกลับมาทันใช่มั้ย”
“ขอโทษนะฮโยริน”
“หยุดพูดคำว่าขอโทษซะที!!!” หญิงสาวร้องเสียงแหลมกลับมา
ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเดินไปตามป้ายบอกทางให้เร็วยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ชอบเลยจริงๆ เสียงสั่นเครือคล้ายคนร้องไห้ของปลายสายน่ะ
เขาไม่อยากทำให้เธอต้องร้องไห้เลย
เพราะเขารู้ดี...ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถเช็ดน้ำตาให้เธอได้อีกแล้ว
“ฉันคงต้องทำงานอยู่ที่นี่เป็นเดือนล่ะนะ คงกลับไปงาน....งานแต่งของเธอไม่ได้จริงๆ”
“แต่ฉันอยากให้นายอยู่ในวันสำคัญที่สุดในชีวิตของฉันนะ”
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร
“นายเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดของฉันนะฮิมชาน”
“ฉันรู้ ฮโยริน...ฉันรู้ดี”
ช่วยหยุดตอกย้ำกันสักที
เขารู้ดี...ว่าเขาเป็นได้แค่ไหนตลอดมา
และก็คงตลอดไป
“กลับมาสักวันไม่ได้เลยหรอ”
“ฉันกลับไปไม่ได้จริงๆ”
ความรู้สึกในตอนนี้มันถอยหลังไปยังจุดเริ่มต้นไม่ได้แล้ว
“ทำไมนายใจร้ายแบบนี้นะคิมฮิมชาน”
คนใจร้ายที่ว่าหยุดเดินจนได้เมื่อถึงที่หมายที่เขาตามหาแล้ว
“Train à Grande Vitesse – TGV”
(รถไฟความเร็วสูง)
“ฉันอยากให้นายมาในฐานะเพื่อนเจ้าสาวนะ”
ชายหนุ่มขำเล็กน้อย “ฉันเป็นผู้ชายนะ ให้ไปยืนอยู่ข้างๆเธอตอนนั้นคงจะตลกน่าดู”
“แต่ฉันคงรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยถ้ามีนายอยู่ด้วยตอนนั้น”
รอยยิ้มระบายบางๆบนใบหน้าของเขา “พอเธอแต่งงานไปแล้ว จะมาเกาะติดฉันตลอดแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะ”
“ฉันแต่งงานก็ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเลิกเป็นเพื่อนกันนี่นา”
“ต่อไปนี้จะมีผู้ชายคนอื่นมาดูแลเธอแทนฉันแล้วนะ ยัยตัวแสบ”
“ไม่มีใครแทนนายได้หรอกฮิมชาน อย่ามาพูดแบบนี้นะฉันไม่ชอบ”
“ไม่มีใครแทนที่เธอได้เหมือนกัน ฮโยริน”
“นายอยู่ที่ไหน...”
“วันงานเธอต้องยิ้มเยอะๆนะ ชุดเจ้าสาวของเธอคงจะสวยน่าดูสินะ”
“อยากเห็นก็กลับมาดูสิ”
เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น “ไม่ต้องดูฉันก็รู้แล้วล่ะว่าเธอจะต้องใส่มันออกมาสวยที่สุดแน่ๆ”
“ถึงมาชมฉันตอนนี้ฉันก็ไม่ดีใจหรอกนะ”
ชายหนุ่มพยายามทำให้บทสนทนาไม่เศร้าจนเกินไป “ตีสามกว่าแล้วใช่มั้ยไปนอนได้แล้วนะ”
“ฉันยังคุยต่อได้”
“ไปนอนเถอะ”
“ฉันยังไม่อยากวาง...” หญิงสาวเอ่ย “ฉันกลัวว่านายจะไม่รับสายฉันอีก”
ฮิมชานพยักหน้าเบาๆ
“นายจะไม่ทำแบบนั้นใช่มั้ย...”
“ฉันต้องวางแล้วนะ”
“....”
“ฉันขอให้เธอมีความสุขนะฮโยริน”
“ทำไมพูดแบบนี้”
“ดูแลตัวเองดีๆ”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“เอาแต่ใจน้อยลงบ้าง อย่าทะเลาะกับเขาเยอะนะ”
“ฮิมชาน!”
“ฉันรู้ว่าเธอจะไม่เป็นไร”
“กลับมาเถอะนะฮิมชาน กลับมา...”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจ้องมองเพดานที่ถูกประดับประดาอย่างสวยงาม แต่ตอนนี้เขากลับหวังเพียงว่าแรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงน้ำตาให้ไหลย้อนกลับไปก็เท่านั้นเอง
“ฉันต้องวางแล้วนะ”
“....”
“ฉันรักนายนะ คิมฮิมชาน”
“ฉันก็รักเธอ มินฮโยริน”
ชายหนุ่มจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะเดินไปยังเคาท์เตอร์เพื่อรับตั๋วที่เขาได้สั่งจองไว้ล่วงหน้าแล้ว
โชคดีที่มาถึงทันเวลาก่อนรถไฟจะออกพอดี
ยกกระเป๋าเดินทางเก็บในช่องก่อนจะนั่งลงบนเบาะของรถไฟที่เรียกว่าสะดวกสบายสมกับราคาที่ค่อนข้างสูงเลยล่ะ
เหลือบตามองตั๋วเดินทางที่ระบุเวลาที่จะเดินทางยังปลายทางของเขา “สามชั่วโมงงั้นหรอ...”
คงนอนหลับไปได้สักตื่นล่ะมั้ง
รอเพียงไม่กี่นาทีขบวนรถไฟก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากชานชาลาจนได้ ชายหนุ่มยกมือปฏิเสธการเสนอขายอาหารและเครื่องดื่มของพนักงานก่อนจะมองออกไปด้านนอกกระจก
การเดินทางของเขาในโลกใบใหม่แห่งนี้กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดไปยังแอพพลิเคชั่นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คทั้งหมดแล้วกดลบแอคเค้าท์ทีละแอพ
กดเข้าไปยังอัลบั้มรูปภาพก็เจอเข้ากับรูปถ่ายของหญิงสาวคนหนึ่งเต็มไปหมด
บางรูปก็เป็นรูปของเธอเพียงคนเดียว
แต่บางรูปก็มีเขาอยู่ข้างๆเธอในรูปด้วย
กดเลือกรูปทั้งหมดกว่าห้าสิบรูปก่อนจะกดที่ปุ่ม delete
หน้าจอหนึ่งก็เด้งขึ้นมาเพื่อถามความต้องการของเขา
“DELETE 59 PHOTOS”
ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ก่อนจะพ่นลมหายใจเบาๆ
แล้วกดปุ่ม “CANCEL”
ภายในรถไฟมีการเปิดเพลงบรรเลงเบาๆคลอกับความสวยงามของวิวภายนอกด้วย
เอาจริงๆด้วยความเร็ว 320กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ทำให้เขามองอะไรไม่ค่อยจะทันหรอกนะ
แต่สีเขียวของต้นไม้ที่ตัดสลับกับท้องฟ้าสีคราม มันก็เป็นอะไรที่น่ามองสุดๆเลยล่ะ
นี่อาจจะไม่สมควรเรียกว่าการเดินทางด้วยซ้ำ
แต่เป็นการหลบหนีของเขาต่างหาก
หนีออกมาจากการ์ดเชิญ Wedding Ceremony
หนีออกมาจากการลองชุดสูททักซิโด้หรูหรา
หนีออกมาจากการต้องพูดว่าเขายินดีกับงานแต่งนี้แค่ไหน
หนีออกมาจากความลำบากใจทุกครั้งที่เห็นหน้าว่าที่เจ้าสาว
หนีออกมาจากความจริงที่ว่า...เขาไมใช่เจ้าบ่าวของเธอ
แต่เป็นได้เพียงแค่เพื่อน
เพื่อนรัก...ที่ไม่มีวันได้เป็นคนรัก
เขาทนยิ้มให้เธอในโบสถ์วันนั้นไม่ได้จริงๆ
เพราะสำหรับเขามันเป็นอะไรที่ยากเกินจะอดทน
ที่ต้องยอมรับความจริงว่าเรารักใครสักคนไปแล้ว
แต่ไม่สามารถยืนอยู่ข้างๆเขาได้จริงๆ
เพราะที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ของเรา
และมันมีคนยืนอยู่ในจุดที่เราอยากยืนไปเสียแล้ว
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามานั่งอยู่ในรถไฟขบวนนี้
เพื่อหลบหนีจากความจริงที่เขาไม่ต้องการจะยอมรับ
พนักงานเดินตรวจตั๋วมาหยุดอยู่ที่เก้าอี้ของฮิมชาน พูดคุยเป็นภาษาอังกฤษว่าต้องการจะตรวจสอบความตรงกันระหว่างตั๋วกับหนังสือเดินทาง
ฮิมชานทำตามที่พนักงานคนนี้แนะนำ เพียงครู่เดียวเขาก็ได้เอกสารทั้งหมดกลับคืนมาพร้อมการเอ่ยขอบคุณของชายตัวใหญ่ตรงหน้า
กระดาษตั๋วที่ถูกสอดเอาไว้ในหนังสือเดินทางเล่มสีเขียวเขียนต้นทางและปลายทางที่ชายหนุ่มเลือกเอาไว้
จุดหมายของรถไฟและจุดเริ่มต้นในการเริ่มต้นใหม่ของเขา
‘PARIS – COLMAR’
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
#บชโคลมา
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- Bienvenue en France (เบียงเวอนยู – ออง – ฟร๊องซ์) = ยินดีต้อนรับสู่ประเทศฝรั่งเศส
- Paris Charles-de Gaulle Airport
หรือเรียกโดยทั่วไปว่า ท่าอากาศยานรัวซี (Roissy) ตั้งอยู่ที่รัวซี กรุงปารีส ฝรั่งเศส อยู่ห่างจากตัวเมืองปารีสไปทางตะวันออกเฉีนงเหนือประมาณ 25 กิโลเมตร นับเป็นประตูสำคัญในการเดินทางเข้าออกประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังเป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินแอร์ฟรานซ์ด้วย
ท่าอากาศยานแห่งนี้ ตั้งชื่อตาม ชาร์ล เดอ โกล วีรบุรุษ และผู้นำขบวนการปลดปล่อยฝรั่งเศส
- Train à Grande Vitesse (TGV)
เป็นรถไฟความเร็วสูง ซึ่งความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 km/h เป็นรถไฟที่ราคาตั๋วแพงที่สุด และเป็นรถไฟที่ใช้วิ่งระยะไกล อีกทั้งยังมีโบกี้ขายอาหารไว้บริการอีกด้วย
TGV เป็นรถไฟความเร็วสูงประเภทหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศฝรั่งเศสในราว ๆ คริสศตวรรษที่ 1960 โดยเริ่มต้นจากแนวความคิดที่ต้องการจะพัฒนารถไฟซึ่งถือได้ว่าเป็นระบบการคมนาคมขนส่งสาธารณะที่เป็นที่นิยมสูงที่สุดประเภทหนึ่งของแถบทวีปยุโรป ให้มีศักยภาพในการตอบสนองความต้องการของประชาชน สังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างทันท่วงที เนื่องจากประเทศฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศขนาดใหญ่และอยู่เกือบใจกลางของทวีปยุโรป ดังนั้นการเดินทางทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศจึงต้องมีระบบการคมนาคมขนส่งที่มีความสะดวกรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถขนสินค้าหรือบรรทุกผู้โดยสารได้เป็นจำนวนมาก
**เส้นทางที่ฮิมชานเดินทางในตอนนี้ PARIS – COLMAR
เฌอ เนอ วัวร์ แปรซอน โอซี่ เบียง เก้อะ วู
ผมไม่เคยพบใครดีเท่าคุณมาก่อนเลย
ความคิดเห็น