คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAP-2 = Happy To Be Single.
NEVER MIND! ซิงเกิ้ลแป๊บดิ
CHAPTER 2 = Happy To Be Single.
“เป็นโสดไม่ได้หมายความว่าคุณไร้ค่า
และก็ไม่ได้แปลว่าคุณไม่มีใครเอาเสมอไป
บางทีคุณก็แค่ยังสนุกกับการทำอะไรด้วยตัวเองมากกว่าจะคอยพึ่งพาคนอื่น...”
แบมแบมก้มมองสมุดจดเล่มเล็กของตนที่นั่งขีดๆเขียนๆมาสักพักแล้วก็ขมวดคิ้ว
พึมพำอยู่คนเดียว
“ประโยคมันจะวกวนซับซ้อนเกินไปรึเปล่านะ..”
ถอนหายใจแล้วจึงขีดฆ่าประโยคท้ายๆออกไป
“เป็นโสดไม่ได้หมายความว่าคุณไร้ค่า
แต่ไม่มีใครที่มีค่าพอกับความรักของคุณต่างหาก...”
เขียนไปได้หน่อยก็ต้องชะงักมืออีกรอบ “ไม่ได้
ขืนเขียนแบบนี้มีหวังได้มีจดหมายร่อนมาด่าให้หูชาหน้าตึงแหงๆ...”
ว่าแล้วก็ลงมือจัดการลบประโยคนั้นอีกรอบ
“เฮ้อออออ...”
ถอนหายใจหนักๆรอบที่ร้อยของวัน
“ไม่เคยมีใครบอกคุณหรอว่าการถอนหายใจครั้งเดียวน่ะทำให้วันดีๆของเรากลายเป็นวันที่แย่ไปเลยนะครับ”
เสียงใหม่ดังขึ้น
แบมแบมจึงยอมเงยหน้าจากโต๊ะทำงานของตนเพื่อสบตากับผู้ช่วยคนใหม่แสนเฉิ่มของตนที่กำลังเปิดแฟ้มผลงานที่ผ่านมาของบริษัทดูอยู่
“เฮ้อออออออออออออ”
นี่ก็ตีรวนใส่เขาอีกต่างหาก
มาร์คยิ้มมุมปากน้อยๆให้กับอาการของคนตรงหน้า
วางแฟ้มลงบนโต๊ะแล้วจึงมองไปยังสมุดของแบมแบม “คุณทำงานอะไรอยู่หรอครับ”
“งานฟรีแลนซ์...”
เจ้าตัวตอบสั้นๆ พลางปิดหน้าสมุดลง
“ออกแบบเสื้อผ้า?”
“เขียนคอลัมภ์ลงนิตยสารรายเดือน”
“หืม
เจ๋งนี่ครับ เขียนเกี่ยวกับอะไรหรอครับ”
“HAPPY TO BE SINGLE” แบมแบมเลิกคิ้วเชิงจะถามว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า
ฝ่ายมาร์คขมวดคิ้วเล็กน้อย
“โชคดีที่เป็นโสด? ผมนึกว่าคุณจะเขียนเกี่ยวกับด้านแฟชั่นหรืออะไรทำนองนี้ซะอีก
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแนวรักๆใครๆ”
“นี่คุณ”
แฟชั่นดีไซน์หนุ่มขัดขึ้น “มันเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆตรงไหนไม่ทราบ
ผมเขียนเชิญชวนให้คนหันมาเป็นโสดกันต่างหาก”
“ทำไมทำแบบนั้นล่ะ
ผมความรักดีจะตาย ผมยังชอบมีแฟนเลย”
แบมแบมเบะปากอย่างไม่อยากจะเชื่อหู
“ผมไม่เชื่อคุณหรอก”
มาร์คยิ้มไม่ตอกกลับการวิจารณ์ของอีกฝ่ายหากแต่ถามในประเด็นเรื่องนี้ต่อ
“ทำไมถึงอยากเป็นโสดล่ะครับ มีความรักเป็นเรื่องดี
ทำให้เรามีพลังด้านบวกในการใช้ชีวิตนะครับ”
“ไอ้แรกๆมันก็ดีอยู่หรอกนะ”
พูดไปชักสีหน้าไป “แต่หลังๆ คบๆไปมีแต่เรื่องฉิบหายตลอดนั่นล่ะ”
ปาปากกาลงในลิ้นชัก “ความรักน่ะมาคู่กับความเจ็บปวดเสมอเลย”
“มันถึงเรียกว่าชีวิตคนยังไงล่ะครับ
ถ้ามันดีไปซะหมด
สมหวังไปซะทุกเรื่องแล้วชีวิตคนมันจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นได้ยังไงกัน”
แฟชั่นนิสต์ฝีมือดีเหลือบมองหนุ่มแว่นสุดเชยกับเสื้อตัวโคร่งเฉิ่มๆแล้วก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าประโยคหล่อๆเมื่อกี้จะหลุดออกมาจากปากคนสารรูปไม่พึงประสงค์อย่างมาร์คได้
“เฮอะ...พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจหรอก”
“คุณก็อธิบายให้ผมเข้าใจสิครับ”
มาร์คพูดต่อ
แบมแบมจิ๊ปาก
“ผมไม่อยากคุยกับคุณแล้ว พวกบูชาความรัก ไม่เข้ากับแนวคิดของผมหรอก”
“ก็ได้ครับ
ก็ได้” มาร์คชูสองแขนยอมแพ้ “ถ้าคุณไม่อยากอธิบายข้อดีของการเป็นโสดให้ผมฟัง
ถ้าอย่างนั้นผมจะอธิบายข้อดีของการมีความรักให้คุณฟังเอง”
แบมแบมเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย
วูบหนึ่งที่เขาคิดว่าตัวเองตาไม่ฝาด
แววตาระยิบระยับที่แฝงตัวอยู่ภายใต้แว่นหนาเตอะนี้
มันชวนให้เกิดความรู้สึกวูบวาบอย่างแปลกๆ แต่ก็รีบปัดมันทิ้งอย่างรวดเร็ว
“พูดล้อเล่นแบบนี้เดี๋ยวผมก็แทงด้วยคัตเตอร์นี่ซะเลย”
ยกขู่ประกอบอีกต่างหาก
มาร์คจึงยกไม้ยกมือทำท่าทีขอโทษขอโพย
ไม่วายหัวเราะในลำคอเบาๆ
“เอาเถอะๆ
ช่างเรื่องนี้ไปเถอะ ผมจะต้องออกไปเดินดูงานแล้ว คุณจะไปกับผมมั้ย”
“ไปไหนล่ะครับ...”
“ผมว่าวันนี้คุณต่อล้อต่อเถียงเก่งขึ้นนะ”
แบมแบมอดแขวะไม่ได้ “ผมจะไปเดินดูผ้าที่จะใช้ตัดเสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นต่อไป
จะดูว่าตัวอย่างที่สั่งมามันโอเคมั้ย ต้องไปที่สตูดิโอเก็บของในตึกซอยถัดไปเนี่ย”
มาร์คพยักหน้าทันที
“ไปสิครับ”
แบมแบมได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทีเข้าใจยากแถมยังดูขัดกันไปหมดของอีกฝ่าย
หรือคนที่มาจากสังคมอเมริกันจะเป็นแบบนี้กันไปหมดเลยนะ
แบมแบมตรวจสอบงานตามหน้าที่ของตนอย่างละเอียดโดยมีมาร์คคอยเดินตามและจดบันทึกนั่นนี่ลงไอแพดไม่หยุด
เริ่มเดินดูงานกันตั้งแต่บ่ายสองกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเล่นเอาแทบหมดแรงกันทั้งคู่
“เหนื่อยมั้ยคุณ
ขอโทษนะ มาทำงานอาทิตย์แรกๆก็เจองานหินซะแล้ว” แบมแบมยื่นกระป๋องน้ำอัดลมให้
“สบายมากครับ
หนักกว่านี้ผมก็เคยทำมาแล้ว”
“ขี้โม้”
เอ็ดแล้วจึงกระดกน้ำขึ้นดื่มบ้าง
ตอนนี้พวกเขาหมดเวลาทำงานกันเรียบร้อยแล้วจึงพากันออกมานั่งที่ม้านั่งด้านนอกสตูดิโอในย่านธุรกิจอย่างคังนัม
มองดูผู้คนจำนวนมากเดินขวักไขว่กันไปมาในเวลาเลิกงานแบบนี้
ด้วยความที่เป็นย่านเศรษฐกิจจุดสำคัญของประเทศ
ทำให้บรรดาผู้คนที่เดินกันคลาคร่ำบนถนนสายนี้ล้วนแต่งตัวกันด้วยเสื้อผ้าที่ดูดี
ทรงผมสุดเนี้ยบ รองเท้าหนังยี่ห้อดี ราวกับหลุดมากจากหน้านิตยสารหรูๆสักเล่มอย่างไรอย่างนั้น
แบมแบมกลอกสายตามองไปมาแล้วจึงเอ่ยขึ้น
“คุณรู้ตัวมั้ย เสื้อผ้าคุณน่ะเด่นที่สุดในละแวกนี้เลย”
“ขอบคุณที่ชมครับ”
“ผมประชด”
มองด้วยหางตาย้ำอีกที
“งั้นก็...ขอบคุณที่ประชดครับ”
“นี่คุณ!!...” วันนี้เขาชักจะประสาทเสียกับอาการผีเข้าผีออกของอีกฝ่ายแล้วนะ
แต่เมื่อหันไปเห็นรอยยิ้มซื่อๆกับดวงตาเป็นประกายนั่นแล้วจะโกรธก็ทำได้ไม่นานสักเท่าไหร่นัก
ให้ตายเถอะ...ตาคนหรือคริสตัลทำไมถึงได้ระยิบระยับขนาดนี้นะ
แบมแบมเดาะลิ้นในปากไปมา
“นี่คุณ แล้วไหนคำตอบของผมล่ะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“อย่ามาตีมึนนะ
ก็เรื่องที่ผมคุยกับคุณไปวันก่อนไง”
“หืม...”
มาร์คขมวดคิ้ว
แบมแบมอยากจะฟาดเข้าให้สักป้าบ
“สรุปว่าคุณจะยอมตกลงเล่นเป็นแฟนให้ผมได้มั้ย”
มาร์คดูจะเงียบลงพักหนึ่งก่อนจะตอบออกมาด้วยเสียงจริงจังขึ้น
“ผมเห้นใจคุณนะครับ แต่ผมก็ไม่อยากช่วยคุณให้โกหกคุณแม่คุณด้วย”
แฟชั่นนิสต์ถอนหายใจ
“คุณพูดเหมือนผมอยากจะทำนักอย่างนั้นล่ะ”
“ผมยังคิดว่าคุณควรจะ....”
“ถ้าแม่ผมคุยด้วยง่ายๆน่ะนะ
ผมไม่ต้องมานั่งเครียดคิดแผนอะไรแบบนี้ให้เสียเวลาหรอก”
“เฮ้อ...”
มาร์คผ่อนเสียงลมหายใจ
“ไหนคุณบอกว่าถอนหายใจมันไม่ดียังไงล่ะ”
มาร์คได้แต่กลอกตาให้กับการเอาคืนของอีกฝ่าย
แบมแบมชูแขนสองข้างขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจ
“เอาเถอะ ถ้าคุณไม่สนใจจะช่วยผมก็ตามใจนะ...”
“แล้วคุณคิดจะทำยังไงต่อไป”
“ก็ถ้าคนรู้จักไม่มีใครจะช่วยผมได้
ผมก็คงจะต้องจ้างเอาล่ะมั้ง”
“จ้าง?”
มาร์คทวนคำ “ผมไม่เข้าใจ”
แบมแบมจ้องคนที่เดินผ่านหน้าไปมา
“นี่ไง ผมก็แค่เลือกสักคนที่คิดว่าพอจะดูเข้าเค้า แล้วก็เข้าไปทำความรู้จัก
ชวนมาทำธุรกิจด้วยในระยะเวลาสั้นๆ มีผมตอบแทนให้อย่างคุ้มค่าด้วย แป๊บๆ จบ”
“คุณนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ”
มาร์คเอ็ด “ในเรื่องของความรักคุณจะมาทำให้มันเป็นเกมไม่ได้หรอกนะครับ”
“ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องความรักอยู่สักหน่อย
นี่เรื่องของธุรกิจล้วนๆ หัวใจอะไรไม่ต้อง...”
“ผมกล้าพนันเลย
ยังไงคุณแม่กับครอบครัวคุณก็ไม่มีทางเชื่อ”
“ทำไมล่ะ”
ฝ่ายนี้ชักฉุน
“ก็คุณกำลังจะเอาใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่คุณก็ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน
ส่วนผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลยด้วย
นิสัยใจคอพื้นฐานเป็นยังไงก็ไม่แน่ชัด
ยังไงมันก็ต้องมีกลิ่นอายของความแปลกหน้าอยู่แน่ๆ” มาร์คอธิบาย
ฝ่ายดีไซน์เนอร์หนุ่มยกสองแขนขึ้นมากอดอก
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ ผมขอร้องคุณดีๆแล้วคุณก็ยังไม่ยอมช่วยผมเองนี่นา”
“ก็นั่นผม...”
“พอเถอะ
ผมไม่อยากจะฟัง” ส่ายหน้า
“ถ้าคุณไม่รีบกลับก็ช่วยผมคัดกรองคนที่เดินผ่านไปมาแถวนี้ด้วยละกัน ถ้ามันหายากนัก
ผมจะไปคว้ามั่วๆที่บาร์ประจำแล้วนะ” ลงท้ายหางเสียงอย่างฉุนเฉียนอีกต่างหาก
“นี่คุณเอาจริงหรอเนี่ย”
มาร์คยังคงไม่เห็นด้วย
แต่ฝ่ายนี้ดูท่าจะไม่ฟังคำห้ามซะแล้ว
พยักเพยิดหน้าไปทางหนึ่ง “คุณๆ ผู้ชายที่ยืนคุยโทรศัพท์ตรงนั้นเป็นไงบ้าง”
มาร์คหันมองตามก็เจอผู้ชายสวมสูทภูมิฐานกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“ยิ้มหวานขนาดนั้นผมว่าคุยกับแฟนแน่ๆเลยนะครับ ไม่น่าเวิร์ค”
แบมแบมขมวดคิ้ว
“เซ็งชะมัด นั่นๆ คนนั้นล่ะ”
ผู้ช่วยแสนเชยหันมองตามมือ
คราวนี้เป็นผู้ชายใส่เสื้อแขนกุดมีรอยสักเต็มแขน “เสียใจด้วยนะครับคุณ นั่นไง
แฟนเขามาแล้ว”
มาร์คอมยิ้มเมื่อชายหนุ่มที่ว่ามีหญิงสาววิ่งเข้ามาเกาะแขนพร้อมหัวเราะให้กัน
“โอ๊ยน่าเบื่อ
นี่มีแฟนกันไปหมดแล้วรึยังไงนะ” พ่นลมหายใจอย่างเครียดๆ แต่ก็ยังไม่อยากยอมแพ้
“หรือคืนนี้ผมจะไปที่บาร์ดีนะ”
“ไม่ดีหรอกครับ”
มาร์คส่ายหัวห้าม “ถึงคุณจะชี้ให้ผมดูอีกเป็นสิบคน
คำตอบของผมก็คือไม่เวิร์คอยู่นี่”
“อ้าว
ทำไมเล่า นี่คุณไม่คิดจะช่วยผมจริงๆอย่างนั้นหรอ” แบมแบมเซ็งจัดขึ้นกว่าเดิม
“ผมอุตส่าห์คิดว่าเราเป็นเพื่อนกันซะอีก”
“ผมแก่กว่าคุณสามปีนะครับ”
“ห๊ะ”
แบมแบมขมวดคิ้ว
“ปีนี้คุณอายุ28 ส่วนผม31เรียบร้อยแล้ว
ความจริงตามมารยาทเกาหลีคุณจะต้องเรียกผมว่าพี่ด้วยนะครับ”
“แต่ผมเป็นคนไทยและคุณก็มาจากอเมริกา
ฉะนั้นผมไม่เรียก”
มาร์คหรี่ตามองอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มออกมา
“กลับกันได้แล้วเถอะครับ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว”
“คุณจะกลับก็กลับไปสิเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ”
แบมแบมไม่อยากจะอยู่ใกล้อีกฝ่ายแล้วล่ะ
“ก็ผมอยู่คอนโดเดียวกับคุณนี่ครับ”
“ห๊ะ....”
แบมแบมเพิ่งจะรู้เรื่องนี้
มาร์คยิ้มมุมปาก
ยื่นหน้ามาใกล้ๆอีกฝ่ายมากขึ้น “แถมห้องตรงข้ามกับคุณด้วยนะครับ”
“ห๊ะ!!” แฟชั่นนิสต์ร้องดังขึ้นกว่าเดิมอีกรอบนี้
มาร์คทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วเริ่มออกเดินก่อน
“ใครช้าต้องจ่ายค่ารถแท็กซี่นะครับ”
“เฮ้ยคุณ
ทำไมพี่จุนคิวไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผมเลย นี่คุณ อย่าเดินเร็วนักสิ รผมด้วย!” แบมแบมได้แต่ตะโกนโวยวายไปตลอดทาง
“นี่คุณ! มาร์ค! เฮ้
คุณอย่าเพิ่งโบกรถสิ รอผมก่อน!!” ขายาวแต่เรียเล็กราวกับท่อนขาของผู้หญิงนั้นเพิ่มความเร็วจนสามารถดึงเสื้อด้านหลังของอีกฝ่ายได้
“แสบนักนะคุณ”
“ผมไม่ทิ้งคุณหรอกครับ”
มาร์คยิ้มน้อยๆ “แค่อยากแกล้งคุณบ้างก็เท่านั้น”
แบมแบมเม้มปากด้วยความโมโห
“สรุปแล้วคุณเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย!!!”
- - - - - -
#ผู้ชายของแบม on twitter : )
ขอบคุณทุกกระแสตอบรับที่มีต่อฟิคเรื่องนี้นะคะ
ขอโทษที่หายไปน้านนานเลย คิดถึงมาร์คแบมในฟิคเรื่องนี้มาก
ยังคงเน้นความน่ารักเช่นเคยนะคะ มีใครตกหลุมรักคุณหนุ่มเนิร์ดรึยังเอ่ย?
อย่าลืมโหวต และเม้นท์เป็นกำลังใจ หรือสกรีมในแท็ก #ผู้ชายของแบม บนทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
สวนจีน.
ความคิดเห็น