ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 :: NEVER MIND! ซิงเกิลแป๊บดิ

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAP-1 = Super Nerd Rookie!

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 58


    B E R L I N ❀



    NEVER MIND! ซิงเกิ้ลแป๊บดิ

    CHAPTER 1 = Super Nerd Rookie!







                “เฮ้อ...”ดีไซเนอร์ตัวท็อปของบริษัทถอนหายใจออกมาอีกระลอกก่อนจะปาดินสอที่ถือไว้ในมือลงบนกระดาษเสก็ต

                ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วนะหลังจากที่แม่โทรมาสั่งให้เขาพาแฟนไปแนะนำฟ้าผ่าแบบนั้นแถมยังเป็นสองอาทิตย์ที่เขาทำอะไรไม่ได้เลยอีกต่างหากยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะหาทางออกยังไงดี

                “โอยไม่รู้จะพูดกับใครเลยเว้ย”ขืนโทรไปปรึกษาสามพี่น้องที่ไทยไม่แคล้วว่าจะต้องโดนแม่จับพิรุธได้แน่ๆ

                นี่เหลือเวลาไม่ถึงสองเดือนครึ่งแล้วด้วยซ้ำให้ตายเถอะเขานี่เครียดยิ่งกว่าตอนต้องคิดแบบเสื้อผ้าให้ทันโชว์ทั้งหมดภายในสามวันซะอีก

                กันต์พิมุกต์จะไม่ยอมโดนจับคลุมถุงชนแน่ๆ!

                “หรือเราจะไปจ้างใครมาเป็นแฟนดีวะ”ดีไซน์เนอร์หนุ่มตัวผอมเพรียวด้วยร่างที่สูง 180 เซ็นติเมตรจึงสวมใส่เสื้อผ้าได้สวยงามราวกับหุ่น

                ไอเดียนี้เหมือนจะจุดประกายไฟบางอย่างในสมองเจ้าของแต่มันก็เหมือนหลอดไฟราคาถูกที่ติดๆดับๆ “แล้วจะจ้างใครล่ะวะ เงื่อนไขพิศดารขนาดนี้”

                เขาเองก็พอจะเคยได้ยินเรื่องรับจ้างแค่งานกำมะลอเพื่อผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆแต่นี่เขาต้องการผู้ชายมาเล่นเป็นแฟนด้วยกันไง

                แค่คิดก็มีแต่อุปสรรคแล้วล่ะ!!

                แต่ถ้าจะให้เขาหาแฟนให้ทันตอนนี้ขอบอกเลยว่านั่นเป็นหนทางที่ยากกว่าเสียอีกพอโสดมานานๆมันก็ชักจะหวงชีวิตตัวคนเดียวซะอย่างนั้น

                มีแฟนมันเหนื่อยจะตาย อยู่คนเดียวแบบนี้สบายใจกว่าเยอะ

                “แต่การเป็นโสดแบบนี้มันไม่ถูกใจคุณนายแม่ยังไงล่ะว้อย!!”ยกมือขึ้นเสยผมหน้าตัวเองหนักๆ

                ไม่รู้จะวิ่งหนีการไล่ต้อนของแม่ไปทางไหนดีแล้วเนี่ย

     

                ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก..

                เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นพร้อมกับการโผล่มาครึ่งลำตัวของใครคนหนึ่ง “ว่างมั้ยแบมแบม”

                “อ้าว พี่จุนคิว สวัสดีครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”

                คิมจุนคิวผู้จัดการบริษัทแฟชั่นชื่อดัง Fabulous-T  ที่เขาทำงานอยู่พูดง่ายๆก็คือเป็นหัวหน้าของเขาเองนั่นล่ะ

                บริษัทFabulous-Tเป็นแบรนด์บริษัทเสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆบริษัทก่อตั้งที่ลอสแองเจลลิสประเทศสหรัฐอเมริกาโดยครอบครัวชาวเอเชียมีหลายสาขาในหลากหลายประเทศ

                และเกาหลีใต้ก็ถือว่าเป็นสาขาที่ใหญ่และทำรายได้ดีเป็นอันดับที่สองรองจากต้นกำเนิดที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น

    แบมแบมเริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่ก่อนจะเรียนจบเสียอีกเขามายังเกาหลีใต้ตั้งแต่ตอนที่อายุยังไม่ครบ16ขวบดีด้วยทุนของวิทยาลัยออกแบบสาขาแฟชั่นดีไซน์ของเกาหลีใต้ก่อนจะเข้ามาฝึกและเรียนรู้งานจากที่นี่ดังนั้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยหลังจากนั้นจนถึงเรียนจบและเริ่มต้นชีวิตวัยทำงานของเขาจึงผูกพันกับที่นี่มาตลอด

                “ออกมานี่หน่อยสิพี่มีใครอยากจะแนะนำให้รู้จัก”หัวหน้าใหญ่เอ่ย

                แบมแบมหยุดคิดปัญหาส่วนตัวแล้วจึงเดินตามอีกฝ่ายออกไปยังห้องโถงตรงกลางซึ่งใช้เป็นพื้นที่รับแขกก็พบว่ามีผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งหันหลังรออยู่

                “เอ่อ...ครับ...” แบมแบมเอ่ยอย่างเก้อเขินเพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลย

                จุนคิวกระแอมเล็กน้อย“นี่มาร์คเป็นพนักงานที่จะมาเรียนรู้งานจากสาขาของเราเขาถูกเลือกมาโดยบริษัทที่อเมริกาน่ะ”

                เจ้าของชื่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจึงหันมาเผชิญหน้ากับแบมแบม

     

                หยุด!


                ถ้าคิดว่ามันจะเป็นจังหวะสโลโมชั่นแบบในซีรี่ย์และเขาจะต้องตะลึงในความหล่อของอีกฝ่ายแล้วล่ะก็ขอให้หยุดความคิดเอาไว้เท่านั้น

                เพราะไอ้หมอนี่มันโคตรเฉิ่มเชยเลยยังไงล่ะ!!!

                “ฝั่งแอลเอส่งเขามาจริงหรอครับ”หลุดปากเอ่ยออกไปจนได้

                แต่เขาไม่ได้พูดเกินจริงไปสักนิดเลยนะสารรูปคนตรงหน้านี่เหมาะกับจะไปนั่งเก็บเงินตามซุ้มจำหน่ายตั๋วก่อนเข้าชมพิพิธภัณฑ์มากกว่าซะอีก

                กางเกงตัวใหญ่โคร่งฟอกสีซีดด่างเป็นจุดๆเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก๊อตสีแดงตัดเหลืองมีแซมเขียวด้วยนะและรองเท้ายังเป็นผ้าใบสีน้ำเงินเข็มขัดหนังสีน้ำตาล

                มีอะไรเข้ากันบ้างเขาขอถามตรงๆ

                ยัง!มันยังไม่หมดเท่านั้นผมเผ้าเจ้าหมอนี่ยังปรกหน้าปรกตาซะราวกับเพิ่งออกมาจากป่ายังไม่รวมแว่นกรอบหนาเตอะนั่นอีก

                เฮ้ย นี่มันนำเทรนด์ไปล่วงหน้ามากหรือหลงมาจากยุคเรทโทรร้อยปีที่แล้วเนี่ย

                จุนคิวต้องกระแอมแก้บรรยากาศเล็กน้อยเพราะตัวเขาเองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของลูกน้องคนสนิทดี เขาก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

                ไม่รู้ทางฝั่งบริษัทแม่คิดอะไรกันแน่ถึงได้ส่งผู้ชายคนนี้มา

                “มาร์คจะมาดูงานที่บริษัทเราเป็นเวลาสามเดือนพี่อยากให้เขาเป็นผู้ช่วยนายไหนๆซึลกิก็ลาไปคลอดลูกนี่นา”

    คังซึลกิผู้ช่วยสาวคู่ใจของแบมแบมทำงานแม้จะตั้งท้องอยู่จนกระทั่งสามีของเธอต้องยื่นคำขาดให้พักอยู่กับบ้านเมื่อท้องแก่เข้าสู่เดือนที่แปดและตัวเขาเองก็เห็นด้วยเช่นกันกว่าอะไรๆจะเข้าที่อาจจะต้องลาพักเกินครึ่งปีแหงๆดูจากรูปทรงแล้ว

                “อ่า...เอางั้นหรอครับ”แบมแบมค่อนข้างลังเลเพราะเขาไม่รู้เลยว่าจะทำงานกับคนตรงหน้านี้ยังไงดี “เขาพูดเกาหลีได้มั้ยครับ”

                “พูดได้ครับ”มาร์คพูดขึ้นซะเอง “ผมเรียนภาษาเกาหลีมาสามปีแล้วครับ”

                แบมแบมพยักหน้าเมื่อได้ยินน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำนั้น

                “เอาเป็นว่าตามนี้ก็แล้วกันนะมีอะไรก็พูดคุยกันซะพี่ต้องออกไปคุยกับลูกค้าซะหน่อยฝากทางนี้ด้วยนะแบม”พี่จุนคิวตบบ่าแบมแบมเล็กน้อยแล้วจึงเสเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

                แบมแบมหันกลับมายิ้มแหยๆให้คนตรงหน้า“ไหนๆก็คงจะต้องลงเรือลำเดียวกันแล้ว ชั้นล่างของตึกนี่มันร้านคาเฟ่อร่อยไปดื่มกาแฟกันมั้ยผมเลี้ยงเอง”

                มาร์คยิ้มเล็กน้อยแล้วจึงหันหลังตั้งท่าจะเดินออกไปที่ลิฟต์

    ดีไซเนอร์หนุ่มหรี่ตามองท่าทางของอีกฝ่ายแล้วก็สงสัยเล็กน้อยถึงแม้ว่าจะแต่งตัวไร้รสนิยมขั้นเขารับไม่ได้แต่ท่าทีการขยับตัวของอีกฝ่ายมันกลับดูน่ามองและถือว่าเดินได้คล้ายนายแบบที่สวมใส่เสื้อผ้าของเขาบ่อยๆเลยล่ะ


                อกผาย ไหล่ผึ่ง เดินตัวตรง มือไม่แกว่ง จังหวะการก้าวเท้าสม่ำเสมอ

                เป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย รู้สึกอะไรก็ไม่เข้ากันสักอย่าง

     


                มาร์คเลือกดื่มช็อกโกแลตเย็นในขณะที่แบมแบมขอเป็นอเมริกาโน่ร้อนเพื่อกระตุ้นอารมณ์อยากทำงานของตน

                “คุณ...ดูเป็นคนเอเชียนะ”แบมแบมหรี่ตามองอีกฝ่ายที่กำลังละเลียดขนมพายอยู่

                “ผมมีสัญญชาติอเมริกานะครับ ถ้าคุณอยากจะดูพาสปอร์ต...”

                “ไม่ต้องๆ”รีบยกมือห้าม“แต่ถ้าจะให้เชื่อว่าคุณเป็นคนอเมริกาจริงๆผมคงลำบากใจ”

                มาร์คยิ้มมุมปากน้อยๆ“คุณทวดของผมอพยพจากจีนไปที่อเมริกาตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเสียอีกครับ”

                “อ๋อ...เป็นคนจีนนี่เอง” แบมแบมพยักหน้าเข้าใจ

                “คุณเองก็เป็นคนไทยสินะครับ คุณจุนคิวบอกผม”

                แบมแบมพยักหน้า “ใช่ แต่ผมอยู่ที่เกาหลีมาสิบสามปีแล้ว”

                มาร์คทำท่าสนใจทันที “ไม่คิดถึงครอบครัวหรอครับ”

                “ก็กลับไทยทุกปีแม่กับที่บ้านผมก็บินมาเยี่ยมที่นี่ออกจะบ่อย”แบมแบมตอบตามตรงก่อนที่จะลอบสังเกตอีกฝ่ายต่อ

                เขาจะพยายามมองข้ามเสื้อผ้านั่นไปก็แล้วกันแต่ถือว่าบอดี้ของอีกฝ่ายใช้ได้เลยล่ะ คำพูดคำจาก็ดูสุภาพเรียบร้อยดีออกแนวผู้ชายเนิร์ดจริงๆนั่นล่ะ

                คุยกับเขาก็เอาแต่ก้มหน้ามองขนมไม่สบตาคนพูดด้วยซะอย่างนั้น

                แล้วไอเดียประหลาดๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันก็ย้อนกลับเข้ามาหาแบมแบมอีกครั้งจนได้

                “นี่คุณผมถามบางคำถามกับคุณได้มั้ย”

                มาร์คขมวดคิ้วภายใต้แว่นกรอบหนานั่น “คุณอยากจะรู้อะไรหรอครับ”

                “คุณนามสกุลอะไร มาร์คอะไร ผมจะได้เรียกถูก”

                “เอ่อ...”อีกฝ่ายมีเครื่องหมายคำถามประทับบนหน้าตัวเบ้อเริ่ม“เรียกผมว่ามาร์คเฉยๆก็ได้ครับคนจีนไม่นิยมเรียกนามสกุลกัน”

                “งั้นหรอ”เขาว่าเขาไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้นะ“งั้นคุณสูงเท่าไหร่น้ำหนักด้วย”

                “ผมน่าจะสูง…185เซ็นต์ได้นะน้ำหนักก็คงราวๆเจ็ดสิบครับ”

                “โอเค สมส่วนดี” แบมแบมดีดนิ้ว “งานอดิเรกชอบทำอะไร”

                มาร์คงงหนักขึ้นกว่าเดิมอีก “อ่านหนังสือแล้วก็ทำอาหารครับ”

                “ดีมาก แม่ผมต้องชอบแน่ๆ” แบมรู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้นไปอีก

                “ห๊ะ อะไรนะครับ”

                แบมแบมโบกมือไปมา“คำถามต่อไปคุณมีแฟนรึยัง”

                “เอ่อ...”คนโดนถามเรื่องส่วนตัวกระทันหันอ้าปากค้าง “ก็..ยังครับ”

                “นั่นล่ะใช่เลย”แบมแบมหัวเราะออกมา

                “อะไรของคุณกันครับผมงงไปหมดแล้ว” มาร์ครู้สึกตัวเองถามไม่ทันจริงๆ

                แบมแบมสบตาอีกฝ่ายจริงจังถึงความว่าความจริงจะมองไม่เห็นลูกกะตาอีกฝ่ายจริงๆเพราะโดนผมหน้าปรกอยู่ก็ตามเถอะ “คุณคิดยังไงกับเกย์”

                “ก็..”มาร์คครุ่นคิด “ก็คิดว่าเป็นคนเหมือนกับผมนี่ล่ะครับ”

                “คุณรังเกียจรึเปล่า”

                “ถ้าเขาเป็นคนดีก็ไม่มีเหตุจะต้องรู้สึกแบบนั้นนี่ครับ”มาร์คหันไปดื่มช็อกโกแล็ตเย็นอีกอีกใหญ่เพื่อแก้ความกระอักกระอ่วน

                “ผมเป็นเกย์นะ” แบมแบมพูดออกมาตรงๆ

                “แค่ก!!มาร์คสำลักจนหูและจมูกแดงกว่าจะสงบอาการลงได้ก็ผ่านไปหลายนาที “โอเคครับ ผมเข้าใจ” ตอบอย่างไม่ต้องการจะเสียมารยาท

                แบมแบมเอื้อมมือมาบีบมือมาร์คที่วางอยู่บนโต๊ะ “เป็นแฟนกับผมนะ”

                “พรืด!!คราวนี้มาร์คถึงกับพ่นน้ำหน้าใส่หน้าอีกฝ่ายทันที “ผมขอโทษๆ”

                แบมแบมคว้าทิชชู่มาซับหน้าตัวเองอย่างอนาถใจ “ไม่เป็นไรๆ”

                “แต่คุณจะบ้าหรอครับนี่เป็นแผนรับน้องใหม่อย่างผมหรอ”

          “ผมไม่ได้เมาไม่ได้บ้าแล้วก็ไม่ได้แกล้งคุณด้วย”แบมแบมบีบมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นไปอีก“แต่แม่ผมจะจับผมคลุมถุงชนถ้าภายในสองเดือนข้างหน้านี่ผมไม่สามารถหาแฟนไปแนะนำกับที่บ้านได้”

                “แต่...” มาร์คยังดูไม่เข้าใจอะไรมากนัก

                “ผมไม่อยากถูกจับแต่งงานกับผู้หญิงคุณเข้าใจผมมั้ยคือผมเป็นเกย์โอเคผมยอมรับตามตรงแถมผมยังเป็นฝ่ายรับด้วย”

                “ผมว่าผมพอเข้าใจ” มาร์คไม่อยากจะฟังต่อรีบยกมือห้าม

                “รอบนี้ดูเหมือนแม่ผมจะเอาจริงด้วยผมคิดทางอื่นไม่ออกแล้ว”ดีไซเนอร์ชื่อดังถอนหายใจ

                “แต่...คุณคิดว่าแม่คุณจะเชื่องั้นหรอ”

                “มันก็ยังดีกว่าไม่พยายามทำอะไรเลยนั่นล่ะผมไม่รู้จะไปจ้างใครคนอื่น”

                “ผมว่าคุณลองคุยกับทางบ้านคุณตรงๆดีกว่ามั้ยโกหกแบบนี้มันไม่ดีเลยครับ”

                “เชื่อผมเถอะว่าแม่ผมเป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่เหนือเหตุผลทั้งโลก”แบมแบมยกมืออีกข้างขึ้นมาทำท่าปาดคอตัวเอง

                “ผมว่า ผมคง...”

                แบมแบมเขย่ามืออีกฝ่าย “ผมจะช่วยเขียนคอมเม้นท์ฝึกงานคุณดีๆเลยนะ”

                “นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ” มาร์คท้วง

                “นะคุณช่วยผมหน่อยเถอะผมจะไม่ลืมบุญคุณของคุณเลย”

                ผู้ช่วยอิมพอร์ตจากลอสแองเจลลิสขมวดคิ้วจนหน้ายุ่ง“ขอเวลาผมตัดสินใจหน่อยได้มั้ยครับ”มาร์คเอ่ยขึ้นในที่สุด“ผมก็อยากช่วยคุณนะครับแต่วิธีการนี้ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเลย...”

                “ผมเองก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้หรอกนะแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ”

                มาร์คก้มมองแก้วน้ำที่พร่องไปเกินครึ่งของตัวเองและฝ่ามือที่ยังถูกอีกฝ่ายเกาะกุมไว้อยู่

                เสียงถอนหายใจดังๆเกิดขึ้น


                “เอาเป็นว่าขอเวลาผมคิดอีกสักหน่อยนะครับ”






     - - - - - -

    #ผู้ชายของแบม on twitter : )



    next is very soon


    NEVER MIND! ซิงเกิ้ลแป๊บดิ

    CHAPTER 2 = HAPPY TO BE SINGLE

     

    (อย่าลืมคอมเม้นท์และสกรีมในทวิตเตอร์นะคะ >.<)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×