คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAP-1 = Super Nerd Rookie!
NEVER MIND! ซิงเกิ้ลแป๊บดิ
CHAPTER 1 = Super Nerd Rookie!
“เฮ้อ...”ดีไซเนอร์ตัวท็อปของบริษัทถอนหายใจออกมาอีกระลอกก่อนจะปาดินสอที่ถือไว้ในมือลงบนกระดาษเสก็ต
ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วนะหลังจากที่แม่โทรมาสั่งให้เขาพาแฟนไปแนะนำฟ้าผ่าแบบนั้นแถมยังเป็นสองอาทิตย์ที่เขาทำอะไรไม่ได้เลยอีกต่างหากยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะหาทางออกยังไงดี
“โอยไม่รู้จะพูดกับใครเลยเว้ย”ขืนโทรไปปรึกษาสามพี่น้องที่ไทยไม่แคล้วว่าจะต้องโดนแม่จับพิรุธได้แน่ๆ
นี่เหลือเวลาไม่ถึงสองเดือนครึ่งแล้วด้วยซ้ำให้ตายเถอะเขานี่เครียดยิ่งกว่าตอนต้องคิดแบบเสื้อผ้าให้ทันโชว์ทั้งหมดภายในสามวันซะอีก
กันต์พิมุกต์จะไม่ยอมโดนจับคลุมถุงชนแน่ๆ!
“หรือเราจะไปจ้างใครมาเป็นแฟนดีวะ”ดีไซน์เนอร์หนุ่มตัวผอมเพรียวด้วยร่างที่สูง
180 เซ็นติเมตรจึงสวมใส่เสื้อผ้าได้สวยงามราวกับหุ่น
ไอเดียนี้เหมือนจะจุดประกายไฟบางอย่างในสมองเจ้าของแต่มันก็เหมือนหลอดไฟราคาถูกที่ติดๆดับๆ
“แล้วจะจ้างใครล่ะวะ เงื่อนไขพิศดารขนาดนี้”
เขาเองก็พอจะเคยได้ยินเรื่องรับจ้างแค่งานกำมะลอเพื่อผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆแต่นี่เขาต้องการผู้ชายมาเล่นเป็นแฟนด้วยกันไง
แค่คิดก็มีแต่อุปสรรคแล้วล่ะ!!
แต่ถ้าจะให้เขาหาแฟนให้ทันตอนนี้ขอบอกเลยว่านั่นเป็นหนทางที่ยากกว่าเสียอีกพอโสดมานานๆมันก็ชักจะหวงชีวิตตัวคนเดียวซะอย่างนั้น
มีแฟนมันเหนื่อยจะตาย
อยู่คนเดียวแบบนี้สบายใจกว่าเยอะ
“แต่การเป็นโสดแบบนี้มันไม่ถูกใจคุณนายแม่ยังไงล่ะว้อย!!”ยกมือขึ้นเสยผมหน้าตัวเองหนักๆ
ไม่รู้จะวิ่งหนีการไล่ต้อนของแม่ไปทางไหนดีแล้วเนี่ย
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก..
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นพร้อมกับการโผล่มาครึ่งลำตัวของใครคนหนึ่ง
“ว่างมั้ยแบมแบม”
“อ้าว
พี่จุนคิว สวัสดีครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”
คิมจุนคิวผู้จัดการบริษัทแฟชั่นชื่อดัง
Fabulous-T ที่เขาทำงานอยู่พูดง่ายๆก็คือเป็นหัวหน้าของเขาเองนั่นล่ะ
บริษัทFabulous-Tเป็นแบรนด์บริษัทเสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆบริษัทก่อตั้งที่ลอสแองเจลลิสประเทศสหรัฐอเมริกาโดยครอบครัวชาวเอเชียมีหลายสาขาในหลากหลายประเทศ
และเกาหลีใต้ก็ถือว่าเป็นสาขาที่ใหญ่และทำรายได้ดีเป็นอันดับที่สองรองจากต้นกำเนิดที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น
แบมแบมเริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่ก่อนจะเรียนจบเสียอีกเขามายังเกาหลีใต้ตั้งแต่ตอนที่อายุยังไม่ครบ16ขวบดีด้วยทุนของวิทยาลัยออกแบบสาขาแฟชั่นดีไซน์ของเกาหลีใต้ก่อนจะเข้ามาฝึกและเรียนรู้งานจากที่นี่ดังนั้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยหลังจากนั้นจนถึงเรียนจบและเริ่มต้นชีวิตวัยทำงานของเขาจึงผูกพันกับที่นี่มาตลอด
“ออกมานี่หน่อยสิพี่มีใครอยากจะแนะนำให้รู้จัก”หัวหน้าใหญ่เอ่ย
แบมแบมหยุดคิดปัญหาส่วนตัวแล้วจึงเดินตามอีกฝ่ายออกไปยังห้องโถงตรงกลางซึ่งใช้เป็นพื้นที่รับแขกก็พบว่ามีผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งหันหลังรออยู่
“เอ่อ...ครับ...”
แบมแบมเอ่ยอย่างเก้อเขินเพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลย
จุนคิวกระแอมเล็กน้อย“นี่มาร์คเป็นพนักงานที่จะมาเรียนรู้งานจากสาขาของเราเขาถูกเลือกมาโดยบริษัทที่อเมริกาน่ะ”
เจ้าของชื่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจึงหันมาเผชิญหน้ากับแบมแบม
หยุด!
ถ้าคิดว่ามันจะเป็นจังหวะสโลโมชั่นแบบในซีรี่ย์และเขาจะต้องตะลึงในความหล่อของอีกฝ่ายแล้วล่ะก็ขอให้หยุดความคิดเอาไว้เท่านั้น
เพราะไอ้หมอนี่มันโคตรเฉิ่มเชยเลยยังไงล่ะ!!!
“ฝั่งแอลเอส่งเขามาจริงหรอครับ”หลุดปากเอ่ยออกไปจนได้
แต่เขาไม่ได้พูดเกินจริงไปสักนิดเลยนะสารรูปคนตรงหน้านี่เหมาะกับจะไปนั่งเก็บเงินตามซุ้มจำหน่ายตั๋วก่อนเข้าชมพิพิธภัณฑ์มากกว่าซะอีก
กางเกงตัวใหญ่โคร่งฟอกสีซีดด่างเป็นจุดๆเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก๊อตสีแดงตัดเหลืองมีแซมเขียวด้วยนะและรองเท้ายังเป็นผ้าใบสีน้ำเงินเข็มขัดหนังสีน้ำตาล
มีอะไรเข้ากันบ้างเขาขอถามตรงๆ
ยัง!มันยังไม่หมดเท่านั้นผมเผ้าเจ้าหมอนี่ยังปรกหน้าปรกตาซะราวกับเพิ่งออกมาจากป่ายังไม่รวมแว่นกรอบหนาเตอะนั่นอีก
เฮ้ย
นี่มันนำเทรนด์ไปล่วงหน้ามากหรือหลงมาจากยุคเรทโทรร้อยปีที่แล้วเนี่ย
จุนคิวต้องกระแอมแก้บรรยากาศเล็กน้อยเพราะตัวเขาเองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของลูกน้องคนสนิทดี
เขาก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
ไม่รู้ทางฝั่งบริษัทแม่คิดอะไรกันแน่ถึงได้ส่งผู้ชายคนนี้มา
“มาร์คจะมาดูงานที่บริษัทเราเป็นเวลาสามเดือนพี่อยากให้เขาเป็นผู้ช่วยนายไหนๆซึลกิก็ลาไปคลอดลูกนี่นา”
คังซึลกิผู้ช่วยสาวคู่ใจของแบมแบมทำงานแม้จะตั้งท้องอยู่จนกระทั่งสามีของเธอต้องยื่นคำขาดให้พักอยู่กับบ้านเมื่อท้องแก่เข้าสู่เดือนที่แปดและตัวเขาเองก็เห็นด้วยเช่นกันกว่าอะไรๆจะเข้าที่อาจจะต้องลาพักเกินครึ่งปีแหงๆดูจากรูปทรงแล้ว
“อ่า...เอางั้นหรอครับ”แบมแบมค่อนข้างลังเลเพราะเขาไม่รู้เลยว่าจะทำงานกับคนตรงหน้านี้ยังไงดี
“เขาพูดเกาหลีได้มั้ยครับ”
“พูดได้ครับ”มาร์คพูดขึ้นซะเอง
“ผมเรียนภาษาเกาหลีมาสามปีแล้วครับ”
แบมแบมพยักหน้าเมื่อได้ยินน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำนั้น
“เอาเป็นว่าตามนี้ก็แล้วกันนะมีอะไรก็พูดคุยกันซะพี่ต้องออกไปคุยกับลูกค้าซะหน่อยฝากทางนี้ด้วยนะแบม”พี่จุนคิวตบบ่าแบมแบมเล็กน้อยแล้วจึงเสเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
แบมแบมหันกลับมายิ้มแหยๆให้คนตรงหน้า“ไหนๆก็คงจะต้องลงเรือลำเดียวกันแล้ว
ชั้นล่างของตึกนี่มันร้านคาเฟ่อร่อยไปดื่มกาแฟกันมั้ยผมเลี้ยงเอง”
มาร์คยิ้มเล็กน้อยแล้วจึงหันหลังตั้งท่าจะเดินออกไปที่ลิฟต์
ดีไซเนอร์หนุ่มหรี่ตามองท่าทางของอีกฝ่ายแล้วก็สงสัยเล็กน้อยถึงแม้ว่าจะแต่งตัวไร้รสนิยมขั้นเขารับไม่ได้แต่ท่าทีการขยับตัวของอีกฝ่ายมันกลับดูน่ามองและถือว่าเดินได้คล้ายนายแบบที่สวมใส่เสื้อผ้าของเขาบ่อยๆเลยล่ะ
อกผาย ไหล่ผึ่ง
เดินตัวตรง มือไม่แกว่ง จังหวะการก้าวเท้าสม่ำเสมอ
เป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย
รู้สึกอะไรก็ไม่เข้ากันสักอย่าง
มาร์คเลือกดื่มช็อกโกแลตเย็นในขณะที่แบมแบมขอเป็นอเมริกาโน่ร้อนเพื่อกระตุ้นอารมณ์อยากทำงานของตน
“คุณ...ดูเป็นคนเอเชียนะ”แบมแบมหรี่ตามองอีกฝ่ายที่กำลังละเลียดขนมพายอยู่
“ผมมีสัญญชาติอเมริกานะครับ
ถ้าคุณอยากจะดูพาสปอร์ต...”
“ไม่ต้องๆ”รีบยกมือห้าม“แต่ถ้าจะให้เชื่อว่าคุณเป็นคนอเมริกาจริงๆผมคงลำบากใจ”
มาร์คยิ้มมุมปากน้อยๆ“คุณทวดของผมอพยพจากจีนไปที่อเมริกาตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเสียอีกครับ”
“อ๋อ...เป็นคนจีนนี่เอง”
แบมแบมพยักหน้าเข้าใจ
“คุณเองก็เป็นคนไทยสินะครับ
คุณจุนคิวบอกผม”
แบมแบมพยักหน้า
“ใช่ แต่ผมอยู่ที่เกาหลีมาสิบสามปีแล้ว”
มาร์คทำท่าสนใจทันที
“ไม่คิดถึงครอบครัวหรอครับ”
“ก็กลับไทยทุกปีแม่กับที่บ้านผมก็บินมาเยี่ยมที่นี่ออกจะบ่อย”แบมแบมตอบตามตรงก่อนที่จะลอบสังเกตอีกฝ่ายต่อ
เขาจะพยายามมองข้ามเสื้อผ้านั่นไปก็แล้วกันแต่ถือว่าบอดี้ของอีกฝ่ายใช้ได้เลยล่ะ
คำพูดคำจาก็ดูสุภาพเรียบร้อยดีออกแนวผู้ชายเนิร์ดจริงๆนั่นล่ะ
คุยกับเขาก็เอาแต่ก้มหน้ามองขนมไม่สบตาคนพูดด้วยซะอย่างนั้น
แล้วไอเดียประหลาดๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันก็ย้อนกลับเข้ามาหาแบมแบมอีกครั้งจนได้
“นี่คุณผมถามบางคำถามกับคุณได้มั้ย”
มาร์คขมวดคิ้วภายใต้แว่นกรอบหนานั่น
“คุณอยากจะรู้อะไรหรอครับ”
“คุณนามสกุลอะไร
มาร์คอะไร ผมจะได้เรียกถูก”
“เอ่อ...”อีกฝ่ายมีเครื่องหมายคำถามประทับบนหน้าตัวเบ้อเริ่ม“เรียกผมว่ามาร์คเฉยๆก็ได้ครับคนจีนไม่นิยมเรียกนามสกุลกัน”
“งั้นหรอ”เขาว่าเขาไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้นะ“งั้นคุณสูงเท่าไหร่น้ำหนักด้วย”
“ผมน่าจะสูง…185เซ็นต์ได้นะน้ำหนักก็คงราวๆเจ็ดสิบครับ”
“โอเค
สมส่วนดี” แบมแบมดีดนิ้ว “งานอดิเรกชอบทำอะไร”
มาร์คงงหนักขึ้นกว่าเดิมอีก
“อ่านหนังสือแล้วก็ทำอาหารครับ”
“ดีมาก
แม่ผมต้องชอบแน่ๆ” แบมรู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้นไปอีก
“ห๊ะ
อะไรนะครับ”
แบมแบมโบกมือไปมา“คำถามต่อไปคุณมีแฟนรึยัง”
“เอ่อ...”คนโดนถามเรื่องส่วนตัวกระทันหันอ้าปากค้าง
“ก็..ยังครับ”
“นั่นล่ะใช่เลย”แบมแบมหัวเราะออกมา
“อะไรของคุณกันครับผมงงไปหมดแล้ว”
มาร์ครู้สึกตัวเองถามไม่ทันจริงๆ
แบมแบมสบตาอีกฝ่ายจริงจังถึงความว่าความจริงจะมองไม่เห็นลูกกะตาอีกฝ่ายจริงๆเพราะโดนผมหน้าปรกอยู่ก็ตามเถอะ
“คุณคิดยังไงกับเกย์”
“ก็..”มาร์คครุ่นคิด
“ก็คิดว่าเป็นคนเหมือนกับผมนี่ล่ะครับ”
“คุณรังเกียจรึเปล่า”
“ถ้าเขาเป็นคนดีก็ไม่มีเหตุจะต้องรู้สึกแบบนั้นนี่ครับ”มาร์คหันไปดื่มช็อกโกแล็ตเย็นอีกอีกใหญ่เพื่อแก้ความกระอักกระอ่วน
“ผมเป็นเกย์นะ”
แบมแบมพูดออกมาตรงๆ
“แค่ก!!”มาร์คสำลักจนหูและจมูกแดงกว่าจะสงบอาการลงได้ก็ผ่านไปหลายนาที
“โอเคครับ ผมเข้าใจ” ตอบอย่างไม่ต้องการจะเสียมารยาท
แบมแบมเอื้อมมือมาบีบมือมาร์คที่วางอยู่บนโต๊ะ
“เป็นแฟนกับผมนะ”
“พรืด!!”คราวนี้มาร์คถึงกับพ่นน้ำหน้าใส่หน้าอีกฝ่ายทันที
“ผมขอโทษๆ”
แบมแบมคว้าทิชชู่มาซับหน้าตัวเองอย่างอนาถใจ
“ไม่เป็นไรๆ”
“แต่คุณจะบ้าหรอครับนี่เป็นแผนรับน้องใหม่อย่างผมหรอ”
“ผมไม่ได้เมาไม่ได้บ้าแล้วก็ไม่ได้แกล้งคุณด้วย”แบมแบมบีบมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นไปอีก“แต่แม่ผมจะจับผมคลุมถุงชนถ้าภายในสองเดือนข้างหน้านี่ผมไม่สามารถหาแฟนไปแนะนำกับที่บ้านได้”
“แต่...”
มาร์คยังดูไม่เข้าใจอะไรมากนัก
“ผมไม่อยากถูกจับแต่งงานกับผู้หญิงคุณเข้าใจผมมั้ยคือผมเป็นเกย์โอเคผมยอมรับตามตรงแถมผมยังเป็นฝ่ายรับด้วย”
“ผมว่าผมพอเข้าใจ”
มาร์คไม่อยากจะฟังต่อรีบยกมือห้าม
“รอบนี้ดูเหมือนแม่ผมจะเอาจริงด้วยผมคิดทางอื่นไม่ออกแล้ว”ดีไซเนอร์ชื่อดังถอนหายใจ
“แต่...คุณคิดว่าแม่คุณจะเชื่องั้นหรอ”
“มันก็ยังดีกว่าไม่พยายามทำอะไรเลยนั่นล่ะผมไม่รู้จะไปจ้างใครคนอื่น”
“ผมว่าคุณลองคุยกับทางบ้านคุณตรงๆดีกว่ามั้ยโกหกแบบนี้มันไม่ดีเลยครับ”
“เชื่อผมเถอะว่าแม่ผมเป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่เหนือเหตุผลทั้งโลก”แบมแบมยกมืออีกข้างขึ้นมาทำท่าปาดคอตัวเอง
“ผมว่า
ผมคง...”
แบมแบมเขย่ามืออีกฝ่าย
“ผมจะช่วยเขียนคอมเม้นท์ฝึกงานคุณดีๆเลยนะ”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ”
มาร์คท้วง
“นะคุณช่วยผมหน่อยเถอะผมจะไม่ลืมบุญคุณของคุณเลย”
ผู้ช่วยอิมพอร์ตจากลอสแองเจลลิสขมวดคิ้วจนหน้ายุ่ง“ขอเวลาผมตัดสินใจหน่อยได้มั้ยครับ”มาร์คเอ่ยขึ้นในที่สุด“ผมก็อยากช่วยคุณนะครับแต่วิธีการนี้ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเลย...”
“ผมเองก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้หรอกนะแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ”
มาร์คก้มมองแก้วน้ำที่พร่องไปเกินครึ่งของตัวเองและฝ่ามือที่ยังถูกอีกฝ่ายเกาะกุมไว้อยู่
เสียงถอนหายใจดังๆเกิดขึ้น
“เอาเป็นว่าขอเวลาผมคิดอีกสักหน่อยนะครับ”
- - - - - -
#ผู้ชายของแบม on twitter : )
next is very soon
NEVER MIND! ซิงเกิ้ลแป๊บดิ
CHAPTER 2 = HAPPY TO BE SINGLE
(อย่าลืมคอมเม้นท์และสกรีมในทวิตเตอร์นะคะ >.<)
ความคิดเห็น