คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
อ๊ากกกกกกก
“ ทำไงดีล่ะเนี่ย นิยายฉันถึงจะเสร็จ ใครก็ได้ช่วยที !!!! ” นี่แหละประโยคประจำของฉัน ที่มักจะบ่นทุกครั้งที่บก. เร่งเอาต้นฉบับ เฮ้อ!! บก.นะ บก. ให้เวลาแค่ 3 เดือนมันจะทันไหมเนี่ย นี่ก็ปาไปแล้วครึ่งเดือนและยังไม่ได้อะไรเลย พอบก.ถามว่าถึงไหนแล้ว ฉันก็จัดการแถมันเข้าไปเต็มที่เลยว่า ได้เยอะแล้ว T^T ชีวิตนี้ช่างรันทดจริง แถมช่วงนี้ก็ยังอดๆ อยากๆ อีก โอ๊ยยยยยย ใครก็ได้ช่วยสาวน้อยสุดมหัศจรรย์อย่างฉันที
อุ๊ย !! โทษทีค่ะมัวแต่บ่น ลืมแนะนำตัวเลย ฉันชื่อ อิงฟ้า กำลังเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ ปี 3 คงจะสงสัยล่ะสิว่า เรียนวิศวะแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขียนนิยาย บอกตามตรงเลยว่า เกี่ยว!! เพราะว่าการเขียนนิยายมันคือเงินของฉานนนนน เฮ้อ คิดแล้วก็กลุ้มแล้วจะเอาไงต่อกับชีวิตดีเรา
~~~ โครก คราก ~~~
นั่นไง สัญญาณเตือนมาแล้วไง แล้วจะเอาไงล่ะทีเนี่ย โอ้สวรรค์โปรดส่งใครก็ได้มาเลี้ยงข้าวหนูที ช่วงนี้หนูรันทดมากกกกก !!! ตราบใดที่หนูยังไม่ส่งต้นฉบับก็จะไม่มีเงินกินข้าว T^T ในห้องก็มีแต่มาม่า อยากกินอะไรที่มันไม่ใช่มาม่ามั้งอ่ะ T^T
~~~~ ตืด ตืด ~~~~
นั่นไง สวรรค์รับฟังที่หนูอ้อนวอนแล้ว ท่านส่งคนมาเลี้ยงข้าวฉันแล้ว เย้ๆๆ
“ฮัลโหล” รับสายอย่างร่าเริง
(แกอยู่ไหน)
“ อยู่ห้อง”
(หิวยัง) ไม่อยากจะบอกเลยว่าหิวมากกกก รอแค่แกพูดคำนี้แหละ
“มากกก”
(งั้น รออยู่นั่นแหละเดี๋ยวจะซื้อกับข้าวเข้าไปให้กิน) นายหล่อมาก (เวลานี้นะ)
“ok แล้วตอนนี้แกอยู่ไหน” คุยกันตั้งนานเพิ่งรู้ตัวหรือไงว่าต้องถาม
(หน้าห้องแก) เอิ่ม….. ไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องโทร.หาฉันด้วยล่ะเนี่ย -.-*
“ทำไมไม่เคาะประตู”
(กลัวแกไม่อยู่ห้อง แล้วก็ขี้เกียจเคาะประตูด้วยเลยโทร.ถามแกดูก่อน) เจริญ!!! เพื่อนฉัน สมงสมองเนี่ยไปหมดแล้ว สงสัยพ่อแม่คงจะรวยมาก (มันก็รวยจริงๆนั่นแหละ) ถึงได้โทร.หาฉันทั้งๆที่อยู่หน้าห้อง
“รู้แล้วว่าฉันอยู่ห้อง ทำไมไม่วางล่ะยะ” หมอนี่ก็เหลือเกิน
(ก็กลัวแกด่า จะหาว่าฉันวางสายก่อน (..)) ฉันล่ะอยากจะบ้าตายกับนาย นายคราม
“ฉันจะด่าแกก็ตอนนี้แหละ”
(แกจะให้ฉันวางใช่ไหมประเด็น) คนเราเนาะ ด่าขนาดนี้ยังสรุปไม่ได้อีก
“ก็ใช่นะสิ”
(งั้นแค่นี้นะ ตามคำด่าเลย) ฉันอยากจะบ้าตายกับแกจริงๆ คราม
ตี๊ด
หลังจากทีวางสายหมอนั่นเสร็จ ฉันก็จัดการเดินไปเปิดประตูให้หมอนั่น ให้ตายเถอะเมื่อไหร่ฉันจะชินกับอาการติ๊งต๊องของหมอนี่สักที
“ไง จ๊ะ” นี่แหละคำทักทายประจำตัวของฉัน ช่างเหมือนกุลสตรีไทยซะเหลือเกิน (ประชดนะ)
“หัดทำตัวให้เหมือนผู้หญิงหน่อยสิ” สาบานนี่แกยังไม่ชินกับพฤติกรรมแบบนี้ของฉันอีกหรือไง
“ฉันเป็นแบบนี้มากี่ปีแล้ว”
“ก็ตั้งแต่เด็ก (..)” รู้แบบนี้แล้วทำไมยังไม่ชินอีกล่ะยะ
“แล้วยังไม่ชินอีกหรือไง”
“เอาความจริงหรือโกหก(..)” บ่ะ หมอนี่!!! มันน่าโดนเตะ นัก
“เอาความจริงจัดนักมากเลยขอเน้นๆด้วย ชัดไหม!!”
“ก็ไม่อะ(..)” นี่ฉันนิสัยห้าว หรือแกนิสัยเหมือนผู้เหญิงกันแน่ (มันต่างกันตรงไหน)
“เดี๋ยวโดนเตะ เป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้วทำไมยังไม่ชินอีก ” -..- เหมือนบังคับให้ชินกันเห็นๆ
“ ก็มันไม่ชินนิ ‘/\’ ” อยากจะบ้าตายกับแกไอ้ตุ๊ด
“เออๆ ฉันขี้เกียจเถียงกับแกและ หิวข้าวมากเลยตอนนี้” หลังจากด่าเสร็จ ท้องมันก็หิวขึ้นมาเลยแหะ เจริญล่ะฉัน ดูไว้นะค่ะ สิ่งดีๆแบบนี้กุลสตรีไทยไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง 555
“ คร๊าบบบบบ J ” น่ารักมากลูก 55555 แล้วฉันไปเป็นแม่ของหมอนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย 55555 รั่วแล้วฉัน(เหมือนเพิ่งจะด่าเพื่อนไปหยกๆนะว่าติ๊งต๊อง)
“ ดีมากลูก เดี๋ยวเย็นนี้แม่จะคลุกข้าวกับเพชรดีกรีให้กิน 5555 ” นิสัยดีมากเขาอุตส่าห์ซื้อกับข้าวมาให้กินยังไปว่าเขาอีก
“ หมานะไม่ใช่คน เอ๊ย คนนะไม่ใช่หมา ไม่เอาแล้วไม่คุยกับแกแล้ว เดี๋ยวได้กลายเป็นสัตว์กันพอดี ” 55555 รู้ตัวด้วย
“ก็ได้ๆ ว่าแต่แกจะไปแกะอาหารตอนไหนล่ะเนี่ย ฉันหิวจนจะกินน้องกระบือได้ทั้งฝูงแล้วนะ” เรียกซะน่ารักเชียว น้องกระบือ 5555 ไปแล้วสมองฉันสงสัยว่างๆจะได้ไปเช็คสมองบ้างแล้ว
“ ขนาดนั้นเชียว งั้นรอเดี๋ยวนะ จะไปจัดอาหารให้ตามคำบัญชา J ” ดีมากลูกว่านอนสอนง่ายแบบนี้ดี เดี๋ยวแม่จะพาไปเหล่สาว 5555
“ดีมากลูก 55555” เหมือนจะยังไม่เลิกกับมุกนี้
“ยังไม่เลิกอีก”
แล้วฉันก็ทำหน้าทำตาไม่รับรู้อะไรแล้วก็เดินไปที่โต๊ะหนังสือ ฉันนี่ก็เหลือเกินเขาอุตส่าห์ซื้อกับข้าวมาให้ยังจะให้เขาเอามาให้กินอีก ดีนะที่ไม่ให้ป้อนด้วย(เอิ่ม.. ว่าแต่นี่ฉันเขียนนิยายหรือว่าฉันเป็นหง่อยกันแน่เนี่ย555 )
20 นาทีต่อมา
*o* กับข้าวน่ากินมาก มีแต่ของโปรดฉันล้วนๆ ข้อดีของการมีหมอนี่เป็นเพื่อนคือได้กินของฟรี แถมมันยังรู้ใจเราไปซะทุกอย่าง บวกบริการดีๆที่แถมมาด้วย ครบชุดเลย (นี่เพื่อนหรือโปรโมชั่นขายของกันแน่โฆษณาซะน่ากลัวเชียว)
“นี่ๆ เช็ดน้ำลายหน่อย จ้องมันอยู่นั่นแหละถ้าไม่ลงมือกินมันจะอิ่มไหมครับ” เออวะ มันก็จริงอย่างที่นายพูด งั้นฉันไม่เกรงใจนายแล้วนะ
“งั้น ฉันจัดการตามที่นายบอกแล้วนะ” จบคำพูดฉัน ฉันก็จัดการตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย กินของดีๆแล้วมีความสุขจัง ถ้านายครามซื้อกับข้าวมาให้ทานบ่อยๆก็ดีสินะ จะได้อ้วนท้วนสมบูรณ์ 5555
“ยิ้มอะไรของแก”
“เปล๊า ไม่ได้ยิ้ม มั่วแล้ว” ฉันนี่ก็แถเก่งเหมือนกันเนอะ
“หรอ!!” ทำไมต้องดุเขาด้วยล่ะ 5555
“ค่า ^___^”
แล้วฉันก็ก้มหน้าจัดการกับอาหารต่อ ดูไปดูมาฉันนี่ก็เห็นแกกินไม่น้อยเลยนะเนี่ย แต่ก็แหมนานๆทีได้กินของดีๆ ได้กินทั่งที่ก็จัดเต็มซักหน่อย คิดแล้วก็ซึ้ง ครามฉันรักแกมาก(ตอนที่แกซื้อกับข้าวมานะ) ในตอนที่ฉันลำบากแกก็มักจะเป็นพระเอก (หรือเปล่านะ) คอยขี่ม้า เอิ่มมมม สีอะไรดีละ เออ ช่างมันเหอะเรื่องสีของม้า ตอนนี้ขอนั่งกินอาหารต่อดีกว่า มัวแต่ซึ้งมากเดี๋ยวหมอนั่นรู้ตัว
“แกเป็นไร”
“เป็นคน” น่าได้ ของเบื้องล่างมากเลยฉัน
“เป็นคนนะรู้ แต่ไอ้อาการซึ่งน้ำตาจะไหลเนี่ยแกเป็นไร” ก็ซึ่งไง ชัดไหม >0<
“ฉันแค่ดีใจที่ได้กินของดีๆกับเขาซักที” ดราม่าได้อีก
“ก็ไปขอกับที่บ้านแกสิ รับรองได้กินของดีๆทุกวัน” ไม่เอา เดี๋ยวเขาจะหาว่าเกาะพ่อแม่กิน (แล้วแต่ก่อนมันคืออะไร)
“ไม่เอา ไม่อยากรบกวนท่าน” แหม แม่คนดีทีกับเพื่อนล่ะมารยาททรามมากก
“แกก็เป็นซะอย่างนี้” เรื่องของฉันแกไม่ต้องยุ่ง
“ก็นะมันก็เป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย” แต่มันก็สามารถหาเหตุผลมาอธิบายเสมอถ้าฉันคิดจะพูดนะ
“เฮ้อ ฉันล่ะเหนื่อยกับแกจริงๆ” แกจะมาเหนื่อยกับฉันทำไมไม่ทราบพ่อกับแม่ฉันฝากแกมาดูแลฉันหรือไง
“เรื่องของแกฉันอิ่มและล้างให้ด้วย “เจริญ บวกมารยาทงามด้วย จำไว้นะคะกุลสตรีไทยไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง 55555
“เฮ้ย ได้ไงฉันอุตส่าห์ซื้อมาให้กินแล้วนะยังจะใช้ฉันอีกหรอ” กะแล้วว่าต้องบ่น ต้องเจอมุกนี้แล้ว
“ช่วยหน่อยนะ นะฉันต้องคิดนิยายต่อจริงๆ ถ้าเกิดคิดไม่ออก ฉันก็จะไม่มีเงินกินข้าวแล้ว นายไม่สงสารฉันหรอ” แล้วฉันก็ทำตาปริบๆ ตามไปด้วยเพื่อแลกคะแนนความสงสารจากหมอนั่น และมันก็ได้ผลเสมอ 5555
“เฮ้อ แกก็เป็นซะอย่างนี้ ก็ได้ๆ” เยส!!!! กะแล้วว่ามุกนี้ต้องได้ผล 5555 (ชั่วร้ายมากเลยนางเอกเรา)
“ขอบคุณคะJ ” ที่อย่างนี้ล่ะสุภาพมาเชียวฉัน นิสัยดีมากกกกกกกกก
“เฮอะๆ ไม่เป็นไรหรอก” ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย ฉันรู้ว่าแกกำลังด่าฉันในใจ
“งั้นฉันไปคิดนิยายต่อก่อนนะ เดี๋ยวไม่ทัน” หาทางชิ่งเลยเรา อย่างนี้แหละน่าที่เขาบอกว่า คบคนพาล
พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล ว่าแต่มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย รู้สึกว่าจะไม่เกี่ยวน่ะ ไปแล้วสมองฉัน
“ตามสบาย” แล้วหมอนั่นก็เดินอุ่ยอ้ายไปยังห้องครัว พอดูไปดูมาก็สงสารหมอนี่เหมืนกันแฮะ ตั้งแต่เล็กจนโตก็คอยทำนั่นทำนี่ให้ฉันมาตลอด ทำเอาตอนโตขึ้นมาฉันทำอะไรแทบจะไม่ถูกเลย เฮ้อ!! มัวแต่คิดเรื่องของชาวบ้านวกกลับมาคิดเรื่องของตัวเองได้แล้ว พอนึกถึงนิยายก็เครียดขึ้นมาทันที กลุ้มโว้ยยยยย
“ ไอ้ฟ้าเสร็จแล้วนะ ฉันไปล่ะ ”
“อืม เชิญ” มารยาททรามมาก อย่าโกรธฉันก็แล้วกันที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะฉันกำลังเครียดอยู่
“อืม” แล้วหมอนั่นก็เดินคอตกไป ขอโทษทีนะครามที่ฉันไม่ว่างคุยกับแกเลยวันนี้ ฉันของคิดนิยายก่อนนะ ไว้ฉันคิดออกแล้วจะชวนแกออกไปข้างนอกด้วยกัน แล้วเอายังไงต่อดีล่ะ เรื่องนิยายของฉันปกติก็เขียนแต่แนวแฟนตาซี สืบสวน แต่รู้สึกว่าช่วงนี้การตลาดจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ ( ง่ายๆ ขายไม่ออก ) ลองเปลี่ยนแนวเขียนดูดีไหมแล้ว เอาแนวไหนดีล่ะ คิดสิคิด
ปิ๊งป่อง
นึกออกแล้ว เอาแนว แนว แนวอะไรดีล่ะ แป่ววว!! แล้วจะทำเป็นนึกออกทำไมล่ะเนี่ย -.-! ไม่ไหวจะเคลียร์กับตัวฉันเลยจริงๆ เฮ้อ!! แล้วชาตินี้ฉันจะนึกอกไหมเนี่ย(อันนี้ก็เวอร์ไป)
30 นาที ผ่านไป
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม โอ้ จอร์จ ทำไงดีซาร่าคิดนิยายไม่ออกเลย ช่วยส่งเครื่องอะไรก็ได้มาช่วยซาร่าทีตอนนี้ซาร่าปวดหัวไปหมดแล้ว อืม ว่าแต่เราเขียนนิยายแนวไหนบ้างนะ แฟนตาซี สืบสวน เหลือ2 แนวที่ยังไม่เคยเขียน คือแนวความรัก กับ แนวสยองขวัญ เอางี้ งั้นเราทำฉลากแล้วจับดูว่าเราจะได้แนวไหน เอาล่ะ เริ่มได้ !!
ความคิดเห็น