ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Beautiful Nightmare

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่4 DAWN OF THE DUSK

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 53


    4 DAWN OF THE DUSK
    The skies are in the same color, how do you know it’s dawn.
    What if it’s dusk.
     
    หลังเดตด้วยกันไม่กี่ครั้ง อเล็กซ์ กับลอเรลก็ตกลงปลงใจเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ และติดหนึบกันมากกว่าเดิม เบลล์ดีใจที่มีเอมมี่อยู่ในกลุ่มด้วย เพราะหลายครั้งที่เอมมี่สนใจอะไรๆเหมือนกับเธอมากกว่าลอเรลเสียอีก ไม่ต้องสงสัยเลยที่เธอจะสนิทกับลูกสาวสาธุคุณอย่างรวดเร็ว
    “เธอกับเขาไปถึงไหนแล้ว” ลอเรลถามออกมาตรงๆในอาทิตย์นั้น ตอนที่กำลังจะเดินออกจากวิทยาลัย
    ดูสิคราวนี้อย่างลอรี่เป็นคนตั้งคำถามนี้
     “ฉันยังไม่เจอเขาเลย” เบลล์กล่าวเศร้าๆ เธอคว้าข้อมือของเพื่อน แล้วชี้ไปที่เล็บซึ่งทาสีดำเป็นเชิงถาม
    ลอเรลดึงมือกลับ ไม่ตอบสายตาของเบลล์เรื่องเล็บ
    “เราอยู่ในช่วงทำความรู้จักกันอยู่ล่ะมั้ง ฉันเองก็ไม่อยากให้เป็นแบบครั้งตาทึ่มนั่น เดเมียนน่ะ เขาดูดีจะตาย เขาคงไม่สนฉันหรอก” ตาทึ่มที่ว่าคือเทรเวอร์
    “เธอต้องรีบคว้...” ลอเรลฉุดเบลล์ให้หยุดเดินกะทันหัน “ดูยัยนาตาชาซี่ ไม่เท่าไรก็อ่อยหนุ่มใหม่ซะแล้ว”
    เบลล์ชะงัก มองตามสายตาลอเรล หนุ่มใหม่ที่ลอเรลหมายถึง คือ เดเมียน
    “เดเมียน!
    “พูดเป็นเล่น” ลอเรลมองเดเมียนตาไม่กระพริบ ทั้งสองแอบดูอยู่ในมุมปลอดคนที่สามารถได้ยินบทสนทนา
    “สวัสดี มารอใครรึเปล่าคะ” เบลล์ได้ยินเสียงดัดจริตของนาตาชา “ ฉันนาตาชา”
     โดยไม่รอคำตอบเธอกล่าวต่อ ยื่นมือออกมา ความจริงหล่อนก็คงไม่ต้องการคำตอบอยู่แล้วแหละ
    เดเมียนหันมามองนาตาชาแล้วก็หันไปทางอื่น  มือที่ยื่นค้างรีบหดกลับ ใบหน้าสวยงามของนาตาชาแตกเป็นเสี่ยง
    เสียงลอเรลอุทานอย่างประหลาดใจอยู่ข้างๆเบลล์
    แต่นาตาชายังไม่ละความพยายาม เธอไม่ยอมให้ตัวเองเสียฟอร์มแน่ “แล้วคุณ- -
    จู่ๆเดเมียนเงยหน้าขึ้นมา และมองตรงมาที่ที่ซ่อนของสองสาวซึ่งกำลังแอบดูสถานการณ์อยู่ เบลล์ไม่มีทางเลือก เธอรู้สึกว่าเขาสบตากับเธอแล้ว จึงเดินไปหาชายหนุ่ม
    “คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
    “ให้ผมไปส่งนะ” เดเมียนไม่พูดพร่ำ เดินนำกลับไปที่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่
    นาตาชาเดินสะบัดจากไปแล้ว
    “แต่ว่าฉัน- - คุณรู้ไดยังไงว่าฉันเรียนที่นี่” เบลล์มองหน้าเดเมียน
    เดเมียนยักไหล่ “ผมรู้แล้วกัน”
    เขาดูโดดเด่นท่ามกลางนักศึกษาที่ต่างมองมาที่ทั้งสอง เดเมียนทำให้พวกนั้นดูเป็นเด็กกะโปโลไปเลย
    “ไม่ต้องห่วง เธอไปเถอะ” ลอเรลส่งสายตาเป็นนัยว่า เขาคงจะขอเธอเดตวันนี้แล้ว อย่าทำอะไรโง่ๆด้วยการปฏิเสธล่ะ “แล้วเจอกัน”
    “คุณต้องอธิบายทั้งหมดนี่ทีหลัง” เบลล์ว่ากับเดเมียน ก่อนกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์
     
    เบลล์ไม่พูดอะไรเลย จนมาถึงเดอะ เดรก เดเมียนยืนยันกับเธอว่าจะไปส่งให้ถึงหน้าห้อง
    “ความจริงไม่จำเป็นเลยนะ คุณไม่น่าลำบากเลย” เบลล์นึกถึงที่ลอเรลส่งสายตามา แล้วก็ลอบยิ้มกับตัวเอง
    ลิฟต์มาถึงชั้นสิบเจ็ด เบลล์ขาสั้นหน่อยๆขณะเดินไปให้ถึงห้อง1705 เดเมียนเดินตามมาเงียบๆ
    “ขอบคุณที่มาส่ง เข้าไปข้างในดื่มกาแฟสักถ้วยสิ” เบลล์เสนอ
    “ผมไม่ชอบกาแฟ”
    เบลล์รูดการ์ดอย่างเสียไม่ได้ ความหวังริบหรี่เต็มที “ของหวานก็มีนะ”
    “ลาก่อนครับ”
    เบลล์หันหลังแทบไม่ทัน แต่เดเมียนหายไปแล้ว โถงทางเดินว่างเปล่า เธอหันหาเขา แล้วก็เข้าห้องไปด้วยความงงงวย
    ลอเรลโทรหาเบลล์เย็นนั้น เบลล์จำใจเล่าอย่างขมขื่น
    “ผิดคาด แต่การที่เขาเมินใส่นาตาชาก็เป็นลางดีนะ เบลล์” ลอเรลปลอบ
    “เจอกันคราวหน้า ฉันจะถามให้รู้เรื่องเลย” เบลล์ถอนหายใจ
    “เออนี่ วันหยุดขอบคุณพระเจ้า เราจะไปไหนกันดี ไปคิดมาด้วยล่ะ” ลอเรลทิ้งท้ายอย่างร่าเริง
    วันขอบคุณพระเจ้าที่ควรจะได้อยู่กับครอบครัว มีไก่งวงตัวโต และอาหารพิเศษอื่นๆบนโต๊ะอาหาร ปีนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ครอบครัวฮาตเวลคงไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้า เบลล์คิดเลยไปถึงวันคริสต์มาสในเดือนหน้า ป่านนั้น พ่อกับแม่จะติดต่อมาหรือยังก็ไม่รู้
    เบลล์วางสายเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เพราะรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องจึงหันไป ระเบียงห้องรับแขกไม่ได้หันสู่ถนนเหมือนอย่างห้องนอนของเธอ แต่หันเข้าหาคอนโดแห่งหนึ่ง แมวสีอ่อนนอนสงบเสงี่ยมที่ขอบระเบียงของห้องที่สูงระดับเดียวกับห้องของเธอ มันมองตรงมายังเบลล์ เธอเดินไปที่ระเบียงเพื่อมองมันให้ชัดขึ้น
    เป็นมันอีกแล้ว สองสามวันก่อนเจ้าแมวก็มานอนอยู่ตรงนั้น มันมีลักษณะเหมือนกับหนึ่งในแมวตัวที่คุณเมอร์ฟี่ เพื่อนบ้านผู้คลั่งไคล้แมวของเธอเลี้ยง แมวตัวนั้นก็ชอบออกมานอนตากแดดดูคนที่เดินผ่านไปมาที่ระเบียงชั้นสองซึ่งตรงกับห้องของเบลล์อย่างนี้เหมือนกัน
    เบลล์ร้องเหมียวๆเรียกมัน แมวผงกหัวขึ้นอย่างเกียจคร้าน หาวแล้วเหยียดตัว การมองแมวตัวนี้ทำให้เธอคิดถึงบ้านมากกว่าเดิมเสียอีก
    คืนนั้น เบลล์ตื่นขึ้นมากลางดึก และคล้ายกับอยู่ในฝัน เธอเห็นดวงตาสีอำพันคู่นั้นในความืด แต่เธอก็หลับไปอีกครั้ง
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    เบลล์กำลังจดออเดอร์ยิกๆจากลูกค้าทางโทรศัพท์ มาเรียก็สะกิดไหล่เธอ
    เดเมียนยืนอยู่นอกร้านสองมือล้วงกระเป๋ากางเกง
    “หลานรู้จักเขาหรอ”
    เบลล์แค่พยักหน้า ข่มอารมณ์ตื่นเต้นดีใจ จดออเดอร์ให้เสร็จเรีบยร้อยแล้วยื่นให้มาเรีย ก่อนจะออกไปหาเดเมียน
    “มีอะไรรึเปล่า”
    รถเบนลีย์คันเดิมที่เข้ามาจอดอย่างนุ่มนวลดึงความสนใจของเดเมียนไปก่อน ป้าซาห์ราถือดอกกุหลาบออกมาจากร้าน เดเมียนมองเข้าไปในรถอย่างไม่วางตา ราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นผ่านฟิล์มดำสนิทได้ จนเมื่อรถเคลื่อนออกไปอีกครั้ง เขาจึงคลายอาการเกร็ง
    “ต้องการดอกไม้หรอ” เบลล์ถามหยอกๆ
    “ความจริงก็คือ ใช่ ผมมาสั่งดอกไม้”
     “โอเค ตามเข้ามา”เบลล์ผิดหวัง แต่ก็ปั้นหน้ายิ้ม
    ป้าซาห์รา และมาเรียมองตามทั้งคู่ หยุดชะงักจากการจัดดอกไม้ เบลล์คิดว่าเขาคงมาสั่งดอกไม้ให้ผู้หญิงคนไหนแน่ๆ
    “คุณอยากได้อย่างไหน ดอกอะไร” เบลล์เดินไปที่เคาน์เตอร์เนือยๆ คว้าแบบฟอร์มมากรอก
    “คุณช่วยเลือกหน่อยสิ ผมไม่ค่อยรู้เนื่อง เอาเป็นว่าจัดอย่างที่คุณชอบแล้วกัน”
    “ก็ได้ แล้วจะให้ไปส่งไหม” เบลล์จดลงไปอย่างแกนๆ
    “ก็ดี”
    “ชื่อ ที่อยู่”
    “เบลล์ ฮาตเวล—“
    “ตลกมาก เดเมียน” เบลล์เลื่อนกระดาษออกห่างตัว แต่แอบมีรอยยิ้ม “มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่ ฉันจะทำงาน”
    “ผมจะสั่งดอกไม้ให้คุณจริงๆ” เขากวาดตามองรอบร้าน ก่อนจะหยุดที่รูปถ่ายที่แขวนอยู่เหนือศีรษะของเบลล์
    เบลล์มองอากัปกริยาของชายหนุ่ม คิ้วเข้มขมวดหากันน้อยๆ เกิดรอยหยักบางๆระหว่างคิ้ว ใบหน้านั้นก็ยังน่ามอง
    “ใคร” เดเมียนหลุดปากออกมา
    เบลล์หันหลังมองตามสายตาของเขา “นั่นแอนน์ พี่สาวฉัน- - เสียไปหลายปีแล้ว”
    รูปถ่ายของแอนน์แขวนในกรอบสีดำเหนือเคาน์เตอร์ ในรูปแอนน์กำลังยิ้มจนตาหยี เห็นไรฟัน
    “เป็นอะไร” เขาถามน้ำเสียงจริงจัง
    “โรคหัวใจ โรคประจำตัวแต่เด็กแล้ว รูปนี้ถ่ายก่อนเธอจะเสียหลายปี “
    “กี่ปีล่ะ”
    “ปีนี้ก็แปดปีแล้ว เธอไม่ใช่พี่สาวแท้ๆของฉันหรอก พ่อเธอเป็นเพื่อนกับครอบครัว รูปนี้คงเท่าฉันตอนนี้แหละ - - ทำไมอยากรู้นักล่ะ”
    “ก็ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้นี่” เดเมียนเปล่งยิ้ม
    “ได้ แล้วดอกไม้เนี่ย มีวิธีให้ที่ดีกว่านี้ไหม จะให้ฉันจัดดอกไม้ให้ตัวเองหรอ”
    “ก็แบบนี้ เราจะได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย คุณได้ดอกไม้ ร้านได้กำไร ส่วนผมก็ได้ให้ดอกไม้คุณ” เดเมียนลุกชึ้น ควักเงินในกระเป๋ากางเกงออกมา “ไม่ต้องทอน แล้วผมจะมาเอาดอกไม้ คุณอยู่รับมันจากผมด้วย”
    นั่นเป็นประโยคยาวที่สุดที่เบลล์เคยได้ยินเดเมียนพูด ทันทีที่เขาออกจากร้านไป ป้าซาห์ราและมาเรียที่ตลอดเวลาเงี่ยหูฟังการสนทนาก็เริ่มยิงคำถามใส่เบลล์เป็นชุด
    มาเรียจัดช่อดอกไม้ที่เดเมียนสั่งตามแบบที่เบลล์ต้องการ เบลล์จึงรอดพ้นจาการจัดดอกไม้ให้ตัวเอง
    ดอกลิลลี่สีส้ม กับดอกทิวลิปสีเหลืองถูกจัดอยู่ในช่อเรียบร้อยแล้ว เบลล์นั่งมองมันอย่างชื่นชม เดเมียนกลับมามอบช่อดอกไม้ให้เธอ เมื่อเธอถามว่าเนื่องในโอกาสอะไร เขาก็ตอบว่า เพื่อเติมชีวิตชีวาให้คุณ
    พอร้านปิดเบลล์หอบช่อดอกไม้กลับอพาตเมนต์ไปก่อน ป้าซาห์รามีนัดกับเพื่อนๆ เธอสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ในช่อ และนึกถึงคนให้
    แมวตัวหนึ่งนั่งอยู่หน้าประตูห้อง1705 เบลล์เดินเข้าไปใกล้มองแมวตัวนั้นซึ่งก็มองตอบกลับมาด้วยตาสองสีของมัน ข้างขวาสีฟ้า ข้างซ้ายสีเขียว มันเป็นแมวที่ลักษณะดี สวยสะอาดขนเป็นมัน เธอแน่ใจว่ามันเป็นแมวตัวเดียวกับที่เธอเห็นนอนอยู่บนระเบีงของคอนโดห้องตรงข้าม เบลล์มองซ้ายขวาก็ไม่เห็นใคร
    เบลล์ก้มลงไปหามัน แมวไม่ได้สวมปลอกคอ “แกเข้ามาได้ไงจ๊ะ เหมียวน้อย”
    เธอเอื้อมมือไปหมายจะลูบตัวมัน
    “โอ๊ะ”
    แมวตัวดีข่วนมือของเบลล์ แล้ววิ่งหนีหายไป บนหลังมือมีรอยเล็บแมว เลือดออกซิบๆ เบลล์รีบเข้าห้องไปล้างแผล แผลไม่ลึก และเธอก็ไม่เดือดร้อนไปตรวจเชื้อโรคที่โรงพยาบาลด้วย
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    นอกจากกล้องวงจรปิดที่ไม่ว่าใคร หรือ อะไรก็ไม่สามารถเล็ดลอดเข้าออกไปได้แล้ว ยังมีสุนัขพันธุ์โบเซอรงตัวโตอีกฝูงทำหน้าที่เฝ้ายามคฤหาสน์บาทอรี่
    คฤหาสน์บาทอรี่เงียบเชียบราวกับว่านี่เป็นยามเช้าตรู่ แต่ว่าตอนนี้เลยเที่ยงวันมาได้นานแล้ว ไม่ปรากฎวี่แววของผู้อยู่อาศัยในเคหาสน์หลังนี้
    เดเมียนไม่แยแสเหล่ากล้องวงจรปิด เขาเดินผ่านสนามกว้างใหญ่ของคฤหาสน์ ไม่เกรงกลัวโบเซอรงสีดำซึ่งกรูเข้ามา
    สุนัขวิ่งรี่เข้ามาอย่างบ้าคลั่ง แค่เสียง ขนาดตัว และจำนวนของมันก็ข่มขวัญใครต่อใครให้วิ่งหนีได้แล้ว
    โบเซอรงวิ่งเข้ามาใกล้แล้วก็หยุด ไม่กล้าเข้าไปกว่านั้น พวกมันเห่าขู่อย่างดุเดือดอวดเขี้ยวยาว เดเมียนไม่สะทกสะท้านต่อท่าทีคุกคามของพวกมันยังคงก้าวต่อไปอย่างมั่นคง พวกมันก้าวตามเขา
    แม้จะถอยหลังโบเซอรงก็แยกเขี้ยวดุร้าย มีตัวสองตัวที่ใจกล้าพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่ม แต่เมื่อสบสายตาเยียบเย็นของเขามันก็ร้องเอ๋ง ลนลานหนีไป
    เดเมียนเข้ามาข้างในจนได้ ภายในคฤหาสน์มืดสนิทและหนาว แต่ทั้งสองอย่างนั่นไม่เป็นปัญหาเลย เขาเดินผ่านโถงไปถึงห้องที่มีแสงสว่างจากโคมไฟสีแดง ม่านหน้าต่างหนาหนักรูดปิดสนิททุกบาน ไม่มีแสงจากภายนอกแทรกเข้ามา บนเก้าอี้นวมในห้อง มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่อย่างสงบนิ่ง
    “ผมรับรู้ได้ทันทีที่เห็นคุณ ว่าคุณไม่ธรรมดา” ชายบนโซฟากล่าวเรียบๆ “ผมใช้เวลาอยู่สักพักทีเดียวกว่าจะรู้ว่าคุณคืออะไร”
    “เธอเป็นของผม วิญญาณเธอเป็นของผม วางมือซะ บาทอรี่” เดเมียนประกาศแน่วแน่
    “เรื่องนั้นน่ะ ใครดีใครได้ไม่ใช่หรือ” บาทอรี่แยกเขี้ยวขู่ “คุณเองก็พูดไม่ได้นี่ใช่ไหม ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้ ไม่อย่างนั้นแผนของคุณก็จบ เกมนี้นี่ช่างน่าสนใจจริงๆ”
    บาทอรี่ถอนหายใจด้วยความพอใจ
    เดเมียนรู้ดีว่าแผนของเขาต้องใช้เวลาทำให้สำเร็จ ไม่สามารถเร่งรัดได้ ปัจจัยตอนนี้คือเวลา “เธอจะตาย ก่อนคุณจะได้- -“
    “คุณรบกวนเวลานอนของผม เห็นทีต้องขอตัว” บาทอรี่หันมาพูดกับเดเมียนก่อนพ้นประตูไปว่า “ผมขอแนะนำให้จับตาดูเธอให้ดี ทุกฝีก้าว”
    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ศาสตราจารย์เนลสันพอใจเรียงความของเบลล์ แม้มันจะไม่ใช่ชิ้นที่ดีที่สุด
    “มิสฮาตเวล ถ้าคุณไม่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างผม ก็อาจกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มพวกนอกรีต”
    “หนูจะถือว่านั่นเป็นคำชม” เบลล์หวังไว้ว่าจะต้องได้เอในวิชานี้ แม้มันจะเป็นวิชาเลือกก็ตาม
    ในที่สุด เบลล์ ลอเรล และเอมมี่ก็หาเวลาไปชอปปิ้งแบบสาวๆได้เสียที สาวๆนั่งคุยกันอยู่ในร้านกาแฟ เกือบสัปดาห็แล้วหลังจากเดเมียนให้ดอกไม้ เธอก็ไม่พบเขาอีก เบลล์ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากรอและภาวนา ให้เขามาหาเธอ ไม่รู้เพราะอะไร ทุกครั้งที่เบลล์พยายามตะล่อมถามเรื่องของเขา สุดท้ายก็จะไม่สำเร็จเธอต้องเลิกล้มทุกทีไป
    เบลล์เกลียดการรอคอย มันทำให้เธอแทบคลั่ง และลิ้มรสความหวานขมของความหวัง
    “เขาเป็นคนลึกลับจริงนะ เดเมียนคนนี้” เอมมี่พูด ดูดกาแฟเข้าไปอึกใหญ่
    “ไม่ใช่แค่นี้ ลึกลับน่าค้นหา เป็นสุดยอดบุคลิกเร้าใจของผู้ชายเลยแหละ” ลอเรลบอกวางท่าอย่างรู้ดี
    “ทำไมจู่ๆเธอรู้ดีขึ้นมานะลอรี่” เบลล์เหน็บ ไม่พ้นลอเรลคงไปอ่านไปฟังอะไรมาแน่ ซึ่งก็จริง “เดเมียน เขาน่ะ- -ไม่รู้สิ คล้ายว่าเขามีบางอย่างที่ทำให้เขาแตกต่าง แต่ไม่รู้ว่าอะไร ฉันไม่เคยเจอคนที่เป็นอย่างเขามาก่อนเลย”
    “ฟังจากที่เธอเล่าเขาแปลกกว่าคนอื่น” เอมมี่นิยาม” ประหลาด แต่เป็นในทางที่ดี”
    “ใช่ ฉันไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ” เบลล์ยอมรับ
    ไม่นานเมื่อทั้งสามเปลี่ยนมาคุยเรื่องตลกในวิทยาลัย เอมมี่ก็หัวเราะงอหายจนน้ำตาไหล เบลล์มองลักยิ้มของเพื่อนแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ ทุกอย่างดูลงตัวดีแล้วกระนั้นก็ยังไร้ข่าวคราวใดๆจากพ่อแม่ของเธอ
     
    ใกล้มืดแล้ว เบลล์อ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาอยู่ด้านนอกรอเอมมี่ซึ่งคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงาน ถุงจากการไปซื้อของวางกองอยู่ข้างตัว ทั้งสามคนเพิ่งกลับจากห้างสรรพสินค้า เบลล์และเอมมี่กลับมาเรียนภาคบ่ายสายไปสิบห้านาที เงาหนึ่งทาบทับลงมาบังแสงในการอ่านหนังสือ
    “เสร็จแล้วหรอเอมมี่” เบลล์ปิดหนังสือ เงยหน้าขึ้น แต่คนตรงหน้าไม่ใช่เอมมี่ “เดเมียน”
    “ขอโทษนะคะ พอดีว่าฉัน- -อ้าว เธอนั่นเอง”
    นาตาชาโผล่มาจากไหนไม่รู้ยืนยิ้มเสแสร้งใส่เบลล์ เธอดันบรรดาถุงไปอีกทาง จัดแจงหาที่นั่งให้ตัวเองข้างเบลล์ ทั้งที่ยังไม่รู้ชื่อเบลล์เลยด้วย แล้วเจ้าตัวยังส่งสายตาหยาดเยิ้มให้เดเมียน
    “ไม่ได้เจอกันนานเลยที่รัก อย่าทำตัวเหินห่างสิ- -แล้วหนุ่มหล่อคนนี้ใคร จะไม่แนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยหรอ”
    “หา อะไรนะ” เบลล์ทำหน้าเหยเก
    เอมมี่เดินกลับมาพอดี จึงได้ทีออกจากตรงนั้น เบลล์โยนหนังสือลงถุงหนึ่ง คว้าทุกอย่างที่เป็นของเธอตามเดเมียนไป
    “ฉันจะบ้าตายกับยายนั่น” เบลล์พูดทันทีที่หนีพ้นแล้ว
    “ด้วยความยินดี ให้ผมไปส่งนะ” เดเมียนยักคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์
    เดเมียนไปส่งเบลล์ถึงห้อง ตลอดเวลาในลิฟต์เบลล์รวบรวมความกล้าเพื่อจะพูดกับเขา จนทั้งคู่มาถึงหน้าห้องของเธอแล้ว
    “เดเมียน...”
    “ไม่ตรวจดูของหน่อยหรอ” เดเมียนแทรกดื้อๆ
    เบลล์ทำตามแต่ก็คอยเหลือบดูไม่ให้เขาหายไปเสียเฉยๆอีก แต่แล้วเธอก็พบเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า เบลล์กระชากทุกถุงมาตรวจดูอย่างตื่นตระหนก แล็ปท็อปของเธอหายไป
    เบลล์รื้อข้าวของกระจุยกระจาย เดเมียนช่วยเธอหา แต่ก็ไม่พบ
    “นรก นรกแล้ว” เบลล์สบถดังลั่น พลางกดโทรหาเอมมี่อย่างร้อนใจ
    แต่เอมมี่ที่ถูกบังคับให้ตรวจดูของเป็นรอบที่สี่ก็ยืนยันว่าไม่มีแล็ปท็อปรุ่นเล็กของเบลล์ติดไปด้วยแน่นอน เบลล์และเดเมียนจึงกลับไปวิทยาลัยอีกครั้ง กลับไปยังทุกจุดที่วันนี้เบลล์ผ่าน แต่ก็ไม่มีเช่นกัน
    เบลล์ก่นด่าหัวขโมยตลอดทาง เมื่อแน่ใจแล้วว่ามันหายไปและไม่รู้จะทำอย่างไร  เธอโกรธจนตัวสั่น และความรู้สึกก็ด้านชาไปหมด สมองตื้อจนคิดอะไรไม่ออก ชีวิตทั้งชีวิตของเธออยู่ในนั้น ไม่ว่าจะรูปถ่าย เลคเชอร์ ข้อมูลรายงาน
     เดเมียนอยู่จนป้าซาห์รากลับมา เบลล์กินอะไรไม่ลงทั้งสิ้น และปวดหัวหนัก
    เป็นอีกคืนที่เบลล์นอนไม่หลับ มีเรื่องให้กังวลใจและไตร่ตรอง เธอหลับๆตื่นๆ  หลายครั้งที่ไม่แน่ใจว่าตอนใดเป็นยามหลับตอนใดเป็นยามตื่นกันแน่ เธอมักจะเป็นดวงตาสีอำพันที่ล้อแสงในความมืดของเดเมียนอย่างที่เห็นในตรอกวันที่เขาช่วยเธอไว้ หรือความฝันก็มักจะมีฉากเป็นบ้านของเธอบนถนนอีฮูสตัน
     
    “แล้วเพื่อนผมสีทองของคุณคนนั้นล่ะ ถามเขารึยัง” เดเมียนหมายถึงนาตาชา เขาถามเธอในวันรุ่งขึ้น
    “มาคิดๆดู นาตาชาอาจจะเป็นคนแอบหยิบไปก็ได้ ยายนั่นไม่ใช่เพื่อนฉันหรอก ต้องเป็นหล่อนแน่ๆ วันนั้นหล่อนมานั่งข้างฉันด้วย”
    ความโกรธและเกลียดคับแน่นในอก เบลล์ยังคงสาปแช่งหัวขโมยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นใคร เบลล์อยากจะเชื่อว่านาตาชาคือผู้ที่ขโมยแล็ปท็อปของเธอไปตอนที่เธอเผลอ เธอจ้องมองนาตาชาด้วยสายตามาดร้ายเมื่อหล่อนเดินผ่านไป แม้จะสงสัยนาตาชามากเท่าไร แต่เมื่อปราศจากหลักฐานก็ป่วยการ เบลล์รออย่างระทึกว่าข้อมูลหรือรูปภาพตลกๆน่าอายของเธอจะถูกนำไปเผยแพร่ในทางเสียหายด้วยฝีมือนาตาชา แต่ภาพสักภาพจากในแล็ปท็อปก็ไม่มีหลุดออกมา กระนั้นเบลล์ก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นเลย เธอรู้สึกเกลียดโลก
    ลอเรลเสนอให้อเล็กซ์ช่วยยหาเครื่องใหม่ให้ที่ดีกว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่า รวมถึงใส่ไฟล์เพลงทุกเพลงที่เธอต้องการให้ แต่ก็ไม่สามารถทำให้เบลล์พอใจได้ง่ายๆ เธอพยายามทำใจแต่ก็ยากเย็นเต็มที เธอมาค้นพบทีหลังว่าสมุดบันทึกเล่มเล็กของเธอที่รีบร้อนเสียบมันลงในกระเป๋าแล็ปท็อปในครั้งสุดท้ายที่หยิบมาเขียนก็จะจากเธอไปตลอดกาลด้วย เบลล์ร้องไห้อย่างเสียดาย
     “ฉันเข้าใจควาคิดของฆาตกรต่อเนื่องแล้วล่ะรู้ไหม -- ฉันหมายถึงแรงจูงใจน่ะ” เบลล์เอ่ยขึ้นลอยๆในอาทิตย์นั้นหลังออกมาจากเลคเชอร์สามชั่วโมงเรื่องอาชญากรรม
    “โธ่ ไม่เอาน่า เบลล์อย่าพูดแบบนี้เลย” ลอเรลว่า “ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนหวงขอ..ง”
    ลอเรลหยุดพูดทันควันเมื่อเจอกับสายตาขวางของเพื่อน
    เบลล์กักเก็บความรู้สึกอยากทำร้ายใครสักคนเอาไว้ และเมื่อพบกับเดเมียนหน้าวิทยาลัยในตอนบ่าย เขาก็ดูเป็นห่วงเธอ เบลล์จึงพยายามทำเป็นว่าอารมณ์ดีขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จ
    “คุณกำลังโกรธ ทั้งโกรธและเกลียด” เดเมียนพูด
    เบลล์ไม่สังเกตเห็นความแม่นยำน่าประหลาดของคำพูดนั้น
    “มันเห็นชัดขนาดนั้นเลยหรอ” เบลล์ส่องกระจกดูเงาตัวเองก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำหน้าประมาณว่า ฉันสามาถจะฆ่าคนได้ “จริงสิ วันนั้นคุณมาหาฉันทำไม พอดีมีเรื่องเสียก่อนเลยไม่ได้ถาม”
    “อย่าไปสนใจวันนั้นเลย แต่วันนี้ผมมีของให้คุณ” เดเมียนบอกปัด
    “ให้ฉัน?”
    “คุณต้องชอบแน่” เขายิ้มแบบที่มักยิ้มเสมอ “รอให้ถึงที่อพาตเมนต์ก่อน”
    เบลล์ซ้อนท้ายเดเมียน เธอซบหน้าลงกับแผ่นหลังของเขาแล้วหลับตา เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เธอพอจะรู้สึกสงบได้ เธอสัมผัสความเร็วได้จากลมอ่อนๆที่ปะทะหน้า และปล่อยใจให้อิสระไปกับลม เธอคิดไม่ออกเลยว่าสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้คืออะไร มันอาจไม่มีอะไรก็ได้สำหรับคนที่ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างเดเมียน
    “รู้ไหม บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าการฆ่าใครสักคนมันช่างง่ายดาย ไม่ได้พูดถึงวิธี แต่เป็นวินาทีที่ตัดสินใจลงมือ” เบลล์พูดเบาๆกับหลังของเดเมียน “บางทีฉันอาจจะเหนี่ยวไกได้โดยที่มือไม่สั่นเลย ถ้าสำหรับฉันมันมีเหตุผลเพียงพอ – -- คุณคงคิดว่าฉันบ้าไปแล้วใช่ไหม อย่าใส่ใจที่ฉันพูดเลย“
    “ไม่หรอก”
    เบลล์ไม่เห็นปากที่บิดโค้งเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายของเดเมียน ตาสีเหลืองเป็นประกายแวววาวเกินกว่าจะเป็นของมนุษย์ได้
    ทั้งสองมาถึงเดอะ เดรก เดเมียนเปิดเบาะมอเตอร์ไบค์ขึ้น สิ่งที่นอนนิ่งในนั้นเหนือความคาดหมายของเบลล์
    “แล็ปท็อปของฉัน!” เบลล์คว้ากระเป๋าแล็ปท็อปขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา จับดูก็รู้ทันทีว่าแล็ปท็อปอยู่ในนั้น “โอ คุณเจอมันได้ยังไง ขอบคุณจริงๆ ไม่รู้จะพูดว่างอย่างไร ฉันจะตอบแทนคุณอย่างไรดีเนี่ย”
    “เอาเป็นว่าคุณติดผมอีกหนหนึ่งแล้ว”
    “คุณเจอมันได้ยังไง ฉันอยากรู้จริงๆ” เธอกอดกระเป๋าแล็ปท็อปไว้แน่น
    “ผมมีวิธีของผมแล้วกัน” รอยยิ้มของเดเมียนทำให้เบลล์หมดหนทางจะบังคับเขาให้เปิดปากได้ ประกอบกับเบลล์กำลังดีใจมาก 
    “ให้ฉันเลี้ยงข้าวได้ไหม”
    “ไม่จำเป็นสักนิด ผมว่าคุณคงอยากจะไปเช็คแล็ปท็อปของคุณแล้ว”
    “โอ้ ค่ะๆ ขอบคุณมากจริงๆ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันดีใจมากแค่ไหน” เบลล์ม้วนตัววิ่งไปที่ลิฟต์อย่างตัวลอย
    “รู้สิ ผมรู้” เดเมียนกระซิบกับตัวเอง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×