ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Beautiful Nightmare

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 SLOTH

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 53



    SLOTH

    Hope 'll nourish me as long as I can fancy it, but fatal when truth reveals
    .




    ยามเย็นบนถนนเสปราซ์ในเมืองขนาดกลางแต่เจริญอย่างฟิลลาเดลเฟีย มีผู้คนเดินกันพลุกพล่าน เบลล์เดินซิกแซกไปตามถนนหลบฝูงชน แล้วเลี้ยวเข้าไปในอพาตเมนต์ที่หรูที่สุดของเมือง
                   หญิงสาวไม่ได้มีสมาธิอยู่กับการก้าวเท้า แต่เดินไปด้วยเท้า และความเคยชินพาไปเสียมากกว่า เพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่เรียนวิทยาลัยวันนี้
                   เบลล์มาอาศัยอยู่กับป้าที่ฟิลลาเดลเฟียได้สองอาทิตย์แล้ว
    ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา คุณ และคุณนายฮาตเวลมีพฤติกรรมแปลกๆ ทั้งคู่มีเรื่องที่ไม่ยอมบอกลูกสาว มีปัญหาบางอย่างที่หนักหนา เมื่อไม่รู้เบลล์ก็คาดเดาไปเรื่อย อาจจะเป็นปัญหาเรื่องการเงิน จะเป็นอะไรได้ล่ะในช่วงเศรษฐกิจขาลงอย่างนี้ เพียงไม่นานที่เธอเริ่มสังเกตพ่อแม่ของเธออย่างจริงจัง คุณฮาตเวลก็ให้เบลล์มาอยู่กับป้า ทั้งสองยอมรับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจริง แต่ก็ยังปากแข็ง พวกเขาสัญญาว่า เมื่อเหตุการณ์จบลง ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม เบลล์ยอมย้ายมา แต่ทั้งตื่นตระหนกและกังวล เหตุการณ์แบบไหนกันที่เลวร้ายขนาดเธอต้องย้ายออกมา
                   การมาอยู่กับป้าซาห์ราไม่เลวร้าย ป้าใจดี และเต็มใจต้อนรับเธออย่างยิ่ง และเนื่องจากป้าอยู่คนเดียว เบลล์จึงไม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับใคร
                   เบลล์กดลิฟต์ วนเวียนอยู่ในกระแสความคิด กลับมาคิดเรื่องพ่อกับแม่อีกครั้ง
                   ประตูลิฟต์เปิดออก เบลล์ถอนหายใจก้าวขาออกไป เธอชนเข้ากับชายคนหนึ่งที่เพิ่งออกมาจากลิฟต์จนเซ
                   “ขอโทษค่ะ”เบลล์กล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกว่าที่ตั้งใจเพราะเรื่องในใจ
    “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”เสียงทุ้มน่าฟังถามกลับมาจนเบลล์อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
    ชายคนนั้นยิ้มให้ ใบหน้าหล่อเหลามองลงมา เขามีดวงตาสีทองคู่งามที่ดึงดูดให้เบลล์จ้องเข้าไป เธอจ้องนิ่งอยู่นาน ไม่อาจจะละสายตาได้
    เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เมื่อเห็นเบลล์ไม่ขยับ “ผมว่าลิฟต์รอคุณอยู่นะครับ” เขายิ้มอีกครั้ง
    เบลล์ผละจากตาคู่นั้น ยิ้มตอบด้วยความเขิน ก้มหน้าเดินงุดๆเข้าไปในลิฟต์
    ประตูลิฟต์ค่อยๆเลื่อนเข้าหากัน เบลล์มองตามแผ่นหลังของร่างสูงจนประตูปิดสนิท เธอแปลกใจที่ตนเองค่อนข้างแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในลิฟต์แต่แรก
    ช่างเถอะ ตอนนั้นเราเหม่ออยู่นี่นา
    เธอหยุดคิดถึงรอยยิ้มที่สวยที่สุดที่เธอเคยเห็นไม่ได้เลย เบลล์ยิ้มกับตัวเอง เขายังเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากที่สุดที่เธอเจอตั้งแต่เธอย้ายมาด้วย (อาจจะหน้าตาดีที่สุดที่เคยเจอตั้งแต่โตมาด้วยซ้ำ) มากกว่าเทรเวอร์ เด็กในวิทยาลัยที่เธอกำลังสนใจเสียอีก บางทีเธออาจได้เจอเขาอีก เขาอาจจะอาศัยอยู่ในอพาตเมนต์แห่งนี้ด้วยก็ได้
                   เบลล์เข้าไปในห้องพัก ป้าซาห์รายังไม่กลับจากร้านดอกไม้
                   ป้าซาห์รา เปิดร้าน ดอกไม้และขายสมุนไพร ถัดไปห้าช่วงตึก เบลล์จำได้ว่าทุกครั้งที่ป้าซาห์รามาเยี่ยม จะมีกลิ่นหอมสดชื่นจากสมุนไพร และดอกไม้ปนกับน้ำหอมกลิ่นฉุนของป้าอบอวลทั่วบ้าน ตอนเด็กเบลล์ชอบเข้าไปกอดแนบอกป้า สูดกลิ่นแปร่งๆนั้น จดจำไว้ในหัว เมื่อใดที่ป้ามา เบลล์ก็จะรู้ก่อนเดินถึงห้องรับแขกด้วยกลิ่นนี้
    ป้าซาห์ราสวมแต่ชุดสีดำที่ทำให้ป้าดูลึกลับ และมีแต่เสื้อผ้าสีขาวดำเต็มตู้ไปหมด ถึงแม้จะขายดอกไม้ซึ่งมีสีสันสดใส แต่ป้าไม่เคยคิดให้สีสันเหล่านั้นมาอยู่บนตัวของป้าเลย
                   เบลล์อาบน้ำ อ่านหนังสือ แล้วนำสปาเกตตี้จากตู้เย็นมาอุ่นทาน เธอมองนาฬิกาพลางม้วนเส้นสปาเกตตี้ใส่ปาก ป้าซาห์รากำลังจะกลับมาแล้ว
                   เสียงเครื่องอ่านบัตรดัง ก่อนประตูจะเปิดออก เสียงป้าซาห์ราพูด ทำให้รู้ว่าป้ามีแขกมาด้วย เบลล์ไม่รอจนป้าปรากฎตัว เธอกุลีกุจอยกจานสปาเกตตึ้ที่ยังไม่หมด และข้าวของอื่นๆของเธอเข้าห้องนอน
                   เพราะห้องรับแขกกับห้องครัวแทบจะเป็นห้องเดียวกัน ป้าจะได้คุยกับแขกได้อย่างเป็นส่วนตัว
                   เบลล์ปิดประตูห้องนอน ได้เห็นแขกของป้าแวบหนึ่ง เพียงแค่เห็นเบลล์ก็คิดว่า ชีวิตของชายคนนี้ต้องมีเรื่องเล่าเยอะแน่ๆ
                   เขาดูจริงจังเคร่งขรึม ออกจะน่ากลัวนิดๆ สำหรับเด็กๆ เป็นคนแบบที่เบลล์คงจะไม่มีวันชวนไปงานปาร์ตี้ไหนๆ
    เบลล์กลับมาง่วนกับสปาเกตตี้ต่อ แล้วเขียนอีเมลถึงน้องสาวที่ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประเทศอิตาลี เธอเล่าถึงชีวิตในฐานะนักศึกษาปีแรก ซึ่งเพิ่งจะเริ่มได้ไม่ถึงสองเดือน
    แขกของป้ากลับไปในที่สุด เบลล์ออกจากห้องนอนมาทำอะไรๆได้ เธอเห็นสีหน้าของป้าว่าไม่ค่อยสบายใจ แต่ก็ไม่ได้ถาม
     
     
    เบลล์ไปช่วยงานที่ร้านดอกไม้ในตอนเช้าก่อนไปเรียน เธอได้เรียนรู้ชื่อดอกไม้ และสมุนไพรหลายชนิดจา
    กที่นี่
     ขณะนับดอกกุหลาบที่คุณบาทอรี่สั่งไว้ทุกวันพุธ และเสาร์ เบลล์ก็เกิดอยากจะถามป้าซาห์ราขึ้นมาว่าป้า
    กำลังทำอะไรกันแน่ ป้าซาห์รากำลังอยู่หลังร้าน คนของเหลวในหม้อทองเหลือง ท่าทางเหมือนแม่มดชุดดำที่กำลังต้มยา
    เบลล์ไม่รู้แน่ชัดว่าป้าซาห์ราทำธุรกิจอะไรนอกหนือจากเปิดร้านที่ว่า เบลล์สันนิษฐานว่าคงเป็นธุรกิจขายยา
    สมุนไพร และน้ำยาสูตรลับซึ่งมีไว้ใช้ในพิธีกรรมของพวกนอกรีต หรือธุรกิจสีเทาอย่างอื่น เธอนึกถึงแขกของป้าคนเมื่อวาน
    ทันใดนั้นรถเบนลีย์สีดำคันยาวแล่นมาจอดที่หน้าร้าน
    “คุณฮาตเวลคะ มาแล้วค่ะ”มาเรีย ผู้ช่วยในร้านร้องบอกป้า
    ป้าซาห์รากระวีกระวาดออกมาจากด้านหลัง เบลล์ส่งกำกุหลาบที่ห่อกระดาษแล้วให้อย่างรู้งาน ป้าไม่เคยให้ใครทำหน้าที่เอาดอกกุหลาบไปส่งที่รถของคุณบาทอรี่เลย ทั้งที่มันเป็นงานธรรมดาที่สุด
    ดอกกุหลาบพันธุ์แบล็กแมจิคสีแดงเลือด ไม่ริดหนามออกสามสิบดอกที่กำลังบาน ตัดกับสีดำของรถหายไปหลังกระจกหน้าต่าง
    “เขาชอบกุหลาบหรอ”เบลล์ถามขึ้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย สะพายกระเป๋าเตรียวไปวิทยาลัย
    “ใคร...อ๋อ คุณบาทอรี่นะหรอ เห็นว่าเอาไปลงแจกันในห้องที่บ้านน่ะ”มาเรียตอบ”คุณบาทอรี่ดูดีมากเลยนะน่าจะเป็นเศรษฐีผู้ดีอะไรสักอย่างทั้งที่อายุไม่เท่าไรเอง”
    เบลล์พยักหน้า โบกมือลามาเรีย เธอออกไปที่ถนน  ป้าซาห์รายังคงคุยกับบุคคลที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถเบนลีย์ กระจกหน้าต่างที่ติดฟิล์มดำเลื่อนลงมาแค่นิดเดียว ไม่ต้องสงสัยป้าซาห์รากำลังคุยกับ คุณบาทอรี่แน่ๆ เบลล์เดินเลยผ่านรถไป
     
    ยิ่งเข้าใกล้เขตวิทยาลัยก็เห็นนักศึกษาหนาตา เบลล์ตรงไปตึกเรียน และเข้าไปในห้องเลคเชอร์
    หลังจบการบรรยาย ลอเรล เพื่อนของเบลล์ก็มาสมทบกับเธอเพื่อไปโรงอาหารด้วยกัน พวกเธอนั่งลงที่โต๊ะตัวว่าง เบลล์เป็นเพื่อนกับลอเรลตั้งแต่โรงเรียนมัธยมปลายที่มอนต์โกเมอรี
    “ดูหนุ่มคนนั้นสิ”ลอเรลสะกิดเพื่อน น้ำเสียงเธอตื่นเต้น พยักเพยิดไปทางนักศึกษาชายคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาในโรงอาหาร”เท่ชะมัด เธอว่าเขาอยู่ปีหนึ่งรึเปล่า”
    นักศึกษาคนนั้นเป็นหนุ่มสไตล์อีโม ประเภทเขียนขอบตาดำหนา
    “เท่จริงๆนั่นแหละ แต่ไม่ยักรู้ว่าเธอชอบแนวนี้นะ หนุ่มอีโมก็โอเค” เบลล์ยักไหล่ ” ตราบใดที่ไม่เจาะอะไรเยอะแยะที่ปาก”
    ”ใช่เลย โอ๊ะ !ของเธอมาแล้วล่ะ”
    เทรเวอร์กับเพื่อนอีกสามคนนั่งลงที่เก้าอี้ว่าง พวกนั้นไม่ได้เรียนคณะเดียวกันกับเบลล์ และลอเรล พวกเขาเจอกันที่กิจกรรมอาสาสมัครปีหนึ่งของวิทยาลัย เทรเวอร์กับเบลล์อยู่ในช่วงจีบๆกันอยู่
    กลุ่มนักศึกษาคุยกันระหว่างมื้ออาหาร ทั้งหมดกำลังวางแผนสำหรับสุดสัปดาห์ ลอเรลพูดเป็นคุ้งเป็นแควเรื่องภาพยนตร์ไซไฟเรื่องใหม่ที่กำลังจะเข้าฉาย เบลล์ไม่ได้สนใจนัก เธอกำลังจ้องเทรเวอร์ ไม่สังเกตว่าเสียงของลอเรลเงียบไป และทุกคนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปที่อย่างอื่นแล้ว อย่างอื่นที่กำลังเดินเข้าโรงอาหารมา
    กลุ่มนักศึกษาสาวแต่งตัวจัดเดินผ่านไป
    ”...พ่อของไดแอนก็ศาสตราจารย์เนลสันนั่นไงล่ะ นาตาชากับไดแอนตอนอยู่โรงเรียน เป็นตัวปัญหาของครูเลยแหละใช่ไหม เบลล์”
    “เอ้อ ใช่ เธออยู่โรงเรียนมัธยมเดียวกับเราน่ะ”แม้แต่ในวิทยาลัยเบลล์ก็ยังหนีคนอย่างสองคนนั่นไม่พ้น
    “ถ้าพ่อเป็นถึงศาสตราจารย์ แล้วทำไมไม่เรียนที่บราวน์หรือเยลล่ะ” นีลถาม
    “ที่หล่อนยอมเข้าวิทยาลัย ศาสตราจารย์เนลสันก็คงดีใจมากแล้วล่ะ”เบลล์มองกลุ่มสาวๆกลุ่มนั้นอย่าง
    อิจฉาขณะพูด แม้แต่คนที่หน้าตาแย่ที่สุดก็ยังดูดี
                                    “พวกหล่อนอยู่คณะเดียวกับพวกนายใช่ไหม เดี๋ยวก็เข้าใจที่ฉันว่าเองแหละ”ลอเรลทิ้งท้ายก่อนทุกคนแยกย้ายไปเรียนภาคบ่าย
                                    ในภาควิชาปรัชญา และศาสนาของศาสตราจารย์เนลสัน เบลล์ได้รู้จักกับเอมมี่ผู้เรียบร้อย เบลล์พบว่าเอมมี่เป็นคนน่ารักมาก วันนี้ที่นั่งข้างๆเอมมี่ว่าง เบลล์ไม่ลังเลที่จะไปนั่งข้างเธอ
                                    ศาสตราจารย์เนลสันเริ่มต้นการบรรยาย เบลล์จดเลคเชอร์อย่างตั้งใจ ทันใดนั้นมือถือที่ปิดเสียงไว้ สั่นอยู่ในกระเป๋าของเธอ กว่าเบลล์จะหาพบ ปลายสายก็วางหูไปแล้ว หน้าจอบอกว่าแม่ของเธอโทรมา เป็นสายที่ไม่ได้รับห้าสาย
                                    เบลล์หลบออกจากห้องไปโทรศัพท์”ฮัลโหล ขอโทษค่ะแม่ที่ไม่ได้รับ“
                                    แต่คุณนายฮาตเวลไม่ใส่ใจเรื่องนั้นเลย ”เบลล์ เราจะย้ายที่อยู่สักพักนะลูก”
                                    “ย้าย !ย้ายไปไหนคะ”
                                    “ลูกอยู่กับป้าไปดีแล้ว เรื่องนั้นแม่บอกไม่ได้ แล้วก็ไม่ต้องบอกแคลร์นะ ไม่ต้องห่วงเราด้วย คุณย่าก็สบายดี ลาก่อนจ้ะ”
                                    “แม่พูดอะไรคะ เดี๋ยวก่อนค่ะ”เสียงเบลล์ตะโกนก้องทางเดินที่ว่างเปล่า แต่สายถูกวางไปแล้ว เบลล์โทรไปใหม่ มือถือก็ปิดเครื่อง และเบอร์ที่บ้านก็ไม่มีใครรับ
                                    เบลล์ยืนอยู่หน้าห้องเลคเชอร์ เสียงของศาสตราจารย์เนลสันดังหึ่งๆทะลุกำแพงออกมา เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นอีกสักพัก แล้วเดินกลับเข้าไปนั่งข้างๆเอมมี่ คำถามเป็นห่วงเป็นใยของเอมมี่ และสิ่งที่ศาสตราจารย์เนลสันบรรยายผ่านหูเธอไปทั้งสิ้น
                                    เบลล์กำลังคิดอย่างหนัก คุณและคุณนายฮาตเวลรู้มาตลอด พวกเขาจึงให้เธอมาอยู่กับป้าแต่แรก ไม่ว่าพวกเขากำลังหนีอะไร พวกเขาก็ทำให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัย และรอดพ้นจากเรื่องนี้ แต่คุณย่าล่ะ ย่าแก่แล้ว และมีโรคประจำตัว
                                    นรกอะไรอย่างนี้ เรื่องอะไรกันที่ต้องปิดกันด้วย เบลล์โกยข้าวของลงกระเป๋า แล้ววิ่งออกจากห้อง
                                    ข้างนอก เบลล์วื่งฮ้อผ่านนักศึกษา ออกมาที่ถนน และวิ่งต่อไปจุดรอรถบัสโดยไม่หยุดเลย เธอรอรถบัสอย่างกระวนกระวาย เมื่อรถมาถึงก็รีบร้อนขึ้น ไม่คำนึงถึงมารยาท
                                    เบลล์คิดแต่ว่าต้องรีบกลับบ้านที่มอนต์โกเมอรี่ พวกเขาอาจจะยังไม่ย้ายไป ต้องไปคุยให้รู้เรื่อง เธอโทรศัพท์หาป้า จากนั้นก็ส่งข้อความบอกลอเรลว่าคงกลับไปไม่ทันชมรม
                                    เมื่อเบลล์ไปถึงมอนต์โกเมอรี่ พระอาทิตย์กำลังตกดิน แสงแดดสีส้มสาดส่องบ้านในละแวกนั้นที่คุ้นเคยให้สีบ้านดูผิดเพี้ยนไป ยิ่งเข้ามาลึกในละแวกที่เธอเติบโตมา เบลล์ก็ยิ่งอยากจะไปให้ถึงบ้านของเธอให้เร็วที่สุด
     หัวใจเต้นตามทุกฝีก้าว จากเดินกลายเป็นวิ่ง บ้านของเบลล์อยู่ไม่ไกลจากจุดนี้แล้ว
    ภาพของบ้านฮาตเวล ทำเบลล์เกือบเข่าทรุด รถยนต์หายไป ไม่มีแสงไฟจากหน้าต่างสักบาน เธอวิ่งไปกด
    กริ่งรัวๆ เขย่าลูกบิดประตู พยายามเพ่งมองเข้าไปข้างใน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอมาช้าไป พวกเขาไปแล้ว
                                    เบลล์สบถ เธอเดินวนรอบบ้าน ประตูหน้าต่างทุกบานปิดสนิท ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตเลย เบลล์ถอยเท้าออกมา ยืนมองบ้านสีขาวซึ่งไร้ชีวิต และเงียบเหงาในแสงมัวซัวของฤดูใบไม้ร่ววง เธอเมินหน้าหนี ค่อยๆเดินจากมา
    +++++++++++++++++++++++++++++++
                                    ป้าซาห์รารออยู่พร้อมอาหารเย็น เบลล์เพิ่งรู้ตัวว่าหิวมากขนาดไหน ก็เมื่อได้กลิ่นลาซานญ่าร้อนๆ
                                    “เป็นอย่างไรบ้าง เจอไหม”
                                    เบลล์ส่ายหน้า ปากแห้งผากเกินกว่าจะพูดอะไรออก
                                    “โธ่ เบลล์”คนเป็นป้าดึงหลานสาวเข้ามากอด
    กลิ่นแปลกๆของป้าทะลักเข้าจมูก แม้จะไม่ใช่กลิ่นที่ปลอบประโลมดี อย่างน้อยก็เป็นกลิ่นที่เบลล์คุ้นเคย
    เบลล์เล่าเรื่องที่เธอสงสัยคุณ และคุณนายฮาตเวลให้ป้าซาห์ราฟัง ระหว่างอาหารย็น แต่ก็ไม่มีอะไรให้เล่า
    มากนัก เบลล์ยังกังวลใจ ป้าซาห์ราจุดลาเวนเดอร์แห้งในห้องเพื่อให้กลิ่นช่วยผ่อนคลาย
                                    คืนนั้น เบลล์ฝันถึงบ้านที่มอนต์โกเมอรี่ บ้านทั้งหลังทึมทะมึนน่ากลัว เธอหาทางเข้าบ้านอย่างเอาเป็นเอาตาย หน้าต่างทุกบานดำมืดดูดเบลล์เข้าไป เธอเข้ามาอยู่ในบ้านที่เงียบและมืดมาก ได้ยินเสียงและแสงไฟจากชั้นบน เบลล์ปรารถนาจะไปห้องนั้น แต่เท่าไรๆก็ไม่ถึงเสียที ไม่ว่าจะเดินขึ้นบันได เลี้ยวผ่านโถงกี่โถงก็ตาม
     
                                    วันรุ่งขึ้นเบลล์มีเรียนแต้เช้า เธอรอลอเรลที่หน้าตึก เช็คเมลจากมือถือไปพลาง ทั้งพยายามติดต่อทางบ้านอย่างไร้ความหวัง
    ระหว่างที่ล่องลอยไปในห้วงความคิด ลอเรลก็โผล่พรวดเข้ามา
    “เหวอ นรก”เบลล์ร้องอย่างตกใจ
    “เอล็กซ์! เอล็กซ์! เบลล์   เอล็กซ์! ลอเรลกระโดดโลดเต้นอยู่หน้าเบลล์
    “ลอรี่เดี๋ยวก่อน เอล็กซ์ไหน”
    “จำหนุ่มอีโมเมื่อวานได้ไหม”ลอเรลยิ้มกว้างแทบถึงใบหู”เขาอยู่ชมรมเดียวกับเราล่ะ เขาอยู่ปีสอง เขาเพิ่ง
    เข้าชมรม หรืออะไรสักอย่าง เราถึงไม่เคยเห็น  --แหม อยากให้มีชมรมทุกวันเลย” ลอเรลเล่าเร็วปรื๋อ
                                    “แล้วเธอได้คุยกับเขารึยัง” ถ้าลอรี่ได้สมหวังก็คงดี เพราะเบลล์ไม่อยากให้เพื่อนเหงาเมื่อตอนที่เธอไปเที่ยวกับเทรเวอร์ เธอจะได้ไม่รู้สึกผิดที่ต้องทิ้งลอรี่
                                    “ยัง ฉันได้ยินคนอื่นเรียกชื่อเขาน่ะ” ลอเรลเล่าเหตุการณ์ในชมรมเมื่อวาน และพร่ำถึงเอล็กซ์ เบลล์พยักหน้าเป็นระยะ คอยแทรกคำว่า”เยี่ยม” ไม่ก็”ดีแล้ว” ตามจังหวะที่เหมาะสม
                                    “ชวนเขาไปเที่ยวกับเราสุดสัปดาห์นี้สิ”เบลล์เสนอ แม้ขะไม่แน่ใจว่าเอล็กซ์จะอยากไป
                                    สุดสัปดาห์นี้ทุกคนตกลงว่าจะไปร้านเซอเคิล คลู ไปฟังดนตรีสบายๆ ดื่มอะไรแรงๆกันนิหน่อยตามประสาอารยชน(ตามคำพูดของนีล)
                                    “เป็นความคิดที่ดีนะ แต่เขาอีโมจะตาย จะไปที่แบบนั้นหรอ”
                                    “เธอต้องลองชวนดู อย่างนี้อีกหน่อยเธอจะไม่กลายเป็นสาวอีโมตามไปด้วยหรอเนี่ย”
                                    “ก็ไม่เลวนี่” ลอเรลเต้นรำเข้าตึกไปอย่างอารมณ์ดี
    ตอนบ่าย ขณะที่ลอเรลมีเรียน เบลล์ว่าง เธอไปที่ห้องสมุด และเจอเข้ากับเทรเวอร์ และนีลที่หน้าห้องสมุด
    “ไง”
    “ไง เทรเวอร์” เบลล์คิดอย่างรวดเร็วว่าจะชวนคุยเรื่องอะไรต่อ”เอ่อ เทรเวอร์ ถ้ามีปีสองไปด้วยจะเป็นไรไหม
    แบบว่าคนยิ่งเยอะยิ่งสนุกนะ จริงไหม”
                                    “เอาสิ พวกเราก็จะชวนบางคนที่คณะไปเพิ่มด้วย” นีลบอก
                                    “งั้นก็โอเค” เบลล์ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
                                    “เธอเข้ามาหาอะไรที่ห้องสมุดหรือเปล่า ถ้าไม่ ไปดูพวกฉันซ้อมก็ได้นะ” เทรเวอร์ชวน
                                    เบลล์ยักไหล่ พยายามไม่แสดงอาการกระตือรือร้นจนเกินไป”เปล่านี่ฉันว่าง อืม ไปก็ไปสิ”
                                    ศุกร์นี้ จะต้องหาโอกาสสนิทสนมกับเทรเวอร์ให้มากกว่านี้ แม้จะเห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเขากำลังจีบเธอ เบลล์คิด มองเทรเวอร์ในสนาม การที่ลอรี่เจอคนถูกใจก็ดีมากเหมือนกัน เธอว่าจะยืมชุดป้าซาห์ราเสียหน่อย
    เบลล์ดูนาฬิกา เธอต้องไปเจอลอรี่ที่ชมรมแล้ว
                                     ในชมรม ลอเรลเอาแต่หลบเอล็กซ์ จนเบลล์ต้องสะกิดเตือน เพราะพรุ่งนี้ไม่มีชมรม ลอเรลจึงต้องชวนเอล็กซ์ให้ได้วันนี้
                                    “ถ้าเขามีแฟนแล้วล่ะ” ลอเรลหูแดงแจ๋
                                    “เอาน่า ถ้าเขามีกึ๋นพอจะอยู่ชมรมนี้ ก็คุ้มที่จะเสี่ยงนะ  เร็ว! ก่อนเขาจะออกจากห้อง--โอ๊ย ลอรี่หูแดงขนาดนี้ เขาก็รู้หมดซี่ เป็นมืออาชีพหน่อย” เบลล์ลูบหูลอเรลที่ร้อนจัด ยึดแขนเพื่อนแน่นไม่ให้หนี
                                    เอล็กซ์ขมวดคิ้ว เมื่อทั้งสองคนมาหยุดตรงหน้าเขา เขาเจาะคิ้วเสียด้วย เม็ดสีเงินที่ปลายคิ้วของเขาขยับตาม
                                    เบลล์ยอมรับว่าเอล็กซ์ดูดีมากจริงๆ ถ้าเธอไม่ได้ชอบเทรเวอร์อยู่ เธอก็อาจจะสนใจเขาก็ได้ แต่พวกเขาไม่ใช่แบบที่เธอชอบ ผู้ชายพวกนี้แต่งหน้ามากกว่าลอรี่อีก อย่างมากที่สุดสำหรับลอรี่คือลิปกลอส แต่อายไลเนอร์ และสโมคกี้ อายส์ของเอล็กซ์นี่สิ
                                    เอล็กซ์ไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องมา เขารอให้พวกเธอพูดก่อน เบลล์ศอกลอเรล
                                    “หวะ...หวัดดี คือ --ฉันลอรี่ นี่เพื่อนฉัน...”
                                    “เบลล์”
                                    “เอล็กซ์”
                                    “ศุกร์นี้เธอว่างไหม เราจะไปร้านเซอเคิล คลูกันกับเพื่อนๆอีก เอ่อ หลายคน ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอพอจะไปได้ไหม มันจะต้องดีมากๆเลย”
                                    “เฮ้ ฉันรู้จักเซอเคิล คลู --ศุกร์นี้หรอ เยี่ยมเลย ฉันไปได้”เขายิ้มบางๆ แบบทีเบลล์รู้ว่าลอรี่คงละลายกลายเป็นน้ำอยู่ตรงนั้นแล้ว “ขอบคุณที่ชวน”
                                    ลอเรลทำสำเร็จจนได้ โดยเบลล์ไม่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วย
                                    “เจอกันหนึ่งทุ่ม”เบลล์บอก รีบพาลอเรลออกมา
                                    หน้าลอเรลแดงจัด เธอเป็นคนหน้าแดงง่ายเวลาเขิน (อาการจะเริ่มจากหู แล้วไล่จากคอไปทั่วหน้า) ไม่เหมือนเบลล์
                                    “เห็นไหมไม่ยากเลย” เบลล์ว่า “ถ้าเธอไม่ทำ ฉันกะว่าเราคงต้องเขียนโน้ตส่งให้เขาแล้ว แบบวนไปรอบห้อง”
                                    “เขาอาจจะไม่มาก็ได้” ลอเรลกระซิบ
                                   
                                    ที่อพาตเมนต์เย็นนั้น เบลล์ซักเสื้อผ้า แล้วก็ทำงานของภาษาละติน 
    แคลร์ส่งเมลตอบมาว่า    Ciao ช่วงนี้ไม่ว่างเลย สนุกกับกิจกรรม และเพื่อนๆที่นู่นมาก ไว้จะเล่าให้ฟังนะ บาย
                            พร้อมรูปของแคลร์ กับเพื่อนชาวอิตาลี ใบหน้ายิ้มแย้ม
                                    เบลล์ตอบไปว่า ดีใจที่เธอสนุกกับที่นั่น ฉันจะรอฟังเรื่องของเธอ พี่คิดถึงเธอนะ    รัก
    อย่างน้อยแคลร์ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง เวลาที่ห่างกันหกชั่วโมง ก็ทำให้ลำบากนิดหน่อยในการติดต่อกัน
     
    วันศุกร์ พอเสร็จจากที่วิทยาลับ เบลล์และลอเรลก็กลับมาแต่งตัวที่อพาตเมนต์ของป้าซาห์รา เบลล์ยืมชุดของป้ามาใส่
    ทั้งคู่ไปถึงที่ร้านเป็นสองคนแรก และกำลังนั่งรอ เบลล์รู้ตัวว่าธรรมดา ฉะนั้นสวยระดับแค่นี้ก็ต้องอาศัยตัวช่วย เธอแต่งเต็มที่ และช่วยลอเรลด้วย
     “เธอว่าเขาจะมาใช่ไหม”ลอเรลถามขึ้น เบลล์ตัดสินใจว่าลอเรลไม่ควรแต่งแบบสาวอีโม ลอเรลใส่ชุดที่ดีที่สุดของเธอ และแต่งหน้าเต็มพิกัด
    “มาสิ มั้งนะนี่แค่ทุ่มเอง อย่าห่วงเลย คนอื่นยังไม่มาด้วยซ้ำ” เบลล์ยกแก้วขึ้นดื่ม”เธอว่าเราจะได้ไปต่อที่ไหนกันไหม”
    แล้วทุกคนก็มาถึง เทรเวอร์นั่งลงข้างๆเบลล์ พวกนักศึกษานั่งฟังดนตรี และพูดคุยกัน หลังจากเครื่องดื่มหมดเป็นแก้วที่สอง เอล็กซ์ก็ปรากฎตัว
                                    เบลล์เป็นคนสังเกตเห็นก่อน เอล็กซ์มาคนเดียว เบลล์ฉุดลอเรลให้เดินไปพาเขาเข้ามา
                                    เอล็กซ์แต่งตัวดีในแบบอีโม เสื้อสีน้ำเงินที่เขาใส่เหมาะกับทรงผม และขอบตาดำนั่นมาก เขานั่งลงใกล้กับลอเรล ห่างจากพวกคณะบริหารธุรกิจ
                                    เบลล์คอยช่วยลอเรลอยู่ห่างๆ ช่วยเริ่มบทสนทนากับเอล็กซ์ แล้วก็ปล่อยให้ทั้งสองได้คุยกัน และหันเหความสนใจทันทีที่หัวข้อสนทนาท่าจะไปไม่รอด เมื่อเห็นว่าลอเรลปลอดภัยจากความเงียบน่าอึดอัดแล้ว เธอก็หันมาสนุกกับคนอื่นๆ ร้องเพลงคลอไปกับเสียงเพลง
                                    ทุกคนกำลังหัวเราะกับเรื่องชวนหัวใต้สะดือของนีล จนดังกลบเสียงเพลง เบลล์รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศในเซอเคิล คลู เธอหันซ้ายหันขวาหาที่มา
                                    สาวสวยกลุ่มหนึ่งเดินตรงเข้ามา มีเสียงกลั้นหายใจไล่หลัง แทบทุกชีวิตในร้านเล็กๆนั้นหยุดมองดูพวกหล่อน แม้จะอยู่ในแสงสลัว และพวกหล่อนแต่งตัวเริ่ดมากกว่าปกติ เบลล์ก็จำได้ทันทีว่าเป็นกลุ่มของไดแอน และนาตาชา
                                    “นาตาชา เธอมา” เทรเวอร์อุทาน มีรอยยิ้มในน้ำเสียง
                                    เบลล์หันไปมองนาตาชา แปลกใจคำพูดของเทรเวอร์
    ”ทำไมจะไม่มาล่ะ” นาตาชาไม่ได้ยิ้มตอบเทรเวอร์
    เพื่อนสาวที่เหลือของนาตาชา มองมาที่พวกเธอทุกคน และเบลล์สาบานได้ว่าไม่ใช่แบบที่เป็นมิตรแน่นอน
    “เรารอพวกเธออยู่เลย” เบลล์ไม่ได้มองว่าใครพูด ก็จำได้ว่าเป็นเสียงของนีล
                                    ลอเรลถองเบลล์เบาๆอย่างมีความหมาย เบลล์กลืนก้อนในคอลงไป
                                    “เธอชวนเขามาหรอ”เบลล์กระซิบถามเทรเวอร์
                                    “เอ่อ ใช่ คือนีลน่ะ ที่จริงนีลเป็นคนชวน”
                                    สาวที่ชื่อนาตาชา หยุดยืนอยู่หน้าเทรเวอร์ “เธอชอบชุดของฉันไหม”
    หล่อนนำเสนอชุดตนเองด้วยการหย่อนบั้นท้ายแทรกลงมาตรงที่ว่างเล็กๆระหว่างเบลล์ และเทรเวอร์อย่างไม่มีมารยาท จนเทรเวอร์ และเบลล์ต้องเขยิบออกจากกัน เบลล์กระเถิบชิดลอเรล นาตาชาจงใจหันหลังให้เบลล์ ใบหน้าของหล่อนแทบจะชนกับหน้าของเทรเวอร์
    เบลล์หน้าชา เธอเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงจนเจ็บ
    “ฉันชอบที่นี่จังเลย ความคิดใครหรอที่มาที่นี่”นาตาชาถามออดออ้น แม้จะสวยอยู่แล้ว เธอก็ยังแต่งหน้าจัดราวกับว่าความสวยที่ธรรมชาติให้มานั้นจะยังไม่เพียงพอ
    “ความคิดของเบลล์ กับนีล เธอคงรู้จักกันแล้ว เห็นว่าเรียนมัธยมที่เดียวกัน
    “แต่ฉันรู้จักที่ดีกว่านี้มากๆเลยล่ะ ไว้เราไปเที่ยวกันดีกว่า”
    “เทร
    “เอ้อ ใช่ ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วยหน่อย เทรเวอร์ รายงานของศาสตราจารย์ฮอว์กินที่กำหนดส่งวันไหนสักวันเร็วๆนี้...”
    ทุกครั้งที่เบลล์พยายามพูดอะไรกับเทรเวอร์ นาตาชาจะต้องขัด เบลล์จึงเปลี่ยนเป็นชวนคนอื่นคุยแทนโดยหาหัวข้อที่เทรเวอร์จะต้องเข้าร่วมด้วย แต่นาตาชาก็ยังครองความสนใจของเขา นาตาชาไม่ใส่ใจว่าคนอื่นจะพูดอะไรกัน เหมือนที่ เซอเคิล คลู มีแต่เธอเป็นศูนย์กลาง
    ข้างๆเบลล์ ลอเรลก็กำลังรับศึกอยู่ สาวเปรี้ยวคนหนึ่งทำท่าว่าสนใจอเล็กซ์อย่างเปิดเผย ถึงกระนั้นสถานการณ์ของลอเรลก็ไม่หนักหนา อเล็กซ์หลีกเลี่ยงสาวคนนั้นอย่างเปิดเผยเช่นกัน
                                    เสียงสูงของนาตาชาเจ๊าะแจ๊ะอยู่ใกล้หู ฟังน่ารำคาญ ที่สำคัญเทรเวอร์ดูจะไม่รังเกียจเลย และที่แย่กว่านั้น คือเขาไม่กระตือรือร้นที่จะต่อบทสนทนากับเบลล์
    เบลล์กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก เธอรู้สึกแย่มาก อึดอัดที่คนเยอะเกินไป บวกกับเอียนกลิ่นน้ำหอมของนาตาชาจนคลื่นไส้ แต่เธอรู้ดีว่า ถ้าเธอลุกไปขอตัวเข้าห้องน้ำ ก็จะไม่มีที่ว่างสำหรับเธออีกต่อไป เบลล์นั่งซึมอยู่ตรงนั้น เหมือนหลักโดดเดี่ยวที่ปักอยู่ในทราย ทันทีที่ยกหลักออก ทรายก็จะไหลลงถมช่องว่างให้หายไป เหลือแต่ผิวราบเรียบของพื้นทราย ราวกับว่าที่ตรงนั้นไม่เคยมีอะไรอยู่เลย
                                    “อุ๊ย เพลงนี้ มาเต้นรำกัน” เสียงแหลมของนาตาชาดังทะลุเสียงฮึมๆของดนตรี
                                    เกือบทุกคนลุกจากที่ รวมทั้งอเล็กซ์ กับลอเรล เหลือแค่เพื่อนนักศึกษาอีกสองคน กับเบลล์ที่รู้สึกตัวหนักอึ้งและแข็งทื่อ
                                    เบลล์ถอนหายใจ มองไปที่ฟลอร์
     แต่ละคนเต้นคลอกัยเป็นคู่ๆ เทรเวอร์หน้าแดงเล็กน้อย ซึ่งเบลล์แน่ใจว่าไม่ใช่เพราะ เบียร์ แต่เพราะ นาตาชาที่แขนเรียวของหล่อนกำลังคล้องคลอเขาอยู่มากกว่า
    เบลล์หันกลับมา ร้อนไปทั้งตัว ทั้งเจ็บและอายเหมือนถูกตบหน้า ผลลัพธ์การมาที่นี่กลับตาลปัตรจากที่คาดไว้โดยสิ้นเชิง เธอรู้สึกไม่มีตัวตน และอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นเสีย แต่ขาไร้เรี่ยวแรงที่จะลุก โซฟาสีเขียวดูดให้เบลล์ติดอยู่กับที่ เธอนึกอยากให้มันดูดเธอให้จมลึก แล้วไปโผล่ที่บ้านเลย แล้วก็จำได้ว่าบ้านที่มอนต์โกเมอรี่ เป็นแต่เพียงตึกเปล่าๆ ไม่มีครอบครัวของเธออยู่
    เบลล์คว้าเบียร์ที่เหลือดื่มรวดเดียวหมด ความร้อนจากแอลกอฮอลล์แล่นขึ้นมาจากกระเพาะ เธอลุกขึ้นยืน
    “บอกลอรี่ด้วยว่าฉันปวดหัว” เบลล์พุ่งออกประตูไป หาทางกลับถึงอพาตเมนต์จนได้
     
    ลอเรลส่งข้อความมาหาเบลล์หลังจากเบลล์ถึงบ้านแล้ว เธอไม่พิมพ์ตอบ
    “ไปเที่ยวเป็นไงบ้างจ๊ะ” ป้าซาราห์ถาม นั่งทาเล็บอยู่หน้าโทรทัศน์ “นี่เพิ่งสามทุ่มเองนี่ที่รัก”
    “ก็งั้นๆแหละค่ะ” เบลล์ตอบเสียงแห้ง หน้าของเธอคงฟ้อง ป้าซาราห์จึงไม่ถามต่อ
    เบลล์เข้านอนทันที แต่ลืมตาโพลงอยู่นานบนเตียง เธอรู้สึกถึงความเหงาเปล่าเปลี่ยวที่เธอเพิ่งสังเกตว่ามันก่อตัวมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เธอรู้ว่ามีมันอยู่ก็เมื่อความเหงาได้อาหารเป็นความว่างเปล่าจนขยายใหญ่
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------


     
               


    -------------------------------------------------------------------------------------------
    ฟอนต์มันโดดๆ แก้หลายรอบแล้วจนปัญญาจริงๆ หวังว่าคงไม่ทำให้หงุดหงิดกันนะ เด๋วจบบทที่ 2 จะเอารูปตัวละครฝ่ายชายบางส่วนมาลง อดใจรอนิดนึง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×