คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : สัตตโลหะ ๑ ผู้สืบทอด (ยังไม่จบนะ)
~ ๐ ผู้สืบทอด ๐ ~
หลายคนคิดว่ามันตายไปแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตระกูลของเรา ไกร เจ้าจงเก็บสิ่งนี้ไว้ นี่คือแหวนสัตตโลหะ จากนี้เจ้าคือผู้สืบทอดแห่ง ตำหนักไกรทอง
กรุงเทพมหานครฯ ๒๕๕๐
มหาวิทยาลัย บางกะปิ
วุฒิไกร เด็กหนุ่มอายุ ๑๙ ปี นักศึกษาปี ๑ ของคณะสังคมศาสตร์ เขาเป็นเด็กที่แต่งตัวเรียบร้อย สวมกางเกงแสล็คสีดำ ใส่แว่นตา หน้าตาอ่อนโยน และกำลังถูกเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียน คะยั้นคะยออย่างไม่ลดละ
"น่า นะ" ประกายเพชรขอร้อง "พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะทำรายงานเรื่องตำนานพื้นบ้าน เรื่อง ไกรทองน่ะ"
"ใช่" มนฑลเพื่อนร่วมกลุ่มเสริม "บ้านแกอยู่ที่นนท์ไม่ใช่เหรอ ให้พวกเราไปค้าบ้านแก แล้วศึกษาเรื่องราวนะ ไหน ๆ ไกรทองน่ะ ตามตำนานก็เป็นคนจังหวัดนนทบุรีนี่นา"
"อืมถ้าอย่างนั้นล่ะก็" วุฒิไกรเริ่มใจอ่อน
+++++
ด้วยเหตุนี้ เช้านี้ วุฒิไกรจึงต้องตื่นนอนเร็วกว่าปกตินิดหน่อย เพื่อรอต้อนรับเพื่อน ๆ ที่มากันแต่เช้า
วุฒิ~ วุฒิ~ เสียงเรียกของเพื่อน ๆ ดังขึ้นที่หน้าบ้าน แต่เสียวดูเบาบางแปลก ๆ วุฒิไกร รีบเปิดประตูบ้านออกไปดู แล้วพบว่า เพื่อน ๆ ของเขา กำลังตะโกนอยู่ที่หน้าเรือนพี่เลี้ยง
"เฮ้ พวกเธอ" วุฒิไกรตะโกนเรียก "บ้านชั้นน่ะ หลังนี้ต่างหาก"
สาเหตุที่เพื่อน ๆ ของเขายืนอยู่ผิดที่นั้น เพราะต่างก็ไม่คิดว่าบ้านของวุฒิไกรจะใหญ่โตดั่งวังเช่นนี้ ด้วยความที่เป็นบ้านไม้สักทอง เต็มไปด้วยแมกไม้ที่ปลูกไว้ทั่วไปรอบบริเวณบ้าน ที่กว้างกว่า ๓๕๐ โดยยังไม่นับรวมพื้นที่อื่น ๆ นอกเหนือจากตัวบ้าน และนี่คือความตระการตาของตำหนักไกรทอง
"ยินดีต้อนรับนะ" วุฒิไกรกล่าวทักทายเพื่อน ๆ ที่กำลังตาค้าง แล้วเขาก็สังเกตเห็น "สวัสดีครับ พลอย"
ประกายพลอย น้องสาวฝาแฝดของประกายเพชร สมาชิกคนหนึ่งในกลุ่ม และเป็นคนที่วุฒิไกรแอบปลื้ม
"นี่ นายวุฒิ" เพชรทัก "อย่ามามองน้องสาวชั้นแบบตาเยิ้มอย่างนั้นสิ"
"เชอะ อย่ามาพูดมากเลย" วุฒิท้วง "ทีเธอยังพาใครบางคนมาด้วยนี่นา" เขาเหลือบมองผ่านไปทางด้านหลัง เห็นคนที่ไม่ใช่สมาชิกกลุ่มมาด้วย
"น่านะ" เพชรพูด "พอดีจริง ๆ แล้ว เสานี้ชั้นลืมไปว่านัดเค้าไว้ กว่าจะกล่อมให้เค้ายอมมาด้วยเนี่ย ยากจะตาย"
"แล้วไม่คิดจะแนะนำหรือไง หา" วุฒิพูดออกไปด้วยความที่สนิทสนมกับเพชรมาก
"โอเค โอเค นี่พี่ ชา แฟนของชั้น เป็นรุ่นพี่เราปีนึง" เพชรแนะนำแฟนหนุ่ม ชานุวรรฒ ให้ทุกคนรู้จัก
ชานุวรรฒเป็นคนร่างใหญ่ ตัวสูง ดูท่าทางแข็งแรง และมีแววตาที่น่าเกรงขาม
แต่แวบนั้นที่ชานุวรรฒ และ วุฒิไกร สบตากัน ต่างคนต่างก็รู้สึกไม่ถูกชะตากันขึ้นมาทันที
+++++
การทำงานในวันนั้นเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งถึงเช้าวันจันทร์ ท่ามกลางฝนพรำ เมื่อวุฒิไกรผ่านประตูทางเข้าของมหาวิทยาลัยเข้ามา เขาก็สังเกตเห็นชานุวรรฒเดินอยู่ด้านหน้า วุฒิไกรจึงรีบเข้าไปทัก แต่ทันทีที่ชานุวรรฒหันกลับมา วุฒิไกรก็ต้องตกใจ เพราะนัยน์ตาของชานุวรรฒนั้น เหมือนไม่ใช่นัยน์ตาของมนุษย์ และในวินาทีนั้น เขาเหมือนได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังออกมาเบา ๆ จากตัวของชานุวรรฒ แต่ไม่ทันที่จะตั้งตัว ชา ก็ชกเข้าที่ใบหน้าของ วุฒิ เต็มแรง จนแว่นตาของวุฒิหลุดร่วง
"แก ทำอะไรของแก" วุฒิตะโกน
"เมื่อวันก่อนน่ะ" ชาพูด "บ้านของแกน่ะ นั่นมันตำหนักไกรทองนี่หว่า"
"ทำไมแกถึงรู้จัก" วุฒิถาม
"ตระกูลของชั้นน่ะ เป็นตระกูลที่จะไม่ยอมให้คนอย่างพวกแกทำอะไรได้ตามใจชอบยังไงล่ะ" ชาตอบ นัยน์ตาของเขากลับเป็นปกติแล้ว พร้อมกับที่ฝนเองก็หยุดตกไปเมื่อครู่ "แกน่ะ อย่ายุ่มย่ามกับเพชรให้มากนัก ไอ้คนอย่างพวกแกน่ะ ยังไงชั้นก็ไม่มีทางยอมให้ทำอะไรได้หรอก"
"แกพูดอะไรน่ะ ชั้นไม่เห็นรู้เรื่อง" วุฒิตะโกนกลับ
"หึหึ แสดงว่าผู้สืบทอดคราวนี้ คงจะฝีมือไม่เท่าไหร่สินะ" พูดจบเขาก็เดินจากไป ทิ้งให้วุฒิไกรต้องยืนอยู่อย่างสับสน วุ่นวายใจ
พักเที่ยงวันเดียวกัน วุฒิไกร โทรศัพท์กลับบ้าน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับปู่ฟัง
"จริงรึ" ปู่ตอบกลับมา "ไกร เจ้าสวมแหวนอยู่ใช่ไหม แหวนสัตตโลหะน่ะ"
"ครับ"
"อย่าเข้าใกล้เจ้านั่น รอจนกว่าปู่จะไปหา"
"ได้ครับ"
แต่สิ่งที่เขารับปาก กลับไม่บรรลุผล
+++++
๑ ชั่วโมงต่อมา อากาศเริ่มแปรปรวน ดูเหมือนฝนจะเริ่มตั้งเค้าอีกครั้ง ขณะที่วุฒิไกรกับประกายเพชร กำลังเดินผ่านลานอนุสาวรีย์ประจำมหาวิทยาลัย และเป็นเวลาเดียวกับที่ชานุวรรฒกำลังนั่งเรียนอยู่บนห้องเรียนชั้น ๓ ทันทีที่ฟ้าลั่นดังครืน สายฟ้าหนึ่งก็ฟาดผ่าลงที่กลางลานอนุสาวรีย์ ควันโขมงคลุ้งไปทั่ว แล้วพอควันเริ่มจาง ก็ปรากฏเป็นสัตว์ประหลาดสีดำตัวใหญ่ ที่หัวขนาดใหญ่ไม่ได้สัดส่วนของมัน มีหนามแหลมคล้ายเม่นงอกออกมาเต็มไปหมด มันไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าหาวุฒิกับเพชรทันที แต่ไม่ทันที่มันจะถึงตัวของพวกเขา วุฒิก็ขว้างท่อเหล็กที่ฉวยจากบริเวณนั้นกระแทกเข้าที่หน้าของมันทันท่วงที แล้ววุฒิก็รีบวิ่งเข้าไปคว้าท่อเหล็กที่ขว้างออกไปนั้นขึ้นมา แล้วยืนขวางระหว่างตัวเพชรกับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่ไว้
"เจ้านี่มันตัวอะไรน่ะ" เพชรพูดด้วยความสับสน
"ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน" แต่วุฒิก็เริ่มเห็นถึงประโยชน์ที่ปู่เฝ้าฝึกสอนวิชาการใช้กระบองให้เขามาตั้งแต่เด็ก ๆ "รีบหนีไปก่อน ชั้นจัดการเอง"
เจ้าสัตว์ประหลาดนั่น เอามือปัดหน้าตัวเองสองสามที แล้วสยายหนามที่หัวอันใหญ่โตของมันออก ก่อนจะกระจายหนามเหล่านั้นพุ่งออกมาราวกับดอกไม้ไฟ แต่ทักษะที่เยี่ยมยอดของวุฒิ ทำให้เขาสามารถกวัดแกว่งท่อเหล็ก ปัดป้องหนามเหล่านั้นได้ แต่ไม่หมดเสียทีเดียว หนามจำนวนหนึ่งหลุดรอดไป แล้วพุ่งตามหลังของเพชรที่หมดแรง ทรุดอยู่ทางด้านหลัง
แย่ล่ะ ไม่ทันแล้ว วุฒิคิด แต่ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งก็เข้ามาขวาง แล้วกวัดแกว่งขาไปมาอย่างรวดเร็ว และแม่นยำ เตะหนามเหล่านั้นให้ปักลงพื้นจนหมด ชานุวรรฒนั่นเอง
"ไอ้บ้าเอ๊ย" ชาตะโกน "แกคิดจะปล่อยให้หนามพวกนั้นมันจิ้มเพชรก่อนหรือไง ไอ้บ้า" พูดจบ เขาก็วิ่งสองสามก้าว แล้วกระโดพุ่งเข้ามา เขากระโดดได้ไกลมาก ข้ามหัวของวุฒิไป แล้วระดมเตะเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นไม่ยั้ง จนเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นถึงกับต้องเซถอยหลังไป แต่ไม่ทันที่ชาจะตั้งตัว เจ้าสัตว์ประหลาดที่กำลังเซ ก็กลับพุ่งเข้ามาได้อย่างประหลาด วุฒิจู่ ๆ ก็กระโดดข้ามหัวของชาบ้างแล้วง้างท่อเหล็กฟาดเข้าเข้าที่กรงเล็บของเจ้าสัตว์ประหลาดที่กำลังตวัดออกมาไว้ได้ทัน
ทั้งสอง เมื่อได้ทีจึงร่วมมือกัน เข้าจู่โจมเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นดั่งพายุอีกครั้ง เพลงเตะของชานุวรรฒช่างดูดุดัน และแข็งแกร่ง บวกกับกระบวนท่าพลองของวุฒิเอง ก็ดูสง่างาม และไร้ช่องโหว่ ต่างคนต่างก็ถาโถม โจมตีเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่นานนัก ตูม! ทั้งสองคนกระเด็นออกไปคนละทิศละทางด้วยการเหวี่ยงแขนเพียงครั้งเดียวของเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น
อย่างไรก็ตาม คนธรรมดาย่อมไม่อาจต่อสู้สิ่งเหนือธรรมชาติเช่นนี้ได้
วุฒิไกร ที่กำลังสะบักสะบอม นึกถึงคำพูดของปู่ขึ้นมาเฉียบพลับ
เจ้าคือผู้สืบทอด และแหวนเป็นของเจ้า ต่อไปนี้ หอกสัตตโลหะ จะอยู่กับเจ้าเสมอ
วุฒิก้มดูที่นิ้วของตัวเอง แหวนสัตตโลหะของเขากำลังเรืองแสงสีทองสว่าง เขาค่อย ๆ ยืนขึ้นแล้วตั้งสมาธิ ทันใดนั้น เขาก็ตะโกนออกมา
"หอกสัตตโลหะ จงมา!"
ทางด้านของชา เมื่อรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ เขาก็นึกถึงบางอย่าง ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด แล้วในที่สุดเขาก็ร้องเรียกมัน
"จงปรากฏ ผลึกเขี้ยวอสูร"
สูงขึ้นไปบนฟ้า ตรงจุดที่วุฒิยืนอยู่ ก้อนเมฆเริ่มหมุนวนเข้ามารวมกันที่จุดเดียว ท้องฟ้าที่ครึ้มอยู่แล้วยิ่งมืดครึ้มขึ้นไปอีก แสงสว่างแลบออกมาเป็นช่วง ๆ
ฉับพลัน ก็มีเสียงฟ้าคำรามลั่น บางอย่างกำลังพุ่งลงมาจากใจกลางเมฆเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว มันพุ่งตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าของวุฒิพอดิบพอดี และมีเส้นด้ายสีทองนับไม่ถ้วน ยืดยาวออกมาจากแหวนสัตตโลหะ มันถักทอตัวเองจนกลายเป็นถุงมือสีทองห่อหุ้มมือขวาของวุฒิไว้
วุฒิเพิ่งจะเคยเห็นหอกสัตตโลหะเป็นครั้งแรก คมหอกมีสีดำ ซึ่งเป็นสีเดียวกับด้ามหอก และมีผ้าสีแดงซึ่งมีอักขระมากมายเขียนไว้ พันไว้ที่รอยต่อระหว่างด้ามกับคมหอก ส่วนที่ปลายด้ามก็มีโลหะสีทองที่ลงอักขระไว้เช่นกันหุ้มเป็นที่จับไว้ คมหอกของหอกสัตตโลหะนี้ มีความยาวถึง ๑ ใน ๓ ของตัวหอกทั้งหมด
มันยังคงลอยตัวนิ่ง ปลายหอกชี้ลงที่พื้นตรงหน้าของวุฒิ ควันความร้อนจากการเสียดสีกับอากาศระเหยออกมาจากหอกนั้น วุฒิได้แต่จ้องไปที่มันด้วยความตื่นตะลึง แต่ในที่สุด เขาก็ใช้มือขวาที่หุ้มไว้ด้วยถุงมือสัตตโลหะ คว้าหอกสัตตโลหะเข้ามา
ทางด้านของชา เริ่มมีหมอกสีขาวขึ้นปกคลุมอยู่รอบตัวของเขา และจู่ ๆ ก็เกิดรอยร้าวขึ้นในอากาศอากาศ เหมือนกับว่าตลอดเวลามีกระจกบานใหญ่ล้อมรอบตัวของชาอยู่ และตอนนี้มันก็เริ่มร้าว แล้วทันใดนั้น มันก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ล่องลอยอยู่ในอากาศ สะท้อนแสงประกายระยิบระยับ และทั้งหมด ก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบ ไปรวมตัวกันที่ขาทั้ง ๒ ข้างของชา พวกมันค่อย ๆ เกาะตัวกันกลายเป็นเกราะแก้วผลึกสีเขียวเข้ม ห่อหุ้มตั้งแต่ปลายเท้าของชาจนถึงหัวเข่า ทันใดนั้น แววตาของชาก็เปลี่ยนไปเป็นของสัตว์ร้าย เส้นผมเปลี่ยนเป็นสีเลือด เขากระโจนถีบเข้าที่เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นทันที ผิดกับเมื่อครู่ คราวนี้เจ้าสัตว์ประหลาดกระเด็นด้วยความรุนแรง ลอยลิ่วพุ่งไปทางวุฒิอย่างรวดเร็ว
วุฒิเอง ทันทีที่คว้าหอกสัตตโลหะเข้ามาไว้ในมือ เส้นผมของเขาก็สยายยาวออกมาถึงกลางหลัง สีผิวเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดทันที และสายตาของเขาก็ไม่ต้องการแว่นตาอีก เขาง้างหอก ฟันเข้าที่เจ้าสัตว์ประหลาดที่ลอยมาถึงตัว คมหอกฟันเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นจนขาดเป็น ๒ ท่อน
ความคิดเห็น