ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพราะทั้งหมดที่เป็นเธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : 1

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 50


    1     

    ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพทุกชีวิตต่างเร่งรีบ หนึ่งในนั้นก็รวมถึงนางสาวกชกร แสงดาว หรือสาวบัว สิ่งมีชีวิตเล็กๆๆที่ก็พยายามหางาน มาเลี้ยงชีพเช่นกัน

                    โอ้ยเซ็ง ตกงานมาจะปีแล้ว ฉันยังหางานไม่ได้เลยนี่คือเสียงคร่ำครวญของเธอผู้ยังวิจัยฝุ่นคนเดียวทั้งกลุ่ม

                    ไม่ต้องมาบ่นเลย ให้มาทำงานที่บริษัทพ่อฉันก็ไม่เอาหวาย สาวหมวยร่างเล็ก เบื่อเต็มทีกับเพื่อนที่ยังมานั่งบ่นเรื่องหางาน

                    หวายอย่าไปพยายามช่วยมันเลย บอกมันกี่รอบกี่รอบก็เหมือนเดิม ให้มันวิจัยฝุ่นต่อไปเหอะ ปูนใสสาวอีกคนในดรีมทีม

                    แหม ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงจริ๊งยัยปูนขุ่น

                    อ้าวอย่ามาพูดอย่างนี้น่ะยัยบัวเน่า บัวเหี่ยว บัวโอ้ยไอ้บัวบ้า

                    นี่ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ หวายเธอผู้เป็นดั่งระฆังหมดยกทำหน้าที่โดยอัตโนมัติ ก็มันน่าไหมล่ะ ทะเลาะกันเป็นเด็กไปได้โอ้ยเดี๊ยนล่ะกลุ่ม บัวเธอไม่อยากทำงานบริษัทแล้วอยากทำอะไร ไอ้นู้นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา เธอบอกแต่ว่าอยากทำอะไรที่มันอิสระ แล้วเป็นไง ไม่เท่าไหร่ก็ไม่มีงาน  ยุคนี้อะไรที่มันพอทำอะไรได้ฉันว่าเธอน่าจะทำๆมันไปก่อนน่ะ

                    สาธุ นี่ยัยหวานตกลงเธอเป็นแม่ฉันหรือเป็นเพื่อนฉันเนี่ย บ่นเอา บ่นเอา หรือหล่อนจะเข้าสู่วัยทอง โอ้พระเจ้าไม่น่ะ

                    ไอ้บัวบ้าเอ้ย ถ้าฉันทองหล่อนน่ะไม่เพชรเลยหรือย่ะ ปูนเธอจะด่า จะเล่นงานมันยังไงฉันไม่ห้ามแล้ว ช่วยจัดการเอามันไปไกลๆฉันหน่อยเหอะสาววัยใกล้ทองบ่นกับเพื่อนอีกคน เพื่อนบ้าอะไร คนอุตส่าห์หวังดี มาว่าว่าใกล้วัยทองได้ไง ไม่ยอม

                    ไอ้บัวดูเด๊ะ ป้าหวายแกเบื่อเลยเห็นไหมสาวนักวิจัยฝุ่น(จำเป็น)ทำหน้าตั้งใจฟังด้วยอาการสำนึกผิด(จอมปลอม) ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั่นเลยนี่ถ้าไม่อยากทำงานบริษัท อยากลองเป็นพี่เลี้ยงเด็กม๊ะ                 

                    เหวอซิค่ะงานนี้ จู่ๆคุณปูนขุ่นที่เคารพหางานอะไรให้ฉันเนี่ย เลี้ยงเด็ก พระเจ้า ฉันเลี้ยงตัวเองยังไม่รอดเลยเฮ้ยปูน จะให้ฉันไปเลี้ยงเด็กเนี่ยน่ะ ใช้สมองส่วนไหนคิดไม่ทราบ

                    เออนั่นดิ แค่ให้ไอ้บัวเลี้ยงตัวเองยังไม่รอดเลย แล้วจะให้เลี้ยงเด็กเนี่ยน่ะ บ้ารึเปล่า โหย ไอ้หวายไอ้เพื่อนผู้ยั่งรู้ แหมรู้ด้วยว่าฉันคิดอะไร แต่มันจี๊ดอยู่นา เหมือนโดนด่าไงไม่รู้

                    หวายก็ไปว่ามัน ถึงมันจะขี้ลืมไปนิด เฟอะฟะไปหน่อย ซุ่มซ่ามอีกเศษหนึ่งส่วนสี่ นอกนั้นก็ไม่เสียหายอะไรน่ะ เฮ้ยัยปูนฉันยังนั่งตรงนี้อยู่นา นี้ขนาดอยู่ด้วยมันยังว่าขนาดนี้ ถ้าลับหลังมันเป็นขนาดไหนหว่า อ้อและก็มีหัวช้าและก็ขี้เซาแค่นี้เอง โอ้โฮ้พระเจ้ามันด่าครบเลยแฮะ

                    ปูนไอ้ที่พูดมาใช้คำว่าแค่นี้หรอ ถ้าเอามันไปเลี้ยง เด็กจะไม่เสียหรอ ว่าแต่เป็นเด็กที่ไหนอ่ะ

                    เดี๋ยวก่อนเจ้ทั้งสอง คือที่เจ้พูดถึงเนี่ยมันฉันไม่ใช่หรอ นั่นไอ้เจ้ทั้งสองมันพยักหน้าด้วย เออมันยังรู้ว่าพูดถึงใคร แล้วฉันก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ แล้วพูดกันยังงี้ใช้ได้หรอ

                    โถ่บัวที่พูดเนี่ยเพราะรักหรอกน่ะ รู้ไหมว่าฉันต้องไว้ใจหล่อนน่ะย่ะถึงได้ถามเนี่ย

                    แค่งานเลี้ยงเด็กเนี่ยน่ะ ถึงกับต้องใช้ความไว้ใจถามเลยหรอเว่อร์ไปไหมเนี่ยเพื่อนฉัน แค่งานเลี้ยงเด็ก ให้ตายเหอะกินเนสบุ๊คส์อยู่หนใดเอาเพื่อนฉันไปลงทีเหอะ

                    แน่นอนเพราะเด็กคนนั่นเนี่ย หลานฉันเลยน่ะเว้ย

                    เฮ้ย สองเสียงประสานกันมันช่างน่าชวนให้ร้านแตกเสียนี่กระไร

                    ไอ้ปูนนี่แกอย่าบอกฉันน่ะว่าพี่หินสุดหล่อของแกมีลูกแล้ว โอ้พระเจ้าช่วยลูกดัวย เสียงคร่ำครวญของไอ้หวายตอนนี้มันช่างเหมือเสียงโหยหวนของเจ้ซีลิน ดิออร์บวกป้าวิสนีย์ฮุสตันเสียนี้กระไร เฮ้อตัดใจเหอะเพื่อน เอ ว่าแต่พี่หินไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่หว่าหรือว่า

                    ปูนพี่หินยังไม่แต่งไมใช่หรอ งั้นพี่หินก็ไปทำ

                    พอเลย พอเลย แงๆๆ ยัยปูนจะมาขัดจินตนาการอันเปี่ยมล้นของฉันท..า...ม...ม...า....ย แหมไอ้เพื่อนทั้งสอง หาเรื่องให้พี่ชายฉันแล้วไหมล่ะ พี่ชายฉันออกจะเป็นคนนิสัยดี ไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอกน่า ไอ้หลานที่ฉันว่าเนี่ยหมายถึงลูกของลูกพี่ลูกน้องของฉัน พอดีว่าพี่คนนี้พึ่งเสียแล้วตอนนี้เนี่ยหลานฉันก็อยู่ที่บ้านฉัน

                    อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว คือแกเนี่ยจะให้ฉันไปเลี้ยงหลานที่บ้านใช่ม๊า ได้เลย ว่าแต่พี่หินอยู่ด้วยป่ะ โอ้ลัลล่า พี่หินขารอบัวแป็ปน่ะค่ะ เดียวเราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว ไชโย

                    แหมยัยบัว ไม่เก็บอาการหน่อยหรอ พี่ชายฉันน่ะ

                    ก็รู้ไงว่าพี่ชายเพื่อนปูนใสสุดที่รัก เนี่ยถ้าปูนให้บัวดูแลหลาน บัวจะแถมดูแลพี่หินให้ด้วยเอาม๊าใจดีพิเศษสำหรับพี่หินเลยน่ะเนี่ย

                    ไอ้บัว มากไปหน่อยเว้ย พี่หินน่ะ ว่าที่แฟนฉันย่ะ ไอ้หวาย ดูมัน ดูมัน กล้าพูดได้ไงว่าที่แฟน ยอมไม่ได้

                    หวายเอ๋ยเรื่องแบบ

                    ไอ้บัว ไอ้หวาย หยุดเลยน่ะ อีกแล้วไอ้ปูน หล่อนขัดจังหวะฉันอีกแล้ว แต่ยอมให้หรอกน่ะ เพราะเห็นว่าเป็นว่าที่น้องสะใภ้ อิ อิ (คิดเองเออเองทั้งนั้น เฮ้อ) หนอยคิดจะงาบพี่ชายฉันหรอ มันรู้ด้วยอ่ะ เก่งจัง ที่ฉันบอกว่าให้เลี้ยงหลานน่ะ หมายถึงว่าไปเลี้ยงที่อื่น ถ้าให้หลานอยู่ที่บ้านฉันเนี่ย ฉันไม่ต้องมาถามเธอให้เป็นอันตรายกับพี่ฉันหรอก แค่คิด ฉันก็สยองแทนพี่หินแล้ว

                    อ้าว เฮ้ยบัว ปูนมันบอกว่าบัวเป็นอันตรายกับพี่ชายมันน่ะ

                    รู้แล้วแต่ฉันว่าปูนหมายถึง หวายด้วยนา ใช่ไหมจ๊ะเพื่อนปูนคนสวย

                    พอเลยทั้งสองคนนั้นแหละ ตกลงบัวมาเป็นพี่เลี้ยงหลานฉันหน่อยซิ เนี่ยเหลืออีกแค่สองวันเองน่ะ

    พี่ครีตก็จะมาแล้ว ช่วยฉันหน่อยน่ะ pleas” สาวปูนใสผู้น่าสงสารพยายามทำหน้าตาให้ดูอ้อนวอนให้มากที่สุด ทั้งสายตาที่เชื่อมจนมดไม่กล้าขึ้น ทั้งสีหน้าที่ไม่แน่ใจว่าป้าแกอยากเข้าห้องน้ำ หรือกำลังขอร้องเพื่อนอยู่

                    ปูน ฟังๆดูเหมือนว่าเธอกำลังหาพี่เลี้ยงให้คนอื่นงั้นแหละ มีกำหนดเวลามีอะไรด้วย อย่างนี้ฉันก็อดอยู่บ้านเดียวกับพี่หินซิ ว้า แย่จัง

                    ก็ทำนองนั้นแหละ ว่าแล้วเชียว เซ็ง คือว่าพี่ครีตเนี่ย จะมาดูแลน้องวิน น้องวินก็คือเด็กที่ฉันพูดถึงไง ทำโง่ไปได้ แหนะมีหลอกด่าด้วยแฮะ เพื่อนเรา แล้วที่นี้เนี่ย พี่ครีตก็เลยตั้งใจมาดูแลโครงการใหม่ที่นี้ใช่ม๊า

                    ไม่รู้เว้ย” “งั้นมั้ง สองเสียงประสานกันอีกครั้ง คราวที่แล้วร้านใกล้แตก ครั้งนี้กระจกร้านร้าวแล้ว

                    ฉันไม่ได้ถามโว้ย แหมตอบกันจัง จะฟังฉันเล่าไหม ปกติสาวปูนเธอจะมีขีดความอดทนสูง แต่ไหงวันนี้ความอดทนต่ำกำลังสองอย่างงี้หว่า ? ส่วนเพื่อนสาวที่ไม่ค่อยสวยอีกสองคนก็พยักหน้าหงึกหงักๆ ด้วยเกรงว่าเก้าอี้ที่ว่างติดพื้นตอนนี้จะบินมาหา ถ้าฟังก็เงียบห้ามขัด โดยเฉพาะเธอยัยบัวเน่า พี่ครีตเนี่ยงานเยอะ คาดว่าคงไม่มีเวลาดูแลน้องวินก็เลยอยากจะหาพี่เลี้ยงที่ดูแลหลานเค้าได้ ตลอด24ชั่วโมง ฉันเห็นว่าเธอว่างงานแล้วก็ไม่มีปัญหา ก็เลยถามดู

                    ไอ้ไม่มีปัญหาเนี่ย หมายถึงอะไรมิทราบ แล้วพี่ครีตอะไรของเธอน่ะทำไมเค้าไม่ให้ภรรยาเลี้ยงหลานล่ะ มาให้คนอื่นเลี้ยงทำไมแปลก

                    ก็ถ้าเค้ามีภรรยาอ่ะน่ะ เค้าก็คงให้ภรรยาเลี้ยงไปแล้วล่ะ แต่เนี่ยเค้าไม่มี แถมคนที่มากับเค้าก็มีแต่เลขาที่เป็นผู้ชาย และก็คนที่ติดตามเค้ามาก็มีแต่ผู้ชาย ที่นี่เข้าใจยัง ว่าทำไมต้องหาพี่เลี้ยง

                    อ๋อเข้าใจแล้ว แต่เฮ้ย ฉันต้องเข้าไปอยู่ในบ้านที่มีแต่ผู้ชายงั้นซิ พี่ครีตอะไรนี่เป็นคนยังไงเนี่ย  ที่สำคัญหล่ออ่ะเปล่า เฮ้ยไม่ใช่ไว้ใจได้หรือเปล่า ฉันยิ่งเป็นกุน-สตรีอยู่

                    แหมแค่นี้พี่ครีตน่ะไว้ใจได้แน่ แถมหล่อด้วยน่ะ แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือแกจะปล้ำพี่เค้าอ่ะดิ โอ้โห้เพื่อนฉันแทนที่มันจะเป็นห่วงเพื่อน ดูซิมันเป็นห่วงพี่ครีตอะไรนั่น ฉันขอย้ำอีกครั้ง ว่าฉันเป็น กุน-สตรีน่ะโว้ย  ตกลงเหอะน่ะ เงินเดือนดีด้วย เธอจะได้ช่วยแม่ครูหาเงินมาไถ่บ้านแสงดาวเร็วยิ่งขึ้นน่ะไม่สนใจหรอ

                    โอ้โห้เพื่อนฉัน มันเล่นเอาเรื่องเงินมายั่วด้วยแฮะ แม่ครูขาหนูขอดื้อไม่ฟังคำสอนน่ะค่ะ ที่ไม่ให้อยู่บ้านผู้ชายสองต่อสอง แต่เพื่อผู้ชายหล่อ เฮ้ยเพื่อบ้านแสงดาว หนูต้องทำค่ะ ด้วยการไตร่ตรองอย่างรวดเร็วและสัญชาตญาณของนางเอก ตกลง ฉันยอมเป็นพี่เลี้ยงเด็กก็ได้

                    เยส อีกครั้งที่เกิดการประสานเสียงแต่ครั้งนี้เกิดขึ้นโดยยัยปูนขุ่นและป้าหวายเหี่ยว ผลที่ตามมาก็คือ กระจกที่ร้าวจากการประสานเสียงสองครั้งแรกแตกหนักขึ้น และผู้คนทั่งร้านต้องคิดว่าใครก็ได้เอาไอ้สามตัวนั่นออกไปที

                    เอ่อว่าแต่คุณพี่ครีตเนี่ยเป็นคนยังไง แล้วน้องวินอายุเท่าไหร่ ฉันต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง เริ่มงานเมื่อไหร่ เป็นครั้งแรกที่บทสนทนาของวันนี้ในกลุ่มเป็นเรี่องจริงจัง ขอบคุณสวรรค์

                    เธอไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมายหรอก แค่เขียนประวัติส่วนตัว และก็เตรียมตอบคำถาม ส่วนพี่ครีตเนี่ยชื่อจริงเขาชื่อ คิมหันต์ เป็นลูกครึ่งไทย  กรีก ส่วนใหญ่อยู่แต่ที่อเมริกา แต่นี่บินมาดูแลหลานและก็ดูแลโครงการอะไรก็ไม่รุ นิสัยก็เงียบๆ ขรึมๆ โหดรึเปล่าไม่แน่ใจ

                    ทำไมคุณพี่ของแกน่ากลัวจังแล้วเขาจะฆ่าฉันไหมอ่ะ  พระเจ้าทำไมพี่ชายมันน่ากลัวอย่างนี้เนี่ย ถ้าบอกว่าเป็นมาเฟียด้วยน่ะ ครบสูตรเลยอ่ะ 

                    ยัยบัวเน่าทำไมวันนี้ชอบขัดจัง นี่พี่ฉันเป็นนักธุรกิจก็ต้องขรึมซิ ใครเค้าจะไปสติแตกเหมือนเธอเล่า มันหลอกด่าฉันอีกแล้วไอ้ปูนขุ่น ส่วนน้องวินก็อายุ7ขวบ อยู่ป.3 นิสัยก็น่ารัก ใสๆแบบเด็ก สาธุ อย่าเหมือนยัยปูนขุ่นตอนเด็กเลย เพี้ยง เดี๋ยววันพรุ่งนี้ฉันจะพามาให้เจอ ส่วนพี่ครีตจะมาถึงเมืองไทยก็อีกสามวัน ที่เหลือพี่ครีตจะบอกเธอเอง

                    ปูนพี่ครีตอะไรเนี่ย ใช่ มิสเตอร์คิมหันต์ ครีต ออสวาน่า รึเปล่า หวายเอ่ยถามปูนด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสยองอยู่ไม่น้อย

                    เฮ่ยหวายรู้ได้ไง อ๋อ พ่อเธอก็เป็นนักธุรกิจนี่ ปูนยังตอบคำถามด้วยอารมณ์ปกติไม่เอะใจในน้ำเสียงของเพื่อนสักนิด             

                     ตายแล้วยัยปูน เธอไม่รู้เรื่องของพี่ชายเธอเลยหรือไง ไม่รู้หรอว่าเขาทำธุรกิจอะไร ครั้งนี้หวายไม่เพียงแต่มีความกลัวในน้ำเสียง แต่สีหน้าก็ซีดลงด้วย

                    ยัยหวายเธอเป็นอะไร พี่ชายไอ้ปูนทำอะไรหรอเธอถึงได้ทำหน้าแบบนี้ ฉันต้องไปทำงานกับเค้าน่ะเว้ย อย่าทำให้ฉันกลัวเด๊ะ บัวเริ่มเกิดอาการหลอนขึ้นมา ถ้าเธอไม่ติดที่อยากจะช่วยหาเงินมาช่วยมูลนิธิสงเคราะห์เด็กกำพร้าบ้านแสงดาว สถานที่ที่ดูแลเธอเลี้ยงเธอให้เติบโตและเป็นบ้านของเธอแล้วล่ะก็ เธอคงขอถอนตัวตอนนี้แน่ๆ

     

                    นั่นดิหวาย รู้อะไรก็บอกมา ไอ้บัวมันกลัวหมด แล้วเดี่ยวมันก็ถอนตัวไม่รับงานนี้หรอก บรรยากาศรอบโต๊ะเริ่มหมองหม่น ความกลัวคืบคลานเข้ามาหาสามสาวอย่างปัจจุบันทันด่วน

                    คือฉันเคยได้ยินมาว่ามิสเตอร์คิมหันต์เนี่ยเป็นมาเฟีย เฮ้ยอย่างพึ่งทำหน้าแหยอย่างงั้นดิ

    ที่ว่าเป็นมาเฟียเนี่ยหมายถึงมาเฟียทางธุรกิจแล้วก็ เอ่อ .....เอ่อ มีบริษัทเอ่อ....

                    เอ่ออะไรเล่ายัยหวาย รีบๆพูดมาซิ บัวทั้งขัดใจและเริ่มหลอนขึ้นสมองหลังจากที่เพื่อน                      เอ่อคือ เอ่อคืออยู่นาน

                    เธอไม่รู้หรอว่าครอบครัวพี่สะใภ้เธอทำธุรกิจอะไรบ้าง ยัยปูน ปูนใสส่ายหน้าพลางทำหน้าเหวอ ก็ใครจะไปรู้ไม่สนิทกันแถมเจอครั้งสุดท้ายก็เมื่อสามปีก่อน แล้วจะรู้ไหมเนี่ย เค้ามีบริษัทเอ่อ ค้า อาวุธ ด้วย คนพูดเองแม้จะเคยรู้มาบ้างแต่ก็อดที่จะเสียวสันหลังไม่ได้เช่นกัน แล้วก็เป็นเจ้าของบ่อนการพนันที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส ถึงสามแห่งแล้วก็

                    พอพอๆเลยไอ้หวายหยุดพูดเลย แค่นี้ฉันก็กลัวจะบ้าแล้ว ไอ้ปูนตกลงพี่ชายเธอเป็นเจ้าพ่อ มาเฟียหรอ ฉันไม่ทำแล้วน่ะ น่ากลัวชะมัด ประโยคหลังบัวหันไปคุยกับปูน

                    เฮ้ยอย่าเปลี่ยนใจง่ายแบบนั้นเด๊ะ เธอก็ไม่ต้องยุ่งกับพี่เค้า ดูแลแค่น้องวินก็พอ คนที่มีพี่ชายเป็นเจ้าพ่อมาเฟียไม่ยอมให้เพื่อนเปลี่ยนใจได้ง่าย

                    แล้ววันดีคืนดีเค้าไม่เอาฉันไปหมกท่อ หรือโบกตึกที่ไหนหรอ เกิดฉันทำอะไรไม่ถูกใจฉันไม่แย่หรอ  หวายช่วยฉันหน่อยซิ

                     แต่เค้าก็ไม่น่ากลัวขนาดนั้นน่ะ เพราะที่ฉันได้ยินมาก็มีพูดถึงเหมือนกันน่ะ ว่าเค้าชอบให้ตังค์บริจาค แล้วแถมหล่อล่ำเลยน่ะ ตอนนี้ควงอยู่กับนางแบบที่ชื่อวาเลนเซีย วีสันคนที่ถูกขอให้ช่วยกลับหว่านล้อมให้เธอรับงานซะนี่

                    เอาเหอะ หวายเธอไปแทนฉันเอาไหมล่ะ คนอะไรน่ากลัว ต่อให้หล่อกว่า ออเลนโด้ฉันก็ไม่เอาด้วยล่ะ หัวเด็ดเท้าขาดยังไงฉันก็ไม่ยอมบั่นทอนอายุตัวเองหลอก กว่าแม่ครูจะเลี้ยงให้โตขนาดนี้เปลืองข้าวสารไปตั้งกี่กระสอบ มาเสี่ยงอย่างนี้ไม่คุ้ม

                    ฉันไปแทนได้ไง ฉันมีงานแล้ว เธอนั่นหล่ะไปทำ เค้าคงไม่มีอะไรม้างคนที่พยายามหว่านล้อมเพื่อนนั่นเมื่อถูกโยนเรื่องมาให้ก็ปฏิเสธได้หน้าตาเฉยมาก

                    บัวเธอไปทำเถอะ ถ้ามีอะไรแปลกๆก็ค่อยลาออกยังทันน่ะ ไปเหอะ รายได้ดี สวัสดิการเยี่ยม เจ้านายหล่อ เผลอๆเธออาจได้เจอนางแบบระดับโลกอีก งานแบบนี้มีที่ไหน ไม่มี๊ ปูนพยายามทำให้เพื่อนตกลง ด้วยการหาข้อดีมาพูดถึง

                    ไอ้ที่เธอพูดมามันก็ดีอ่ะน่ะ แต่ว่าเธอลืมไปหรือเปล่าว่า ฉันต้องไปอยู่บ้านเดียวกับมาเฟียเลยน่ะ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว สาวผู้อาจต้องเผชิญชะตากรรมอันน่ากลัวพูดถึงสิ่งที่เพื่อนเธอแกล้งมองข้ามไป

                    เธอก็แกล้งๆลืมเรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังก็ได้ ไม่แน่น่ะเธออาจจะลืมไปเลยก็ได้ หรือไม่ก็เค้าอาจใจดีกับเธอก็ได้น่ะ ใครจะรู้ ใช่ม๊า หวายพยายามพูดให้กำลังใจเพื่อน

                    เอางั้นหรอ กองเชียร์พยักหน้าหงึกหงักๆเต็มที่ด้วยสีหน้ายิ้มแหยๆ สู้ก็สู้ แต่ถ้าฉันเป็นอะไรไป ฉันจะมาหลอกเธอเป็นคนแรกเลยยัยปูนขุ่นโทษทานที่หาเรื่องให้ฉันตาย ส่วนเธอไม่ต้องมายิ้มเลยยัยหวาย เธอจะเป็นคนที่สองเพราะสนับสนุนยัยปูน

                    เอางี้เลยดีกว่า ถ้าเธอเป็นอะไรไปจริงๆฉันอนุญาตให้หักคอไอ้ปูนเลยก็ได้

                    ไอ้หวายถ้าไอ้บัวมันหักคอฉัน ฉันก็จะไปหักคอหล่อนด้วยแหละ อย่าคิดว่าจะพ้นน่ะหลังจากนี้บทสนทนาของกลุ่มนี้ก็เต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระและเสียงหัวเราะของทั้งสามสาว

           วันอาทิตย์นี้อาจเป็นวันอันแสนสุขของใครหลายๆคน แต่ต้องไม่ใช่วันแสนสุขของปัทมาสอย่างแน่นอนเพราะวันนี้เป็นที่เธอจะต้องไปพบกับว่าที่เจ้านายที่ได้ฟังมาว่าและสุดโหดแต่ก็สุดแสนที่จะเพอร์เฟ็กต์เช่นกัน ก่อนจะถึงเวลานัด กชกรพยายามแล้วพยายามในการเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสม

                    ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ทำไมหาชุดไปสมัครงานมันยากจั่งซีหว่า

                     วันนี้จะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ เมื่อวานแค่ไปเจอน้องวินน่ารัก ใสๆแบบเด็ก ของยัยปูนก็สยองแล้ว เด็กอะไรแสบชะมัด อย่าเผลอน่ะ แม่จะจับกินตับให้น่าดูเลย หนอยมาว่าเราเป็นป้าบ้าง

    หล่ะ เป็นพะโล้บ้างหล่ะ แต่ล่ะอย่างรับไม่ได้ค่า หลานยังขนาดนี้แล้วแล้วน้าจะขนาดไหนหว่า ยัยหวายบอกมาว่าทั้งค้าอาวุธ ทั้งเปิดบ่อน แล้วเป็นมาเฟียอีก (มาเฟียทางธุรกิจเว้ย พูดให้ครบ เดี๋ยวพี่ฉันเสียหายล่ะก็ ยัยบัวหล่อนนี่แหละจะโดนฉันหักคอแน่) จะโหดขนาดไหนเนี่ย ตระกูลนี่ไม่น่าคบจริงๆเลย

                    ยัยบัวเสร็จหรือยังมาเปิดประตุห้องให้ฉันหน่อย  เสียงเคาะประตูเบาๆพร้อมกับเสียงเรียกของปูนใส ปลุกบัวให้หลุดออกจากภวังค์ เดินมาเปิดประตูห้องเช่าขนาดเล็กที่ตนเช่าอยู่ในเมืองใหญ่เช่นนี้

                    ต๊ายแล้วยัยบัวป่านนี้เธอยังไม่แต่งตัวอีกหรอ อีกครั้งที่เสียงของปูนใสทำให้บัวเริ่มการรับรู้

                    โธ่ปูนเธออย่ามาทำหน้าอย่างนั้นใส่ฉันน่ะ ยิ่งบัวพูดมากขึ้น จมูกและปากของปูนใสก็เริ่มติดกันมากขึ้นจนคนเป็นเพื่อนทนไม่ได้ ไอ้ที่ฉันยังไม่แต่งตัวเนี่ยก็เพราะว่าไม่รู้จะใส่อะไรดี

                    บัวเอ๋ย จะใส่อะไรก็ใส่มาเหอะ ใกล้เวลานัดแล้วเดี๋ยวไปสาย พี่ครีตยิ่งไม่ชอบพวกสายอยู่ด้วยขืนแกไปสาย มีหวังโดนพี่แกเล่นงานไม่เลี้ยง ทีนี่น่ะ ไอ้ความประทับใจแรกพบก็ไม่ต้องพูดเลย เร็ว

                    ตกลงฉันจะไปสมัครงานเป็นพี่เลี้ยงหรือเป็นทูตกันแน่หว่า? มีความประทับใจแรกพบ?!

                    บัวคิดพลางเปลี่ยนเสื้อผ้าไป ใช้เวลาไม่นานเสื้อเปื่อยๆกับกางเกงขาดๆก็กลายสภาพเป็นยีนส์กับเสื้อสีชมพูขนาดพอดีตัว

                    แค่นี้โอเคม๊ะ หลังจากที่แปลงโฉมเสร็จแล้วบัวก็นำร่างที่ไม่ค่อยจะบอบบางเหมือนชาวบ้านของเธอมาให้เพื่อนดู

                    เอ่อ แค่นี้ก็พอพาไปวัดตอนค่ำได้แล้วหล่ะรีบไปเหอะเดี๋ยวสาย

                    เวลาบ่ายแก่เป็นเวลาที่การจราจรบนท้องถนนในกรุงเทพดูคล้ายๆชุมชนแออัดไม่ผิดเพี้ยน และสองสาวของเราก็อยู่ในชุมชนนั้นด้วยเช่นกัน

                    ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้รีบๆ ดูดิรถติดอย่างกับอะไรดี ถ้าไปสายน่ะ หล่อนตายแน่ยัยบัวเน่า

    ทำเป็นบ่นไปได้น่า ยังเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด ฉันยังไม่เข้าใจเธอเลยน่ะ ว่าจะรีบมาทำไม กลัวพี่ชายตัวเองย้ายบ้านหนีหรือไงเนี่ย

    นี่ยัยบัว ใจคอหล่อนไม่คิดจะมาก่อนเวลานัดเลยหรือไงฮะ เพราะมันเป็นอย่างนี้อ่ะดิ ถึงสมัครงานที่ไหนไม่ได้

    ตลอดเวลาที่เถียงกันไปมานั้นเธอทั้งสองไม่ได้รับรู้เลยว่าทำให้ลุงขับแท็กซี่เริ่มรำคาญ ทั้งสองยังคงตั้งหน้าตั้งตาเถียง เถียงและเถียงต่อไป

    โถ่เอ้ย จะเถียงกันไปถึงไหน ไม่ใช่แค่พวกคุณหรอกน่ะที่รีบผมก็รีบ ผมว่าพวกคุณลงไปเถอะเดี่ยวผมต้องเอารถไปส่งอีก ไม่ขยับมาเกือบชั่วโมงแล้ว ผมไม่คิดค่าโดยสารก็ได้

    อ้าวลุงไหงขาดความรับผิดชอบแบบนี่หล่ะปูนสาวน้อยใจกล้าผู้ผดุงความยุติธรรม(แบบไม่รู้ชะตา)เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประมาณว่าประชาชนทวงสัญญาที่ส.สให้ไว้ก่อนเลือกตั้ง ลุงรับพวกหนูมา ลุงก็ต้องพาพวกหนูไปส่งเด๊ะ

    เหตุการณืต่อจากนั้นยังอีกยาวไกลแต่สุดท้าย สาวน้อยทั้งสองก็ต้องลงมาเดินริมถนนอยู่ดี แต่เธอทั้งสองก็ยังคงทะเลาะไม่เลิกรา(ใครก็ได้ช่วยบริจาคนวมที)

    โอ๊ย ทำไมฉันโชคร้ายอย่างนี้เนี่ย ต้องไปทำงานกับมาเฟีย แล้วยังต้องมาเดินข้างถนนอย่างนี้ ไอ้ปูน หล่อนต้องรับผิดชอบน่ะโว้ย ถ้าหล่อนไม่บ่นลุงแกก็ไม่ปล่อยลงกลางทางอย่างนี้หลอก

    ไอ้บัว แกก็เลิกบ่นซักทีได้ไหม ฉันก็ต้องลงมาเดินด้วยเหมือนกันนั่นแหละ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×