สายสุทธานภดล (Sunandha Vintage) - สายสุทธานภดล (Sunandha Vintage) นิยาย สายสุทธานภดล (Sunandha Vintage) : Dek-D.com - Writer

    สายสุทธานภดล (Sunandha Vintage)

    เรื่องสั้นแนวดราม่า ปนโรแมนซ์ ผสมสืบสวน แอบแฟนตาซี แฝงสยองขวัญ คละเคล้าด้วยความจริงจากหน้าประวัติศาสตร์ มหาลัยราชภัฏสวนสุนันทา: สถานที่เกิดเรื่องราว + กลิ่นอายย้อนยุคหน่อยๆ / แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง

    ผู้เข้าชมรวม

    604

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    604

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 พ.ค. 57 / 15:04 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่องสั้นแนวดราม่า ปนโรแมนซ์ ผสมสืบสวน แอบแฟนตาซี แฝงสยองขวัญ คละเคล้าด้วยความจริงจากหน้าประวัติศาสตร์ มหาลัยราชภัฏสวนสุนันทา: สถานที่เกิดเรื่องราว + กลิ่นอายย้อนยุคหน่อยๆ / แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง

    เด็กสาว 
    แอดมิดชั่นส์ 
    มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 
    คหกรรมศาสตร์ 
    เด็กหนุ่ม 
    ครุศาสตร์ 
    แก๊งค์เพื่อน 
    สัมผัสพิเศษ 
    ย้อนเวลากลับอดีต 
    วังสวนสุนันทา 
    น้ำพริกลงเรือ 
    พระวิมาดาเธอฯ 
    ประวัติศาสตร์ 
    ความฝัน 
    การพัฒนา 
    อธิการบดี 
    ความรัก 
    เว็บไซต์ 
    ห้องลับ 
    ตำราอาหารต้นตำหรับชาววัง 
    พิพิธภัณฑ์ตำหนักสายสุทธานภดล 
    สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ  
     
    (Keywords)
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      สายสุทธานภดล
      (Sunandha Vintage)

       

                  แนท เด็กสาวม.6 ร่างท้วม ผมเปีย ผู้เลือกแอดมิดชั่นส์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ มาฟังผลสอบสัมภาษณ์ที่มหาลัย และผลก็เป็นไปตามคาด เธอสอบติด ทว่าขณะนั้นมีลมจากที่ไหนไม่รู้พัดมา พร้อมกับเสียงร้องดังแว่วจับใจความไม่ถนัด เธอรู้สึกได้ถึงบางอย่าง  ในขณะที่เดินออกมาก็ก็บังเอิญเดินสวนกับ ปอง เด็กหนุ่มผิวคล้ำ มีหนวดที่มาฟังผลเหมือนกันโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว ปองเองสอบติดคณะครุศาสตร์ตามที่ตั้งใจไว้

                  วันรับน้องของมหาลัย ปองเห็นแนทก็รู้สึกถูกชะตาทันที เขามีความรู้สึกคุ้นเคยราวกับว่าเคยพบเจอที่ไหนมาก่อน  ขณะกิจกรรมรับน้องดำเนินไป แนทเกิดหน้ามืดเป็นลม ปองที่อยู่ใกล้คว้าตัวรับทัน นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนทั้งสองรู้จักกัน

                  ปองจะมีนิสัยที่ไม่เชื่ออะไรใครง่ายๆ นอกจากจะได้เห็นกับตาตัวเอง เรื่องผีนี่ยิ่งแล้วใหญ่ เขาเชื่อว่าผีไม่มีในโลก และเขาเองก็ไม่เคยเจอ แถมยังกล้าท้าให้มาหลอกบ่อย ๆ ด้วย เห็นได้จากการจับกลุ่มคุยกับเพื่อนตอนว่าง ๆ ช่วงวันรับน้อง

                  คืนหนึ่ง ปองไปลองดีกับเพื่อนที่ตึกภาควิชาคหกรรม เพราะได้ยินเรื่องเล่าจากรุ่นพี่มาว่าผีที่ตึกนี้เฮี้ยนสุดๆ ปรากฏว่าขณะเดินไปยังโซนห้องครัว เพื่อนผู้เป็นตากล้องถ่ายภาพเงาลางๆอะไรบางอย่างที่อยู่ในห้องนั้นติด เลยตกใจกลัวโยนกล้องทิ้ง รีบวิ่งหนีไปโดยเร็ว โชคดีที่ปองรับทัน

                  รุ่งขึ้นเมื่อเอาเทปนั้นมาเปิดดู เพื่อนทุกคนในแก๊งค์ (ยกเว้นตากลองที่จับไข้หัวโกร๋นไม่ได้มาเรียน) เห็นเหมือนกันว่าเป็นเงาหญิงสาวร่างท้วมเกล้าจุกในชุดไทยโบราณกำลังยืนทำอาหารอยู่ ปองรู้สึกคุ้น ๆ หน้าหญิงสาวคนนั้น แต่บอกไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

                  ตัดมาที่แนท เธอกำลังเดินมาที่ห้องครัว (ห้องเครื่อง) หลังจากที่มีหญิงสาววัยกลางคน (พระวิมาดาเธอฯ) สั่งให้จัดเตรียมอาหารสำหรับไปทานบนเรือ เธอมองรอบห้องด้วยเห็นว่าข้าวของเครื่องใช้ดูแปลกตา มีอุปกรณ์ภาชนะโบราณ และอาหารหลายอย่างที่ไม่รู้จักเต็มไปหมด เมื่อเห็นปลาดุกทอดฟู และน้ำพริกตำทิ้งไว้ เธอจึงเอาส่วนประกอบนั้นมาปรุงอาหารและนำออกไป หญิงสาววัยกลางคนถามว่าอาหารชนิดนี้เรียกว่าอะไร แนทตอบไปว่า น้ำพริกลงเรือ เมื่อได้ชิม พระวิมาดาเธอฯก็ถูกใจในรสชาติจึงสั่งให้หัวหน้าห้องเครื่องนำไปจดสูตรลงบันทึก และนำไปเก็บที่ห้องตำราอาหารใต้ดิน ... แล้วแนทสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเพื่อนสะกิดเรียก เมื่อครูเรียกให้แนทตอบคำถามเรื่องน้ำพริกพอดี แต่เห็นเธอหลับจึงหยุดสอน เพื่อนทุกคนมองมาที่แนทเป็นทางเดียวกัน เธอตอบไปแบบงง ๆ เพราะยังรู้สึกสับสนกับเรื่องที่ฝัน

                  ณ ห้องประชุม อธิการบดีกำลังประชุมเคร่งเครียดกับคณบดีและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องฝ่ายต่าง ๆ ในมหาลัยเรื่องการพิจารณานำเงินจำนวนมหาศาลมาลงทุน พัฒนาปรับปรุงคณะใดในมหาวิทยาลัย มีคนเสนอความเห็นมากมายต่างแตกต่างกัน หลังจากผ่านการถกเถียงโต้แย้ถึงข้อดีข้อเสียในคณะต่าง ๆ มาเป็นเวลาครู่หนึ่ง ผลที่ออกมาได้แก่ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และ วิทยาลัยนานาชาติ  ซึ่งอธิการบดียังไม่ตกปากรับคำแต่ขอกลับไปคิดดูก่อน

                  ช่วงพักเที่ยง ในโรงอาหาร ขณะปองกำลังนั่งทานข้าวและคุยกับเพื่อนในแก๊งค์ก็บังเอิญเห็นแนทนั่งทานข้าวคนเดียวมุมหนึ่ง เลยลุกออกไปนั่งกับเธอ และได้พูดคุยกัน แล้วทั้งสองก็เดินทางกลับบ้านด้วยกัน ทำให้ทั้งคู่เริ่มรู้จักกันมากขึ้น โดยที่แนทไม่ได้เล่าเรื่องความฝันเธอให้ฟัง ปองเองรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้มีความลับอะไรบางอย่างปิดบังอยู่ซึ่งเขาต้องค้นหามันให้พบ  ปองไปส่งแนทถึงหน้าบ้าน และกะจะเอ่ยขอเธอคบเป็นแฟน แต่เธอเดินเข้าบ้านไปเสียก่อน เขาจึงคอตกเดินกลับบ้านไปอย่างเสียดาย

                  เย็นวันรุ่งขึ้น ปองนัดเตะบอลกับเพื่อนคณะเดียวกันและเพื่อนของเพื่อนจากคณะอื่น  หลังเตะเสร็จ ปองก็ได้รู้จักกับเอิง เพื่อนจากคณะคณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชาการภาพยนตร์ที่ม้านั่งริมสนาม เนื่องจากปองกับเพื่อนกำลังคุยกันว่าจะหาข้อมูลจากไหน เพื่อมาทำรายงานเรื่องประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาที่อาจารย์สั่งในวิชาเรียนดี เอิงได้ยินจึงแนะนำเว็บไซต์ชื่อ Sunandha Vintage ให้ เพราะในเว็บได้รวมข้อมูลทุกอย่าง ทั้งประวัติ ภาพเก่าหายากของสวนสุนันทาไว้ทั้งหมด

                  เมื่อปองกลับถึงบ้านจึงเปิดเว็บดู ขณะเข้าค้นคว้าหาข้อมูลไปเรื่อย ๆ ก็บังเอิญเปิดไปเจอรูปภาพโบราณภาพหนึ่งในหัวข้อ วังสวนสุนันทา เป็นภาพห้องครัว มีหญิงสาวร่างท้วมเกล้าจุกขณะกำลังปรุงอาหารอยู่ ใต้ภาพระบุว่า.. ห้องต้นเครื่องสมัยพระวิมาดาเธอฯ (พระมเหสีองค์ที่ 8 ของรัชกาลที่ 5) และบุคคลในภาพคือ เจ้าจอมสดับ ลดาวัลย์ (พระนัดดาในพระวิมาดาเธอฯ) ขณะกำลังปรุงอาหารในห้องเครื่อง  ปองถึงกับผงะและรู้สึกตกใจที่เธอช่างละม้ายคล้ายคลึงกับแนท และก็มั่นใจได้ว่าเงาหญิงสาวร่างท้วมเกล้าจุกในชุดไทยโบราณที่วิดีโอถ่ายติดมาเป็นเธอคนนี้ไม่ผิดแน่  ขณะที่ปองกำลังจะคลิกดูชื่อคนจัดทำเว็บไซต์ ไฟก็ดับขึ้นมาเสียดื้อๆ

                  ปองมุ่งหน้าตรงไปยังห้องสมุดเพื่อค้นข้อมูล เมื่อเขามาหยุดที่หน้าห้องสมุดซึ่งร้อยวันพันปีเข้าไม่เคยคิดจะเข้า ก็มีลมจากที่ไหนไม่รู้พัดมา เขารู้สึกได้ถึงบางอย่าง  ปองตรงไปที่โซนหนังสือประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัย และค้นหาหนังสือทั้งหมดที่มีก็ไม่พบข้อมูลแต่อย่างใด จนเกือบจะหมดวัน ห้องสมุดกำลังจะปิดในไม่ช้า ปองบังเอิญไปเห็นหนังสือโบราณเล่มใหญ่ที่ชั้นบนสุดในตู้สุดท้ายฝุ่นจับหนาเตอะ เขารีบดึงออกมาดูโดยไม่ได้สังเกตว่าอีกฝั่งหนึ่งของตู้ แนทกำลังเดินหาหนังสืออยู่  ปองพบกับข้อมูลที่เขาต้องการคำตอบมาตลอดวัน และรีบกดมือถือโทรหาแนท เสียงเรียกเข้ามือถือเครื่องหนึ่งดังใกล้หูเขามาก เมื่อเงยหน้าชึ้นมาแนทก็ปรากฏตรงหน้าเขาพอดี และถามว่าโทรมาทำไม  และทั้งสองจึงได้นั่งดูข้อมูลด้วยกัน ซึ่งแนทก็ตกใจไม่แพ้กัน

                  ปองกับแนทเดินกลับบ้านด้วยกันอีกครั้ง แนทยอมเล่าเรื่องที่ปิดบังกับปอง ว่าเธอเคยฝันว่าเป็นเจ้าจอมสดับในเหตุการณ์หนึ่งเมื่อครั้งอดีต ในคาบเรียนวันก่อน และเล่าว่าใต้ตึกคหกรรมน่าจะมีห้องลับที่เก็บตำราอาหารสูตรต้นตำหรับชาววังไว้ที่ใดที่หนึ่ง แต่เธอลองไปหาแล้วไม่พบ ปองบอกว่าเรื่องนี้ควรต้องถึงมหาลัย อธิการบดีควรจะทราบเพราะเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติแล้ว  ปองไปส่งแนทถึงหน้าบ้าน และคราวนี้กะจะเอ่ยขอเธอคบเป็นแฟนให้ได้ แต่เธอเดินเข้าบ้านไปเสียก่อน เขาจึงคอตกเดินกลับบ้านไปอย่างเสียดายอีกครั้ง

                  ช่วงเช้าขณะปองเดินเข้ามาในมหาลัย เขาเห็นป้ายประกาศขนาดใหญ่หน้าสำนักอธิการบดีเรื่องเตรียมพัฒนา ปรับปรุงคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและวิทยาลัยนานาชาติด้วยงบหลายพันล้าน เพื่อผลในระยะยาว โดยอีก 3 วันจะมีการแถลงข่าวขึ้น ปองก็เฉย ๆ ไม่ได้สนใจมากนัก

                  เย็นวันรุ่งขึ้น มีกิจกรรมที่ทำให้ปองต้องทำงานที่คณะครุศาสตร์กับเพื่อนจนดึก ก่อนกลับบ้าน ปองต้องเดินเอาของไปเก็บที่ห้องชั้นบนตึก แต่ขณะที่เดินผ่านหน้าห้องนาฏศิลป์ เขาก็ได้ยินเสียงดนตรีดังขึ้นเอง เป็นเสียงระนาด เขาคิดว่าหูฝาด เสียงเพลงหยุดและดังขึ้นอีกครั้ง เขาเดินย้อนกลับไปดู ปรากฏเงาชายหนุ่มผิวคล้ำ มีหนวดรูปร่างสูงใหญ่กำลังนั่งเล่นระนาดอยู่ เขาตกใจสลบไป

                  ภาพในอดีต.. ชายหนุ่มผิวคล้ำ มีหนวดรูปร่างสูงใหญ่ผู้เป็นครูกำลังสอนหนังสือเจ้าจอมสดับฯและนางสนมในวังสวนสุนันทา หลังเลิกเรียนครูหนุ่มมักจะสอนดนตรีเป็นการส่วนตัวให้เจ้าจอมสดับเป็นการส่วนตัวเป็นประจำ บ่อยครั้งความรักของคนทั้งสองจึงเกิดขึ้น  ทั้งคู่แต่งงานกัน มีลูก หลานมากมาย ต่อมาลูกของหลานก็เป็นผู้สถาปนาวังสวนสุนันทา เป็น  "โรงเรียนสวนสุนันทาวิทยาลัย" ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2480 (เปิดสอนเพียงประกาศนียบัตรประโยคครูประถม - ก่อนที่ต่อมาจึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นวิทยาลัยครูสวนสุนันทา" ในปี พ.ศ. 2518 เปิดสอนถึงระดับปริญญาตรี หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิตเป็นหลักสูตรแรกและหลักสูตรเดียวในขณะนั้น - จนในปี พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "สถาบันราชภัฏ" เป็นชื่อสถาบันการศึกษาในสังกัดกรมการฝึกหัดครูกระทรวงศึกษาธิการ - และต่อมา พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 ได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ยังผลให้สถาบันราชภัฏสวนสุนันทายกฐานะเป็น "มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา" นับแต่นั้นเป็นต้นมา)    

                ปองสะดุ้งขึ้นเมื่อมีเพื่อนมาเรียกเขาที่นอนกับพื้นหน้าห้องนาฏศิลป์ หลังจากที่เห็นปองว่าจะเอาของไปเก็บแล้วหายไปนานเลยขึ้นมาตาม ปองตกใจกับภาพความฝันที่เห็นเป็นฉาก ๆ เป็นเหตุการณ์ที่เสมือนจริงราวกับว่าเขาเป็นครูหนุ่มคนนั้น

                  วันรุ่งขึ้น ปองกับแนทพากันตรงไปยังสำนักอธิการบดีเพื่อรายงานเรื่องนี้ให้ทราบ ตอนแรกเลขาฯจะไม่ให้เข้าพบ แต่ทั้งสองบอกเป็นเรื่องสำคัญมาก เลขาฯจึงบอกให้นั่งรอที่หน้าห้องก่อน  สักพักประตูห้องเปิดออก เป็นเอิง เพื่อนจากคณะวิทยาการจัดการ ภาควิชาภาพยนตร์ที่เดินออกมา  ปองถามว่ามาทำอะไร เอิงบอกมาคุยงาน  แล้วปองกับแนทก็เข้าไปพร้อมกับเรื่องเล่าที่คนทั้งสองเห็นในความฝัน ซึ่งต่างพรั่งพรูออกมาจนหมด ทั้งสองเล่าถึงความเป็นมาและเล่าถึงความสำคัญของคณะครุศาสตร์ และ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (คหกรรมเดิม) ซึ่งเป็นสองคณะที่อธิการบดีควรเลือกพัฒนา เพราะอาหารและ ครู คือสองสิ่งแรกที่คนมักจะนึกถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา  ทว่าอธิการบดีให้การปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าได้ตัดสินใจไปแล้ว แต่ปองแย้งขึ้นว่ายังไม่ได้แถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบ และแนทขอให้อธิการบดีพิสูจน์ว่าเรื่องของเธอเป็นจริง โดยขอให้อธิการฯได้ลองไปค้นหาห้องลับใต้ดินที่ว่าใต้ตึกคหกรรม ถ้าไม่เจอภายในสองวันซึ่งเป็นวันกำหนดแถลงข่าว เธอและปองจะยอมให้อธิการบดีพัฒนาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและวิทยาลัยนานาชาติ ซึ่งเป็นคณะใหม่และมีความสำคัญในโลกยุคปัจจุบัน ตามที่ประกาศไว้  แต่ถ้าเจอห้องลับนั้นขึ้นมาจริง ๆ อธิการบดีจะต้องพัฒนาสองคณะที่ปองและแนทเรียกร้อง ซึ่งได้ชี้แจงอธิการฯให้เห็นถึงคุณค่าที่ควรอนุรักษ์ไปแล้วเมื่อสักครู่ และยังเป็นคณะดั้งเดิมของมหาวิทยาลัย ซึ่งนับวันคนเริ่มให้ความสำคัญน้อยลงและไม่โดดเด่นเหมือนเช่นเมื่อก่อนแล้ว

                  วันรุ่งขึ้น อธิการบดีก็สั่งให้คนงานไปขุดค้นหาห้องลับที่ว่าบริเวณใต้ตึกคหกรรมทันที  ตั้งแต่เช้าจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า หมดไปแล้วหนึ่งวัน ก็ไม่มีวี่แววแต่อย่างใด คนงานต่างหยุดทำงานเพราะเป็นเวลาเลิกงาน และกำลังแยกย้ายกลับบ้าน ขณะที่เอิงซึ่งมาถ่ายภาพเพื่อเอาไปใช้งานบางอย่างกำลังเดินกลับ ก็เห็นปองกับแนทที่นั่งเฝ้าดูการค้นหาทั้งวัน จึงเดินเข้าไปหาคนทั้งสองหลังจากได้รู้เรื่องราวทั้งหมด เอิงตบบ่าให้กำลังใจปอง โดยให้ความหวังว่ายังเหลือพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน

                  ขณะเดียวกันตลอดทั้งวัน หลังจากคนในชุมชนทราบข่าว ซึ่งไม่รู้ว่าเรื่องกระจายไปจากไหนเร็วมาก ก็ได้มีการประท้วงเกิดขึ้นด้านหน้ามหาลัย และโดยรอบบริเวณ โดยมีคนถือป้ายคัดค้านประกาศของอธิการบดี คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่มหาลัยเลือกจะพัฒนาคณะใหม่ที่เทียบคุณค่าแล้วไม่เท่ากับสองคณะที่ปองกับแนทเรียกร้องให้อนุรักษ์ไว้  เมื่อหมดวัน หลังจากคนงานหยุดการค้นหา พวกเขาจึงแยกย้ายกันกลับโดยที่นัดกันว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่  ทั้งนี้ ปองและแนทกลับกลายเป็นคนดังโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งคนทั้งมหาลัยและคนในชุมชุนต่างก็รู้จักกันหมดเพียงชั่วข้ามคืน

                  รุ่งขึ้น วันที่สองและวันสุดท้ายของการค้นหาห้องเก็บตำราลับใต้ดินตึกคหกรรมก็เริ่มขึ้น และดำเนินไปด้วยความลุ้นระทึกของคนในชุมชน รวมถึงครูอาจารย์ นักศึกษาเกือบทั้งมหาลัยที่ส่วนใหญ่ต่างก็เห็นด้วยกับปองและแนทและเอาใจช่วยให้หาพบ  จนเวลาล่วงเลยมาถึงหกโมงเย็น คนงานก็ยังหาไม่พบ ทุกคนต่างผิดหวัง แต่ขณะที่กำลังจะแยกย้ายกลับ แนทนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงบอกว่าให้คนงานและทุกคนไปช่วยกันหาที่ พิพิธภัณฑ์ตำหนักสายสุทธานภดล (สำนักศิลปวัฒนธรรม) แทน เพราะเดิมบริเวณนั้นคือที่ตั้งของ วังสวนสุนันทา

                  แล้วคนงานและทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับแนท และรีบมุ่งหน้าไปยังอาคารพิพิธภัณฑ์ และต่างเร่งมือช่วยกันค้นหาในเวลาดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า  ขณะที่แนทกำลังค้นหาอยู่ เธอก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งแว่วมาตามสายลม นำพาไปยังที่ที่หนึ่ง ซึ่งบริเวณนั้นไม่มีคนค้นหาอยู่เลย และเมื่อเดินมาถึง ภาพในอดีตก็ผ่านมาเข้ามาในสายตาเธอ..  มันเป็นเวลาเย็นวันหนึ่ง เจ้าจอมสดับเดินออกจากวัง และตรงไปยังข้างห้องครัว ซึ่งมีบันไดลงไป บริเวณนั้นร่มรื่นด้วยพรรณไม้หลากหลาย และน้ำในลำคลองไหลเอื่อย ๆ ลมเย็นพัดมาปะทะเข้าที่ใบหน้าแนท เมื่อรู้สึกตัวกลับมาอีกที เธอก็เดินมาหยุดที่สวนเล็ก ๆ ข้างพิพิธภัณฑ์ ป้ายเขียนว่า "สุนันทาอุทยาน" ด้านล่างเขียนอธิบายว่า.. ในสวนจำลองแห่งนี้ มีพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลที่ดีและหาได้ยากนานาชนิดมาปลูกไว้ คล้ายสวนป่า ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ (พระมเหสีองค์ที่ 2 ในรัชกาลที่ 5)  แนทตะโกนเรียกทุกคนมารวมกันที่นี่และสั่งให้ขุดลงไปยังบริเวณใต้ต้นแก้วเจ้าจอม (ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย) ที่ปลูกอยู่ในสวนแห่งนี้ และแล้วคนงานก็ขุดพบอะไรดำ ๆ เป็นแผ่นยาว ซึ่งเมื่อขุดต่อไปสักพักก็พบว่า มันคือบานประตูลงไปสู่ห้องลับเก็บตำราอาหารโบราณอย่างที่แนทว่าไว้ถูกต้องทุกประการ

                  วันรุ่งขึ้นที่งานแถลงข่าว ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัย มีสื่อมวลชนให้ความสนใจมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก อธิการได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของมหาลัยและแถลงถึงแผนใหม่ที่ตัดสินใจจะพัฒนาคณะทั้งหมดในระยะยาว แต่จะขอเริ่มที่ 2 คณะแรกก่อน คือ คณะครุศาสตร์ และ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (คหกรรมเดิม) โดยกล่าวขอบใจปองและแนท นักศึกษาปีหนึ่งจาก 2 คณะดังกล่าว ที่ได้มีส่วนร่วมทำให้เขาเปลี่ยนความคิด  ซึ่งในงานแถลงข่าวอธิการก็ได้ให้คนทั้งสองขึ้นไปเล่าสิ่งที่เห็นในความฝันให้กับสื่อมวลชนทราบ ปองขึ้นเวทีพูดถึงความเป็นมาของวิทยาลัยครูแห่งแรกของประเทศ แนทพูดในมุมความเป็นมาของอาหารชาววังดั้งเดิมต่าง ๆ ที่มีจุดกำเนิดจากห้องเครื่องในวังสวนสุนันทา เช่น น้ำพริกลงเรือซึ่งเป็นที่ฮือฮาของสื่อมวลชนจำนวนมาก  ก่อนจะเข้าประเด็นเรื่องที่เธอรู้มาว่ามีห้องลับเก็บตำราสูตรอาหารในห้องลับอยู่ใต้ดินและเมื่อค้นหาก็พบมันเข้าจริง ๆ แล้วอธิการก็ขึ้นเวทีมาสรุปอีกที โดยเขากล่าวว่าหลังจากจบการแถลงข่าวนี้จะขอเชิญสื่อมวลชนไปยังห้องลับนั้น เพราะนี่ถือเป็นการค้นพบเรื่องอาหารครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรอบหลายปี

                  เอิงที่นั่งอยู่ด้านหลังห้อง เมื่อถ่ายรูปงานแถลงข่าวเสร็จแล้ว ก็นำการ์ดโหลดลงคอมและอัพรูปขึ้นเว็บ Sunandha Vintage ทันที ไม่แปลกใจเลยว่าสาเหตุที่เรื่องของปองกับแนทโด่งดังในโลกไซเบอร์ จนกลายเป็นที่รู้จักของคนในวงกว้างเพราะบอกต่อ ๆ กัน รวมถึงสื่อมวลชนที่ต่างให้ความสนใจนั้น มีที่มาจากเอิง ผู้เป็นแอดมินเว็บไซต์ และเป็นหลานอธิการบดีนี่เอง

                  หลังเสร็จสิ้นการพาชมห้องลับ ก็หมดวันอันแสนยาวนาน ปองกับแนทขอตัวกลับบ้าน โดยก่อนกลับ อธิการบดีกล่าวขอบใจทั้งคู่อีกครั้งที่ทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้กลับมามีชื่อเสียงโด่งดัง จนทำให้เด็กหลายคนหันมาสนใจเรื่องครูและอาหารรวมทั้งใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาเรียนต่อที่นี่ ซึ่งอาจทำให้มหาลัยเลื่อนลำดับขึ้นมาอยู่ใน Top 5 มหาวิทยาลัยยอดนิยมได้ในเวลาไม่นานต่อจากนี้  อธิการบดียังให้สิทธิ์ทั้งคู่เรียนที่นี่ฟรีจนจบปริญญาด้วย ปองและแนท ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผูกพันกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้โดยตรง กล่าวขอบคุณด้วยความตื้นตัน

                  ทั้งสองกลับบ้านด้วยกันเหมือนเช่นเคย ปองไปส่งแนทถึงหน้าบ้าน และคราวนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นปองต้องเอ่ยขอเธอคบเป็นแฟนให้ได้ เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ปองบอกแนทอย่าเพิ่งไขประตูและรอฟังสิ่งที่เขาพูดก่อน ปองสารภาพรักแนทตั้งแต่แวบแรกที่เห็นโดยเธอไม่รู้ตัวเป็น ใบหน้าที่คุ้นเคย ราวกับว่าเขาเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนและคล้ายรู้จักเธอดี แล้วเขาก็เล่าถึงภาพเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อครั้งสลบไปหน้าห้องนาฏศิลป์ว่า ในอดีตเราเคยแต่งงงานกัน ตัวเขาคือครูสอนแนทในวัง .. แนท ผู้ซึ่งในอดีตคือ เจ้าจอมสดับ ลดาวัลย์ อย่างแน่นอน เพราะจากหลักฐานที่เขาพบบวกกับเรื่องเล่าจากความฝันของเธอ ทำให้ปองมั่นใจเช่นนั้น ยิ่งเมื่อเอาเรื่องต่าง ๆ มารวมกันแล้วก็เชื่อมโยงลงตัวพอดี  มาในภพนี้ ทั้งคู่ก็คือลูกหลานของพวกเขานั่นเอง

                  ปองตรงเข้ากอดแนทและรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เฝ้าตามหา แนทก็สัมผัสถึงไออุ่นที่คุ้นเคยและเฝ้ารอมานานเช่นกัน  มีลมจากไหนไม่รู้พัดผ่านมา เป็นเวลาครู่หนึ่ง จนเมื่อลมพัดผ่านไป ทั้งคู่ก็ไม่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างอีกต่อไปแล้ว

       

      บทประพันธ์ : ศุภกิติ์ เสกสุวรรณ (CA23)

      *** หากนำไปเผยแพร่ กรุณาอ้างอิงชื่อผู้ประพันธ์และแหล่งที่มา

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×