คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ซื้อของ
The dark notebook บันทึกรักคำสาปมรณะ น่องฉันเริ่มปวดเมื่อยหลังจากเดินขึ้นบันไดมาได้สักพัก ตอนนี้ฉันอยู่ที่ชั้นสี่อีกเพียงแค่ไม่กี่ขั้นฉันก็จะได้พักผ่อน แสงสลัวๆจากหลอดไฟนี่มันทำให้อึดอัดเหลือทนอย่างบอกไม่ถูกทำไมลิฟต้องมาเสียด้วยก็ไม่รู้ แต่เมื่อขาก้าวจะพ้นบันไดขั้นสุดท้าย ประสาทหูของฉันก็เริ่มทำงานเมื่อมีเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น เริ่มด้วยโทนเสียงที่เบาเหมือนเพลงบางเพลงจากนั้นมันก็เริ่มค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ จนได้ยินชัดเจนเหลือเกินเสียงนั้นเสียงที่ฉันรู้สึกขนลุกไปกับมันเสียงนั้นเสียงที่ฉันรังเกียจมันเหมือนกับว่ามีคนมาหายใจอยู่ใกล้ๆกับคอฉัน ฉันพยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้เกิดความกลัวแต่มันก็เป็นไปได้ยากเหลือเกิน ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเสียงอะไรแต่ขาที่ปวดเมื่อยเมื่อครู่เริ่มทำงานอีกครั้งเพื่อที่จะไปให้ไกลจากที่แห่งนี้ "ปัง" เสียงประตูปิดลง หยาดเหงื่อเม็ดใสๆผุดขึ้นตามใบหน้า ฉันนั่งลงและเปิดทีวีเพื่อทำลายความเงียบและขจัดความกลัวให้หมดไป สักพักเสียงจากทีวีบวกกับความเหนื่อยล้าทำให้ฉันหลับไปโดยไม่รู้ตัว
/ / / / / / / / / / / / บัดนี้เจ้าของร่างบนด่านฟ้าเงยหน้าขึ้นมองดูพระจันทร์ด้วยใบหน้าซีดขาวสงบนิ่งไร้อารมณ์ จากนั้นร่างบอบบางนั้นได้พุ่งดิ่งลงจากตึกชั้นแล้วชั้นเล่าผมปลิวสยายตามแรงลมร่างเธอดิ่งลงเหมือนว่าวที่ขาดสายป่านคอยควบคุม มือน้อยๆของเธอคลายออกทำให้สมุดที่เธอกำไว้หลุดลอยออกไปตามกระแสลมที่เมื่อห้านาทีที่แล้วเคยหยุดนิ่งแต่ตอนนี้มันรุนแรงพอที่จะทำให้คนตัวใหญ่ๆเซได้ไม่แปลกเลยที่สมุดเล่มนั้นจะปลิวหายไป และแล้ววินาทีสุดท้ายของเธอชีวิตมาหยุดลงบนพื้น รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏครั้งแรกบนใบหน้าพร้อมหยดเลือดที่ค่อยๆซึมออกมาจากแผลไหลย้อยตามใบหน้า แรงกระแทกทำให้ของเหลวจากตัวเธอค่อยๆไหลอย่างช้าๆออกมาย้อมใบหญ้าและพื้นดินจนกลายเป็นสีแดงฉาน เธอได้ฝากลมหายใจครั้งสุดท้ายไว้บนโลก ณ สถานที่แห่งนี้ ที่ที่เป็นจุดจบของเธอและจะเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรบ้างอย่าง...
/ / / / / / / / / / / / "ตรู้ด..........ตรู้ด............"เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย จนฉันรำคาญเลยต้องยกหูโทรศัพท์ขึ้นพร้อมกับหรี่เสียงโทรทัศน์ที่เปิดไว้ "สวัสดีค่ะ /ดีเพิ่งตื่นหรือไงเนี่ยยัยเรนจอมขี่เซา" เมื่อเสียงสดใสกรอกมาตามสายทำให้ฉันพลอยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ฉันคุยกับเพื่อนอีกไม่กี่นาทีจึงวางสาย เพื่อมีเวลาในการจัดการกับตัวเองมากขึ้น
"ลองนี่สิค่ะ เครื่องดื่มนมผสมมอลสกัด จะทำให้คุณสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก เติมเต็มชีวิตด้วยมอมอมิลค์สิค่ะ" เสียงจากทีวีดังขึ้น ฉันเลยนึกขึ้นได้ว่าฉันก็ซื้อมานี่น่า แต่เก็บไว้ที่ไหนหว่า ?
ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก เนื่องจากเมื่อวานที่ไม่ได้อาบน้ำ และเมื่อดูนาฬิกาบนฝาผนังพบว่าเวลามันล่วงเลยมามากแล้วทำให้ฉันรู้ว่าถ้าไม่รีบออกไปตอนนี้ต้องสายแน่ๆ อากาศภายนอกยังอึมครึมเหมือนหลายวันที่ผ่านมา ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆ เมื่อไรแสงแดดอุ่นๆจะลอดผ่านเมฆมาได้ก็ไม่รู้ หลายวันมานี้ฉันรู้สึกไม่ดีเลยตั้งแต่เรื่องเสียงประหลาดนั้นแล้วยังมีอะไรอีกหลายเรื่องที่ฉันต้องคิด ฉันรอรถเมล์อยู่ซักพักก็มีรถสายที่จะพาฉันไปยังที่ที่นัดเพื่อนเอาไว้ได้ "คุณครับ" เมื่อฉันหันไปตามเสียง ที่มาของเสียงคือผู้ชายใส่เสื่อยืดสีเหลืองสลับดำเป็นแนวขวางนั่งอยู่บนเก้าอี้และกำลังจะลุกออก "เชิญนั่งครับ/ขอบคุณค่ะ"เมื่อฉันขอบคุณเค้าพร้อมกับยิ้มให้ แล้วฉันก็นั่งลงไปยังเก้าอี้ที่ติดหน้าต่าง อากาศชื้นๆผ่านเข้ากระทบกับใบหน้าฉัน จนรู้สึกเย็นไปทั่วทั้งหน้าชายเสื้อเหลืองลงจากรถไปแล้วเหลือเพียงอีกไม่กี่ป้ายก็จะไปถึงที่นัดหมาย รถจอดลงที่ป้ายฉันก็ลงมาจากรถ พร้อมส่งสายตากว้านหาเพื่อนที่นัดกันไว้ การโบกมือของอีกฝ่ายทำให้ฉันแยกพวกเพื่อนๆออกจากกลุ่มคนอื่นๆได้ไม่ยาก ประกอบกับพวกเธอแต่ละคนใส่เสื่อสีสันสดใสแสบตา ถ้าฉันกลับมาสดใสเหมือนกับสีเสื้อเหล่านั้นก็คงดีไม่น้อย "นั้นไง ๆ เรนมาแล้ว" เสียงจากผู้หญิงที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเธอพูดพร้อมยิ้มส่งมาให้ฉัน เพื่อนอีกสองคนที่เหลือก็หันหน้ามาทางฉัน "โทษทีนะ มาสายไปนิดหน่อย โทษทีๆ" เพื่อนทั้งสามมองมาพร้อมกันเป็นตาเดียวพวกเธอทั้งสามอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับฉัน คนที่ตัวเล็กที่สุดผมสั้นๆชื่อว่ามด ชื่อนี้ช่างเหมาะสมกับตัวมันดีเหลือเกิน คนถัดไปจากมดชื่อว่า ทิพย์วันนี้สวมเสื้อยืดสีเหลืองกางเกงยีนส์ทรงกระบอก คนสุดท้ายชื่อ น้ำคนที่โทรมาหาฉันเมื่อวานวันนี้เธอก็เหลืองเหมือนกันกับทิพย์ แต่ใส่กางเกงขาสั้นสามส่วน
หลังจากที่ทักทายกันเสร็จพวกเราสี่คนลงมติว่าจะไปหาอะไรกินกันก่อน โดยตกลงกันว่าจะไปร้านไก่ผู้พันเพราะว่ามดและน้ำอยากจะกินไก่ใจจะขาด
เมื่อได้อาหารตามที่สั่งแล้ว พวกเราสี่คนก็เลือกที่นั่งริมหน้าต่างซึ่งเป็นทำเลดี ไอ้ทิพย์มันบอกว่าที่นั่งข้างหน้าต่างทำให้เห็นสิ่งมีชีวิตที่เจิดจ้าเดินผ่านไปมาได้ พวกเราก็นั่งคุยไปเรื่อยๆพร้อมกันกับการกินไก่ "เรนเป็นอะไรรึเปล่าช่วงนี้แกดูไม่ค่อยสดใสเลยอ่ะ" เสียงมดพูดเนื่องจากมันสังเกตว่าฉันเอาแต่นั่งตาลอย ฉันส่งยิ้มให้มันพร้อมกับสายหัวเล็กน้อย "ป่าว ฉันไม่เป็นไรหรอก พอดีช่วงนี้มันเหนื่อยๆนะ" ความจริงแล้วมันก็มีส่วนบ้าง แต่สาเหตุที่แท้จริงจะให้บอกได้ยังไงว่า ฉันได้ยินเสียงประหลาดแต่บางทีหูฉันอาจฝาดไปเองก็ได้เลยยังไม่อยากให้เพื่อนๆรู้ "ถ้ามีอะไรก็บอกพวกเรามาได้นะ" ทิพย์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของน้ำที่เป็นห่วง จากนั้นไอ้มดชี้ให้ดูหนุ่มหล่อที่เดินผ่านไปทำให้หยุดหัวข้อเรื่องนี้ไว้ได้ อีกไม่นานนักหลังจากชวนกันไปดูโน่นดูนี่ สาววัยรุ่นสี่คนเดินมาหยุดที่หน้าร้านแห่งหนึ่งในตรอกเล็กๆ หน้าร้านมีของแปลกๆตั้งโชว์ไว้ ทั้งหน้ากากท่าทางน่ากลัว แจกันที่ดูแล้วเหมือนคงมีอายุนานที่เดียว มือเล็กๆ พลักประตูกระจกเข้าไปในร้าน "เดี๋ยวขอมดเข้าไปดูหน่อยนะ น่าสนดีมีแต่ของแปลกๆ" เราสามคนจึงต้องเข้าไปในร้านด้วยกันกับมด ภายในร้านค่อนข้างมืดที่เคาเตอร์มีผู้หญิงท่าทางคงไม่เกินยี่สิบห้ายิ้มทักทายพวกเรา สินค้าในร้านส่วนมากเป็นของเก่าแล้วก็พวกสินค้าพื้นเมือง ฉันเดินไปเดินมาในร้านพลางหยิบพวงกุญแจทำมืออันเล็กมา มันทำมาจากไม้ฉันสนใจจึงหยิบไปถามราคากับพี่ที่เคาเตอร์ พี่ที่เคาเตอร์บอกราคาแล้วอธิบายด้วยว่ามันเป็นของที่ทำเลียนแบบเทพองค์หนึ่งของอียิปต์ ส่วนมดได้สมุดหรือหนังสือซักอย่างนี่แหละทำด้วยมือเล่มหนึ่งมาปกสีดำลวดลายแปลกตามันมีบางอย่างจากสมุดเล่มนั้นที่ทำให้ฉันรู้สึกขนลุกขึ้นมาทั้งๆที่ในร้านก็ไม่ได้หนาวอะไร ส่วนเพื่อนอีกสองคนที่เหลือไม่ได้สนใจสินค้าในร้านจึงไม่ได้ซื้ออะไรติดมือ แค่ของที่สองคนนั้นซื้อมาก็มากอยู่แล้ว เมื่อถึงตอนเย็นพวกเราก็หาอะไรกินกันอีกรอบแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านโดยมดกลับไปกับน้ำเพราะมันสองคนพักอยู่ที่หอเดียวกัน ส่วนฉันกับทิพย์ก็ตัวใครตัวมัน
น่องฉันเริ่มปวดเมื่อยหลังจากเดินขึ้นบันไดมาได้สักพัก ตอนนี้ฉันอยู่ที่ชั้นสี่อีกเพียงแค่ไม่กี่ขั้นฉันก็จะได้พักผ่อน แสงสลัวๆจากหลอดไฟนี่มันทำให้อึดอัดเหลือทนอย่างบอกไม่ถูกทำไมลิฟต้องมาเสียด้วยก็ไม่รู้ แต่เมื่อขาก้าวจะพ้นบันไดขั้นสุดท้าย ประสาทหูของฉันก็เริ่มทำงานเมื่อมีเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น เริ่มด้วยโทนเสียงที่เบาเหมือนเพลงบางเพลงจากนั้นมันก็เริ่มค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ จนได้ยินชัดเจนเหลือเกินเสียงนั้นเสียงที่ฉันรู้สึกขนลุกไปกับมันเสียงนั้นเสียงที่ฉันรังเกียจมันเหมือนกับว่ามีคนมาหายใจอยู่ใกล้ๆกับคอฉัน ฉันพยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้เกิดความกลัวแต่มันก็เป็นไปได้ยากเหลือเกิน ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเสียงอะไรแต่ขาที่ปวดเมื่อยเมื่อครู่เริ่มทำงานอีกครั้งเพื่อที่จะไปให้ไกลจากที่แห่งนี้
"ปัง" เสียงประตูปิดลง หยาดเหงื่อเม็ดใสๆผุดขึ้นตามใบหน้า ฉันนั่งลงและเปิดทีวีเพื่อทำลายความเงียบและขจัดความกลัวให้หมดไป สักพักเสียงจากทีวีบวกกับความเหนื่อยล้าทำให้ฉันหลับไปโดยไม่รู้ตัว
/ / / / / / / / / / / /
บัดนี้เจ้าของร่างบนด่านฟ้าเงยหน้าขึ้นมองดูพระจันทร์ด้วยใบหน้าซีดขาวสงบนิ่งไร้อารมณ์ จากนั้นร่างบอบบางนั้นได้พุ่งดิ่งลงจากตึกชั้นแล้วชั้นเล่าผมปลิวสยายตามแรงลมร่างเธอดิ่งลงเหมือนว่าวที่ขาดสายป่านคอยควบคุม มือน้อยๆของเธอคลายออกทำให้สมุดที่เธอกำไว้หลุดลอยออกไปตามกระแสลมที่เมื่อห้านาทีที่แล้วเคยหยุดนิ่งแต่ตอนนี้มันรุนแรงพอที่จะทำให้คนตัวใหญ่ๆเซได้ไม่แปลกเลยที่สมุดเล่มนั้นจะปลิวหายไป และแล้ววินาทีสุดท้ายของเธอชีวิตมาหยุดลงบนพื้น รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏครั้งแรกบนใบหน้าพร้อมหยดเลือดที่ค่อยๆซึมออกมาจากแผลไหลย้อยตามใบหน้า แรงกระแทกทำให้ของเหลวจากตัวเธอค่อยๆไหลอย่างช้าๆออกมาย้อมใบหญ้าและพื้นดินจนกลายเป็นสีแดงฉาน เธอได้ฝากลมหายใจครั้งสุดท้ายไว้บนโลก ณ สถานที่แห่งนี้ ที่ที่เป็นจุดจบของเธอและจะเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรบ้างอย่าง...
/ / / / / / / / / / / /
"ตรู้ด..........ตรู้ด............"เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย จนฉันรำคาญเลยต้องยกหูโทรศัพท์ขึ้นพร้อมกับหรี่เสียงโทรทัศน์ที่เปิดไว้
"สวัสดีค่ะ /ดีเพิ่งตื่นหรือไงเนี่ยยัยเรนจอมขี่เซา" เมื่อเสียงสดใสกรอกมาตามสายทำให้ฉันพลอยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ฉันคุยกับเพื่อนอีกไม่กี่นาทีจึงวางสาย เพื่อมีเวลาในการจัดการกับตัวเองมากขึ้น
"ลองนี่สิค่ะ เครื่องดื่มนมผสมมอลสกัด จะทำให้คุณสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก เติมเต็มชีวิตด้วยมอมอมิลค์สิค่ะ" เสียงจากทีวีดังขึ้น ฉันเลยนึกขึ้นได้ว่าฉันก็ซื้อมานี่น่า แต่เก็บไว้ที่ไหนหว่า ?
ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก เนื่องจากเมื่อวานที่ไม่ได้อาบน้ำ และเมื่อดูนาฬิกาบนฝาผนังพบว่าเวลามันล่วงเลยมามากแล้วทำให้ฉันรู้ว่าถ้าไม่รีบออกไปตอนนี้ต้องสายแน่ๆ
อากาศภายนอกยังอึมครึมเหมือนหลายวันที่ผ่านมา ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆ เมื่อไรแสงแดดอุ่นๆจะลอดผ่านเมฆมาได้ก็ไม่รู้ หลายวันมานี้ฉันรู้สึกไม่ดีเลยตั้งแต่เรื่องเสียงประหลาดนั้นแล้วยังมีอะไรอีกหลายเรื่องที่ฉันต้องคิด ฉันรอรถเมล์อยู่ซักพักก็มีรถสายที่จะพาฉันไปยังที่ที่นัดเพื่อนเอาไว้ได้
"คุณครับ" เมื่อฉันหันไปตามเสียง ที่มาของเสียงคือผู้ชายใส่เสื่อยืดสีเหลืองสลับดำเป็นแนวขวางนั่งอยู่บนเก้าอี้และกำลังจะลุกออก
"เชิญนั่งครับ/ขอบคุณค่ะ"เมื่อฉันขอบคุณเค้าพร้อมกับยิ้มให้ แล้วฉันก็นั่งลงไปยังเก้าอี้ที่ติดหน้าต่าง อากาศชื้นๆผ่านเข้ากระทบกับใบหน้าฉัน จนรู้สึกเย็นไปทั่วทั้งหน้าชายเสื้อเหลืองลงจากรถไปแล้วเหลือเพียงอีกไม่กี่ป้ายก็จะไปถึงที่นัดหมาย
รถจอดลงที่ป้ายฉันก็ลงมาจากรถ พร้อมส่งสายตากว้านหาเพื่อนที่นัดกันไว้ การโบกมือของอีกฝ่ายทำให้ฉันแยกพวกเพื่อนๆออกจากกลุ่มคนอื่นๆได้ไม่ยาก ประกอบกับพวกเธอแต่ละคนใส่เสื่อสีสันสดใสแสบตา ถ้าฉันกลับมาสดใสเหมือนกับสีเสื้อเหล่านั้นก็คงดีไม่น้อย
"นั้นไง ๆ เรนมาแล้ว" เสียงจากผู้หญิงที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเธอพูดพร้อมยิ้มส่งมาให้ฉัน เพื่อนอีกสองคนที่เหลือก็หันหน้ามาทางฉัน
"โทษทีนะ มาสายไปนิดหน่อย โทษทีๆ" เพื่อนทั้งสามมองมาพร้อมกันเป็นตาเดียวพวกเธอทั้งสามอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับฉัน คนที่ตัวเล็กที่สุดผมสั้นๆชื่อว่ามด ชื่อนี้ช่างเหมาะสมกับตัวมันดีเหลือเกิน คนถัดไปจากมดชื่อว่า ทิพย์วันนี้สวมเสื้อยืดสีเหลืองกางเกงยีนส์ทรงกระบอก คนสุดท้ายชื่อ น้ำคนที่โทรมาหาฉันเมื่อวานวันนี้เธอก็เหลืองเหมือนกันกับทิพย์ แต่ใส่กางเกงขาสั้นสามส่วน
หลังจากที่ทักทายกันเสร็จพวกเราสี่คนลงมติว่าจะไปหาอะไรกินกันก่อน โดยตกลงกันว่าจะไปร้านไก่ผู้พันเพราะว่ามดและน้ำอยากจะกินไก่ใจจะขาด
เมื่อได้อาหารตามที่สั่งแล้ว พวกเราสี่คนก็เลือกที่นั่งริมหน้าต่างซึ่งเป็นทำเลดี ไอ้ทิพย์มันบอกว่าที่นั่งข้างหน้าต่างทำให้เห็นสิ่งมีชีวิตที่เจิดจ้าเดินผ่านไปมาได้ พวกเราก็นั่งคุยไปเรื่อยๆพร้อมกันกับการกินไก่
"เรนเป็นอะไรรึเปล่าช่วงนี้แกดูไม่ค่อยสดใสเลยอ่ะ" เสียงมดพูดเนื่องจากมันสังเกตว่าฉันเอาแต่นั่งตาลอย ฉันส่งยิ้มให้มันพร้อมกับสายหัวเล็กน้อย
"ป่าว ฉันไม่เป็นไรหรอก พอดีช่วงนี้มันเหนื่อยๆนะ" ความจริงแล้วมันก็มีส่วนบ้าง แต่สาเหตุที่แท้จริงจะให้บอกได้ยังไงว่า ฉันได้ยินเสียงประหลาดแต่บางทีหูฉันอาจฝาดไปเองก็ได้เลยยังไม่อยากให้เพื่อนๆรู้
"ถ้ามีอะไรก็บอกพวกเรามาได้นะ" ทิพย์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของน้ำที่เป็นห่วง
จากนั้นไอ้มดชี้ให้ดูหนุ่มหล่อที่เดินผ่านไปทำให้หยุดหัวข้อเรื่องนี้ไว้ได้
อีกไม่นานนักหลังจากชวนกันไปดูโน่นดูนี่ สาววัยรุ่นสี่คนเดินมาหยุดที่หน้าร้านแห่งหนึ่งในตรอกเล็กๆ หน้าร้านมีของแปลกๆตั้งโชว์ไว้ ทั้งหน้ากากท่าทางน่ากลัว แจกันที่ดูแล้วเหมือนคงมีอายุนานที่เดียว
มือเล็กๆ พลักประตูกระจกเข้าไปในร้าน "เดี๋ยวขอมดเข้าไปดูหน่อยนะ น่าสนดีมีแต่ของแปลกๆ"
เราสามคนจึงต้องเข้าไปในร้านด้วยกันกับมด ภายในร้านค่อนข้างมืดที่เคาเตอร์มีผู้หญิงท่าทางคงไม่เกินยี่สิบห้ายิ้มทักทายพวกเรา สินค้าในร้านส่วนมากเป็นของเก่าแล้วก็พวกสินค้าพื้นเมือง ฉันเดินไปเดินมาในร้านพลางหยิบพวงกุญแจทำมืออันเล็กมา มันทำมาจากไม้ฉันสนใจจึงหยิบไปถามราคากับพี่ที่เคาเตอร์ พี่ที่เคาเตอร์บอกราคาแล้วอธิบายด้วยว่ามันเป็นของที่ทำเลียนแบบเทพองค์หนึ่งของอียิปต์ ส่วนมดได้สมุดหรือหนังสือซักอย่างนี่แหละทำด้วยมือเล่มหนึ่งมาปกสีดำลวดลายแปลกตามันมีบางอย่างจากสมุดเล่มนั้นที่ทำให้ฉันรู้สึกขนลุกขึ้นมาทั้งๆที่ในร้านก็ไม่ได้หนาวอะไร ส่วนเพื่อนอีกสองคนที่เหลือไม่ได้สนใจสินค้าในร้านจึงไม่ได้ซื้ออะไรติดมือ แค่ของที่สองคนนั้นซื้อมาก็มากอยู่แล้ว เมื่อถึงตอนเย็นพวกเราก็หาอะไรกินกันอีกรอบแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านโดยมดกลับไปกับน้ำเพราะมันสองคนพักอยู่ที่หอเดียวกัน ส่วนฉันกับทิพย์ก็ตัวใครตัวมัน
ความคิดเห็น