ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    \"Who is my heart\" สามหัวใจ คนไหนใช่ ตอบฉันที

    ลำดับตอนที่ #6 : ความจริงอันปวดร้าว(1)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 48


    ในขณะที่นุ่นกำลังน้ำตาตกกับสมุดบันทึกเรื่องราวของเธอกับซันอยู่นั้น ก็มีใครคนหนึ่งมาเคาะประตู เรียกให้เธอลงไปข้างล่าง

    “นุ่น ลงไปข้างล่างได้แล้วนะ เพื่อนๆรออยู่”ซีตะโกนเรียก

    “จ้ะ แป๊ปนึง”นุ่นรีบเก็บกล่องความลัพธ์ไว้ใต้เตียง แล้วเดินไปเปิดประตู

    “เร็วๆเข้า เพื่อนๆรออยู่”

    เมื่อนุ่นเดินลงมาข้างล่าง ซึ่งภายในงานถูกจัดไว้อย่างสวยงาม ต่างจากตอนแรกที่เธอเห็น เหมือนมีใครมาเปลี่ยนแปลงบางอย่างภายในงาน

    “ทำไมงานมันดูแปลกๆไปล่ะ ใครมาเปลี่ยนแปลงอะไรเหรอ”นุ่นถามซีอย่างไม่เข้าใจ

    “เออ น่า เดี๋ยวก็รู้เอง”ซีอมยิ้ม แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ

    “เอาล่ะครับ ต่อไปนี้จะเป็นการชิงกันร้องเพลงนะครับ เรามาพบกับนักร้องคนแรกกันเลยดีกว่าครับ คุณกฤษณะครับ”

    นุ่นไม่ได้สนใจนักร้องซักไหร่ เพราะเธอยังข้องใจเกี่ยวกับงานวันเกิดเธอไม่หาย

    “เอาล่ะครับ แล้วก็มาถึงนักร้องรองสุดท้ายแล้วนะครับ ขอเชิญพบกับคุณ พฤษชาติ ตรินชัยสวัสดิ์ ครับ”

    นุ่นชะงัก รีบหันไปมองทางเวทีทันที

    “สวัสดีครับ ทุกคน ก่อนอื่น ผมขอกล่าวอะไรซักนิดนะครับ...เพลงที่ผมจะร้องต่อไปนี้ ผมอยากจะมอบให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่ผมแอบรักเขามาตลอด3ปี แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะบอกเธอ เพราะกลัวที่จะเสียเพื่อนดีๆอย่างเธอไป และในวันนี้ผมอยากบอกความรู้สึกของผมผ่านเพลงๆนี้ ให้เธอได้รับฟัง เธอจะรับรู้หรือไม่ ก็คงต้องแล้วแต่เธอแล้วล่ะครับ... เชิญรับฟังได้เลยครับ”ทุกคนในที่นั้น ตบมือเสียงดังสนั่น ซันนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วเริ่มดีดกีตาร์ ร้องเพลง

    เจอหน้ากันเมื่อไหร่ ใจฉันคงไม่สั่น

    หากวันนี้ ทุกอย่างนั้นเหมือนเดิม

    เธอรู้ตัวหรือเปล่า คนใกล้เธอคนเดิม

    ยิ่งอยู่ใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งเปลี่ยนไป



    * แอบคิดถึง แอบฝันถึง แอบเก็บเธอไว้

    มันกลิ้งมากลิ้งไป เป็นบางคำในใจที่อยากให้รู้



    ** อยากบอกกับเธอจริง ๆ

    อยากให้ได้ยินว่ารักเธอ

    แม้ไม่รู้ว่าเธอรักใคร...

    อยากบอกกับเธอตามตรง

    ส่งผ่านข้อความของหัวใจ

    ไปบอก รักเธอ....



    มองฉันดูดี ๆ มองที่ในแววตา

    เธอจะเห็นว่ามีแค่เพียงเธอ

    เธอคิดกันยังไง คงไม่กวนใจเธอ

    แค่เธอไม่รังเกียจรักฉันก็พอ



    ในขณะที่ซันเดินลงมาจากเวที เพื่อที่จะไปรินไวน์มาดื่ม ซีกับอาร์มก็เข้ามาตบไหล่เพื่อน อย่างชื่นชม

    “ถ้าผู้หญิงคนนั้นได้ฟังเพลงที่มึงร้องนะ เขาคงน้ำตาท่วมบ้านแน่เลยว่ะ...เออ ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครวะ”ซีถาม อย่างอยากรู้

    “เพื่อนน่ะ”

    “เออ รู้ว่าเพื่อน แต่อยากรู้ว่าเพื่อนคนไหน”อาร์มถามต่อ

    “อย่ารู้เลย ขอตัวนะ”ซันหันหลังจะเดินไป เขาก็ต้องผงะ เมื่อเจอกับนุ่น ทั้งสองจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วซันก็พูดทำลายความเงียบในที่สุด

    “แกร้องให้ทำไมอะ”ซันถาม ในสิ่งที่ตัวเองก็รู้อยู่แล้ว

    “คนบ้า รู้แล้วยังจะมาถามอีก”นุ่นทุบอกซัน แล้วรีบวิ่งหนีไป

    ซันนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจ วิ่งตามไป

    ซันเดินเข้ามาหยุดที่ข้างหลังนุ่น “เป็นอะไรไป คนเก่งของเรา”

    นุ่นไม่หันมาตอบ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าเธอจะโกรธอะไรซันนักหนา

    “เอาล่ะครับ ในที่สุดก็มาถึงนักร้องคนสุดท้ายแล้วนะครับ คุณผู้ฟังคงอยากรู้แล้วสิ ว่าผู้นั้นเป็นใคร...คนผู้นั้นก็คือ เจ้าของงานวันเกิดนั่นเองครับ คุณ นิโลบล วิบูลกิจไพศาลครับ”เสียงพิธีกรกล่าวขึ้น ทำให้นุ่นต้องหันไปมองทางเวที

    “เค้าเรียกแล้วอะ ไปซิ”

    นุ่นน้อยใจซัน จึงแกล้งเดินชนซัน จนซันเซไป

    เมื่อนุ่นขึ้นมาบนเวที นุ่นก็เริ่มร้องเพลง”อยากให้รู้ว่ารักเธอ”



    ด้วยเหตุใดก็ตาม เธอไม่เคยรับรู้

    ใกล้เธอซักเท่าไหร่ แต่เหมือนไกล ไกลห่างกัน

    ได้แค่มองหน้าเธอ ทำได้เพียงแค่นั้น

    หัวใจที่แอบฝัน อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว



    * หากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว

    เธอจะเข้าใจกันหรือเปล่า

    ก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป

    และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียว



    ** แค่อยากรู้ รังเกียจกันไหม

    ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย

    อยากได้ยินเสียง คนที่คุ้นเคย

    อยากเจอเธอคนเดิมที่เคยได้เจอในเมื่อวาน

    หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป

    ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า

    อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ

    ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม

    อยากให้รู้ว่ารักเธอ



    อยากให้หันมาหน่อย อยากให้มองหน้ากัน

    ถ้าเธอไม่หวั่นไหว กับสายตาคนอย่างฉัน

    ไม่บังคับใจเธอ หากเจอคนที่ฝัน

    หวังเพียงใครคนนั้น จะใกล้เคียงคนอย่างฉัน



    ในขณะที่ซันกำลังนั่งฟังนุ่นร้องเพลงอยู่นั้น อาร์มก็เดินยิ้มหน้าบานเข้ามา

    “นุ่นเขาน่ารักดีเนาะ”

    ซันหันมามองเพื่อนอย่างแปลกใจ “มึงพูดงี้ หมายความว่าไงวะ”

    “มึงว่านุ่นเขาเป็นไงบ้างวะ”

    ”ก็...นิสัยดี น่าตาก็น่ารัก...ว่าแต่มึงถามทำไมวะ”

    “ก็...ไม่มีไรหรอก กูก็ถามไปงั้นน่ะ”พูดจบ อาร์มก็เดินไปซื้อดอกกุหลาบแดง แล้วเดินไปให้นุ่น

    ทุกคนในที่นั้น พากันส่งเสียงเอิกเหริก ยกเว้นซัน เขาไม่พอใจขึ้นมาที แล้วรีบเดินออกไปจากตรงนั้น

    เมื่อนุ่นรับดอกไม้มาแล้ว เธอก็มองหาซัน หวังที่จะให้เขาเอาดอกไม้มาให้เธอบ้าง แต่กลับไม่วี่แววซันของซันเลย

    “ขอโทษนะคะท่านผู้ฟัง นุ่นต้องขอโทษจริงๆค่ะ”พูดจบ เธอก็รีบลงจากเวทีทันที อาร์มมองตามเธอไป อย่างไม่เข้าใจ

    นุ่นวิ่งตามหาซัน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบ ซักพักก็มีคนยื่นกุหลาบขาวให้เธอ นุ่นค่อยๆหันไปมอง

    “ไปเอามาจากไหนอะ ในงานไม่มีใครเขาขายกุหลาบขาวกันนะ”นุ่นถามย่างแปลกใจ

    ซันชี้ไปที่คนขายดอกไม้ ซึงกำลังเดินผ่านไป นุ่นหันไปมองตามมือซัน แล้วหันกลับมายิ้มกลับ

    “แกรู้ได้ไงอะ ว่าฉันชอบกุหลาบขาว”

    “นี่ คุณนุ่น อย่าลืมซิ ว่าเราเป็นเพื่อนกันมาตั้ง3ปีแล้วนะ แล้วอีกอย่าง นุ่นจำวันแรกที่เราเจอกันได้หรือเปล่า”

    “จำได้ซิ นุ่นจำได้ว่าวันนั้น นุ่นออกมาซื้อดอกกุหลาบขาวที่หน้ารร. แล้วก็มีคนมาแย่งไป แล้วแกก็วิ่งเข้าช่วย”

    “นั่นแหละ ด้วยเหตุนั้นแหละ เราจึงรู้ว่าแกอะ น่าจะชอบดอกกุหลาบขาว ไม่งั้นวันนั้น แกคงปล่อยให้กุหลาบขาวหลุดมือไปแล้วล่ะ”

    นุ่นยิ้มๆ แล้วหอมแก้มซัน “ขอบใจนะ แกรู้ใจเรามากกว่าเพื่อนคนไหนๆเลย”

    ซันหน้าแดง ทำไรไม่ถูก “เอ่อ...ฉันกลับแล้วนะ คือว่าพ่อฉันพึ่งเสียน่ะ พี่ครีม พี่หวานก็ไม่อยู่บ้าน ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนแม่เลย เราเลยต้องรีบกลับอะ”

    “พ่อเสียเหรอ! แล้วทำไมถึงมางานวันเกิดเรา ทำไมไม่อยู่เป็นเพื่อนแม่”

    “ก็ฉันอยากมามอบของขวัญให้แกนี่ มันเป็นของที่ฉันอยากให้มานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสซักที จนในที่สุด โอกาสดีก็มาถึง”

    “ความจริงเอาไว้ไปมอบให้ที่รร.ก็ได้”

    “ก็ฉันใจร้อนนี่หว่า แกก็รู้”

    “แล้วพ่อแกเป็นอะไรถึงเสียล่ะ ขอโทษนะที่ถาม”

    “เป็นมะเร็งในสมองน่ะ”

    “ฉันเสียใจด้วยนะ แล้วสวดที่วัดไหน เมื่อไหร่ล่ะ”

    “สวดที่วัดเกศแก้ว วันพรุ่งนี้ ส่วนเวลา หรือรายละเอียดเนี่ย เดี๋ยวพรุ่งนี้เราเอาการ์ดไปให้”

    “ฉันเสียใจด้วยจริงๆนะ ฉันว่าแกรีบกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่เหอะ”

    “แกอยากให้ฉันรีบกลับ เพราะแกอยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนแม่ หรือแกอยากที่จะอยู่กัน2ต่อสอง กับไอ้อาร์มกันแน่”ซันพูดประชด

    “แกพูดงี้ ก็หาเรื่องกันนี่หว่า ที่ฉันให้แกกลับ เพราะฉันเป็นห่วงคุณน้า ไม่ใช่เพราะเหตุผลบ้าๆของแก”

    “ฉันขอโทษว่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องแก...ฉันขอตัวกลับก่อนนะ ฝากลาเพื่อนๆด้วย”ซันรีบเดินจากไปทันที เพราะกลัวจะระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

    “เดี๋ยวซัน!”

    ซันหยุดเดิน แต่ไม่หันกลับไปมองนุ่น

    “เมื่อกี๊ที่ฉันให้แกกลับ ทำไมแกต้องเอาอาร์มเข้าไปเกี่ยวด้วยวะ”

    ซันไม่ตอบอะไรทั้งนั้น และไม่คิดที่จะเดินต่อไป

    “ฉันถามอะ ตอบดิ”นุ่นชักทนไม่ไหว กับท่าทาง และท่าทีของเขา

    เธอเดินมาข้างหน้าซัน แล้วผลักอกซัน จนซันเซไป “ตอบดิวะ”    

    ซันก็เริ่มทนไม่ไหวเหมือนกัน เลยพูดออกไป ด้วยความโมโห โดยไม่รู้ว่าอาร์มแอบยืนฟังทั้งคู่พูดกันอยู่ “ก็เพราะไอ้อาร์มมันชอบแกไง ได้ยินไหม ว่ามันชอบแกอะ”

    นุ่นยืนอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ซันมองหน้าเธอ แล้วรีบเดินจากไป





    *********

    ที่มหาวิทยาลัย

    “ทำเสร็จยังวะ ไอ้หวาน”พิงค์เดินเข้ามาดูหวานทำรายงาน

    “อีกนิดเดียวก็จะเสร็จและ”

    “อีกนิดเดียวของแกนี่ มันตั้งแต่20นาทีที่แล้วแล้วนะ”เคนเดินมานั่งข้างๆ

    “แหม! อยากให้มันสวยก็ต้องใช้เวลากันหน่อย”หวานทำไป ยิ้มไป

    “เฮ้ย! ไอ้หวาน แกทำบ้าอะไรของแกวะ”ท๊อปเดินมาหาหวาน แล้วเอาชีทตีหัว ก่อนจะกระแทกชีทลงบนโต๊ะม้าหิน

    “อะไร ทำอะไร”หวานหันมาจ้องท๊อป

    “ก็ดูดิเนี่ย ฝีมือแกอะ แกไปเอารูปบ้าๆนี่มาจากไหนวะ ไอ้ลามก ไอ้หื่น”

    ทุกคนในที่นั้นตะลึง งงงันกันทั้งโต๊ะ “ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าแกจะเป็นคนแบบเนี้ย ไอ้หวาน”พิงค์ทำหน้า แบบไม่ค่อยอยากเชื่อซักเท่าไหร่

    “เฮ้ย! ฉันไม่ได้ทำนะเว่ย ฉันก็หารูปตามที่แกพวกแกบอกแล้วอ่า แต่มันเป็นแบบนี้ได้ไงก็ไม่รู้”

    “อย่าเลยไอ้หวาน แกทำก็บอกมาเหอะ”เคนคาดคั้น

    “ฉันไม่ได้ทำจริงๆนะเว่ย ไอ้พวกนี้นี่ พูดไม่รู้เรื่อง”

    “ก็หลักฐานมันชี้ชัดอย่างเนี้ย ยังจะหาว่าไม่ได้ทำอีก”ท๊อปชี้ที่รายงาน พลางจ้องหน้าหวาน

    “ก็ฉันไม่ได้ทำจริงๆนี่หว่า”หวานชักฉุน ที่ไม่มีใครเชื่อเธอเลย

    หวานและท๊อปเริ่มทะเลาะกัน โดยมีกลุ่มสาวแสบมองดูผลงานตัวเองอยู่อย่างสะใจ

    * แตงกวา โม แนท มาย 4สาวตัวแสบ เธอต้องการทำลายกลุ่มของหวาน เพื่อชิงท๊อปมาเข้าพวกตน เพราะแตงกวาหัวหน้ากลุ่ม เธอมีเรื่องกับหวานตั้งแต่อยู่มัธยมปลาย ท๊อปแฟนเก่าแตงกวา ก็ไปเข้าข้างหวาน เพราะสงสาร ที่โดนรังแกบ่อยๆ เคนเพื่อนรักท๊อป แฟนเก่าแนท ผู้ชายที่เมื่อก่อนแนทเกลียดขี้หน้ามากๆ แต่เขาก็ตามตื๊อ และพิสูจน์ให้แนทเห็น ว่าเขารักเธออย่างจริงใจ จนแนทเริ่มเห็นใจ แล้วยอมรับรักเขาในที่สุด จนทั้งคู่เป็นแฟนกัน ก็เริ่มเห็นใจหวาน กับพิงค์ ที่โดนสี่สาวแกล้งอยู่บ่อยๆ จึงบอกเลิกกับแนท และไปเข้าพวกหวาน



    “สะใจจริงๆ หึ สมน้ำหน้า”แตงกวายิ้มอย่างสะใจ

    “แล้วแกทำยังไงวะ ถึงทำให้ยัยนั่นทะเลาะกับท๊อปได้”โมถาม อย่างสงสัย

    “พวกแกรู้ใช่มั้ย ว่าท๊อปเขาเป็นคนรักงาน และจริงจังกับงานมากแค่ไหน”

    “อือๆ”พวกเพื่อนๆพยักหน้า

    “ฉันก็เลย...



    2ก่อนส่งรายงาน

    พักกลางวัน

    “เฮ้ย!พวกแก เดี๋ยวฉันมานะเว่ย”แตงกวาบอกเพื่อนๆ แล้วรีบวิ่งไป

    แตงกวาวิ่งมาที่ห้อง แล้วค้นกระเป๋าหวาน เมื่อเจอรายงาน เธอก็รีบหยิบขึ้นมา แล้วแกะรูปที่อยู่ในรายงานออกทั้งหมด แล้วหยิบรูปโป๊ที่ตัวเองเตรียมขึ้นมา แปะแทนที่

    “แกโดนคนทั้งม. เกลียดแน่ๆ ยัยน้ำหวาน”แตงกวาหัวเราะ แล้วรีบเก็บรายงานให้เข้าที่ ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป



    ชั่วโมงอ.วิไลวรรณ

    “แกจะส่งเลยเหรอวะ ไอ้หวาน ให้พวกฉันดูก่อนดิ”เคนรีบพูด ก่อนที่หวานจะส่งรายงาน

    “เออๆ ก็ได้”หวานกำลังยื่นรายงานให้เคนดู ก็มีมือๆหนึ่งหยิบรายงานไป

    หวานหันไปมองแตงกวา แล้วทำท่าจะพูด แต่แตงกวาชิงพูดก่อน “อ.สั่งให้เก็บด่วน”แตงกวาแสยะยิ้ม แล้วเดินเก็บรายงานต่อไป



    “แกนี่เก่งจริงๆว่ะ ไอ้แตง ไม่เสียแรงที่คบเป็นเพื่อน”โมตบไหล่เพื่อน อย่างชื่นชม

    “ก็แน่ล่ะ ฉันซะอย่าง” แตงหัวราะเบาๆ อย่างชอบใจ (แหม! ไม่ค่อยชมตัวเองเลยนะ)





    “นี่รู้ไหมไอ้หวาน ฉันต้องนั่งทำรายงานทั้งคืนเลยนะเว่ย กว่าจะเสร็จอะ แล้วแกมาทำเสียเรื่องแบบเนี้ย แกรูมั้ย ว่ามัน...”ท๊อปโมโห จนไม่รู้ว่าจะพูดยังไง

    “ฉันก็ต้องนั่งหารูปทั้งคืนเหมือนกัน เหนื่อยเป็นนะ และอีกอย่าง ฉันก็ไม่มีวันมายอมอดหลับอดนอน เพราะไอ้รูปบ้าๆพวกนี้หรอก และนี่ก็ไม่ใช่นิสัยฉันด้วย ถ้าพวกแกไม่เชื่อ ก็ตามใจ”หวานคว้ากระเป๋า แล้วเดินจากไป

    “ทำแล้ว จะชิ่งหนีกันอย่างนี้เลยเหรอวะ”ท๊อปตะโกนไล่หลัง

    ในขณะที่หวานกำลังเดินแบบไม่สนใจสิ่งต่างๆที่อยู่ข้างหน้าอยู่นั้น สี่สาวก็เดินมาขวางหน้าหวานไว้

    “ว่าไงจ๊ะ สาวน้อยจอมลามก”แตงเน้นคำว่าจอมลามก

    “ที่แท้ก็พวกเธอนั่นเองอะ ที่ไปแอบเปลี่ยนรูปรายงานของพวกฉัน”หวานจ้องอย่างเอาเรื่อง

    “อ้าว! พูดงี้หาเรื่องกันดิ มาตบกันเลยมะ”

    “ก็เอาดิ มาเลย ฉันไม่กลัวหรอก”

    “หนอย ทำเป็นปากเก่ง คอยดูเถอะ พรุ่งนี้คนทั้งม. จะมีแต่คนจ้องแกไม่วางตาเลย แล้วแกจะยังจะปากเก่งอย่างนี้ได้อยู่อีกมั้ย ฉันอยากจะรู้นัก”โมเดินมาประชิดตัวเธอ จนหวานต้องถอยไป

    “พวกเธอมันเถื่อนที่สุด โจมตีกันลับหลัง แบบนี้มันไม่แน่จริงนี่หว่า”

    “อ้าวๆ! มาด่ากันอย่างนี้ได้ไงอ่ะ...เฮ้ย! พวกเรา ตบมันเลยดีมั้ย อยากปากดีนัก”มายบอกเพื่อนๆ

    แล้วสงครามลูกผู้หญิงก็เริ่มขึ้น สักพัก กลุ่มของท๊อปก็วิ่งเข้ามาปรามพวกสาวๆไว้ ท๊อปเข้าไปจับตัวหวานไว้ ส่วนเคนกับพิงค์ ก็เข้าไปจับพวก4สาวไว้

    “หยุดได้แล้วหวาน พอซะที ทำแบบนี้ เท่ากับปัดความรับผิดชอบกันชัดๆ”ท๊อปตวาด จนหวานอึ้งไป

    “แกว่าฉันเหรอ”

    “แล้วแกได้ยินฉันพูดชื่อใครล่ะ”

    หวานนิ่งไป

    “เป็นไรกันหรือเปล่าอะ”ท๊อปถาม4สาว ที่ยืนจ้องหวานอย่างอาฆาต

    4สาวหันมายิ้มให้ท๊อป “โอ๊ย! เจ็บจังค่ะท๊อป”แตงกวาจับที่แก้ม พลางทำเสียงโอดครวญ จนหวานกับพิงค์หมั่นไส้

    “ท๊อปว่าแตงกวาเพื่อนๆกับบ้านกันไปก่อนนะ เดี๋ยวท๊อปจัดการให้”

    “แน่นะคะ”

    “แล้วท๊อปเคยโกหกอะไรแตงหรือเปล่าล่ะ”

    “เคยค่ะ ก็ที่ท๊อปบอกว่ารักแตงนักรักแตงหนาไงล่ะคะ แล้วไหงเปลี่ยนใจเร็วอย่างนี้ล่ะ”

    ท๊อปพูดไม่ออก “เอาน่า กลับบ้านไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวท๊อปจัดการให้”

    “ก็ได้”

    “อ้าว! หายเจ็บปากแล้วเหรอ เห็นพูดใหญ่เลย...สำออยนี่หว่า”หวานจ้องหน้าแตงกวาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

    “โอ๊ย!”แตงกวากุมปากอีกครั้ง

    “กลับบ้านดีๆนะ บาย”ท๊อปลากแตงกวา กับเพื่อนๆแตงกวา แล้วลากหวานมาที่มุมๆหนึ่ง

    “แกรู้ไหมไอ้หวาน ว่าแตงกวาเขาเป็นลูกใคร”

    “รู้ ลูกท่านทูต สรจักษ์ กับคุณหญิงรัชดา หิรัญนฤคเทพ เจ้าของห้างทอง “หิรัญทรัพย์” ที่มีอยู่ทั่วทุกสารทิศในประเทศไทย”

    “แกก็รู้นี่หว่า แล้วทำไมยังไปหาเรื่องเขาอีก”

    “ใครหาเรื่องใครกันแน่ แกรู้มั้ย ว่าคุณหนูแตงกวาของแกอะ มันเป็นคนเอารูปบ้าๆพวกนั้นแปะแทนที่รูปฉัน แล้วอย่างนี้ ยังจะให้ฉันทนได้อีกเหรอ”

    “หยุดหาเรื่องเขาซะทีได้มั้ย เสียแรงนะ ที่ฉันอุตส่าห์เข้าข้างเธอ อุตส่าห์เลิกกับแตงกว่า เพราะคิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิต ชอบหาเรื่องคนอื่นเขาไปทั่ว ฉันไม่น่าเลย ไม่น่าจะเห็นใจเธอเลย”ท๊อปกระแทกเสียกประโยคสุดท้าย แล้วเดินจากไป



    “ยัยหวาน เป็นไงบ้างอะ”พิงค์เดินเข้ามาหาหวาน หลังจากทึ่ท๊อปไปแล้ว

    “เป็นพวกนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปอยู่กับพวกนั้นล่ะ”หวานแกล้งพูดประชด

    ”ทำไมแกพูดอย่างนั้นล่ะ ฉันยังไม่ได้บอกแกเลยนะ ว่าฉันอยู่ฝ่ายนั้นน่ะ เมื่อกี๊ที่ฉันพูดไปน่ะ ฉันก็แค่ตกใจเท่านั้น แต่พอคิดๆดูแล้ว นิสัยนั้นน่ะ มันไม่ใช่นิสัยแกเลยสักนิด ฉันเชื่อแกนะหวาน ฉันอยู่ข้างแกเสมอนะ”

    หวานหันมากอดเพื่อน “แล้วพรุ่งนี้ฉันจะสู้หน้าอ. กับเพื่อนๆได้ยังไงกันล่ะ ทุกคนต้องมองฉันเป็นไอ้หื่นกันทั้งม.แน่เลย ฮือๆ”

    “ใจเย็นน่า เรื่องมันอาจไม่เลวร้ายอย่างนั้นก็ได้”พิงค์พยายามปลอบเพื่อน

    “ทำไมท๊อปเขาไม่เชื่อฉันเลยล่ะ พิงค์ ทำไมเขาถึงเข้าข้างยัยแตงกวานั่นล่ะ ทำไม”

    “ตอนนี้มันกำลังโมโห อย่าไปว่ามันเลย”

    “ฮือๆ โมโหเหรอ โมโหก็ต้องรู้จักมีเหตุผลหน่อยสิ มันก็น่าจะรู้ ว่าฉันไม่เคยสนใจไอ้เรื่องบ้าๆนั่นเลย แม้แต่จะคิดยังไม่เคยเลย ฮือ”

    “ฉันรู้ ฉันเข้าใจ ใจเย็นนะ วันนี้มันอาจจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เลยเผลอพลั้งปากไปก็ได้ เพราะว่างานนั้นน่ะ ถ้าไม่ส่ง หรือทำอะไรผิดพลาดไปล่ะก็ พวกเราทุกคนจะไม่ผ่านปี2กันหมด แกก็รู้นี่นา”

    หวานได้แต่ร้องไห้ ไม่รู้จะพูดอะไรดี



    *ท๊อป ธีรเดช อัครพินิจศร หนุ่มรูปหล่อ ที่สาวๆพากันคลั่งไกล้ เรียนดี และเก่งมากๆทีเดียว แต่ไม่เคยมีใครรู้ว่า เขานั้นเป็นหนุ่มบ้านแตก พ่อแม่ทะเลาะกันแทบทุกคืน จนเขาทนไม่ไหว ต้องแยกออกมาใช้ชีวิตที่คอนโดข้างๆมหาลัย โดยไม่คิดที่จะกลับไปอีก แต่เขาก็ไม่เคยลืมแม่บังเกิดเกล้า และพ่อผู้ที่มีบุญคุณกับเขามาตั้งแต่เด็ก เขาจะคอยโทรไปเช็คเรื่องพ่อแม่ กับน้องชาย “แชมป์” วรวิทย์ อัครพินิจศร ดารา-นายแบบชื่อดังของเมืองไทย เพราะแชมป์จะกลับบ้านมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อ-แม่ทุกเสาร์  

    ท๊อป เป็นหนุ่มที่มุ่งมั่นกับงาน เขาตั้งใจจะเป็นสถาปนิก โดยไม่หวังที่จะมีชื่อเสียง ขอแค่มีคนมาจ้างเขาไปออกแบบสถานที่ต่างๆก็พอใจแล้ว แชมป์เคยให้พี่ “แคท”ผู้จัดการส่วนตัวของเขา ดูรูปพี่ชายตัวเอง พี่แคทเกิดสนใจ เลยโทรติดต่อท๊อป ให้ลองมาถ่ายโฆษณา และถ้าออกมาดี จะให้ลองเล่นคร และถ่ายแบบ โดยมีค่าตัว100,000นึง แต่ท๊อปไม่สน เขาไม่ชอบการเป็นนักแสดง เพราะถือว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง



    บ้าน อัครพินิจศร

    ท๊อปเดินมาหยุดที่รั้วประตูบ้าน เขายืนเกาะกรงรั้ว โดยไม่คิดที่จะเข้าไปข้างใน ภายในบ้านยังคงเป็นเหมือนเดิม มีสวนรอบๆบ้าน มีที่นั่งเล่นอยู่ภายในสวน และเจ้าตัวเล็ก “โมโมะ” สุนัขตัวโปรดของท๊อป ก็ยังอยู่ไม่ไปไหน โมโมะวิ่งมาหาเจ้านาย แล้วเห่าเสียงดัง จนท๊อปต้องห้ามมัน

    “อย่างร้องซิ โมโมะ อย่าร้อง”ท๊อปลูบหัวมัน อย่างอ่อนโยน

    “เป็นไงบ้างเรา ฉันไม่อยู่ตั้งหลายปี โตขึ้นเยอะนะเนี่ย”ท๊อปอยากอุ้มมันเหลือเกิน แต่ก็ทำไม่ได้

    สักพักเขาก็ได้ยินเสียงๆหนึ่ง ที่คุ้นหูอยู่ทุกคืนดังขึ้น

    “เบอร์นี้มันเบอร์ใครกันหะ บอกมาสิ”

    “ก็เบอร์เลขาคนใหม่ของผมเอง เมื่อวานเลขาคนเก่ามันลาออก ก็เลยให้คนนี้มาแทน”

    “แล้วทำไมต้องโทรมาดึกดื่นขนาดนี้ด้วย”

    “ก็อาจจะมีอาจงานเร่งด่วนก็ได้นี่น่า”

    “โทรมาเพราะมีงานเร่งด่วน หรือโทรมาเพื่อเร่งให้ไปหากันแน่ หะ”

    “นี่ คุณ ผมบอกว่าเรื่องงานก็เรื่องงานซิ หัดเชื่อใจผมบ้าง”พ่อขึ้นเสียงบ้าง

    “น้ำหน้าอย่างคุณเชื่อใจได้ซะที่ไหนเล่า เมื่อสัปดาห์ก่อนฉันก็เจอรอยลิปสติกที่เสื้อของคุณ มาวันนี้ก็มีสาวโทรมาหาอีก แล้วยังงี้ยังจะให้ฉันเชื่อใจได้อยู่อีกเหรอ”

    “ก็ผมบอกไปแล้วไง ว่ารอยลิปสติกนั่นมันเป็นอุบัติเหตุ คุณก็ไม่ฟัง และไม่เชื่อผมเลย”

    “ก็เหตุผลของคุณน่ะ มันฟังขึ้นซะที่ไหนล่ะ แหม ทำมาเป็นบอกว่า มีสาวเดินมาชน เสื้อเลยเปื้อนรอยลิปสติก เหตุผลห่วยๆแบบเนี้ย เอาไว้ไปเล่นกับหมาข้างบ้านนู่น”

    “ผมชักหมดความอดทนแล้ว นี่ถ้าไม่เห็นแก่ไอ้ท๊อป กับไอ้แชมป์นะ ผมไม่ทนอยู่จนถึงวันนี้หรอก”

    “ฉันก็หมดความอดทนเหมือนกัน แล้ววันหลังก็ไม่ต้องเรียกชื่อไอ้2คนนี้ให้ฉันได้ยินอีก เพราะว่ามันไม่ใช่ลูกฉัน”

    “นี่คุณ คุณจะไปเกลียดลูกทำไมกัน ยังไงๆมันก็เป็นลูกที่คุณเบ่งออกมานะ แล้วอีกอย่าง ถึงไอ้แชมป์มันจะทำงานที่คุณไม่ชอบ แต่มันก็เป็นคนหาเงินเข้าบ้าน ส่วนไอ้ท๊อป มันก็เรียนเก่งเรียนดี สร้างชื่อเสียงให้กับวงตระกูล แล้วอีกอย่าง ที่มันหนีออกจากบ้านไป ก็เพราะคุณนั่นแหละ รู้ไว้ด้วย”

    “เอ๊ะ! นี่คุณ มาว่ากันอย่างนี้ได้ไงอ่ะ ที่มันหนีไป ก็เพราะมันทนนิสัยแย่ๆของคุณไม่ไหวต่างหากล่ะ”

    “คุณนั่นแหละ ที่ทำนิสัยแย่ๆให้ลูกมันดู มันเลยทนไหว หนีเตลิดออกไปแบบนั้นน่ะ”

    “คุณนั่นแหละ ตัวต้นเหตุ”

    “คุณน่ะแหละ”

    “คุณนั่นแหละ”



    ท๊อปยืนพิงประตูบ้าน แล้วลื่นไถลลงไปนั่งอยู่กับพื้น

    “อ้าว! พี่ท๊อป ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ ไม่เข้าบ้านเหรอ”แชมป์เดินตรงมาหาพี่ชาย

    “อ้าว! ไอ้แชมป์ ไหงวันนี้กลับบ้านล่ะ ปกติจะกลับทุกเสาร์ไม่ใช่เหรอ”

    “อือ ใช่ แต่พอดีวันนี้กลับมาขนเสื้อผ้าน่ะ พอดีกะจะไปอยู่คอนโดเพื่อนยาวเลย คงไม่กลับบ้านเดือนนึง...แล้วนี่พ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกแล้วใช่มะเนี่ย”

    “อือ”

    “ทั้งปี เมื่อไหร่จะเลิกทะเลาะกันซักทีน้า เฮ้อ!...แล้วนี่พี่มาทำไรแถวนี้ล่ะ”

    “พอดีเบื่อๆน่ะ เลยเดินมาเรื่อยๆ”

    “ขาของพี่ไม่รู้ว่าจะไปไหน แต่ใจของพี่มันอยากจะกลับบ้าน พี่เลยนั่งรถมาลงที่บ้านแบบไม่รู้ตัวใช่มั้ยล่ะ”

    “ใครบอกว่าฉันอยากจะกลับบ้านเล่า ฉันอยากจะไปไกลๆจากเสียงบ้าๆนี่ต่างหากล่ะ”ทีอปลุกขึ้นมาตวาดน้องชาย

    “เออๆ ไม่อยากก็ไม่อยาก ทำไมต้องโมโหด้วยนะ”

    “ฉันขอโทษนะ ที่ตวาดนาย พอดีอารมณ์มันไม่ค่อยดีอะ”

    “ทะเลาะกับเพื่อนมาใช่มะ”

    “จะว่างั้นก็ได้…นายว่าฉันผิดไหมวะ ที่ไปบอกรักผู้หญิงคนนึงไว้มากมาย แต่สุดท้าย กลับเป็นฝ่ายบอกเลิกเขา เพราะอยากจะปกป้องผู้หญิงอีกคนนึง ที่โดนผู้หญิงที่ฉันรักทำร้าย”

    “ถ้าถามฉันนะ ฉันว่าไม่ผิดหรอก ฉันคิดว่าผู้หญิงที่พี่รักคงจะเป็นโรคจิตแหงๆ ทำร้ายคนไม่มีทางสู้”

    “ตอนแรกฉันก็คิดแบบนายนี่แหละ แต่นายรู้ไหม ว่าตกลงใครโรคจิตกันแน่”

    แชมป์ส่ายหัว

    “ก็ผู้หญิงที่ฉันต้องการจะปกป้องน่ะซิ นายรู้มะ ว่าเธอน่ะ ลามกมากเลยนะ ถึงขนาดบ้าติดรูปโป๊ส่งงานอาจารย์เลยนะ”

    “จริงเหรอ เอ๊ะ! เดี๋ยว พี่อย่าบอกนะ ว่าผู้หญิงคนนี้คือพี่หวานน่ะ”

    “ใช่และ ยัยนั่นแหละ”

    “แต่เอ๊ะ! นั่นไม่ใช่นิสัยพี่หวานนี่น่า พี่หวานน่ะ เกลียดสิ่งลามกอนาจารจะตายไป พี่ท๊อปก็รู้”

    ”แต่ตอนนี้มันไม่ใช่! ตอนนี้พี่หวานที่แสนดีของนายน่ะ เค่าเปลี่ยนไปคนละคนแล้ว รู้ไว้ด้วย”ท๊อปหันมาตวาดน้องชาย เค้าไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ไม่รู้ว่าตัวเองจะผ่านปี2หรือเปล่า ถ้าไม่ผ่านขึ้นมา โอกาสกลับบ้านของเขาคงเหลือแค่5%แน่

    แชมป์นั่งลงข้างๆพี่ชาย แล้วแตะบ่าท๊อปเบาๆ “บางที ไอ้สิ่งที่เราคิด มันก็อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้นะ พี่ลองคิดดูดีๆแล้วกัน ว่าสิ่งที่พี่คิด มันถูกต้องหรือเปล่า”เมื่อแชมป์พูดจบ เขาก็ลุกขึ้น ไขกุญแจบ้าน แล้วเดินเข้าไป ปล่อยให้ท๊อปนั่งคิดอยู่หน้าบ้านคนเดียว

    แชมป์เดินอย่างเซ็งๆเข้ามาในบ้าน เมื่อเจอพ่อกับแม่กำลังทุบตีกัน เขาก็ยิ่งเซ็งเข้าไปใหญ่ เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง “เฮ้อ! ทำไมพ่อแม่เราถึงไม่เหมือนกับพ่อแม่คนอื่นๆน้า เฮ้อ!”

    “หวัดดีครับพ่อ หวัดดีครับแม่”แชมป์ทักทายทั้งคู่ โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนจะเดินขึ้นบ้านไปด้วยท่าทางเหนื่อยๆ

    เมื่อแชมป์เข้ามาในห้องนอน เขาก็เข้ามาหาเสื้อผ้าในตู้ แต่ปรากฏว่ามันเหลือซักชุด เขาเลยลองไปเปิดตู้พี่ชาย แต่ก็ไม่มีเช่นกัน

    “เฮ้ย! เสื้อผ้าเราก็ไม่มี เสื้อผ้าพี่ก็ไม่มี มันหายไปไหนเนี่ย...หรือว่า”แชมป์ตกใจ รีบลงไปข้างล่างทันที

    “แม่ครับ เสื้อผ้าของผมกับของพี่มันหายไปไหนหมดละครับ”

    แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ได้สนใจลูกชายตัวเองซักเท่าไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามีคนเข้ามาในบ้านตย แชมป์ทนไม่ไหว เลยเข้าไปขวางระหว่างพ่อกับ “หยุดทะเลาะกันซักทีได้ไหมครับ”แชมป์ตวาด เลยโดนผลักออกมา แชมป์ไถลไปโดนโต๊ะด้านหลัง ซึ่งมีแจกันวางอยู่ หัวเลยโขกกับแจกัน ทำให้แจเซไปโดนกำแพงด้านหลังแล้วเซมาข้างหน้า หล่นลงหัวแชมป์พอดี “โอ๊ย!”แชมป์ร้องเสียงดัง จนพ่อกับแม่หยุดทะเลาะกัน แล้วหันมามองทางต้นเสียง

    “แชมป์!”พ่อถลาไปประคองลูก ซึ่งกุมหัวด้วยความเจ็บ

    “เลือดออกใหญ่เลย พ่อว่าไปโรงพยาบาลเถอะ”พ่อระงับศึกระหว่างพ่อกับแม่ชั่วคราว แล้วจะพาแชมป์ไปหาหมอ

    “สมน้ำหน้า อยากแส่หาเรื่องดีนัก”แม่ของแชมป์ยิ้มเยาะ

    “นี่คุณ ไม่ละอายแก่ใจบ้างเหรอ ที่ลูกมันเป็นแบบนี้ ก็เพราะว่าคุณเป็นคนผลักเจ้าแชมป์เองนะ”

    “ทำไมฉันต้องละลายแก่ใจด้วย ในเมื่อมันไม่ใช่ลูกฉันซะหน่อย”

    พ่อกับแชมป์ถึงกับตะลึงในสิ่งที่ได้ยิน

    “คุณว่าอะไรนะ”

    “ฉันบอกว่ามันไม่ใช่ลูกฉัน รวมไปถึงไอ้ท๊อปด้วย ได้ยินหรือยัง”

    แชมป์จ้องหน้าบุคคลที่เขาคิดว่าเป็นแม่มาตลอดแน่ แต่แม่ที่เขาคิดกลับบอกว่าเขาไม่ใช่ลูก ทำไมแม่ต้องบอกแบบนั้นด้วย

    “ฉันจะเล่าอะไรให้พวกแกฟังนะ ฟังให้ดีๆละ...เสียดายนะ ไอ้ท๊อปน่าจะอยู่ด้วย”แม่ยิ้มๆ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมด

    “คุณจรัส คุณรู้ใช่ไหม ว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร”แม่หันมามองพ่อแชมป์ แล้วถาม

    “ใช่ ผมรู้ เราแต่งงานกันเพราะพ่อกับแม่เราเป็นคนบังคับให้เราแต่ง”

    “ถูกต้อง โดยที่เราทั้งคู่ไม่ได้รักกันเลย”พูดจบ มณี(ชื่อมณีไปน่ะแหละ คิดมะออกฟะ)ก็ฉีกยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว “ เมื่ออยู่ด้วยกันนานๆไป ฉันก็ล่วงรู้ความลับของคุณอย่างนึง...คุณรู้จักผู้หญิงที่ชื่อ เหมิกา ดุจจานุทัศน์ มั้ย”

    เขารู้สึกคุ้นๆหู และพยายามนึก เมื่อนึกได้ เค้าก็ต้องตกใจอีกครั้ง

    “คุณรู้จักเขาได้ไง”

    “เผอิญว่าฉันไปเห็นรูปผู้หญิงนี้ที่กระเป๋าสตางค์คุณน่ะสิ แล้วก็มีเบอร์โทรศัพท์อยู่ด้วย ฉันเลยลองโทรไป ก็ไม่ได้คุยอะไรมากนักหรอก คุยแป๊ปๆก็วาง แต่ขนาดคุยแป๊ปๆ ฉันยังได้ข้อมูลมาตั้งเยอะแหนะ 555”เธอแสยะยิ้มอีกครั้ง ฉายแววตาเจ้าเล่ห์ออกมา

    “คุณได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง”

    “ฉันถามเธอว่า เธอเป็นอะไรกับคุณ เธอก็ตอบประโยคสั้นๆว่า “เป็นแฟนกับคุณ”แค่นั้นแหละ ฉันก็วางโทรศัพท์ไปเลย แล้วให้ลูกน้องไปสืบหาข้อมูลทุกอย่างของผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ บริษัทที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งครอบครัว ไม่เกิน3วันฉันก็ได้ข้อมูลของผู้หญิงคนนี้มา”

    “ได้มาว่าไงบ้าง”จรัสถามเธอด้วยสีหน้าซีดเผือด

    “เป็นความจริงที่คุณต้องถึงกับช๊อคเลยล่ะ”มณีหันมาจ้องที่แชมป์ ด้วยสีหน้าเคียดแค้น“แกฟังเรื่องที่ฉันจะเล่าให้ฟังดีๆนะ แกด้วย ไอ้จรัส”

    ทั้งสองมองผู้หญิงที่ยินอยู่ตรงหน้า ด้วยสีหน้ากลัวๆ

    “ฉันได้ข้อมูลมาว่า ยัยเหมิกาอะไรของแกน่ะ มันไม่ได้เป็นแค่แฟนแก แต่มันเป็นเมียลับๆของแก และมันก็ไม่ได้มีแค่แกคนเดียว มันมีผู้ชายมาติดพันอยู่คนนึง ซึ่งก็คืออดีตแฟนของฉัน ก่อนที่ฉันจะแต่งงานกับคุณ”เธอตะคอก2ประโยคหลังใส่หน้าจรัส

    “แล้วแกก็ควรรู้เอาไว้ด้วยนะไอ้จรัส ว่าอดีตแฟนฉันเนี่ย ทั้งรัก ทั้งหลง นางเหมิกานนั่นเหลือเกิน ถึงขนาดจะปลุกปล้ำนางเหมิกา แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะนางเหมิกามันบอกว่า มันท้อง และมันก็ท้องกับคุณ คุณจรัส”มณีตะโคกใส่หน้าเขาอีกครั้ง จรัสถึงกับอึ้ง เขาไม่เคยรู้มาก่อน ว่าเหมิกาท้องกับตน

    “ไม่นานมันก็คลอดลูกออกมา ซึ่งเด็กคนนั้นก็คือไอ้ท๊อป เพราะฉะนั้น ไอ้ท๊อปมันเป็นลูกคุณกับนางเหมิกา รู้ไว้ซะด้วย”มณีค่อยๆเดินเข้ามาหา2คนพ่อลูก ด้วยแววตาโกรธสุดๆ เธอหันมามองแชมป์ สีหน้าเธอแดงจัด เหมือนเป็นศัตรูกันมาสิบชาติ “และเมื่อเวลาผ่านไป2ปี กับอีก6เดือน แฟนฉันก็กลับมาหานางเหมิกาอีกครั้ง แล้วทังสองก็ได้กัน จนเธอตั้งท้อง รู้ไหม ว่าฉันเจ็บแค้นเป็นอย่างมาก ถึงขนาดบุกไปถึงบ้านนางเหมิกาด้วยตนเอง”

    “คุณบุกไปบ้านเหมิกางั้นเหรอ”จรัสตกใจเป็นอย่างมาก”แล้วคุณได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า”

    “ก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก แค่จับหัวมันกดน้ำก็เท่านั้นเอง555”มณีหัวเราะเหมือนคนเสียสติ

    “อ้อ ยังไม่หมด ยังมีช๊อตเด็ดกว่านั้นอีก...

    เมื่อหลายปีก่อน

    “ติ๊งต่อง”เสียงออดหน้าบ้านเหมิกาดังขึ้น เหมิกากลัวว่าจะเป็นคุณจรัส จึงค่อยๆแง้มประตูออกไปดู

    เมื่อเปิดประตูไปเจอมณี ภรรยาคุณจรัส เธอก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก “คุณมณีมาทำอะไรที่นี่น่ะ”เธอครุ่นคิด ตัดสินใจอยู่ครู่ ก่อนจะเปิดประตูออกไป

    “สวัสดีค่ะคุณมณี”

    มณีไม่รับไหว้ เธอเดินย่างสามขุมเข้าไปหาเหมิกา จนเหมิกาต้องถอยไป แล้วมณีก็ตบหน้าเหมิกา จนเธอล้มลงไปกองพื้น

    “นี่มันอะไรกันคะ คุณมณี ฉันไปทำอะไรให้คุณเหรอคะ”เหมิกามองหน้ามณีอย่างงุนงง และไม่เข้าใจ

    “ก็เธอน่ะ มาแย่งผู้ชายที่ฉันรักไปน่ะซิ แล้วแถมเธอก็กำลังท้องกับผู้ชายที่ฉันรักด้วย ทีนี้เข้าใจรึยังล่ะ”

    “ถ้าจะหมายถึงคุณจรัส เด็กในท้องน่ะ ไม่ใช่ลูก...”

    “ฉันไม่ได้หมายถึงคุณจรัส ฉันหมายถึงแดนต่างหากล่ะ”มณีขัดขึ้น

    เหมิกาตกใจ เธอไม่เคยรู้มาก่อน ว่ามณีรู้จักกับแดนด้วย

    เหมิกาค่อยๆลุกขึ้น แล้วถามมณีเกี่ยวกับแดนให้แน่ใจ “แดนที่คุณว่า ใช่คนเดียวกับ แดน ไชยทรัพย์ กิจรัสเหมันต์ หรือเปล่าคะ”

    “ใช่!”มณีตอบเสียงดัง แล้วจิกคอเสื้อเหมิกา พาเดินเข้าบ้านไป

    “ห้องน้ำเธออยู่ด้านนู้นใช่มั้ย”มณียิ้มเหี้ยม แล้วลากเหมิกา ที่กำลังตั้งท้องได้8เดือน เข้าห้องน้ำไป

    “ฉันอยากให้เธอรู้ไว้อย่างนะ ว่าคนที่มาแย่งผู้ชายที่ฉันรักไปน่ะ มันจะต้องตายอย่างทรมานและสาหัส เหมือนที่เธอกำลังจะเผชิญอยู่ตอนเนี้ย”มณีฉีกยิ้มเหี้ยม แล้วเอาที่อุดรุมาอุดรูอ่างน้ำ ไว้ จากนั้นเปิดน้ำใส่อ่าง จนเต็ม

    “คุณมณีคะ ฉันอยากให้คุณรู้ไว้นะคะ ว่าฉันคิดกับแดนแค่เพื่อนเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย จริงๆนะคะ โอ๊ย!”เหมิการ้องออกมาเสียงดัง เมื่อมณีจิกหัวเธอ แล้วกดหัวเธอลงอ่าง”หยุดพล่ามได้แล้ว นางเหมิกา ถ้าเธอคิดกับแดนแค่เพื่อนจริง เธอจะสมยอมเป็นเมียแดนเหรอ หะ”

    เหมิกาตาเหลือก ดิ้นอย่างทุรนทุราย มณีจับหัวเธอขึ้นจากน้ำ แล้วตะคอกใส่หูเธอ “ฉันลืมไป ว่าวิธีนี้ มันทรมานน้อยไป”พูดจบ มณีก็หยิบที่ขัดหัองน้ำ มาตีที่ท้องของเธออย่างแรง จนเธอทรุดตัวร้องกับพื้น เลือดไหลเต็มขา กุมท้องด้วยความเจ็บปวด แล้วมณีก็จิกหัวเธอ ให้ลุกขึ้น แล้วกดลงไปที่อ่างน้ำอีกครั้ง เหมิกาไม่มีแรงขัดขืนแม้แต่น้อย เธอเริ่มตาเหลือก กุมท้องแน่น เหมือนพยายามที่จะให้ลูกออกมา และในที่สุด...

    “อุแว้ๆ!”เสียงเด็กก็ดังขึ้น มณีตกใจ เธอรีบปล่อยมือจากหัวเหมิกาทันที และก็พบว่ามีเด็กอยู่ที่พื้น ส่วนเหมิกา มณีคิดว่าเธอตายแล้ว โดยที่มณีไม่รู้ว่า เหมิกาแกล้งตาย  มณีค่อยๆอุ้มเด็ก และเดินออกจากห้องน้ำไป

    เมื่อมณีจะเดินออกจากบ้าน เธอก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง จึงเดินกลับเข้าไป จึงพบเด็กอีกคนนึงกำลังคลานเข้ามาหาตน มณีเลยอุ้มเด็กทั้งสองออกจากบ้านไป แต่เธอก็ไม่ได้กลับบ้าน เพราะเธอหายออกจากบ้านไป2ปีแล้ว เธอรอให้ถึง

    โอกาส แล้วเธอค่อยกลับไป เพื่อสร้างเรื่องโกหก ว่าเธอมีลูกกับคุณจรัสถึง2คน

    *********

    จรัสถึงกับอึ้ง ตลึง กับเรื่องราวที่มณีเล่าให้ฟัง เขาคิดว่าเธอคงเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ...เขาไม่สนอะไรทั้งนั้น เขารีบประคองแชมป์ให้ลุกขึ้น เพื่อพาไปส่งรพ. แต่ก็โดนมณีขวางไว้

    “พวกคุณยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

    “ถอยไปนะ คุณมณี ผมจะพาลูกผมไปหาหมอ”

    “แต่ฉันไม่ให้ไป”

    จรัสมอมมณีอย่างเซ็งๆ แล้วเดินกระแทกไหล่มณีออกไป แต่แล้วเขาก็คิดได้ จึงหันกลับมาถาม

    “แล้วแฟนคุณที่ว่าเนี่ย ชื่อไรล่ะ”

    “นรินธร อดิเรกราชกูล...คุณจะถามไปทำไม”

    “ก็ไม่มีไรหรอก”พูดจบ ก็หันหลังเดินออกจากบ้านไป เชาคิดว่า ถ้าเขายังทนอยู่กับคนโรคจิตอย่างนี้ต่อไป เขาต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ ดังนั้น เขาจึงคิดจะพาแชมป์ และท๊อป ไปที่บ้านพักตากอากาศ ที่เขาเคยซื้อไว้ให้กับเหมิกา แต่เขาไม่เคยพาครอบครัวไปเลย

    เมื่อเขาเดินมาถึงหน้าบ้าน เขาก็แทบกลั้นความดีใจไม่อยู่ ที่ได้เจอกับท๊อป ลูกชายที่ไม่เคยกลับมาเยี่ยมเขาเลย เขาเดินไปข้างหน้าลูกชาย

    “ท๊อป”เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ

    ท๊อปเงยหน้าขึ้น เมื่อเจอผู้เป็นพ่อ เขาก็รีบหนีทันที

    “ท๊อป อย่าหนีพ่อไปอีกเลยนะ พ่อขอร้อง”

    ท๊อปหยุด และเดินกลับไปหาพ่อของเขา “ไอ้แชมป์มันเป็นไรอะพ่อ”

    พ่อดีใจมาก ที่ลูกคุยกับตน “ยอมพูดกับพ่อแล้วเหรอ”

    “อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้เลย เดี๋ยวไอ้แชมป์มันก็ตายกันพอดี”ท๊อปเดินมาช่วยพ่อประคองน้อง ถึงแม้ในใจ ยังไม่ค่อยหายโกรธพ่อก็ตาม





    เมื่อหมอเย็บแผลที่หัวให้แชมป์เสร็จ หมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้

    “ผมไม่อยากกลับบ้านเลยครับพ่อ”แชมป์บอกจรัส

    “แล้วใครว่าฉันจะพาแกกลับบ้านล่ะ...ฉันจะพาแกไปใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้คุ้มค่าที่สุดต่างหากล่ะ”จรัสมองหน้าแชมป์ ที่ไม่ว่าจะยังไง แชมป์ก็ยังเป็นลูกของเขาวันยังค่ำ แชมป์จ้องหน้าจรัส แล้วโผเข้ากอด

    “เรื่องที่แม่เล่าให้ฟัง มันเป็นเรื่องที่ผมฝันไปใช่มั้ยครับ พ่อ”

    จรัสนิ่งเงียบไปครู่ เขารู้ดี ว่ายังไงแชมป์ก็ไม่ใช่ลูกเขา แต่เขาก็ทำใจไม่ได้ ถ้าจะต้องคืนแชมป์ให้กับพ่อที่แท้จริงของเขา

    ท๊อปที่นั่งฟังอยู่ ทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาถามจรัส “พ่อครับ แม่เล่าอะไรให้ฟังเหรอครับ”

    จรัสหันมามองท๊อป ไม่คิดอยากบอกอะไรทั้งนั้น “ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะเล่าให้แกฟังดีหรือเปล่า และก็ไม่รู้ด้วยว่าจะเริ่มต้นเล่าตรงไหนก่อนดี”

    “พ่อเล่ามาเถอะ ต่อให้มันเลวร้ายแค่ไหน ผมก็รับได้”ท๊อปจ้องหน้าพ่ออย่างอ้อนวอน

    พ่อนิ่งไปครู่ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท๊อปฟัง...เมื่อเล่าจบ ท๊อปก็ต้องอึ้ง เขาเดินไปที่โซฟา แล้วทรุดตัวนั่งลง

    “ไม่จริง ผมไม่เชื่อ!”

    “แต่นี่มันคือความจริง แกต้องยอมรับมันให้ได้”จรัสเดินมานั่งข้างๆลูกชาย

    “แล้วตอนนี้ แม่ผมอยู่ไหนล่ะครับ”ท๊อปหันมาถาม

    “แกหมายถึงแม่คนไหนล่ะ ถ้าหมายถึงแม่แท้ๆของแก ฉันก็ไม่รู้เหมือน ว่าศพถูกฝังไว้ที่ไหน แต่ถ้าหมายถึงแม่ที่เลี้ยงแกมา ตอนนี้คงหัวเราะสะใจอยู่ที่บ้านนู่นแหนะ”

    “แชมป์ มานี่มา”จรัสหันไปเรียกลูกชาย ที่นอนอยู่ที่เตียงคนไข้

    “ครับพ่อ”แชมป์เดินมานั่งข้างพ่อ

    “ชั้นไม่อยากให้พวกแกคิดมากนะ...เอางี้ ฉันว่าไปกันเลยดีเลยกว่า ไปเร็วลูก ลุกขึ้น”

    “ไปไหนครับพ่อ”แชมป์ถามอย่างแปลกใจ

    “เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า...ไปเถอะลูก อยากคิดมากเลย”จรัสหันมาบอกท๊อป ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม

    ท๊อปลุกขึ้น แล้วเดินตามพ่อกับน้องชายไป

    จรัสพาลูกชายทั้งสองมาที่บ้านพักตากอากาศที่หัวหิน ซึ่งบรรยากาศตอนค่ำ ช่างดูโรแมนติกเหลือเกิน

    “นี่ก็ดึกมากและ ขึ้นไปนอนกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวฉันจะเล่าเรื่องบ้านนี้ให้พวกแกฟังเอง”

    แชมป์กับท๊อปมองรอบๆบ้าน อย่างชื่นชอบ ก่อนจะหันมาพยักหน้าพ่อ แล้วเดินขึ้นบ้านไป

    ***********

    ทางด้านครีม เบสพาครีมมาที่ป่าแห่งหนึ่ง บรรยากาศเหมาะที่จะบอกรักกันมาก มีโต๊ะวางอยู่ตรงกลาง มีเทียนล้อมรอบ บนพื้นมีดอกทิวลิปขาวโปรยอยู่เต็มพื้น ครีมยิ้มอย่างมีความสุข เธอลืมเรื่องพ่อไปได้ชั่วขณะ

    เบสก้มเก็บทิวลิปขาว มาเสียบหูครีม แล้วปัดผมเธอไปข้างหลัง ครีมหันมาจ้องหน้าเขา หัวใจเต้นรัว ทำไรไม่ถูก

    “ทานข้าวกันเถอะครับ”เบสหันไปเลื่อนเก้าอี้ออก ให้ครีมนั่ง แล้วผายมือออกไป “เชิญนั่งครับ คุณผู้หญิง”

    “ขอบใจจ้ะ”ครีมนั่งลง แล้วเขาก็เดินอ้อมไปนั่งตรงข้ามเธอ

    จากนั้นเขาก็ดีดนิ้ว ทันใดนั้นก็มีเสียงดนตรีดังขึ้น มีชายอ้วนๆคนหนึ่งกำลังเป่าแซ็คโซโฟน มีชายร่างสูงโปร่งกำลังเล่นเปียโน มีหุ่นจำลองชาย-หญิงหลายคู่กำลังเต้นรำ มีชายร่างเตี้ย ใส่แว่นกำลังตีกลอง มีชายอ้วนสูงผายมือบรรเลงเพลง และก็มีชายหน้าตาดีกำลังร้องเพลงอยู่

    ครีมมองภาพตรงหน้าอย่างตะลึง ปละประทับใจ จากนั้นเบสก็ผิวปาก มีแม่บ้านแก่ๆเข็นรถอาหารมาให้ที่โต๊ะ และก็มีลุงหนวดยาวเอาน้ำ กับหม้อข้าวมาเสริฟ

    “อาหารของโปรดครีมเลยนะเนี่ย”เบสวางจานอาหารตรงหน้าครีม

    “ขัดยัดไส้!”ครีมมองหน้าเบส แล้วยิ้มๆ

    “ใช่ ขัดยัดใส่ ของโปรดครีมไม่ใช่เหรอ”

    “อือ”

    “ยังไม่หมดนะ...นี่ ปลานึ่งมะนาว อันนี้ก็ของโปรดเราเหมือนกันนะ”

    “เบสรู้ได้ไง ว่าเราชอบของพวกนี้”ครีมถามอย่างแปลกใจ

    ”เอาไว้ค่อนตอบละกัน ยังมีอาหารอีกเยอะเลย นี่ไง”เบสยื่นจานที่มีอาหารญี่ปุ่นให้ครีม

    ”ปลาชุบแป้งทอดฉบับญี่ปุ่น”เบสยักคิ้วให้

    ครีมรู้สึกแปลกใจมาก ที่เบสรู้เรื่องของเธอเกือบทุกเรื่อง

    และแล้วในวันนี้ เบสก็ยังไม่ตอบคำถามเธออยู่ดี ว่าเขารู้ได้ไง ว่าเธอชอบกินอะไร...แต่มันก็เป็นวันที่มีความสุขมาก จนทำให้ครีมลืมความเสียใจเกี่ยวกับพ่อไปเลย





















































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































                          















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×