ตอนที่ 3 : CHAPTER 02
CHAPTER 2
ซอยเล็กๆในย่านกังนัม
ข่าวการตายของนักธุรกิจชื่อดังถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนเช้าเจ้าหน้าที่จึงมาตรวดสอบสถานที่ที่ผู้เสียชีวิตได้เสียชีวิตลง สายสีเหลืองที่กั้นห้ามคนนอกเข้ามานั้นแทบจะขาดเพราะคนที่เข้ามามุงดูนั้นเบียดเสียดมัน ผู้กองหนุ่มสบถเบาๆก่อนจะเดินไปยังตรงที่เกิดเหตุ ตำรวจหลายคนที่ทำหน้าที่อยู่นั้นต่างก็ทำความเคารพก่อนจะทำงานต่อ ลู่หาน ผู้กองสุดร้อนแรงของกรมตำรวจที่มีฝีมือในการทำคดีอย่างเฉียบแหลม ไม่ว่าคดีไหนก็จัดการได้อย่างง่ายดาย เป็นที่ต้องการตัวมากจากกรมตำรวจอื่นๆแต่ผู้กองหนุ่มกลับปฏิเสธและเลือกที่จะทำงานในที่ใกล้บ้านของตนมากกว่า สายตาคมกวาดตามองไปยังรอบๆตัวเผื่อจะเจอหลักฐานอะไรบางอย่างก็ได้แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบ
“ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะจับตัวมันได้เลยเหรอวะ?” ลู่หานเริ่มหัวเสีย ไอ้คนร้ายคนนี้มันฉลาดมากที่ไม่ทิ้งหลักฐานอะไรเอาไว้เลย
“ผู้กองครับทางนี้ไม่พบหลักฐานอะไรเลยครับ” จงแด ผู้หมวดคนสนิทของลู่หานรายงานทันทีที่ไม่พบอะไร
“ทางนั้นก็ไม่พบเลยครับ” มินซอก ผู้หมวดคนสนิทอีกคนก็รายงานเหมือนกัน ลู่หานขมวดคิ้ว มันจะเป็นไปได้ยังไง? อย่างน้อยต้องมีรอยเท้าหรือรอยอะไรสักอย่างสิ!
“แน่ใจนะว่าไม่มี มีดที่คนร้ายใช้ฆ่าล่ะ!”
“ไม่เจอเลยครับ สงสัยคนร้ายจะนำติดตัวไปด้วย” ปกติถ้าใช้มีดเป็นอาวุธในการฆ่าคนร้ายทั่วไปน่าทิ้งมีดเอาไว้หรือหลักฐานอื่นๆเอาไว้ แต่มันคงเป็นคนร้ายที่ไม่ธรรมดาแน่ๆถึงได้ฉลาดรอบคอบขนาดนี้
“แต่มีคนบอกว่าเห็นคนร้ายมีร่มสีแดงในมือด้วยครับ” จงแดพูดขึ้นเมื่อไปสอบถามคนที่เห็นเหตุการณ์และได้ข้อมูลมาเพิ่ม
“และรู้ไหมว่าคนร้ายเป็นคนยังไง?” ลู่หานถามขึ้น
“เห็นบอกว่าใส่ชุดคลุมดำจนมองไม่เห็นหน้า ไม่เห็นตัว ใส่รองเท้าบูท อ๊ะ! เมื่อคืนฝนตกหนักด้วยนิครับ และในมือยังมีร่มสีแดงด้วย” มินซอกรายงานอย่างที่ได้ทราบข้อมูลมาจากคนแถวนี้ จงแดรีบเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของลู่หานทันที
“ผู้กอง ผมว่ามันต้องเหมือนในหนังแน่ๆเลย มีเรื่องหนึ่งที่ผมเคยดูตั้งแต่นานแล้ว แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้”
“ยังไง?” ลู่หานยังคงงงๆกับที่คนสนิทของตนพูด
“ก็มีเอกลักษณ์ประจำตัวไงครับผู้กอง อย่างในหนังมีกระเป๋าสีแดง ส่วนนี่มันร่มสีแดง” จงแดพูดอย่างตื่นเต้น แต่เอาจริงๆนะมันคล้ายกับเรื่องที่เคยดูเลย
“นั่นมันในหนัง นี่ชีวิตจริง หมวดเอาเวลานี้ไปทำงานดีกว่านะ ไร้สาระ!” ลู่หานพูดตอกก่อนจะเดินไปทำหน้าที่ของตน ส่วนจงแดยังที่กำลังจะเถียงได้แต่อ้าปากพะงาบๆอยู่กับที่ อย่างนี้ตลอดแหละ ผู้กองอ่ะ!
มินซอกเดินเข้ามาตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนเบาๆก่อนจะแยกไปทำงานตามหน้าที่ของตน จงแดจึงได้แต่ยืนบ่นคนเดียวกับตัวเอง ทั้งเพื่อนทั้งเจ้านายเลย!
ลู่หานสำรวจสถานที่เกิดเหตุไปเรื่อยๆเผื่อจะเจออะไรผิดปกติ แต่เป็นเวลานานแล้วที่เค้าเสียเวลากับสิ่งนี้เพราะยังไงก็หาไม่เจอ คงไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้หรอก ถ้าเป็นอย่างนี้ ร่างสูงจึงเดินไปบอกให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเตรียมตัวกลับกรมตำรวจและไปรายงานผล
“ผู้กองครับ เราจะปิดคดีกันอย่างนี้เลยหรือครับ?” มินซอกถามขึ้น ถ้าปิดคดีไปอย่างนี้มันจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ? ลู่หานส่ายหน้าก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรหรอก” แต่มินซอกยังคงไม่วางใจอยู่ดี จนกระทั่งจงแดเดินเข้ามา
“ถ้าเราจับคนร้ายครั้งนี้ไม่ได้ เชื่อสิครับว่ามันต้องมีเหตุการณ์แบบนี้อีกต่อๆไป” จงแดพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก ลู่หานจึงเขกหัวให้หนึ่งดอก
โอ๊ย!
“นั่นปากหรืออะไรที่พูด”
“โห ผู้กองครับ เขกมาได้ผมเจ็บนะ!” จงแดลูบหัวตัวเองป้อยๆโดยมีสายตามินซอกที่มองมาอย่างสมน้ำหน้ากับคำพูดที่ออกมาจากคนปากเสีย แต่มินซอกเองก็แอบเห็นด้วยในใจ
“นั่นสิครับ มันอาจจะมีครั้งต่อไปก็ได้ ใครจะไปรู้” ลู่หานพอได้ฟังจึงนิ่งคิดสักพักก่อนจะหยุดเรื่องทั้งหมดเอาไว้
“งั้นเราคอยดูต่อไปละกัน ส่วนตอนนี้บอกทุกคนแยกย้ายและเตรียมเรื่องรายงานสารวัตรในกรมตำรวจโดยด่วน” สั่งลูกน้องทั้งสองก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถสุดหรูของตัวเองก่อนจะบึ่งรถออกไปอย่างเร็วไว
คฤหาสน์ตระกูลลี
แทยอนนั่งมองหน้าเพื่อนสาวตัวเองอย่างเศร้าๆ เพื่อนเธอคงตกใจน่าดูที่อยู่ๆก็เสียพ่อผู้เป็นที่รักไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ซันนี่ที่ร้องไห้พร้อมกับมีซอฮยอนนั่งปลอบใจอยู่ข้างๆและคุณนายลีที่มี ยุนอา น้องสาวคนละแม่ของซันนี่ที่เป็นใบ้กุมมือเอาไว้
“อย่าร้องไห้เลยนะซัน แทรู้ว่ามันเป็นเหตุที่ไม่คาดฝัน แต่ยิ่งซันร้องไห้ คุณลุงจะใจไม่ดีนะ” แทยอนพยายามปลอบเพื่อนตัวเอง แต่ซันนี่ก็เอาแต่ร้องไห้ เธอเองก็เสียใจไม่แพ้เพื่อนหรอก เพราะคุณลุงจองวุคเองก็ดีกับเธอมาตลอด แถมบางครั้งยังช่วยเหลือเธอกับน้องอีกต่างหาก
“แท ซันไม่อยากเชื่อว่าพ่อจะเสียแล้ว ถ้าซันห้ามพ่อออกไปข้างนอกก็คงดี” ซันนี่พูดอย่างสะอึกสะอื้น วันนั้นเธอเห็นพ่อเธอกำลังไปข้างนอกดึกๆดื่นๆแต่เธอก็ยังไม่ห้ามท่านเลยสักนิด
“ออนนี่คะ ออนนี่เข้มแข็งไว้นะคะ ซอกับแทออนนี่เคยเป็นมาแล้ว ซอรู้ดีค่ะว่าตอนนี้พี่ซันรู้สึกอย่างไร” ซอฮยอนยิ้มให้ซันนี่อย่างอ่อนโยนก่อนจะกอดปลอบใจ
“ขอบใจนะซอ แต่พี่ขอแค่วันนี้ที่พี่จะเสียน้ำตาเท่านั้น พี่สัญญาว่าต่อไปพี่จะไม่ร้องไห้อีก”
“แล้วจะเอายังไงกับบริษัทล่ะ?” แทยอนเอ่ยถาม ถ้าคุณลุงเสียแล้วใครจะบริหารธุรกิจแทนล่ะ เพราะในครอบครัวซันนี่มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น
“ซันจะทำเอง!”
“แต่มันหนักมากเลยซัน แล้วซันไม่ได้เรียนด้านนี้มาไม่ใช่เหรอ?” เท่าที่จำได้เพื่อนสนิทของเธอคนนี้เรียนสถาปัตยกรรมมาไม่ใช่เหรอ! แล้วซันนี่จะบริหารงานยังไงล่ะ!
“ซันจะให้พี่ชายคนสนิทของซันช่วยเอง” ซันนี่ตอบยิ้มๆทั้งๆที่ยังมีน้ำตาคลออยู่ แทยอนคิดก่อนจะนึกออก ใช่สิ! พี่เรียวอุค รุ่นพี่ที่เป็นผู้ช่วยในบริษัทของตระกูลลีที่ซันนี่สนิทอยู่นี่นา! งั้นก็คงสบายใจได้แล้วแหละ
“ถ้างั้น ฉันกลับบ้านก่อนละกันนะ ซอฮยอนมีเรียนตอนบ่าย คุณป้าคะ…แทขอตัวกลับก่อนนะคะ” แทยอนก้มหัวให้คุณนายลีก่อนจะลากลับ ซอฮยอนจึงก้มหัวให้เหมือนกันก่อนจะลากลับบ้าน
“คุณป้าดูแลตัวเองดีๆนะคะ ซอเป็นห่วง ^^” น้ำเสียงจริงใจส่งมาให้ทำให้หญิงวัยกลางคนยิ้มตอบกลับอย่างอ่อนโยน
“จ๊ะ พวกหนูก็ดูแลตัวเองดีๆเหมือนกันนะ ^^” นั่นประโยคสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่สองพี่น้องจะเดินออกไปหน้าคฤหาสน์ตระกูลลี ซอฮยอนที่มีคำถามที่อดสงสัยไม่ได้จึงหันไปถามพี่สาวของตน
“ออนนี่คะ?...พี่เรียวอุคคือใครเหรอคะ?” แทยอนยิ้มให้ก่อนจะลูบหัวน้องสาวตัวเองอย่างเอ็นดูก่อนจะตอบให้น้องได้หายสงสัย
“พี่เรียวอุค คือ รุ่นพี่ที่ซันนี่ชอบไง และพี่เรียวอุคก็ทำงานในบริษัทของคุณลุงจองวุคด้วยแหละ”
“อ่อ…อย่างงั้นหรือคะ ^^” ซอฮยอนยิ้มก่อนที่รถแท็กซี่จะมาจอดตรงหน้าของพวกเธอ สองพี่น้องจึงรีบขึ้นรถ ก่อนที่รถจะบึ่งตัวออกไป
เมื่อมาถึงที่บ้านอันแสนอบอุ่นของพวกเธอแล้ว ทั้งซอฮยอนและแทยอนต่างก็เตรียมของของตัวเอง อีกคนหนึ่งเตรียมตัวไปเรียน อีกคนเตรียมตัวไปทำงาน แทยอนมองของใช้ที่ต้องการเมื่อพบว่าไม่มีอะไรขาดเหลือแล้วจึงหันไปมองทางน้องของตนบ้าง
“ซอ เสร็จหรือยัง?”
“เสร็จแล้วค่า! ^0^” ซอฮยอนวิ่งมาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกระเป๋าสะพาย ก่อนจะถามแทยอนที่หยิบเสื้อคลุมที่แขวนไว้
“ออนนี่คะ?...วันนี้จะกลับดึกมั๊ย?”
“ไม่รู้สิ” แทยอนคิดสักพักก่อนจะส่ายหน้าอย่างไม่รู้ แน่ล่ะคนทำงานตอนกลางคืนอย่างเธอคงไม่มีเวลาจำกัด บางวันก็กลับสี่ทุ่มบางวันอาจถึงเช้า และน้องสาวก็ยังไม่รู้เรื่องที่เธอทำงานนี้อีกด้วย
“เอาเป็นว่า…ซอให้แบคฮยอนมารับมาส่งละกันนะ ^^” เอ่ยถึงเพื่อนชายที่สนิทของน้องสาวที่เธอไว้ใจที่สุด เพราะเด็กนั่นไม่ทำอะไรน้องสาวเธอแน่ๆ ก็เค้าสองคนสนิทกันนี่นา~
“ก็ได้ค่ะ..แต่ออนนี่สัญญามาก่อนนะว่าวันเสาร์นี้ ต้องพาซอไปเล่นที่สวนสนุก >0<” ท่าทางที่เหมือนเด็กของซอฮยอนทำให้แทยอนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ถึงจะโตขึ้นแค่ไหน ก็ยังเด็กอยู่สินะ….ซอฮยอน
“จ๊ะ…สัญญา งั้นพี่ไปก่อนนะ” แทยอนโบกมือลาน้องสาวพร้อมกับที่รถของแบคฮยอนเข้ามาจอดรับซอฮยอนพอดี ซอฮยอนหันมายิ้มให้พร้อมกับขึ้นรถไป แทยอนมองรถของแบคฮยอนที่ขับออกห่างไปเรื่อยๆจนลับตา เธอจึงเดินไปทำงานเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
--------------------------------------------------------------------
เมื่อคืนนั่งแต่งทั้งคืน เลยเบลอไปนิดๆ U_U
ง่วงมากๆค่ะ แต่พยายามเพื่อให้ทุกคนได้อ่าน
อาจจะงงไปนิด ขอโทษด้วยนะ T^T
ตอนหน้าพระนาง
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สงสารซันบันเลยที่ต้องมาเสียคุณพ่อในเวลาที่ไม่ทันตั้งตัวฆาตรกรเป็นคนเดียวกับที่ฆ่าพ่อแม่แทซอป่ะ
เห็นถือร่มสีแดงเหมือนกันอ่ะอิพี่แทเป็นพี่สาวที่ดีมากเลย
ติดตามต่อไปจ้าาาาา ไรต์เตอร์สู้ๆน้าาาาาาาาาาาา fighting!!!!!!!!!!
คงไม่ใช่ซันหรอกมั้ง
ผู้กองลู่ บทนี้แมนมากจ้า 55
เรื่องนี้แบคซอ (รึเปล่า)
555 เพ้อไปกันใหญ้แล้วเรา
เค้าสงสารอ่ะ