ตอนที่ 11 : CHAPTER 10
CHAPTER 10
ในตอนเช้าของวันต่อมา
ร่างเล็กของแทยอนเดินเข้ามาในบ้านของตัวเองก่อนจะตกใจเมื่อเห็นน้องสาวและก็เพื่อนกำลังนั่งจ้องหน้าเธออยู่ที่โซฟา คิ้วขมวดชนกันเมื่อใบหน้าของซอฮยอนที่แสดงออกมาว่ากำลังงอนเธออยู่ทำให้แทยอนต้องเดินเข้าไปใกล้ๆกับร่างของทั้งสอง เสียงถอนหายใจของแบคฮยอนดังขึ้น รู้สึกโล่งอกที่แทยอนยังปลอดภัย แต่ซอฮยอนกลับหันหน้าหนีทันทีที่แทยอนนั่งลงโซฟาข้างๆ
“เป็นอะไรไปซอ?”
“ซอไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“ปากแข็ง” แบคฮยอนเอ่ยลอยๆ แต่ก็ทำให้ซอฮยอนตวัดตามามองเพื่อนของตนที่มองนู่นนี่ไม่สนใจเธอ ทั้งๆที่เมื่อกี๊แบคฮยอนว่าให้เธอชัดๆ
“ซอไม่ได้โกรธออนนี่เลยนะคะ” แทยอนอมยิ้มกับความเป็นเด็กของน้องสาวก่อนจะใช้มือเล็กๆโอบร่างของซอฮยอนเอาไว้ คางเล็กเกยกับไหล่ของซอฮยอนก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลูบกลุ่มผมนิ่มอย่างเอ็นดู
“ขอโทษนะ ที่พี่ไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืน พี่มีความจำเป็นจริงๆ ซอเข้าใจพี่ใช่มั๊ย?” แทยอนพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆราวกับขอให้ซอฮยอนเห็นใจ เมื่อเห็นดวงตาของพี่สาวที่กระพริบปริบๆอย่างอ้อนวอน ซอฮยอนก็เริ่มยิ้มขึ้นมา แน่ล่ะ ใครจะไปโกรธพี่สาวตัวเองได้นานกันล่ะ
“ซอเข้าใจออนนี่ค่ะ แต่ออนนี่อย่าหายไปบ่อยๆสิ ซอห่วงออนนี่นะรู้มั๊ย นี่เมื่อคืนซอก็อยู่คนเดียวเหงามากๆเลย”
“โอเคๆ พี่จะไม่หายไปอีกแล้ว แล้วนี่ไม่ไปเรียนเหรอ?” เอ่ยถามน้องสาวพลางหันไปมองแบคฮยอนที่กำลังนั่งจ้องหน้าเธออยู่ แต่ก็ไม่มีคำตอบจากทั้งสองคน ดวงตาคมของแบคฮยอนจ้องเธออยู่แบบนั้นจนรู้สึกแปลกๆ และอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“จ้องหน้าพี่ทำไมเหรอแบคฮยอน?” เด็กหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่มีอะไรไรหรอกครับ”
“แต่ว่า……” ยังไม่ทันที่แทยอนจะพูดจบ ซอฮยอนก็พูดขึ้นแทรกก่อน ทำให้แทยอนนึกสงสัยว่าทั้งสองคนมีอะไรปิดบังเธออยู่
“เอาเถอะค่ะ เอ่อ วันนี้ซอขอไปเที่ยวกับแบคฮยอนนะคะ เดี๋ยวบ่ายๆจะกลับมา ออนนี่ไม่ต้องห่วงนะคะ ซอจะดูแลตัวเองอย่างดี” ซอฮยอนพูดร่ายยาวไม่ให้แทยอนมีช่องว่านในการพูดแทรกเลยแม้แต่น้อย น้องสาวตัวสูงพร้อมกับแบคฮยอนพากันก้มหัวให้เธอก่อนจะรีบเดินปรี่ออกไป แต่ในจังหวะที่เปิดประตูบ้านนั้น ลมแรงก็พัดเข้ามากระทบใบหน้าของทั้งสองทั้งที่อากาศก็ยังแจ่มใสอยู่ แบคฮยอนหันมามองซอฮยอนที่ยืนหน้าซีดอยู่ สองมือเรียวกำแน่น ดวงตาสั่นระริก จนดูน่าสงสาร แบคฮยอนจึงเอื้อมมือไปกุมเอาไว้ก่อนจะพูด
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฝนยังไม่ตกตอนนี้หรอก” ซอฮยอนมองหน้าเพื่อนสนิทก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
เล็กน้อย
“ขอบคุณนะ…แบคฮยอน”
กรมตำรวจ
ลู่หานค้ำโต๊ะก่อนจะจ้องตัวหนังสือที่เด่นหราในหนังสือพิมพ์พร้อมกับถอนหายใจ ฆาตกรร่มสีแดงมันเอาอีกแล้ว คราวนี้มันพรากชีวิตเด็กที่น่ารักอย่างดีโอไปอีก แค่เพียงในช่วงข้ามคืน ก็เสียคนบริสุทธิ์ไปให้กับมันอีกแล้วเหรอ? แล้วคราวนี้ทำไมต้องดีโอ เด็กคนนี้ไปทำอะไรให้มันกันแน่?
“เมื่อวานดีโอกลับมาจากเรียนพิเศษและแวะไปเยี่ยมคุณซันนี่ที่บ้าน เพราะอยู่แถวระแวกที่เรียนพิเศษพอดี แต่ฉันอยากรู้ว่าทำไมมันถึงได้ฆ่าน้องชายของฉัน?” เสียงทุ้มพร้อมกับร่างสูงของคริสเดินรอบโต๊ะก่อนจะหันมาจ้องหน้าของลู่หานเขม็ง ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้องทำให้มินซอกและจงแดที่นั่งนิ่งอยู่รู้สึกขนลุก
“ฉันรู้ว่าดีโอไม่เคยไปทำอะไรให้มัน แต่ว่าทำไมคนที่ตายถึงต้องเกี่ยวกับคุณซันนี่ตลอด นายพอจะทำคดีนี้ให้มันจบภายในเดือนนี้ได้มั๊ยลู่หาน?”
“ผมเองก็พยายามอยู่ครับสารวัตร แต่หลักฐานที่เรามี บางอันเราก็โดนมันหลอก บางอันก็เป็นของจริง เรื่องของคุณเรียวอุคยังไม่จบ ก็มีของน้องชายสารวัตรเข้ามาอีกแล้ว ผมคิดว่าเรายังไม่หลักฐานไม่พอที่จะสืบว่ามันเป็นใคร” ลู่หานพูดออกมาตามที่ตัวเองคิด เพราะถึงแม้ว่าจำนวนคนที่ตายจะเยอะสักเท่าไร แต่ว่าหลักฐานและข้อมูลที่มีก็มีแค่มีด ปลายมีด ดาบ และร่มสีแดง ที่มันใช้
“เอ่อ…คือ..จะว่าอะไรมั๊ยครับ? ถ้าผมสงสัยคุณซันนี่” จงแดยกมือขึ้นพร้อมกับเอ่ยอย่างติดๆขัดๆเพราะกลัวกับสายตาของเจ้านายของตน
“ไม่ผิดหรอกนะ เพราะฉันเองก็สงสัย” คริสเอ่ยออกมาพร้อมกับลูบปลายคางของตัวเองอย่างครุ่นคิด ลู่หานเองก็พยักหน้าเช่นกัน
“ฉันเองก็สงสัยเหมือนกันจงแด” มินซอกมองหน้าทั้งสามคนที่สงสัยคนเดียวกัน แต่เขารู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่ไม่ได้บอกว่าคนร้ายเป็นซันนี่
“แต่ว่าคุณซันนี่จะกล้าฆ่าพ่อแม่ตัวเองพร้อมกับแม่บ้านตัวเองเหรอครับ?”
“อ่า~ นั่นสิ” จงแดร้องออกมาก่อนจะขยี้หัวตัวเองเพราะลืมนึกไปว่าจะมีลูกที่ไหนฆ่าพ่อแม่ตัวเองได้ลงคอ เขานี่ก็โง่จริงๆ สงสัยคนไปมั่วหมดแล้ว
“แต่ว่าคุณซันนี่ก็เข้าข่ายบุคคลน่าสงสัย และฉันเองก็ยังสงสัยอีกหลายคนอยู่นะ ถ้าจะบอกก็ยังไงๆอยู่” คริส จงแดและมินซอกหันมามองผู้กองสุดฮอตของกรมที่เอ่ยออกมาลอยๆ ดวงตาราวกับลูกกวางกำลังจ้องมองไปที่หน้าต่างบานใหญ่ของห้อง ท้องฟ้าที่เปิดกว้างเหมือนวันนี้จะไม่มีฝนตก แต่ว่าอากาศมันเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา คงจะไม่น่าเชื่อสักเท่าไร
“ผู้กองสงสัยใครบ้างครับ?”
“ขอเก็บเป็นความลับก่อนละกัน เพราะฉันเองก็ไม่แน่ใจ” ลู่หานมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก ในแววตานั้นสะท้อนภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ดูจะแปลกๆในสายตาเขา หมอนั่น…..ผู้ชายที่แทยอนเอ่ยชื่อออกมาก่อนจะลงจากรถของเขาในตอนที่เขาถามว่าผู้ชายที่ทำรอยให้กับเธอคือใคร แถมยังสายตาที่ดูกลัวและร่างกายเล็กที่สั่น ผู้ชายคนนั้น…
โอ เซฮุน…ทำไม คิม แทยอนต้องมีท่าทีแปลกๆตอนเอ่ยชื่อหมอนั่น?
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้สติของลู่หานกลับคืนมา ก่อนที่ร่างสูงจะเอี๊ยวตัวหันไปมองดูประตู สายตาคมส่งสายตาประมาณว่าให้จงแดไปเปิด ซึ่งจงแดที่ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนจะทำตามคำสั่งของเจ้านาย
เสียงรองเท้าส้นสูงที่กระแทกเข้ามาในห้องเรียกให้คริสสนใจก่อนที่เจ้าตัวจะเหล่ตามอง กระโปรงสั้นสีดำพร้อมกับเสื้อหนังแจ๊คเก็ตสีดำ ดูลงตัวกับร่างที่ผอมพอดีในสายตาของเขา ผมยาวสลวยสีน้ำตาลที่ถูกปล่อยลงมาจนสยายไปตามแผนหลัง แว่นตาสีดำที่ถูกถอดออกก่อนริมฝีปากแดงจะเอ่ยออกมา
“อยู่นี่นี่เองลู่หาน เจสตามหาแทบแย่!” เสียงหวานใสดังขึ้นพร้อมกับดวงตาที่โตขึ้นของจงแด มินซอกและคริส มีเพียงลู่หานเท่านั้นที่ยังยืนนิ่งอยู่เฉยไม่สนใจกับหญิงสาวที่ปรากฏตัวเลยสักน้อย ร่างผอมเดินผ่านบุคคลทั้งสามที่เป็นเสมือนธาตุอากาศของเธอก่อนจะปรี่เข้ามาหาร่างสูงของลู่หานทันที มือเรียวรีบเกาะที่แขนแกร่งทันทีที่เดินเข้ามาชิดติดกับร่างสูงก่อนจะเอ่ยอย่างออดอ้อน
“วันนี้เจสจะชวนลู่หานไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน”
“ผมงานยุ่งน่ะเจส เอาไว้วันหลังละกัน” ริมฝีปากแดงเบะออกก่อนจะถามขึ้นเสียงดังจนลู่หาน
แอบรำคาญ
“อะไรอ่ะ! วันไหนๆลู่หานก็งานยุ่งทุกทีเลย!”
“ผมเป็นตำรวจนะเจส ไม่ใช่ดาราแบบเจสที่จะมีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเอง” ลู่หานเอ่ยออกมาอย่างเซ็งๆพร้อมกับพยายามแกะมือที่เกาะแขนเขาออก แต่ว่าเจสสิก้ายังคงเกาะแน่นอยู่แบบนั้น ไม่อยากจะเชื่อว่าแรงที่มีมากของเขายังไม่สามารถแกะผู้หญิงคนนี้ออกจากตัวได้ จงแด มินซอก รู้ตัวดีว่าไม่ควรจะอยู่เป็นก้างขวางคอเจ้านายจึงเดินออกไปจากห้องเงียบๆ ส่วนคริสก็มองทั้งสองอยู่แบบนั้นก่อนจะเก็บหนังสือพิมพ์แล้วรีบออกไป ปล่อยให้ลูกน้องมีเวลาส่วนตัวกับผู้หญิงบ้าง ลู่หานมองสามร่างที่ออกไปจากห้องอย่างขัดใจ อารมณ์ที่บันดลขึ้นจนรู้สึกหงุดหงิดผู้หญิงที่เกาะแกะเขาอยู่
“นะๆ ลู่หานไปทานข้าวกับเจสนะ”
“บอกแล้ว ผมงานยุ่ง”
ตึก ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าหลายๆคู่ที่ดังขึ้นมาทำให้ลู่หานและเจสสิก้าต้องหันไปดู ซันนี่ยิ้มหวานให้กับภาพชายหญิงตรงหน้าก่อนจะสังเกตเห็นสีหน้าของแทยอนที่ชะงักไปนิดหนึ่ง เซฮุนเองก็มองกริยาของแทยอนเช่นกัน เขาเลือกที่จะเอื้อมมือไปจับมือของแทยอนไว้ก่อนจะลากร่างเล็กให้เดินเข้าไปในห้องด้วยกัน เจสสิก้าขมวดคิ้วก่อนจะหันไปถามลู่หาน
“พวกเขาเป็นใครคะ?”
“พวกเขาเป็นแขกของผม” ลู่หานเอ่ยเสียงเรียบพลางมองมือเล็กๆของแทยอนที่โดนมือหนาของเซฮุนกุมไว้ จากที่ไม่สบอารมณ์อยู่แล้วก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก เมื่อได้เห็นร่างเล็กที่ปล่อยให้อีกคนจับมือได้ง่ายๆ
“ผู้กองคะ มีคนในกรมตำรวจโทรไปบอกว่าผู้กองอยากเจอฉัน ไม่ทราบว่าเราจะคุยกันตอนนี้เลยมั๊ยคะ?” ซันนี่เอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา ลู่หานพยักหน้าก่อนจะไล่ให้เจสสิก้าออกไปข้างนอก หญิงสาวดื้อดึงอยู่สักพักก่อนจะยอมออกไปง่ายๆ แต่ก่อนจะออกไปก็สบตากันกับเซฮุนพอดี ทำให้เจสสิก้ามีความรู้สึกกลัวแปลกๆ
พอลับร่างของเจสสิก้า ยูริ น้องสาวของซันนี่ก็เดินเข้ามาพอดี ทำให้ลู่หานแปลกใจว่าจะมากันเยอะคนทำไม? ลำพังแค่ซันนี่กับแทยอนก็พอแล้ว!
“นี่ยูริ น้องสาวของฉันเองค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ผู้กองลู่หาน”
“ยินดีครับ” ลู่หานทักทายสั้นๆก่อนจะเชิญให้ทั้งสี่คนนั่งลงตรงโซฟา สายตาคมเหลือบไปสบตากับแทยอนที่นิ่งอยู่ก่อนจะทำปากขมุบขมิบให้แทยอนเข้าใจกันอยู่สองคน แทยอนเองเมื่อเข้าใจที่ลู่หานบอกก็เลื่อนมือเล็กของตนออกจากการจับกุมของเซฮุนทันที ท่ามกลางสายตาที่พอใจของลู่หานก่อนที่ลู่หานจะหันไปพูดกับซันนี่
“พอจะบอกได้มั๊ย? ว่าหลังจากที่ดีโอกลับ คุณทำอะไรหลังจากนั้น”
“ฉันก็ขึ้นนอนทันทีเลยค่ะ เพราะฉันรู้สึกกลัวกับที่บานกระจกหน้าต่างแตก” ซันนี่เอ่ยตามความจริง
“เหรอครับ คุณขึ้นนอนทันที และก็ไม่ได้ไปไหนเลยใช่มั๊ยครับ?”
“ค่ะ…แต่ว่าผู้กองคะ การที่คุณมาสงสัยดิฉันแบบนี้ คุณคงไม่คิดว่าฉันเป็นฆาตกรใช่มั๊ย?” ซันนี่ถามขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจสักเท่าไร เพราะแววตาของลู่หานในตอนนี้ไม่สามารถอ่านได้เลยแม้แต่น้อย
“เปล่าครับ ผมแค่พยายามรวบรวมข้อมูลอยู่ เพราะคนที่โดนฆ่านี่ก็ไม่ใช่น้อยๆ”
“แล้วทำไมมันต้องฆ่าด้วยล่ะ?” แทยอนเอ่ยถามแทรกขึ้นมาอย่างสงสัยก่อนที่ยูริจะเป็นฝ่ายตอบขึ้นมาแทนลู่หานที่กำลังจะพูด
“ถ้ามันไม่ฆ่า แล้วจะเรียกว่าฆาตกรได้ยังไงล่ะ จริงมั๊ยคะผู้กองลู่หาน” เพียงแค่เสียงของยูริเอ่ยจบเพียงเท่านั้น ลู่หานก็ชะงักแล้วหันไปสบตากับแววตาไร้เดียงสาแต่กลับพูดประโยคแปลกๆออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ครับ…แต่ว่าไม่ต้องห่วงหรอกนะครับคุณซันนี่ คนรอบตัวของคุณจะต้องไม่ตายไปมากกว่านี้ ผมจะรีบปิดคดีให้เร็วที่สุด”
“ขอให้มันเป็นตามที่ผู้กองพูดๆจริงเถอะครับ” เซฮุนพูดขึ้นมา ในขณะนั้นแววตาของเซฮุนก็เปลี่ยนไปเมื่อลู่หานหันมามองเขา ราวกับกระแสไฟฟ้าที่พุ่งออกมาจากตาของทั้งสอง ลู่หานกดยิ้มที่มุมปากก่อน
จะพูดขึ้น
“คอยดูละกันครับ…คุณหมอเซฮุน”
“ครับ ผมจะคอยดู…ผู้กองลู่หาน”
TBC.
---------------------------------------------------------------
ขอโทษค่าที่มาต่อช้า! เมื่อวานมัวแต่เล่นไปหน่อย T^T
ตอนนี้ไม่มีอะไรนะ แค่อยากเห็นฉากพี่ลู่หึง >0< แอร๊ย! 3P
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

slowly เองค่ะ ไรท์บิวกลับมาเร็วๆ นะ รอๆๆๆๆๆ เสมอ
ยูริก็อีกคน ฮุนกับลู่เกลือบทำสงครามแล้วไมล่ะ
แบคมันดูเป็นเพื่อนที่ดีต่อนุ้งซอมากๆเลยอ่ะเป็นกำลังใจให้ตลอดเลย
เวลานุ้งซองอนพี่แทน่ารัก>//<และพี่แทก็ง้อน่ารักมากด้วย
ติดตามต่อไปจ้าาาาา ไรต์เตอร์สู้ๆ fighting!!!!!!!
ดูหน้ากลัวยังไงไม่รู้อ่ะ
รู้สึกว่าฮุนเย็นชาแปลกๆ
แต่ก็ดูฉลาด
ซูโฮก้อสงสัย ยังไง
นางเอกมีหนาว ผิด!