วิถีองครักษ์ - นิยาย วิถีองครักษ์ : Dek-D.com - Writer
×

    วิถีองครักษ์

    มิเรไรน์ บีราเวล มีพลังลึกลับ เธอจึงต้องเดินทางออกจากเซสเนียร์ ไปยังเอมิลอส เพื่อค้นหาความลับของพลัง ความจริงแล้ว เธอคือคนที่กุมตำแหน่งและหน้าที่อันยิ่งใหญ่่่ัีไว้ การเดินทางของเธอจะจบลงอย่างไร...

    ผู้เข้าชมรวม

    226

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    11

    ผู้เข้าชมรวม


    226

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  13 พ.ค. 56 / 22:49 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทที่ 1

    ตัวตนที่แท้จริง

                ความร้อนอบอ้าวบ่งบอกว่าฝนกำลังจะตก  ท้องฟ้ามืดครึ้มมาแต่ไกล แต่ใจคนตอนนี้กลับขุ่นมัวยิ่งกว่าท้องฟ้าเวลานี้เสียอีก

                    เด็กสาวร่างเล็กเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายเสียงแผ่วเบา  ชวนเหงาใจเหลืออะไรดี

                    ไรน์  มานี่หน่อย

                    เสียงทุ้มตะโกนขึ้นมาปลุกเด็กสาวออกจากภวังค์  เธอขานรับเนือยเบา ๆ และเดินไปหาเจ้าของเสียงเรียกนั้น

                    มาแล้วหรือ  ลูกดูนี่สิพ่อเพิ่งจะตีดาบเสร็จ  เล่มนี้นายใหญ่ในเอมิลอสเขาสั่งมา  ลูกว่าสวยไหมผู้เป็นพ่อยื่นดาบให้ลูกสาวสุดที่รัก  พลางยิ้มจนตาปิดด้วยความภาคภูมิใจในผลงาน  เธอรับไว้ในมือเพื่อพิจารณา

                    สวยสิท่านพ่อ  ช่างตีดาบอันดับหนึ่งในไนเจเรสเป็นคนตีนี่นาเด็กสาวยิ้มบางๆ

    ฮ่าๆ ๆ  แน่นอน  มีดาบเล่มไหนบ้างที่พ่อตีไม่ดีผู้เป็นพ่อหัวเราะกว้างพอใจกับคำยอ  เด็กสาวหัวเราะตาม  เธอส่งดาบคืนไปให้พ่อ

                    เธออยู่ในตระกูลนาเรนเรีย  พ่อของเธอเป็นช่างตีดาบชื่อดังอันดับหนึ่งในไนเจเรส  แถมทางบ้านเธอยังเปิดเป็นสถาบันฝึกดาบขั้นพื้นฐานอีกด้วย  ทั้งนักเรียนรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ รุ่นเด็กอนุบาลไปจนถึงวัยชราหัวหงอกขาวก็มาฝึกดาบที่นี่ทุกวัน  บางคนที่เดินทางมาไกล  พ่อเธอก็ยังใจดีให้ที่พักฟรีอาหารฟรีให้คนพวกนี้อีก  เพราะความใจดีนี่แหละ  บางคนถึงกับฝากตัวเป็นลูกศิษย์ตลอดชีพ  จนนับวันเธอเริ่มรู้สึกว่าจำนวนคนเยอะขึ้นทุกวัน  รายได้ที่บ้านเยอะขึ้นทุกวัน  และเธอก็ปวดหัวกับเสียงจ้อกแจ้กจอแจมากขึ้นทุกวันด้วย

                    แต่เธอก็ยังมีความสุขอยู่ทุกวัน...

                    แล้วเราไปไหนมาล่ะ

                    ความสุขที่มีอยู่ในหัวคิดหายวับไป  ถ้าหากเธอบอกพ่อไป  เธอจะยังเป็นลูกสาวสุดที่รักของท่านพ่ออยู่ไหมนะ

                    ไม่สบายหรือ  หน้าซีดเชียว ผู้เป็นพ่อขมวดคิ้วมองคนหน้าซีดด้วยความเป็นห่วง

                    ท่านพ่อ...ท่านพ่อของเราอาจจะรู้ทุกอย่างแล้วก็ได้  ควรจะถาม?

    หืม

    เอาก็เอาวะ  ตัดสินใจเด็ดขาด  ดีกว่าปล่อยให้คาใจแล้วก็หวาดกลัวตัวเองอยู่แบบนี้

    ข้าไปเดินเล่นในป่าเวียร์มา  แล้วก็...ได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย  ข้ารีบไปแล้วก็เจอลุงคนหนึ่งยืนขาสั่นพั่บๆ หน้า...พยัคฆ์เงา

    ผู้ฟังเบิกตากว้าง  เมื่อลูกสาวเอ่ยถึงพยัคฆ์เงา

    เป็นอันรู้กันว่าสัตว์ที่ดุร้ายที่สุดในแถบป่าเวียร์ก็คือพยัคฆ์เงา  มันทั้งแข็งแกร่งและดุร้าย  ใครที่โดนมันหมายตาไว้แล้วก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้  หรือที่รอดมาได้ก็พิการ  มันรู้จักเพียงคำว่าฆ่าเพื่อเป็นอาหารท่านั้น  เอาง่ายๆ คือเจอพยัคฆ์เงาเท่ากับตายและตาย

    ข้าเห็นพยัคฆ์เงาเล้วข้าก็วิ่งเข้าไปหามัน  ข้ารู้สึกประหลาด  แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลยเด็กสาวพูดเสียงเบาในประโยคสุดท้าย ข้าไม่รู้อะไรเลย  แต่พอรู้ตัวอีกทีลุงคนนั้นก็ตะโกนว่า...ปีศาจ  ลุงคนนั้นว่าข้าเป็นปีศาจ  เพราะข้าฆ่าพยัคฆ์เงาด้วยตัวคนเดียว...ด้วยมือข้าเอง”  นัยน์ตาเทาหม่นหมองด้วยความไม่แน่ใจ 

    ไรน์  ลูกฆ่าพยัคฆ์เงา

    ผู้เป็นพ่อถามย้ำ  ความเงียบงันคือคำตอบที่ได้รับ  บทสนทนาหยุดลงไปพักหนึ่ง  ก่อนผู้เป็นพ่อจะถอนหายใจ  และค่อย ๆ ดึงตัวลูกเข้ามาสวมกอด

    ส่วนคนถูกกอดกลับแปลกใจอย่างที่สุด  ว่าทำไมพ่อถึงไม่มีท่าทีรังเกียจหรือตกใจอะไรสักนิด  หรือท่านพ่อรู้อยู่แล้ว!?  ตกลง?

                    “ไม่แปลกเลยที่ลูกฆ่าพยัคฆ์เงาได้

                    ไม่แปลก...  ท่านพ่อบอกว่าไม่แปลก  คนธรรมดาฆ่าพยัคฆ์เงาตัวบักเอ้กได้  ไม่แปลก!!

                    คิดแล้วผลุนผันดันตัวออกจากอ้อมกอดพ่อ  ยังไม่ทันที่จะเอื้อนเอ่ยคำถามใด ๆ  ท่านพ่อก็ชิงพูดเสียก่อน  มันเป็นการเกริ่นนำที่สุดแสนจะธรรมดา...

                    “ฟังนะ  ความจริงแล้ว...

     

     

                    ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ  เสียงเคาะประตูดังขึ้น  สร้างความสงสัยให้เจ้าของบ้าน  ด้วยความอยากรู้ว่าใครกันที่มาเคาะประตูดึกดื่นป่านนี้  แถมยังในคืนพายุหิมะอีก  หรือว่า...กองโจรที่กำลังมีข่าวว่าก่อกบฏในตอนนี้!

                    แต่...โจรที่ไหนจะมาปล้นช่างตีดาบกระจอกแถมจนอย่างเขาด้วย

                    ก๊อกๆ

                    เสียงเคาะประตูซ้ำ  ทำให้เจ้าของบ้านเปิดประตูไม้สีน้ำตาลดำเก่าๆ  ออกด้วยความฉงน  และก็ต้องแปลกใจเมื่อกองโจรที่คิดไว้กลับกลายเป็นชายหนุ่มที่อายุน่าจะไม่เกินยี่สิบต้นๆ  แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือร่างของผู้มาเยือนหนุ่มเต็มไปด้วยรอยแผลทั่วตัวและแผลใหญ่ตรงสีข้างที่เลือดสดสีแดงฉานไหลเป็นทางยาวตัดกับผืนหิมะสีขาว  พร้อมกับร่างทารกน้อยผิวขาว...

    ท่าน...  โปรดรับเด็กคนนี้ไว้ด้วย  เธอ..อึก  เธอคือคนสำคัญที่จะนำความสุขมาให้  โปรดเลี้ยงดูเธอด้วย..  ผู้มาเยือนพูดได้เพียงเท่านี้ร่างก็ทรุดลง  เจ้าของบ้านจึงต้องรับเด็กน้อยมาอุ้มไว้อย่างเสียไม่ได้

    ท่านเข้ามาก่อนเถอะ  ดูท่าท่านคงไม่ไหว  เข้ามาผิงไฟก่อนจะได้ดีขึ้น

    คำเชื้อเชิญนั้นได้รับการปฏิเสธเมื่อผู้มาเยือนส่ายหน้าพรืด

    ท่านเอาจดหมายนี่ไป  ขอฝากด้วย  ข้ามาได้เท่านี้แหละ  อึก...

    คำสั่งเสียครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างชายผู้มาเยือนจะเกิดแสงวูบและหายไป  สร้างความตกใจให้เจ้าของบ้านที่ไม่รู้เรื่องอะไรเป็นอย่างมาก

    เด็กคนนี้หรือ  เขาต้องเลี้ยงดูเด็กคนนี้  แล้วจดหมาย...

    ซองสีขาวสะอาดแต่มีเลือดเปื้อนเป็นแถบเล็กน้อย  กับตาประทับวงแหวนสีเงิน  ล้อมรอบด้วยดวงจันทร์สีทองเหลืองสุกสกาว  เพียงแค่ซองจดหมายก็บอกให้รู้แล้วว่าไม่ใช่จดหมายธรรมดาแน่

     

    ถึงท่านผู้รับจดหมาย….

    โปรดรับเด็กคนนี้ไว้ด้วย  เธอคือคนที่จะนำความสุขมาให้ทุกคน

    อีกไม่นานจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่  สิ่งทีทุกคนไม่อยากให้เป็นไป...จะเกิดขึ้น

    เธอคนนี้คือผู้ปกป้อง

    อีกสิบสี่ ปีข้างหน้า...เธอจะเติบโต

    ...ขอฝาก ไรน์ ด้วย

     

                    เนื้อความในจดหมายอาจไม่สามารถสื่อความหมายอะไรได้มากนัก  แต่สิ่งที่ผู้อ่านจดหมายพอจะรู้คือเขาต้องเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้  และอีกสิบสี่ปีเธอจะเติบโตและรับรู้งั้นหรือ

                    แม้จะไม่เข้าใจเท่าไหร่  แต่ความร็สึกลึก ๆ ข้างใน  ก็ทำให้เด็กคนนี้ก็ถูกชะตากับเขาก็แล้วกัน...

     

    พ่อก็เลี้ยงเจ้ามา  หลังจากนั้นพ่อก็เริ่มตั้งตัวได้  เริ่มมีชื่อในการตีดาบ  จนกลายเป็นอันดับหนึ่ง  พ่อมีโชคดีเรื่อยๆ  ตั้งแต่มีลูกมาอยู่ด้วย

                    เรื่องราวที่ออกมาจากปากคนที่เธอเรียกว่าพ่อมาตลอดสิบสี่ปี  ชวนให้มีแต่คำถามในหัวเต็มไปหมด  เธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อ  เธอมาในคืนพายุหิมะ  เธอมาพร้อมกับชายใกล้ตาย  และชายคนนั้นก็หายไปราวกับเวทมนตร์   ...เธอเป็นใครกันแน่  แล้วเนื้อความในจดหมายนั่น

                    อีกสิบสี่ปี..  ตอนนี้ก็สิบสี่ปีแล้วไม่ใช่หรือ

                    พ่อรู้ว่าสักวันเจ้าต้องรู้  พ่อไม่ห้ามถ้าลูก...”  ถ้าเธอจะไปหาความจริง..

                    ข้าขอไป...นะท่านพ่อ

                    “แต่..

                    “ข้าคือใคร  ผู้ปกป้องคืออะไร  ชายที่มอบข้าให้ท่านคือใคร  ความจริงทุก ๆ อย่างที่ข้าอยากรู้    ข้าจะไปหาความจริงปากเล็กเรียวบอกอย่างเด็ดเดี่ยว  แม้นัยน์ตาสีเทานั้นจะวูบไหวไปบ้าง

                    พ่อไม่คิดจะห้าม  แต่ลูกจะไปได้อย่างไร  ในเมื่อ..

                    “ข้าไปได้  ข้าฆ่าพยัคฆ์เงาได้  พลังนั่นของข้าด้วย  ข้าอยากรู้  แม้จะลำบากแต่ให้ตายข้าก็จะไป!!”

                    พ่อถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  มองหน้าลูกสาวที่เพิ่งกล่าวชัดเจนว่าเธอจะไปหาความจริง

                    รู้หรือว่าจะไปที่ไหน

                    “ข้า...ไม่รู้คำถามจากพ่อทำให้ไรน์ตอบกลับไปเบาๆ  ก่อนเม้มปากแน่นด้วยวาจาที่สุดทางจะเถียง  มันยากนักหรือกะอีแค่ตามหาความจริง

                    ฟังนะไรน์  พ่ออนุญาต  แต่พ่อเป็นห่วงลูก  แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่พ่อรักเจ้าหมือนกับเป็นลูกแท้ ๆ ไปแล้ว  การที่จะดึงลูกไว้ไม่สามารถทำได้เลย  เจ้ารั้นแค่ไหนพ่อรู้

                    “...ไม่มีเสียงเล็ดลอดจากปากเล็ก  ภายในดวงตาสีเทานั้นบ่งบอกถึงความเหนื่อยใจน้อยๆ

                    “ตราประทับจดหมายนั่น  พ่อเคยเห็นที่ไหนสักที่  ในเอมิลอส..เบิกตากว้างทันทีที่เด็กสาวได้ยิน              ถ้าลูกไปที่นั่น  ไปเอมิลอส  ลูกอาจจะได้ข้อมูลดีๆนี่คือคำยินยอมของผู้ปกครองกลาย ๆ นี่เอง

                    “ท่านพ่อข้าจะไปที่นั่น  ไปพรุ่งนี้เลย  ข้าขอจดหมายนั่นด้วย!!” เด็กสาวกระโดดกอดจนผู้เป็นพ่อตัวไหว

    อืม  สัญญากับพ่อ  ว่าไรน์  ลูกจะกลับมาอย่างปลอดภัย..

    สัญญา!  ข้าสัญญาว่าจะปลอดภัยกลับมาข้าจะเอาความจริงมาฝากด้วย!”

    ไรน์ยิ้มกว้างแบบที่หาดูได้ยากจากเด็กเงียบๆ  ชวนให้คนที่เห็นรอยยิ้มนั้นเผลอยิ้มตอบไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว

    หากเขาไม่มีเด็กที่ชื่อไรน์อยู่ข้างๆ แบบนี้ในวันต่อไป  เขาคงเหงา  แต่เขาจะไปยื้อยุดเด็กคนนี้ไม่ให้ไปได้อย่างไรกัน

    ขอบคุณนะ  ท่านพ่อ

    คนหัวดื้อยิ้มทั้งน้ำตา  ผู้เป็นพ่อเห็นพลันน้ำตาจะเอ่อล้นไปด้วยจึงดึงลูกสาวเข้ามากอดเนิ่นนาน

    แม้ไม่ใช่ลูกแท้  ตอนนี้ก็เหมือนใช่ไปแล้ว  อีกไม่นานเขาจะไม่ได้กอดลูกแบบนี้อีกแล้ว  ตอนนี้...ขอกอดให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้  ก่อนที่ดวงใจตลอดสิบสี่ปีจะออกไปค้นหาความจริงด้วยตัวคนเดียว...

     

    **********************************
    สวัสดีค่า >0<
    เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกนะคะ  ยังเป็นมือใหม่อยู่ แหะ ๆ ^_^  อ่านแล้ว  รบกวน แนะนำ ติชม  
    จะได้นำไปปรับปรุง
    ถ้ามีคำผิด บอกด้วยนะคะ 

    ฝากคอมเม้นต์นะ!  ขอบคุณค่ะ  ^-^

     

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น