ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #22 : ใจร้าว 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.87K
      18
      3 พ.ย. 60

    สองแม่ลูกเดินออกมาพบกับคาวีกับบุษบาที่ยังรอท่าอยู่นอกบ้าน ผาณิตฝากพลับพลึงไว้กลับทั้งสอง คาวีอาสาไปส่งถึงบ้านสวน ผาณิตขอบคุณแล้วจึงกลับเข้าไปเก็บเสื้อผ้าในบ้านและจะไปบ้านสวนด้วยรถยนต์ที่สามีซื้อไว้ให้ใช้

    พลับพลึงนั่งร้องไห้มาตลอดทาง กระทั่งรถจอดตรงลานดินหน้าบ้านหญิงสาวยิ่งสะอื้นไห้ตัวโยนหนักขึ้น เกิดเรื่องแบบนี้เธอยิ่งคิดถึงผู้เป็นพ่อขึ้นมาจับจิต อยากได้อ้อมกอด อยากได้ยินคำปลอบ อยากให้พ่อสอนหรือพูดอะไรก็ได้ที่ทำให้ใจเธอสงบลง

    คนทุกคนล้วนไม่เหมือนกัน ร้อยพ่อพันแม่จะให้เขาได้ดั่งใจเราทุกอย่างคงเป็นไม่ได้หรอกยายหนู เราแค่อยู่ในที่ของเรา ทำหน้าที่ของเราให้ดี เอาตัวเราเป็นหลักแค่นั้นก็พอ

    ครั้งหนึ่งพ่อเคยบอกเธอแบบนี้ ตอนนั้นพ่อกับเธอถูกยายไล่ออกจากบ้าน แต่หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็มาขอร้องให้พ่อกลับไป ยายไม่ได้ว่ากล่าวอะไรพ่ออีก จนเธอคิดว่ามันจะจบลงแค่นั้น ที่ไหนได้...ตลอดเวลาที่พ่อมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างมันวนเวียนแค่นั้น ดุ ด่า บ่นเรื่องเงินทอง ไล่ออกจากบ้าน ออกปากเรียกให้กลับ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ววนกลับมาที่เดิมไม่รู้จบ กระทั่งพ่อตายนั่นแหละ

    พลับพลึงลงจากรถเบื้องหน้าคือบ้านไม้ยกสูงที่ถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้และพื้นที่สวน มันไม่ได้ใหญ่โต หากแต่มันอบอุ่นอยู่แล้วสบายใจ พ่อชอบเล่านู่นนี่นั่นฟังตลอด ไม่เหมือนตอนที่ไปอยู่บ้านน้านิต ที่นั่นพ่อเป็นเพียงคนอาศัยไม่มีสิทธิ์ออกปากออกเสียง เลิกงานสวนก็ทำเพียงกินข้าวเข้าห้องนอน อาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าดีก็ออกมาแต่เช้าตรู่

    ในตอนแรกหญิงสาวไม่รู้เลยว่าทำไมพ่อกลับบ้านค่ำและออกไปอยู่สวนแต่เช้า พอโตขึ้นถึงได้เข้าใจ บ้าน ของพ่ออยู่ที่นี่ บ้านที่อบอุ่นอยู่แล้วสบาย มันเป็นบ้านของเธอด้วย 

    “พลับพลึง...” บุษบาเรียกคนที่ยืนมองบ้านพร้อมกับสะอื้นแรง

    “หนูคิดถึงพ่อ ได้มาอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกันจ้ะ” ในความเสียใจก็ยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นบ้าง อย่างน้อยๆ ยายก็เป็นคนออกปากไล่เธอเอง

    “โดนถึงขนาดนี้ ยังบอกว่าดีอีก” คาวีที่โมโหจนล่ำๆ จะเดินเข้าบ้านไปห้ามวงเดือนตั้งแต่ทีแรกบ่น ดีที่บุษบายังห้ามเขาไว้ ไม่งั้นวงเดือนกับเขาคงได้ฉะกันวันนี้แหละ

    “ก็มันดีจริงๆ นี่คะ ยายไล่หนูเอง ทีนี้หนูจะไม่ไปไหนอีกแล้ว” หญิงสาวบอกพรางใช้หลังมือซับน้ำตา เสียงสูดน้ำมูกฟุดฟิดยิ่งทำให้คาวีกับบุษบาเอ็นดู

    “คิดได้อย่างนี้ก็ดี ขึ้นบ้านเถอะ...พี่ให้พี่ยมกลับไปเอายาจากฟาร์ม เดี๋ยวพี่จะดูแผลให้ว่าแตกไหม”

    “ไม่เหลือค่ะ ยายตบแรงขนาดนั้น หนูได้ลิ้มรสเลือดตัวเองก็วันนี้เอง” สาวดอกไม้ว่าติดตลกทั้งที่หน้าตายังแดงก่ำ เนื้อตัวยังไม่คลายสะอื้น

    “กับพวกพี่ ไม่ต้องพยายามทำตัวให้เข้มแข็งก็ได้ อยากร้องก็ร้องออกมาได้เลย พอแม่เรามาค่อยแสดงละคร” บุษบากระเซ้าแล้วต้องอุทาน เมื่อถูกสาวอีกคนโถมตัวเข้ากอดพร้อมกับปล่อยเสียงร้องไห้โฮ

    คาวีได้แต่โคลงศีรษะด้วยความเวทนาเหลือแสน ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ที่สั่นเตือนว่ามีข้อความเข้า กัลปพฤกษ์ส่งข้อความหาเขาในช่องแชทนับร้อยข้อความ

    Chilly: ข้อร้องล่ะพี่คาวี ไม่รับโทรศัพท์ผมก็ตอบข้อความผมหน่อย

    Chilly: ยายเอ๋อกลับถึงบ้านปลอดภัยไหม

    เจ้าของฟาร์มมากบารมีที่ได้เจอกับเรื่องบังเอิญของหนุ่มสาวดอกไม้ ยกโทรศัพท์ถ่ายรูปกดส่งให้ญาติผู้น้องของภรรยา

    Kave: ร้องไห้กระอืดๆ อยู่เนี่ย

    Kave: แต่เขาไม่พูดชื่อนายออกมาสักคำ 

    Kave: ยินดีด้วย สาวไม่โกรธ

    ชายหนุ่มกดยิ้มมุมปากเมื่อเห็นหน้าจอขึ้นคำว่าอ่านแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับมา แต่ไม่ถึงนาทีโทรศัพท์เครื่องบางก็แผดร้อง หน้าจอโชว์ชื่อคนที่เขาเพิ่งส่งข้อความหา

     

    ไม่ถึงชั่วโมงผาณิตก็มาถึงบ้าน สีหน้าที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักและรอยช้ำที่แก้มเหมือนกับเธอเปี๊ยบ ทำให้พลับพลึงถลาเข้าไปกอดผู้เป็นแม่

    “ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนยายหนูนะคะ” ผาณิตกอดลูกสาว หันไปขอบคุณผู้มีพระคุณทั้งสอง เธอเกือบเดินทางคลาดกันกับลูกเสียแล้ว ถ้าคาวีไม่รีบมาบอกเสียก่อนว่ายายหนูกำลังขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน แม่กับเธอเลยรออยู่บ้าน แต่ไม่คิดว่าน้องสาวจะเป็นฝ่ายโทรศัพท์หาผู้เป็นแม่ก่อนพลับพลึงจะถึงบ้าน

    ผาณิตไม่เชื่อที่วรนิตพูดสักคำเดียว ไม่แม้แต่จะพูดคุยกับน้องสาวที่ขอพูดกับเธอด้วย เธอยอมให้วรนิตพูด ตามสบาย ปล่อยให้ผู้เป็นแม่ด่าทอเธอกับลูกสาว ลามปามไปถึงสามีที่ล่วงลับ

    “ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ...”

    “พี่ขออยู่กับลูกก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะให้พลับพลึงเอาแกงเห็ดโคนไปให้ ชาวบ้านเขาเอามาขายพี่เลยติดมาด้วย”

    “ค่ะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้นะคะน้าอ้อย” บุษบากับสามีลากลับ ส่วนเรื่องที่จะพูดเก็บเอาไว้เวลาเหมาะกว่านี้ 

    “หนูขอบคุณพี่เดหลีกับพี่คาวีนะคะ” พลับพลึงยกมือไหว้ขอบคุณน้ำตานองหน้า รอยช้ำที่แก้มยังไม่เจ็บถึงใจเท่ารอยที่แก้มของแม่ ยายหนอยาย...ทำไมถึงเป็นได้เพียงนี้

    “แม่ไม่เป็นไร” ผาณิตบอกลูกสาวหลังจากแขกลงเรือนไปแล้ว มองดูรอบบ้านพบว่ามันสะอาดเอี่ยม

    “พี่คาวีเรียกคนในฟาร์มมาช่วยจ้ะ” พลับพลึงบอกอย่างรู้ใจ

    “อืม เขาใจดีกับเราจริงๆ” คนเป็นแม่พยักหน้า มองไปรอบบ้านแล้วอดคิดถึงผู้ล่วงลับไม่ได้ หากย้อนเวลากลับไปได้เธอจะทำให้มันดีกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว ปัจจุบันเธอก็จะทำให้ดีที่สุด ผาณิตมองซีกหน้าช้ำของลูกสาว

    “แม่เจ็บไหม”

    “ไม่ เราล่ะ เจ็บมากไหมยายหนู”

    “ฮึก ไม่เจ็บจ้ะ” พลับพลึงสวมกอด ซุกหน้ากับอกผู้เป็นแม่ “หนูคิดถึงแม่มาก”

    “แม่ก็คิดถึงยายหนูเช่นกัน เดี๋ยวไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ กินข้าวกินปลาแล้วมาเล่าให้แม่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น” 

    พลับพลึงนั่งตัวตรงมองผู้เป็นแม่อย่างไม่เชื่อสายตา แม่ทำเหมือนจะปกป้องเธอ แม่ที่เคยเชื่อยายเชื่อน้องสาวตลอดบัดนี้เปลี่ยนไป

    “แม่จะทำหน้าที่แทนพ่อและจะทำหน้าที่ของแม่ที่ควรทำ หนูไม่ต้องกลัวว่าจะโดดเดี่ยว ตราบใดที่ยังมีแม่คนนี้อยู่ ไม่มีใครทำอะไรหนูได้” ผาณิตตบอกตัวเองดังปุๆ อย่างช้ำใจกับสิ่งที่ผ่านมา สามีต้องเสียใจกี่ครั้ง เขาต้องทุกข์กี่หนกับการกระทำของเธอและครอบครัว

    “แม่จ๋า...” พลับพลึงโผเข้ากอดแม่อีกครั้ง คราวนี้หญิงสาวร้องไห้ดังกว่าเดิม ไม่กักเก็บความน้อยใจเสียใจเอาไว้อีกต่อไป ต่อให้แม่กางปีกป้องเธอไม่ได้ แค่แม่พูดขึ้นมาแบบนี้เธอก็พร้อมจะปกป้องแม่เช่นกัน

     

    พลับพลึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผาณิตฟัง หญิงสาวเล่าถึงผู้มีพระคุณอย่างกัลปพฤกษ์อย่างไม่ปิดบังด้วย โดยเล่าข้ามเรื่องที่เขาไม่ยอมคืนหนังสือเดินทางเธอเอาไว้ ผาณิตถึงกับน้ำตาตกอีกครั้งหลังจากทราบแผนการของน้องสาว ไม่เคยมีความคิดแบบนี้ในหัวเธอเลย นอกเสียจากน้าหลานมีปากเสียงกัน แล้วพลับพลึงย้ายออกแยกตัวไปเที่ยวคนเดียวก็เท่านั้น

    “แม่ไม่คิดว่านิตจะกล้าทำแบบนั้น”

    “น้านิตพยายามติดต่อหนู ไปดักเจอหนู แล้วพูดขอร้องให้หนูไปคุยกับเจ้าหนี้เขา”

    “ได้ยังไง เป็นหนี้ก็ต้องคุยเอง” ผาณิตที่เชื่อลูกสาวหมดหัวใจแทรกกลางป้องด้วยความโมโห “แบบนี้น้าเรามันคงคิดไม่ซื่อ มันจะขายหลานกิน”

    “แม่เชื่อหนูจริงๆ ใช่ไหม” สาวดอกไม้ถามเสียงปนสะอื้น

    “เชื่อสิ แม่เชื่อหนูหมดหัวใจ” ผาณิตดึงลูกมากอดปลอบ “แม่ทำเรื่องแย่ๆ กับพ่อไว้มากพอแล้ว กับหนูแม่จะไม่ทำผิดซ้ำอีก เชื่อแม่เถอะนะยายหนู แม่จะปกป้องเราเอง”

    “อะไรทำให้แม่เชื่อหนูจ๊ะ”

    “นอกจากว่าเราเป็นลูกแม่แล้ว แม่เชื่อเพราะนิตเป็นน้องแม่ แม่เห็นนิสัยเขามาแต่เล็กแต่น้อย เมื่อก่อนแม่ไม่กล้าเถียงยาย แม่กลัวยายไม่รัก แต่ตอนนี้...” หญิงวัยกลางคนหยุดพูดเพราะจุกตันที่ลำคอ “แม่กลัวยายหนูไม่รักแม่ พ่อจากเราไปแล้ว ถ้าแม่ไม่ปกป้องหนู อยู่ข้างหนู”

    “แม่จ๋า...หนูคิดถึงพ่อ”

    “แม่ก็เหมือนกัน แม่อยากขอโทษเขา อยากแก้ไขความผิดทั้งหลาย” 

    ตั้งแต่สามีล่วงลับ ผาณิตก็จมกับความทุกข์อยู่เงียบๆ เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาผุดขึ้นเป็นระลอก ความเสียใจเหมือนยาสลายม่านหมอกที่บังตา ผาณิตได้เห็นว่าใครที่รักและหวังดีกับเธอ ไม่ใช่วงเดือนไม่รักลูก แม่รักลูก...เพียงแต่รักไม่เท่ากัน เอ็นดูต่างกันต่างหาก ส่วนพิธานมีแค่เธอกับลูกเท่านั้น แต่เธอกลับยกแม่เป็นใหญ่ ให้แม่ดุด่าว่ากล่าวเขา โดยที่เธอออกปากห้ามเพียงเล็กน้อย ขนาดเขาถูกไล่ออกจากบ้าน เธอยังเลือกอยู่ที่บ้านนั้นเพื่ออยู่เป็นเพื่อนแม่

    “พ่อรักแม่นะจ๊ะ รักมาก... พ่อบอกกับหนูตลอด” ช่วงเวลาที่พ่อลูกได้มาอยู่บ้านสวนเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด

    “แม่ก็รักพ่อ รักยายหนูที่สุด ต่อไปนี้เราอยู่ที่นี่นะ อยู่บ้านพ่อ แม่เชื่อว่าเขายังไม่ไปไหน เขาห่วงแม่ห่วงยายหนู” ผาณิตบอกทั้งน้ำตา

    “จ้ะ ถ้าน้านิตมา แม่ไม่ต้องไปเถียงเขา เดี๋ยวหนูจัดการเอง” พอแม่เข้าข้างหน่อย ใจพลับพลึงมาเป็นกองโต ถ้าวรนิตไม่หยุดใส่ร้ายเธออีก เธอจะจัดการผู้เป็นน้าให้เด็ดขาด 




    ผู้โชคดี ติดต่อทางเพจตามลิ้งหน้าหลักนิยายนะค้า

    Angangkana < My.iD >

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×