ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #15 : ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.61K
      15
      22 ต.ค. 60

    7

    ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

    กัลปพฤกษ์นั่งกอดหลังพิงผนักหัวเตียงฟังเสียงหวานเจื้อยแจ้วถึงผู้เป็นพ่ออย่างมีความสุข แม้ดวงตาใสซื่อจะมีม่านบางๆ ฉาบให้ดูเศร้าสร้อย ทว่าน้ำเสียงและสีหน้าของหญิงสาวยังเจือไปด้วยความสุข ชายหนุ่มทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี จะถามเมื่อเธอหยุดพูดหรือทำท่าเหมือนอยากให้เขาถามเท่านั้น

    หญิงสาวเล่าถึงพิธานผู้เป็นพ่ออย่างมีความสุข ชายผู้ล่วงลับสามารถทำสวนปลูกผักปลอดสารพิษเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นอย่างดี พลับพลึงเล่าว่าที่บ้านไม่เคยขาดเขินเรื่องเงินทอง พ่อทำบัญชีเองทุกอย่าง ส่วนแม่อยู่บ้านทำงานบ้านเลี้ยงลูก ชีวิตครอบครัวหญิงสาวมีความสุขดีทุกอย่าง

    กัลปพฤกษ์ลอบสังเกตตอนหญิงสาวเล่าถึงยายกับผู้เป็นน้าสั้นๆ ดูเหมือนสองคนนี้จะไม่ใช่คนโปรดของยายเอ๋อ เธอถึงได้เล่าข้ามๆ ไปแบบนี้ มีเพียงเรื่องของพ่อเท่านั้นที่เล่ายืดยาว เล่าเท่าไหร่ก็ไม่จบสักที

    “อยากทำสวนเหมือนพ่องั้นเหรอ” ชายหนุ่มถามหลังจากที่หญิงสาวเล่าถึงความฝัน พลับพลึงอยากเป็นเกษตรเหมือนผู้เป็นพ่อ อยากสานต่องานในสวน ดวงตาสีเปลือกไม้กวาดมองรูปร่างของสาวถึกที่มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง หากว่าผิวเนื้อขาวๆ ต้องไปตากแดดตากลมคงไม่ใช่เรื่องดี

    “ใช่ค่ะ หนูอยากทำ” คนที่โตมาในไร่ในสวนแต่ถูกยายกับแม่ห้ามไม่ให้ไปคลุกคลีมากนักบอกเสียงหนักแน่น ลับหลังยายกับแม่พ่อแอบสอนงานในสวนให้เธอฟังเสมอ พ่อว่ารู้เอาไว้ดีกว่าไม่รู้ หากวันใดวันหนึ่งเธอไม่มีเงิน อย่างน้อยๆ ก็ปลูกผักกินเองได้

    มีครั้งหนึ่งยายบังเอิญมาเจอพ่อสอนเรื่องการปลูกผัก ยายดุพ่อเป็นการใหญ่ หาว่าพ่อสอนลูกให้ใฝ่ต่ำ พลับพลึงที่ยังเล็กนักร้องไห้ถึงสองวัน พ่อต้องเฝ้าพร่ำปลอบว่ายายเข้าใจผิด พ่อไม่ได้อยากให้ลูกทำสวนทำไร่ เพียงแต่อยากให้เธอได้รู้เอาไว้

    “ทำอย่างอื่นเถอะ” กัลปพฤกษ์ออกความเห็นหลังจากใจตุ้มๆ ต่อมๆ กับสีหน้ามุ่งมั่นของหญิงสาว

    “เช่นอะไรคะ”

    “ซักผ้า หุงข้าว อ่านหนังสือแล้วก็ชอปปิงไง”

    สาวดอกไม้ที่นั่งอยู่อีกด้านของเตียงเผลอส่งค้อนปะหลับปะเหลือกให้เขา

    “แบบนั้นต้องหาสามีรวยๆ เลี้ยงแล้วค่ะ”

    “อืม”

    “อืม...อะไรคะ” หญิงสาวทวนถาม อะไรคือการพยักหน้าแล้วตอบ อืม สั้นๆ

    “ก็ใช่ไง ท้องยุ้งพุงกระสอบแบบเราต้องหาสามีรวยๆ เท่านั้น”

    คราวนี้หญิงสาวเป็นฝ่ายพยักหน้าบ้าง ดวงตาใสซื่อทอประกายวาววับก่อนมุมปากจะกดลึกเป็นรอยยิ้ม

    “เจ้าของบ้านหลังนี้เขายังโสดไหมคะ”

    กัลปพฤกษ์ทำหน้าเหวอที่จู่ๆ หญิงสาวก็เปลี่ยนเรื่องพูดหน้าตาเฉย แถมยังถามคำถามเหมือนไม้หน้าสามที่ตีแสกหน้าเขาจังๆ อีกด้วย

    “เอ่อ อะแฮ่ม...ก็โสด” ชายหนุ่มกระแอมไอ

    “ก็โสด แสดงว่ายังกล้ำกึ่งระหว่างโสดกับไม่โสด” สาวดอกไม้ทำหน้ามุ่ย ยกแขนขึ้นกอดเหมือนชายหนุ่มบ้าง

    “โสดดด”

    “ไหนบอกก็โสดไงคะ” พลับพลึงถามหน้าซื่อ

    “โสด... โคตรโสดเลยครับ” กัลปพฤกษ์ตอบเสียงจริงจังพร้อมกับถลึงตาใส่ตัวแสบที่กำลังยิ้มเหมือนรู้ทัน

    “แหม ไม่ต้องพรีเซ้นเจ้านายขนาดนั้นก็ได้ กลัวหนูไม่จีบเหรอคะ” หญิงสาวกระเซ้าอย่างทะเล้น ยิ้มแป้นแล้นทำให้อีกคนตกรางวัลเป็นมะเหงกลูกย่อม “โอ๊ย...คุณพริกน่ะ”

    “อยากกวนทำไม ตกลงจะจีบไหม”

    “หะ บ้าสิ” เจอคำถามตรงๆ ทำเอาสาวเจ้าถึงกับเขิน แก้มสาวระบายไปด้วยสีชมพู ตั้งแต่โตเป็นสาวเธอยังไม่เคยคบหาใครเป็นแฟน ประสาอะไรกับการจีบผู้ชายก่อน

    “หน้าแดงเชียว ตกลงไม่เคยมีแฟนจริงเหรอเนี่ย” หนุ่มดอกไม้กระเซ้าอย่างชอบใจ

    “ใช่ค่ะ แต่คนมาจีบน่ะเยอะ” ยายเอ๋อของคุณพริกยังไม่วายคุยโว

    “แน่เร้อ มีคนมาจีบแล้วทำไมไม่มีแฟน”

    “เห็นเอ๋อๆ แบบนี้ หนูก็ช่างเลือกนะคะ”

    “ประมาณสวยเลือกได้อย่างนั้นสิ” คิ้วเข้มเลิกขึ้น ดวงตาทอประกายวิบวับถูกใจ

    “ไม่ใช่ซะหน่อย เพียงแต่หนูไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากกว่า พ่อเคยบอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ต้องรีบ ถึงเวลาก็มาเอง”

    “อืม จริงอย่างพ่อเราว่านั่นแหละ ของแบบนี้บางทีจู่ๆ ก็หล่นตุ้บอยู่ตรงหน้า” ดวงตาสีเปลือกไม้จ้องดวงตาที่ยังคงใสซื่อทว่าพวงแก้มสาวกลับแดงก่ำ

    “พูดเหมือนเสียงกระสอบตก” หญิงสาวฟอดแฟดใส่ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเขินกับคำพูดเขาด้วย

    กัลปพฤกษ์หัวเราะชอบใจ ถึงยายเอ๋อจะไม่บอบบางแต่ก็ไม่ได้อวบอ้วนจนเสียทรวดทรง ในสายตาเขาหญิงสาวมีสัดส่วนที่พอดี ไม่บางหรืออ้วนเกินไป ที่สำคัญไม่จู้จี้เรื่องอาหารการกิน ยกเว้น แค่เรื่องไม่ชอบกินผักเท่านั้นเอง

    “ก็น้องๆ กระสอบนะ”

    คำพูดกินนัยกว้างที่เหมือนพื้นที่กว้างๆ นั้นโอบรอบตัวเธอ ยังให้สาวดอกไม้ใช้หมอนตีเข้าที่ต้นแขนชายหนุ่ม

    “หนูง่วงแล้ว คุณพริกลงไปนอนข้างล่างเลย”

    “เฮ้ยได้ไง บอกแล้วไงวันนี้ให้ทนนอนด้วยกันไปก่อน” ปลาไหลที่ตั้งใจหลอกเลื้อยหญ้าอ่อนโวยวาย

    “ไม่ค่ะ หนูเป็นผู้หญิง หนูไม่นอนเตียงเดียวกับคุณพริก ถ้าคุณพริกไม่สะดวกไปขอนอนบ้านใหญ่ ไม่ก็กลับไปนอนที่ห้องเดิมได้เลย”

    “พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า” ปลาไหลที่ถูกหญ้าอ่อนรู้ทันออดเสียงอ่อน

    “ไม่ได้กลัวคุณพริกทำอะไรซะหน่อย”

    “อ้อ ถ้ากลัวจะละเมอลวนลามพี่ พี่บอกไว้เลยว่าไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ”

    ปากอิ่มอ้าค้างกับประโยคเมื่อครู่ กัลปพฤกษ์ที่อ่อยสุดพลังส่งยิ้มยืนยันว่าพี่ไม่ถือสาหากเอ๋อจะลวนลาม

    “เลิกเพ้อเจ้อแล้วลงไปปูที่นอนได้แล้วค่ะ เมื่อตอนเย็นหนูขอให้พี่จีเอามาใส่ตู้ไว้แล้ว” สาวที่ทันเล่ห์เหลี่ยมพ่อปลาไหลว่าพรางผลักไส กลั้นยิ้มจนปวดกระพุ้งแก้มตอนเห็นสีหน้าอึ้งของชายหนุ่ม

     

    พลับพลึงขอให้สกลขับรถพาไปซื้อของและเธอจะไปเดินเล่นก่อน หญิงสาวอ้างว่าอยากไปซื้อของใช้จำเป็น แป้นกับรุจีออกปากถามว่าอะไร ถ้าเป็นของใช้ส่วนตัวของสตรีทั้งสองมีให้ แต่หญิงสาวปฏิเสธบอกอยากไปซื้อหาเอง รุจีทำท่าจะเสนอตัวมาเป็นเพื่อน หากแต่หญิงสาวออกปากอยากไปเดินถ่ายรูปเล่นคนเดียวบ้าง เธออ้างไปสารพัดจนคนอื่นๆ พากันปิดปากเงียบ

    กัลปพฤกษ์ไปทำงานตามปกติ เมื่อคืนชายหนุ่มปูฟูกแบบพับนอนข้างเตียง เขาบ่นงอดแงดนานนับชั่วโมงจนหญิงสาวผล็อยหลับ รู้สึกตัวตื่นอีกทีตอนชายหนุ่มแต่งตัวเตรียมไปทำงาน รอยยุบพร้อมกับความอุ่นจางๆ จากที่นอนด้านข้างทำให้หญิงสาวติดใจ แต่ไม่กล้าสอบถามเพื่อนร่วมบ้าน

    สกลส่งหญิงสาวลงย่านชอบปิงที่มีผู้คนพลุกพล่านหลังจากนัดเวลามารับกันเรียบร้อย พลับพลึงขอบคุณพร้อมกับเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ หางตาหญิงสาวมองชายร่างสูงใหญ่ที่เดินตามเธออยู่ห่างๆ ผู้ชายคนนี้ลงจากรถคันที่ตามมาตั้งแต่ออกจากบ้าน ลักษณะการมองซ้ายมองขวาบ่อยๆ ทำให้หญิงสาวมั่นใจว่าเป็นท่าทางของบอดีการ์ดมากกว่าผู้ไม่หวังดี

    สาวดอกไม้ทอดถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เธอตั้งใจออกมาแจ้งความเรื่องหนังสือเดินทางหายแล้วเลยไปที่สถานกงสุล อย่างไรเสียผู้เป็นน้าคงไม่ยอมให้มันคืนง่ายๆ ส่วนคุณพริกที่เอาคืนมาให้ไม่ได้ คงอึดอัดและลำบากใจที่จะบอกเธอตามความจริงเช่นกัน ดังนั้นทางนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

    หญิงสาวแวะสั่งกาแฟและนั่งแช่อยู่หน้าร้านราวๆ ยี่สิบนาที ชายต้องสงสัยดังกล่าวก็ยังเดินวนเวียนอยู่แถวนั้น เพียงแต่ทิ้งระยะห่างออกไปกว่าเดิม หากไม่ได้เห็นรถที่ตามมาตั้งแต่หน้าบ้านป่านนี้เธอคงโทรศัพท์เรียกสกลให้มารับ อีกทั้งตอนอยู่ในรถเธอเห็นสกลมองกระจกหลังสองสามครั้ง จนมั่นใจว่ารถคันหลังคงไม่ใช่คนร้าย เพราะไม่อย่างนั้นสกลคงไม่ปล่อยให้เธอลงง่ายๆ

    เดินเตร็ดเตร่ถ่ายรูปเที่ยวอีกพักจึงตรงไปซุเปอร์ฯ ซื้อของใช้บางอย่างเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย หญิงสาวหยิบซองที่มีเงินปึกหนึ่งพร้อมกับบัตรเครดิต แก้มสาวร้อนผะผ่าว เลือดในกายสูบฉีดแรง

    เงินเดือนพี่ออก ในนี้มีบัตรเครดิตด้วย อยากได้อะไรก็ซื้อเลย

    เขายื่นมันให้เมื่อเช้าแล้วรีบออกไปทำงานโดยไม่รอฟังคำทักท้วงจากเธอ เห็นจำนวนเงินลมแทบจับแล้ว การ์ดสีทองเนี่ยทำให้อยากสลบ บางทีพลับพลึงก็อยากลองรูดมันดูบ้าง อยากรู้ว่าจำนวนเงินในบัตรมันจะสักแค่ไหนกัน พอให้เธอซื้อรถสปอร์ตคันหรูเหมือนในโรงจอดรถได้ไหม

    “เล่นละครไม่เก่งเหมือนกันทั้งเจ้านายลูกน้อง” หญิงสาวบ่นเสียงไม่จริงจัง ทุกครั้งที่คิดอยากหาเหตุผล เธอก็ผลักไสความคิดนั้นออกไปจากหัว ไม่ว่าเขากำลังทำเพราะอะไรก็ตามแต่ เธอจะไม่สนใจเพราะอย่างไรเขาก็คือผู้มีพระคุณที่คอยช่วยเหลือเธอในทุกเรื่อง

    หญิงสาวมาถึงบ้านดอกไม้ตอนบ่ายแก่ๆ ระหว่างทางเธอเห็นรถต้องสงสัยคันดังกล่าวตามมาด้วย รุจีกระวีกระวาดเข้ามาช่วยถือของ แป้นสอบถามอย่างใจดีว่าจะกินอะไรไหม ความเอาใจใส่ของทุกคนทำให้สาวดอกไม้ซาบซึ้งใจ หญิงสาวขอมาการงที่คุณพริกทำกับชาร้อนอีกแก้วก่อนจะขอตัวไปโทรศัพท์หาทางบ้าน


    ผู้โชดดีแจ้งตอนหน้านะค้า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้า

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×