ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #12 : คุณพริกสายเปย์ 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.63K
      21
      19 ต.ค. 60

    ฝ่ายคนติดประชุมสอบถามความเรียบร้อยกับเสี่ยวตง ภายในห้องประธานมีเลขาฯ ทั้งสามคนอยู่พร้อมหน้า กัลปพฤกษ์สบตาไพลินก่อนจะฟังเสี่ยวตงรายงานเรื่องสาวดอกไม้ที่ดูจะชื่นชอบบ้านของเขา

    ไพลินมองเห็นรอยชื่นมื่นกึ่งพอใจบนใบหน้าของเจ้านาย นั่นเป็นบุคลิกของชายหนุ่มอยู่แล้ว กัลปพฤกษ์เป็นหนุ่มอารมณ์ดีมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าวันนี้มีสิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้น บางอย่าง...ที่จริงจัง บางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนใบหน้าดวงตาของชายหนุ่ม

    “จะจ้องอีกนานไหมลิน” ผู้เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนหันมาถามหลังจากเสี่ยงตงพูดจบ ตั้งแต่เข้าประชุมแล้วที่ไพลินลอบมองเขา

    “คุณพริกกำลังทำอะไรอยู่คะ” ไพลินถามไปตรงๆ ยอมรับว่าเมื่อคืนเธอถึงกับนอนไม่หลับ ตรองแล้วตรองอีกจนได้ข้อสรุปสั้นๆ ไม่ว่าเจ้านายจะทำด้วยเหตุผลอันใด ผลสุดท้ายคือมันต้องยุ่งเหยิงกันไปหมดแน่ๆ

    “ช่วยเพื่อนมนุษย์ พอลไม่ได้เล่าเรื่องพลับพลึงให้ฟังเหรอ” คนปากแข็งเลิกคิ้วอย่างสงสัย ไม่เชื่อว่าไพลินจะไม่ซักถามเอาความกับน้องชาย

    “เล่าค่ะ แต่ไม่เชื่อ” เลขาฯ สาวตอบเสียงเรียบ

    “ไม่เชื่ออะไร”

    “ถ้าแค่ช่วยเพื่อนมนุษย์ ให้ลินช่วยอีกคนไหมคะ พาสปอร์ตที่อยู่บนโต๊ะทำงาน ให้ลินเอาไปคืนให้พลับพลึงดีไหม”

    ดวงตาสีฟ้าของสาวลูกครึ่งเหลือบไปยังหนังสือเดินทางที่พักนี้เจ้านายชอบหยิบขึ้นมาดูบ่อยๆ ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นของเขาเสียอีก ไม่คิดว่าจะเป็นของผู้หญิงอีกคน

    “คุณ-พลับ-พลึง” กัลปพฤกษ์บอกเสียงเรียบเย็น สีหน้าท่าทางและน้ำเสียงของชายหนุ่มยังให้เลขาฯ ทั้งสามคนตระหนักถึงความสำคัญของสาวดอกไม้นามพลับพลึง

    “ค่ะ ให้ลินเอาไปคืนคุณพลับพลึงให้ไหมคะ” เพราะเติบโตมาด้วยกัน ไพลินมองแวบเดียวก็ตีเข้าตรงจุดตายของชายหนุ่ม พอลเห็นพี่สาวยังไม่ลามือจึงรีบสะกิด

    “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน” ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววกระด้าง ต่อให้โตมาด้วยกันยังไงเขาก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวเด็ดขาด

    “อ้าว ก็ไหนคุณพริกบอกแค่ช่วยเพื่อนมนุษย์ ลินเลยอาสาอยากช่วยด้วยคน เพราะถ้าเรียกว่าช่วยเพื่อนมนุษย์ ผู้หญิงคนนั้นย่อมไม่ได้สลักสำคัญจนเข้ามาเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณพริกได้”

    “พี่ลิน!” พอลปรามพี่สาวที่ยังล้ำเส้นไม่เลิก

    “ฉันชอบพลับพลึง พอจะเป็นเรื่องส่วนตัวได้หรือยัง”

    คำตอบของชายหนุ่มทำให้เลขาฯ ทั้งสองคนอึ้ง ไม่ได้อึ้งเพราะรู้ว่าชายหนุ่มชอบพลับพลึง หากแต่อึ้งเพราะไม่คิดว่าเจ้านายจะกล้าพูดออกมา เวลาร่วมเดือนถึงชายหนุ่มจะแสดงท่าทางว่าชอบจนถึงขั้นรักแต่ก็ไม่เคยปริปากออกมาสักคำ ซ้ำยังปากแข็งเอาเรื่องช่วยเพื่อนมนุษย์มาพูดบ่อยๆ อีกด้วย ส่วนไพลินอึ้งเพราะตั้งแต่โตมาเธอไม่เคยได้ยินชายหนุ่มพูดว่าชอบใครได้เหมือนในตอนนี้

    “เพราะคุณพลับพลึงสวยน่ารักเหรอคะ” คนที่ได้เห็นรูปสาวดอกไม้จากมือถือของน้องชายที่แอบถ่ายมาถาม

    “ไม่ใช่”

    อีกสามคนเลยพลอยมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในเมื่อเวลาเจอกันมันน้อย ถ้าไม่ชอบเพราะหน้าตาแล้วชอบที่อะไร

    “คุณพริกบอกเหตุผลได้ไหมครับ” พอลออกปากถามด้วยความอยากรู้

    “เพราะยายเด็กนั่นเอ๋อดี” 

     

    “เหตุผลบ้าบอคอแตก เจ้าพ่อเฉิงได้ยินมีหวังเส้นเลือดในสมองแตกตาย” ไพลินบ่นไม่หยุดหลังจากออกจากห้องท่านประธาน สองหนุ่มที่เดินตามมาด้วยต่างสบตากันยิ้มๆ 

    “คุณพริกอาการหนักน่าดู” พอลมีสีหน้าปลงตก ทำใจเรื่องต้องไปเผชิญหน้ากับสาวนามดอกไม้ในตอนเย็น อะไรก็ไม่น่าลำบากใจเท่าบทบาทที่คุณพริกโยนตู้มใส่เขากับพี่สาว

    ลินกับพอลช่วยเป็นเจ้าของบ้านให้ก่อนนะ บ้านพักของลินไม่ได้เก็บของออก ถ้าอยากไปพักก็ทำได้ ฉันบอกพลับพลึงไปแล้วว่าบ้านอีกหลังเป็นของลูกสาวเจ้าของบ้าน

    กัลปพฤกษ์ไม่ได้พูดผิดหรือโกหก บ้านหนึ่งในสองหลังเป็นของลูกสาวเจ้าของบ้านจริง บ้านที่พลับพลึงเข้าพักคือบ้านของพฤกษ์ลดา ส่วนหลังที่ไพลินเป็นของกัลปพฤกษ์ ที่สำคัญหน้าบ้านมีต้นกัลปพฤกษ์ปลูกแสดงความเป็นเจ้าของอยู่อีกด้วย

    “จมปลักอยู่ในห้วงความรักโดยแท้” เสี่ยวตงเองก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีอ่อนอกอ่อนใจเหมือนกัน เขายังต้องสวมบทเพื่อนผู้ตกงานและต้องแวะเวียนคอยทำหน้าที่สารถี

    “เฮียแน่ใจแล้วใช่ไหม คุณพริกรักคุณพลับพลึงเข้าแล้วเหรอ” พอลถามด้วยสีหน้าแหยๆ คิดไม่ออกว่าความแตกแล้วอะไรจะตามมาบ้าง

    “อืม ไม่รักจะลงทุนสร้างเรื่องขนาดนี้หรือไง”

    “คุณพริกเป็นสายเปย์ หล่อสปอร์ตวงศ์บุษบา”

    “ว่าแต่คุณพลับพลึงอะไรเนี่ยอายุเท่าไหร่คะเฮียตง” ไพลินถามเสี่ยวตง

    “ยี่สิบเอ็ด”

    “เฮ้ยจริงดิเฮีย ตอนเห็นครั้งแรกผมนึกว่าสิบเจ็ดสิบแปด” พอลบอกด้วยสีหน้าแปลกใจหลังจากทราบอายุที่แท้จริงของหญิงสาว “แต่ยังไงคุณพริกก็กินเด็ก ห่างกันสิบเอ็ดปีเลยนะ” 

    “มิน่าล่ะคุณพริกถึงบอกว่าเอ๋อ เพราะเด็กมันรู้ไม่ทันปลาไหลแก่ๆ อย่างคุณพริกนี่เอง” ไพลินกอดอกวิจารณ์อย่างไม่ไว้หน้าเจ้านาย

    “แรงอ่ะพี่ลิน”

    “พี่พูดความจริง เด็กนั่นต้องเอ๋อหรือไม่ก็โง่จริงๆ นั่นแหละ”

    “ไว้ไปเจอตัวจริงจะรู้เอง” เสี่ยวตงว่าทิ้งท้ายให้สองพี่น้องสงสัย

     

    พลับพลึงจัดเสื้อผ้าเข้าตู้พรางคิดหาทางไปแจ้งความเรื่องพาสปอร์ตกับไปที่กงสุลไทย เธออยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ความจริงเธอสมควรกลับถึงบ้านตั้งแต่สองสัปดาห์แรกที่มาถึงด้วยซ้ำ นึกถึงใบหน้าผู้มีพระคุณที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแล้วอดหน้าแดงไม่ได้ ก่อนรอยแดงจะลดเลือนแทนที่ด้วยรอยยิ้มเศร้า

    ปัญหาของวรนิตเธอคงปล่อยให้ผู้เป็นน้าแก้ไขเอง เธอแบกรับหรือช่วยแก้ไม่ได้จริงๆ พลับพลึงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับชีวิตเธอ ผู้เป็นน้าคิดได้อย่างไรที่จะให้เธอกับชายแก่คราวพ่อเพื่อชดใช้หนี้ หญิงสาวพยายามคิดหาเหตุผลกระทั่งได้คำตอบ จะคิดได้อย่างไรนอกเสียจากไม่รักไม่เอ็นดู

    หญิงสาวเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าขึ้นมาเปิดดู เธอเพิ่งเปิดเครื่องเมื่อเช้า หลังจากหนีออกจากบ้านผู้เป็นน้า เครื่องที่เธอใช้โทรศัพท์หาแม่กับยายทุกวันเป็นเครื่องที่คุณพริกซื้อให้ใหม่ เมื่อเช้าวรนิตโทร. เข้าเครื่องเธอ อีกฝ่ายยังคงร้องไห้ฟูมฟายกับปัญหาหนี้สิน

    พลับพลึงแกต้องช่วยน้า ดาวิดมันพาลูกน้องมายกของออกจากบ้านน้าแล้ว แกห้ามบอกเรื่องนี้กับยายกับแม่แกด้วย แล้วน้าจะช่วยปิดเรื่องที่แกหนีไปอยู่กับผู้ชาย

    ฟังดูย้อนแย้งกันชะมัด ผู้เป็นน้าขอความช่วยเหลือจากเธอ ห้ามเธอบอกแม่กับยาย แลกกับการที่อีกฝ่ายจะไม่บอกเรื่องเธอหนีมาอยู่กับผู้ชาย มันใช่ที่ไหนกัน! เธอต้องหนีออกมาเพราะรู้ความคิดชั่วๆ ของน้านิตต่างหาก

    ขบคิดจนรู้สึกหดหู่ สาวดอกไม้จึงหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องโทร. ออกหาผู้เป็นแม่ 

    “ว่าไงลูก” เป็นเสียงวงเดือนที่รับสาย

    “แม่ล่ะจ๊ะยาย แม่เป็นอะไรหรือเปล่า”

    “เปล่าๆ แค่ไปเข้าห้องน้ำ ยายเลยรับโทรศัพท์แทน”

    “ยายรู้ด้วยเหรอจ๊ะว่าเป็นหนู”

    “รู้สิ ตรงเวลาเป๊ะเลย แล้วนี่กินข้าวกินปลาหรือยังล่ะ”

    “ข้าวมื้อเที่ยงกินเรียบร้อยแล้วจ้า”

    “พูดเรื่องเวลาแล้วหลงๆ ลืมๆ ยายล่ะนึกว่าที่นั่นค่ำเหมือนกันทุกทีเลย”

    “แรกๆ หนูก็ไม่ชิน ตกค่ำมารังแต่จะอยากโทรศัพท์หาแม่กับยาย พอเทียบเวลาแล้วที่นั่นก็ปาไปดึกดื่นแล้ว หลังๆ เลยต้องโทร. มาตอนบ่ายอย่างนี้ไงจ๊ะยาย”

    “อือๆ ว่าแต่สบายดีใช่ไหม เมื่อไหร่จะกลับบ้าน”

    “ใกล้แล้วจ้ะ คิดถึงยายกับแม่ใจจะขาดแล้ว” หญิงสาวบอกเสียงสั่น

    “ยายเป็นห่วงนะพลับพลึง ไหนตอนแรกจะไปเที่ยวไม่นาน”

    “วีซ่าหนูยังไม่หมด หนูขออยู่เที่ยวต่ออีกหน่อยนะยาย แล้วจะรีบกลับไปหายายกับแม่” สาวดอกไม้ใช้หลังมือปาดน้ำตา รู้สึกเหมือนคนน้ำท่วมปาก ไม่สามารถพูดออกไปได้จนรู้สึกจุกอกไปหมด

    “ยายหลานคุยอะไรกัน” เสียงผานิตดังมาตามสาย วงเดือนยื่นโทรศัพท์ให้ลูกก่อนจะคว้าผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บตรงเองมาซับน้ำตา

    “แม่จ๋า...หนูคิดถึงแม่”

    “เอาอีกล่ะ โทร.มาอ้อนแบบนี้ทุกวัน คิดถึงก็กลับบ้านซะสิลูก”

    “อีกสักอาทิตย์นะแม่ เดี๋ยวหนูจะจองตั๋วกลับบ้านแล้วจ้า”

    “เที่ยวจนเพลินสิท่า” ผานิตต่อว่าเสียงสั่นเทา เบนสายตามองทางอื่นที่ไม่มีผู้เป็นแม่

    “ที่นี่สวยจ้ะ”

    “อืม อย่าเที่ยวจนลืมแม่กับยายล่ะ”

    “ไม่ลืมแน่นอนจ้ะ หนูสัญญาว่าจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด แม่กับยายอย่าห่วงหนูเลยนะจ๊ะ”

    สาวดอกไม้พูดคุยกับผู้เป็นแม่ต่ออีกพักด้วยความสงสัย ตั้งแต่วันที่แม่โทร.หาเธอกลางดึกเมืองไทยซึ่งเวลาที่นี่เป็นช่วงสองทุ่มอาทิตย์ยังไม่ตกดินแล้วที่พวกท่านไม่ได้พูดถึงวรนิตอีกเลย ไม่รู้อีกฝ่ายพูดถึงเธออย่างไร หรือโกหกทั้งสองแบบไหนเรื่องอะไรบ้าง หญิงสาวมั่นใจว่าถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอ แม่กับยายที่เลี้ยงเธอมาจะต้องเชื่อใจเธอมากกว่า

    ข้อความเตือนบนหน้าจอทำให้หญิงสาวปัดความรู้สึกสงสัย ความเศร้าที่ค่อยๆ กินใจ

    Chilly: กินข้าวยัง

    PlabPlueng: เรียบร้อยค่ะ

    Chilly: คนที่บ้านเป็นไงมั่ง

    ใบหน้ามองเศร้ามีรอยยิ้มแต้มแต่งขึ้นมาเล็กน้อย

    PlabPlueng: ป้าแป้นกับลุงกลใจดีมากค่ะ พี่จีก็ด้วย

    Chilly: อือ งั้นเย็นๆ เจอกันนะเอ๋อ

    ตากลมค้อนควับใส่หน้าจอ หญิงสาวส่งสติกเกอร์หัวลุกเป็นไฟให้ชายชายหนุ่ม อีกฝ่ายก็ส่งหัวหอมอมยิ้มจนแก้มแดงกลับมา

    PlabPlueng: ให้หนูทำกับข้าวรอไหม

    Chilly: ไม่ต้อง พักผ่อน อ่านหนังสือนิยายไปโล้ด

    Chilly: หรือถ้าอยากออกไปเที่ยวก็เดินไปบอกลุงกล

    PlabPlueng: ใครจะกล้า มาอาศัยเขาอยู่นะคะ อย่าลืมๆ

    Chilly: อ้อ แต่ถ้าจะไปก็ได้นะ เดี๋ยวโทร. บอกให้

    PlabPlueng: ไม่อยากออกไปเที่ยวแล้วค่ะ

    PlabPlueng: ไว้รอไปโคโมกับคุณพริกแล้วกันเนอะ

    Chilly: โอเคจ้ะ

    Chilly: งั้นตอนเย็นเจอกันนะจ๊ะ ยายเอ๋อของพี่พริก

    หนุ่มพริกสิบเม็ดส่งสติกเกอร์รูปหัวใจเข้ามาในช่องแชทรัวๆ เล่นเอายายเอ๋อของชายหนุ่มหน้าร้อนวาบ หญิงสาวได้แต่ค้อนปะหลับปะเหลือกใส่หน้าจอ รอยยิ้มเศร้าผุดขึ้นในเวลาต่อมา ไม่ว่าเขาจะปิดบังเธอด้วยเหตุผลอันใด เธอก็จะไม่เปิดโปงแผนการของเขา ถ้าเขาไม่คิดทำร้ายหรือคิดไม่ดี เธอก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

    ...เพราะอีกไม่นาน ทั้งเธอและเขาก็ต้องจากกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×