ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสารภาพของฆาตกร ภาค3 (The Message)

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 8 ข้อความที่สาม คำตัดพ้อของคนที่รักคุณ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 379
      11
      31 ต.ค. 54

     

    ตอนที่ 8 ข้อความที่สาม คำตัดพ้อของคนที่รักคุณ
    ความริษยาก็เหมือนพิษร้ายที่กัดกินหัวใจเรา มันจะค่อยๆ สร้างบาดแผลให้หัวใจทีละน้อย แล้วก็ปล่อยให้ใจของเราเจ็บปวดและจมลงสู่ความเศร้าหมองที่มืดมัว มันเป็นบาดแผลที่คนรอบตัวไม่สามารถมองเห็น ไม่สามารถรู้สึก ไม่อาจเข้าใจ และไม่สามารถช่วยอะไรเราได้ เราจะเจ็บปวดเจียนตายไปเรื่อยๆ จนกว่าจะกำจัดพิษร้ายของความความริษยาออกไปจากใจ หรือทำลายต้นเหตุของความริษยานั้นซะเสียงเพลงจากเครื่องขยายดังต่อไปเหมือนไม่สิ้นสุด ผมยกมือลูบไล้เรือนผมยาวสลวยของคนที่นั่งแอบอิงซบบ่าของผมอยู่ หูก็คอยฟังเรื่องที่เธอเล่าเพื่อตอบรับในจังหวะที่เหมาะสม พร้อมกับนึกแผนการณ์ในใจ ทุกแผนล้วนดีเยี่ยม แต่ยังไม่เพียงพอสำหรับความเจ็บปวดที่เธอทำให้แก่ผมในคืนนี้ เธอบดขยี้ความรู้สึกของผม ทำให้ผมรู้สึกที่ผมมีต่อพี่สัมต่ำต้อยด้อยค่า ทำให้ความรักของผมไร้ความหมาย คืนนี้ผมต้องทำให้เมย์เจ็บเหมือนที่ผมเจ็บเป็นร้อยเท่าทวีคูณ และแล้วก็ถึงเวลาทำตามสิ่งที่ต้องการ เมื่อในร้านเริ่มสว่างไสวด้วยแสงไฟ อันเป็นสัญญานที่บอกให้นักเที่ยวทั้งหลายที่ยังอ้อยอิ่งแยกย้ายกันกลับบ้าน
    “ว้า...เมย์กำลังสนุกเลย ยังไม่อยากเลิกสักหน่อย”
    เสียงออดอ้อนดังรดใบหูของผม จนอดที่จะมองหน้าคนพูดไม่ได้ ท่ามกลางแสงสว่าง เมย์ก็ไม่ต่างจากส่วนอื่นๆ ภายในร้าน ตกแต่งด้วยความงดงามที่จอมปลอม ซ่อนความสกปรกโสมมไว้ภายใต้ความสวยที่ปรุงแต่ง
    “ร้านนี้เลิกเราก็ไปต่อที่อื่นได้นี่ครับ ผมยังอยากอยู่กับเมย์นานๆ เหมือนกัน”
    ดวงตาที่สวยเพราะมาสคาร่า หยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ มองหน้าผมอย่างคาดหวัง เมย์ไม่รู้หรอกว่าคืนนี้ผมเองก็คาดหวังจากเธอไม่น้อยเช่นกัน
    “ไปที่ห้องของผมไหมครับ”
    มันเป็นแค่ประโยคหลอกล่อ ผมไม่โง่พอจะพาใครไปที่ห้อง แต่เมย์โง่พอที่จะตกหลุมพรางที่ผมดักเอาไว้ เพราะเธอรีบปฎิเสธทันที
    “ไม่ดีหรอกค่ะ ไปที่ห้องเมย์ดีกว่า อยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
    ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะสบายใจเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่ตัวเองคุ้นเคย ผมรู้ดีพอที่จะโอนอ่อนพร้อมกับดำเนินแผนขั้นต่อไป
    “ก็ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมเอารถไปนะครับ ท่าทางเมย์จะมึนๆ แล้ว”
    “มึนอะไรเมย์ยังไหวอยู่นะ อีกอย่างเมย์ไม่อยากเอารถของเมย์มาทิ้งไว้ที่นี่ จะไปไหนไม่มีรถขับมันไม่สะดวก”
    “โอเค ได้ครับเจ้าหญิง เอางี้นะเดี๋ยวผมขับรถของเมย์เอง ส่วนรถของผมทิ้งไว้ที่นี่ก็ได้ ผมค่อยมาเอากลับพรุ่งนี้แล้วกัน”
    เมย์ตอบรับข้อเสนอนั้นอย่างง่ายดาย มันอาจจะเป็นเพราะเธอเมามายมากก็ได้จึงไม่สนใจรายละเอียดอะไรนัก ผมจัดการจ่ายค่าเครื่องดื่มและอาหารด้วยเงินสด ก่อนจะประคองตัวเธอออกจากร้าน ไปตามแผนที่วางไว้อย่างดี แต่อาจไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเธอ
    ............................................
    สองข้างทางเริ่มปราศจากสิ่งปลูกสร้าง ผมมองด้านข้างของเมย์ที่หลับพิงเบาะทันทีที่บอกทางไปห้องของเธอเสร็จ ผมอิจฉาคนแบบเธอจริงๆ คนที่สามารถมีความรักมากมายแจกจ่ายไปทั่ว คนที่สามารถมอบกายใจให้คนแปลกหน้าได้ ผมใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตเพื่อเรียนรู้ที่จะรักคนอื่น และต้องใช้เวลาอีกค่อนชีวิตถึงสามารถรักตัวเองได้ บางครั้งผมก็ไม่แน่ใจนักว่าผมรักตัวเองจริงหรือเปล่า และความรักที่ผมมีให้แก่พี่สัมเป็นเพียงความหลงไหลหรือไม่ หลงไหลในความเป็นเขา ต้องการเป็นแบบเขา จนอยากได้เขามาครอบครอง จะเป็นยังไงนะถ้าได้เป็นเจ้าของคนที่สมบูรณ์แบบอย่างพี่สัม กายของผมวูบวาบด้วยความคาดหวัง ถึงกายของผมจะเคยถูกครอบครองด้วยใครหลายคนจนเกินกว่าผมจะสามารถจดจำ แต่ผมก็ยังหวังว่าหากเป็นพี่สัม ผมคงจะรู้สึกถึงการเติมเต็มเป็นครั้งแรกในชีวิต
    “หืม...นี่มันที่ไหนน่ะ”
    เสียงงัวเงียที่เปลี่ยนเป็นหวาดระแววข้างตัว บอกผมว่าเมย์ตื่นจากการหลับไหลเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์แล้ว
    “ก็ตามที่เมย์บอกผมไงครับ”
    “ไม่ใช่นี่นา ห้องเมย์อยู่สุทธิสารนะ”
    “ก็ตามที่เมย์บอก ว่าอยากให้ผมพาเมย์ไปสวรรค์ไงครับ”
    ผมเหลือบตามองเมย์ เธอคงเห็นบางอย่างในแววตาของผม ที่มันบอกให้เธอรู้ว่าสวรรค์ที่ผมว่าเป็นนรกสำหรับเธอ
    “ไปสวรรค์หรอค่ะ แหม่...น่าจะบอกเมย์ก่อนนะค่ะ เมย์จะได้บอกทางที่มันใกล้ๆ ให้”
    ต้องนับถือสติและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเมย์จริงๆ ถ้าผมไม่คาดไว้แล้วคงไม่ทันสังเกตมือของเธอที่ค่อยๆ ล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือ
    รถที่เลี้ยวกระทันหันลงเข้าข้างทางเปลี่ยว บวกกับเบรกที่รวดเร็ว ทำเอาเมย์ทรงตัวไม่ทัน เธอใช้สองมือยันแผงคอนโทรลรถ ทำให้ขวดสเปร์ยพริกไทยที่กำลังดึงออกจากกระเป๋าหลุดจากอุ้งมือร่วงหลุดลงบนพื้นรถ ถึงเมย์จะกรี้ดเสียงดัง ผมก็ไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน แต่เพื่อความไม่ประมาทผมจึงดับเครื่องยนต์ ให้ภายในรถมืดมิด เมย์อาศัยจังหวะนั้นปลดเซฟตี้เบล์อย่างรวดเร็วและหันไปเปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว แต่ผมใช้มือซ้ายกดไหล่ซ้ายของเธอให้กลับมานั่งที่เดิม และทำให้หมดฤทธ์ด้วยกำปั้นขวา มันไม่ทำให้สลบแต่ทำให้มึนพอที่ผมจะมีเวลาดึงมีดสปิงออกจากข้อเท้า ก่อนที่เมย์จะทันได้หาทางต่อสู้หรือกรีดร้อง มือของผมก็กดปลายมีดจ่อที่ลำคอของเธอเรียบร้อยแล้ว
    “อยู่นิ่งๆ “
    แม้ดวงตาจะบอกว่าตื่นกลัว แต่เมย์ก็ใช้เวลาแค่กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะถามด้วยอาการที่คุมสติอยู่
    “ใจเย็นๆ นะค่ะ อยากได้อะไรเมย์ให้ได้ทุกอย่างเลย”
    ถ้าอยู่ภายใต้สถาณการณ์อื่นผมคงอดที่จะชื่มชมเมย์ไม่ได้แน่นอน คงมีผู้หญิงไม่กี่คน ที่ถึงจะมีรอยเลือดอยู่มุมปากจากแรงชก ยังนิ่งพอจะบอกให้คนที่ถือมีดจ่อคอตัวเองให้ใจเย็น ผมพยายามลดท่าทางข่มขู่ลง มันคงทำให้เมย์ใจชื้นพอที่จะต่อรอง
    “บอกมาเลยค่ะ ว่าต้องการอะไรเมย์ให้ได้อยู่แล้ว”
    สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช้สิ่งที่เมย์เต็มใจให้อย่างแน่นอน และผมก็ไม่โง่พอจะบอกเธอหลอกว่า ต้องการให้เธอตายอย่างทรมาน
    “อยู่นิ่งๆ นะ ผมแค่ต้องการสนุกกับคุณเท่านั้นเอง”
    มันเป็นความจริงส่วนนึง เพราะผมชอบมากเวลาที่ได้ควบคุมคนอื่นมันทำให้ผมสะใจยิ่งขึ้น เมื่อแน่ใจว่าเมย์จะไม่ขัดขืน ผมก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มือขวาของผมยังจ่อมีดเข้าที่เดิม แต่มือซ้ายจับแขนขวาของเธอรั้งไปด้านหลัง เมย์เหมือนจะรู้ว่าผมต้องการอะไรจึงยื่นแขนขวาไปทางด้านหลัง เธอคงคิดว่าถ้าปล่อยให้ผมมัดเธอไว้ ให้ผมได้ทำกับเธอสมใจ ผมจะใจเย็นลงพอที่จะไม่ทำร้ายเธอ
    การมัดคนโดยใช้มือข้างเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย ผมข้ามคันเกีร์ยแล้วพยายามแทรกตัวไปด้านหลังเมย์ โดยยังรักษามีดให้อยู่ใกล้ลำคอของเธอ เมื่อนั่งอยู่ในท่าเหมาะผมก็ใช้มือซ้ายรวบข้อมือทั้งสองข้างของเมย์ มันเล็กพอที่ผมจะจับเอาไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว จังหวะที่สามารถรวบข้อมือทั้งสองข้างของเมย์เอาไว้ได้ ผมก็ปล่อยมีดในมือเพื่อให้มือขวาว่างพอที่จะช่วยมือซ้ายกระชากแขนทั้งสองข้างของเมย์มาทางด้านหลัง
    “กึก”
    “โอ๊ยย”
    การถูกดึงในท่าที่ผิดธรรมชาติ ส่งผลให้ไหล่ของเธอหลุดออก แต่ยังเหลือแรงพอที่จะดิ้นรนให้พ้นความเจ็บปวด ทั้งที่มือซ้ายยังอยู่จุดเดิม แต่ผมก็สามารถใช้มือขวาเอื้อมไปกระชากสายเซฟตี้เบลล์ของเบาะหลังเพื่อใช้มัดมือเธอได้ มันออกจะทุลักทุเลไม่น้อย แต่มันก็คงดีกว่าปล่อยให้เธอใช้เล็บจิกข่วนผม ให้ตำรวจตามตัวได้ในภายหลัง เมื่อแน่ใจว่าเมย์จะไม่หลุดออกมาได้อีก ผมก็ย้ายกลับมานั่งที่เดิม เพื่อมองใบหน้าของเธอที่ตอนนี้นองไปด้วยน้ำตาและแดงก่ำจากความเจ็บปวด ปากอ้ากว้างแผดเสียงร้องดังไม่หยุดหย่อน
    ผมไม่คิดจะเสียเวลาบอกให้เมย์เงียบ แต่ยอมทนหนวกหูขณะที่สตาร์ทเครื่องพารถเคลื่อนลึกลงไปข้างทาง จนพอใจว่าไม่อยู่ในจุดที่ใครจะสนใจอีกก็ดับเครื่อง หามีดที่หล่นอยู่ใกล้คันเกีร์ยจนเจอแล้วก็ปิดไฟอาศัยเพียงแสงสลัวจากท้องฟ้าทำในสิ่งที่คิดเอาไว้
    “เจ็บ เจ็บ ปล่อยฉันเถอะ ฉันเจ็บ”
    เสียงสบถด่าเมื่อกี้เหลือเพียงเสียงอ้อนวอนปนเสียงสะอื้น ผมวางมีดรอที่แผงคอนโทรลก่อนจะคว้าคอของเมย์กดให้อยู่นิ่งกับเบาะ แล้วใช้สายเซฟตี้เบล์ที่อยู่ข้างเบาะของเธอ รัดลำคอติดกับช่วงต่อระหว่างเบาะกับส่วนรองศรีษะ เมย์ดิ้นตลอดเวลากรีดร้องสลับกับตะโกนด่า เมื่อแน่ใจว่ายึดร่างกายท่อนบนเธอไว้ได้แล้วผมก็หยิบมีดขึ้นมาอีกครั้ง
    “ฉึก”
    “อ้ายยยยยย”
    มีดในมือทิ่มลงไปในหน้าขาด้านขวาจนถึงกระดูก และเพื่อความแน่ใจว่าเมย์จะไม่สามารถใช้ขาข้างนั้นได้อีกผมจึงบิดข้อมือจนเลือดพุ่งออกมารดมือ ก่อนจะดึงออกทิ่มลงไปยังหน้าขาอีกข้าง ขณะที่กำจัดขา เสียงกรีดร้องของเมย์ มันดังจนหูของผมแทบระเบิด ดังนั้นเป้าหมายต่อไปของผมคือการปิดเสียงของเธอ ก่อนที่ตัวเองจะหมดอารมณ์และปล่อยให้เธอได้ไปอย่างสบาย
    ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อื่น ผมลากมีดเล่มเดิมกรีดจากใต้หูขวาผ่านปากที่แหกร้องไปยังใบหูอีกด้าน ขณะผ่านปากเมย์กัดใบมีดยึดไว้แน่น แต่มันไม่ได้ผลเพราะผมยังสามารถเอามีดออกมาด้วยการเฉือนด้านในกระพุ้งแก้มจนมีดทะลุออกมาจนได้ ที่จริงผมอยากตัดลิ้นของเมย์แต่ไม่อยากเสี่ยงล้วงมือไปดึงมันออกมา เพราะเธอคงจะกัดมือของผมอย่างแน่นอน
    “ไง พร้อมจะไปสวรรค์หรือยังล่ะ อยากนักไม่ใช่หรือผู้ชายน่ะ อยากนักก็จะให้”
    คำถามนี้ผมไม่ได้อยากได้คำตอบ แต่ถามเพื่อความสะใจ มันรู้สึกดีที่ได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของเมย์เจ็บปวดเพิ่มจากคำพูดของผม
    ผมไม่ยอมเสียเวลาถลกกระโปรงเมย์หรือดึงกางเกงในออก แต่สอดมีดลงด้านในตัวเสื้อและดึงใบมีดให้มันตัดขาดจากบนลงล่าง ทำอย่างเดียวกับกระโปรงและชั้นใน ไม่สนว่าจะโดนเนื้อเธอมากแค่ไหน บาดแผลมันอาจจะฉกรรณ์ แต่มันไม่ทำให้เมย์ตายก่อนที่ผมจะสมใจแน่นอน ผมต้องได้ระบายความเจ็บปวดของผมออกไป และฝากข้อความถึงพี่สัม
    การข่มขืนไม่ได้หมายึงการปลดปล่อยเพื่อความหฤหรรษ์ แต่หมายถึงการรุกรานเพื่อเอาชนะ การมีความสุขที่เห็นคนอื่นเจ็บปวด ถ้าผมมีศีลธรรมในตัวสักนิด ผมอาจจะสำนึกผิดขณะที่กดกระแทกตัวเข้าไปในร่างกายของเมย์ แต่ผมไม่มีมัน ผมโยนมันทิ้งไปนานแล้ว ผมรู้จักแค่ความสุขทางร่างกาย และไม่สนว่าจะได้มันมาได้อย่างไร
    หลังจากลุกขึ้นจากร่างของเมย์และกำจัดถุงยางออกจากตัว ผมก็เห็นเพียงตุ๊กตาที่หมดสภาพ เลือดไหลนองไปทุกหนทุกแห่ง ขาอ้าออกกว้าง ตอนนี้เธอมีค่าน้อยกว่าตุ๊กตายางตัวนึงเสียอีก วูบนึงผมรู้สึกสงสารเธอ ผมเองก็เคยอยู่ในสภาพนี้ สภาพที่ต้องรองรับอารมณ์คนอื่น ผมรีบไล่ความคิดนั้นออกจากใจ ผมกับเมย์ไม่เหมือนกัน ผมรู้จักเอาชนะ แต่เธอเลือกที่จะปล่อยตัวเองให้เป็นเหยื่อ ต่อให้ไม่ใช่ผม สักวันเธอก็ต้องตายเพราะคนอื่น ไม่ใช้ความผิดของผมเสียหน่อย เมย์ต่างหากที่ผิด ถ้าเธอไม่ไปอ๋อยพี่สัม ผมก็ไม่ต้องทำร้ายเธอ เธอทำร้ายจิตใจของผมก่อน สมควรแล้วที่ต้องโดนอย่างนี้ ใช่ผมไม่ผิด เธอน่ะแหละผิด เธอมันเลว เธอมันสมควรตาย
    ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่เมื่อควานหามีดจนเจอ ผมพบว่ามือของตัวเองกำลังสั่น และมันยิ่งสั่นเมื่อจ่อลงไปตรงลำคอของเธอ แววตาของเมย์ที่จ้องมองผม ผ่านพ้นความเจ็บปวดทรมาน มันกำลังเลื่อนลอยเพราะการเสียเลือด แต่มันทำให้ผมไม่สามารถจรดใบมีดลงไปยังคอของเธอได้
    “ผมขอโทษ”
    ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องพูด มือซ้ายของผมปิดทับดวงตาทั้งสองข้างของเธอ ก่อนจะจรดมีดปาดลำคอ เลือดไหลออกมาพร้อมกับอากาศจากหลอดลม มันยังแรงพอที่จะพุ่งออกมาเป็นสาย เมื่อแน่ใจว่าลมหายใจของเมย์หมดสิ้นไปแล้ว ผมจึงยกมือขึ้นเช็ดมันออกจากใบหน้า และพบว่าน้ำตาของตัวเองกำลังไหล มีดร่วงออกจากมือ เมื่อผมต้องใช้แขนทั้งสองข้างกอดตัวเองเอาไว้ หูของผมได้ยินเสียงคร่ำครวญสะอื้น มันฟังแปลกหูจนผมนึกว่าเป็นเสียงคนอื่น ต้องใช้เวลสักพักถึงได้รู้ว่าเป็นเสียงตัวเองกำลังร่ำไห้ ผมกล่าวขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังขอโทษใคร เมย์หรือว่าตัวเอง
    หลายนาทีหรืออาจเป็นชั่วโมง ผมถึงหยุดหลั่งน้ำตาเหลือเพียงการสะอื้นลมจากการร้องไห้อย่างหนัก เมื่อสามารถคิดอ่านได้ตามปกติอีกครั้ง ผมจึงกดเปิดกระโปรงหลังรถของเมย์ หาอุปกรณ์ที่พอจะใช้ได้ และพบผ้าคลุมรถกันแดด กับผ้าเช็ดรถ ผมเปิดไฟในรถเพื่อเช็ดทุกจุดป้องกันลายนิ้วมือที่อาจมีอยู่ เมื่อเสร็จจากคลุมร่างของเมย์ด้วยผ้าคลุมรถแล้ว ผมก็ขับมันไปจอดในเขตชุมชนที่คนไม่พลุกพล่าน ที่จริงในเวลาตีสามก็ไม่ใช่เวลาที่ใครจะมาเดินเล่นอยู่แล้ว เวลาไม่คอบท่าผมรีบทำตามเจตนาเดิมที่เคยคิดเอาไว้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็เช็ดรอยนิ้วมืออีกรอบ ตรวจเช็คจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรเหลือไว้ให้ตามรอยได้ ก่อนจะทิ้งเมย์เอาไว้แล้วเดินจากมา
    ภายใต้แสงไฟข้างทาง และดวงดาวที่ริบหรี่ ผมเห็นเงาตัวเองทอดยาวอยู่บนพื้น มันเดินตามผมไปทุกที่ ในอกของผมเหมือนเติมเต็มด้วยความว่างเปล่า ผมรู้สึกสูญเสียบางสิ่งในทุกวินาทีที่เคลื่อนผ่านไป แต่ไม่อาจระบุชื่อสิ่งที่เสียไปได้ ยิ่งเข้าใกล้ตัวเมือง แสงยิ่งสว่างมากขึ้น เงาของผมยิ่งจางลง ผมจึงรู้ว่าผมกำลังจะสูญเสียจิตใจของตัวเอง เพราะความต้องการที่ไม่อาจได้มา
    To be continue.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×