ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรแวมไพร์ VS เจ้าชายอสูร

    ลำดับตอนที่ #4 : PART--> 3 (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.69K
      10
      8 ม.ค. 57

                                                       PART  3
                                      เจ้าชายอสูรคนอันตรายหมายเลข 2


                                        







                                 

    "หวัดดีฉันชื่อเซียมซีนะยินดีที่ได้รู้จัก ^___^"
    "
    อื้มจ๊ะ ^_^**"

     
    ยัยเด็กแว่นเอ่ยทักทายฉันด้วยรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้าทันทีที่ฉันหย่อนก้นงามๆลงนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆเธอด้วยท่าทางหวั่นๆส่วนฉันได้แต่ยิ้มแหยๆให้เธอเป็นการทักทายตอบแค่นั้นเอง
       "เธอชื่ออะไรหรอ -O-"
       "
    ต้นหอม -..-"
       "ว้าวชื่อน่ารักจังฉันเซียมซีนะ ^__^"
       "
    อื้มรู้แล้วเธอพึ่งบอกฉันไปเมื่อกี้นี้เอง =O=^^"
       "
    อ้าวหรอโทษทีนะแฮะๆ ^o^"
       "
    นี่เธอไม่กลัวโดนมาร์คัสฆ่าเอาหรอที่มายุ่งกับฉันแบบนี้นะ"
    ฉันถามเซียมซีออกไปด้วยสีหน้ายุ่งๆ เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนี้เอาแต่จ้อถามฉันไม่หยุด  อัธยาศัยดีเกินไปไหม?? เซียมซีที่กำลังหัวเราะแฮะๆให้ฉันถึงกับหยุดหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินคำถามของฉันที่ถามเธอด้วยความกังวลเพราะว่ากลัวเธอจะต้องมีปัญหากับมาร์คัสโทษฐานที่เข้ามายุ่งกับฉันคนที่ถูกเขาหมายหัวเอาไว้แบบนี้ แต่คำตอบที่ได้ทำเอาฉันถึงกับเหวอจนอ้าปากค้าง

      "ไม่อ่ะมาร์คัสเขาไม่ทำอะไรฉันอยู่แล้วเพราะว่าเราสองคนนะเป็นญาติสนิทกัน เน๊อะมาร์คัส ^_______^"
      "
    หุบปากแล้วอยู่เฉยๆไปเลยเซียมซีถ้าไม่อยากเจอดี -*-"
      "อ่ะๆก็ได้ก็ได้ไม่ถามแล้วก็ได้ -O-"
    “นี่ๆต้นหอมเธอย้ายมาจากไหนเหรอ แล้วโรงเรียนเก่าเธอเป็นยังไงบ้าง บลาๆๆ”

    ให้ตายเถอะคำตอบนี้ของเซียมซีทำเอาฉันอยากเอาหัวเขกโต๊ะตายมันตรงนี้เลย ให้ตายเถอะคำตอบนี้ของเซียมซีทำเอาฉันอยากเอาหัวเขกโต๊ะตายมันตรงนี้เลย

     พระเจ้าเกลียดฉันใช่ไหมค่ะ ถึงได้ทำแบบนี้ ส่งฉันมาอยู่กับยมทูตอย่างมาร์คัสยังไม่พอ ยังส่งญาติเขามานั่งอยู่ข้างๆฉันอีก นี่กะจะให้ชีวิตฉันมันดราม่าไปถึงไหน

    ตลอดทั้งคาบเรียนเซียมซีเอาแต่ถามโน่นถามนี่ฉันไม่ยอมหยุดซักที ไม่รู้ว่าเธอไปอัดอั้นตันใจมาจากไหนยัยแว่นนี่ถึงได้คุยเก่งเป็นบ้าถามจ้อไม่ยอมหยุดเล่นเอาฉันถึงกับเหนื่อยตอบคำถามของเธอไปเลยทีเดียว  ส่วนมาร์คัสที่นั่งอยู่ด้านหลังฉันนะเหรอ  หมอนั่นก็เอาแต่จ้องมองเราสองคนที่กำลังคุยกันด้วยแววตาเย็นชาเล่นเอาฉันถึงกับขนลุกนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยทีเดียวนะซิ ขนลุกเป็นบ้า

       "นี่ต้นหอมเธอไปทำอะไรกับมาร์คัสไว้หรอหมอนั่นถึงได้หมายหัวไว้แบบนี้นะ -O-"

       "
    อะอะเอ่อคือเรื่องนั้น"

    ทันทีที่ถึงช่วงพักเที่ยงเมื่อเห็นว่ามาร์คัสเดินออกไปจากห้องเรียนตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการเรียนแล้ว เซียมซีก็รีบจู่โจมถามฉันด้วยคำถามที่ทำให้ฉันอึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก
       "ว่าไงละเธอไปทำอะไรไว้หรอต้นหอมบอกหน่อยซิฉันอยากรู้"
       "กะ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ฉะฉะฉันดันไปเจอเขากำลังมีเรื่องกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งตรงหน้าโรงเรียนเมื่อเช้านี้ก็เท่านั้น"
       "อื้มงั้นหรอกหรอเนี่ยมิน่าละ"
       "ก็เพราะงี้ไงละเขาถึงได้หมายหัวฉันไว้แบบนี้"
    “แต่ปกติเขาไม่เคยประกาศหมายหัวใครแบบนี้นะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นเขาทำแบบนี้”

    “ก็เพราะแบบนี้ไงละฉันถึงได้ซวยแบบนี้ไง”
       "เอาน่าๆไม่ต้องทำหน้าแบกโลกแบบนั้นซิมันไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกน่าอย่าลืมซิว่าตอนนี้เธอเป็นเพื่อนฉันแล้วหมอนั่นไม่กล้าวุ่นวายกับเธอมากหรอกน่า”

    เอ๋ เพื่อนเหรอ นี่ฉันไปเป็นเพื่อนกับเธอตอนไหนเนี่ย เราเพิ่งรู้จักแล้วก็คุยกันได้ไม่ถึงสองชั่วโมงเองนะ  แล้วจู่ๆเธอก็มาบอกว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้ว อะไรของผู้หญิงคนนี้กันเนี่ย ฉันได้แต่มองหน้าเซียมซีด้วยท่าทางแบบงงๆ สรุปฉันไปตกลงเป็นเพื่อนกับเธอตอนไหน ใครก็ได้บอกฉันที

    “เธอก็พูดได้ซิ ก็เธอเป็นญาติเขานี่นา ส่วนฉันนะ ดันเป็นเป้าที่โดนเขาหมายหัวไว้จะไม่ให้ฉันกลัวได้ไงละ”

    “เถอะน่าอย่าไปเครียดเลย เอาเป็นว่าตอนนี้เราไปกินข้าวกันก่อนเถอะฉันหิวแล้ว"

       "ตะแต่ว่าฉัน"

     ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดตอบตกลงหรือปฏิเสธอะไรออกไปก็โดนเธอลากแขนไปยังโรงอาหารท่ามกลางสายตาของเหล่านักเรียนในห้องที่กำลังมองมาที่ฉันกับเธอเป็นตาเดียวซะแล้ว แบบนี้ชีวิตฉันมันก็ยิ่งพินาศไปกว่าเดิมซะซิ

    แต่ว่าอย่างน้อยการได้มากินข้าวเที่ยงกับเซียมซีก็ทำให้ฉันได้รู้อะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน นั่นเพราะเธอจะคอยบอกรายละเอียดกับฉันว่าในโรงเรียนนี้เป็นยังไงกฎของที่นี่มีอะไรบ้าง และที่สำคัญคือรายละเอียดของมาร์คัส ผู้ชายหน้าหล่อแต่ดูลึกลับและน่ากลัวคนนั้น  เซียมซีบอกกับฉันว่าเธอกับมาร์คัสเป็นญาติสนิทกันและบ้านของพวกเขาก็อยู่ใกล้ๆกันด้วยเพราะฉะนั้นเธอจึงไม่กลัวมาร์คัสซักเท่าไหร่และที่เธอเข้ามาตีสนิทกับฉันโดยไม่กลัวมาร์คัสนั้นนั่นก็เพราะเธอบอกว่าเธอรู้สึกถูกชะตากับฉันเป็นพิเศษและอีกอย่างก็คือด้วยเหตุที่ว่าฉันเป็นผู้หญิงคนแรกในโรงเรียนที่มาร์คัสหมายหัวด้วยตัวเองเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของที่นี่ตั้งแต่ที่มาร์คัสเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้เลยก็ว่าได้เลยยิ่งทำให้เธออยากรู้จักฉันมากขึ้น

       "ก็อย่างที่เธอเห็นโรงเรียนนี้มีตัวอันตรายอยู่ทั้งหมดสองคนที่กุมอำนาจของโรงเรียนไว้ทั้งหมด นั่นคือคนแรก มาร์คัสผู้ชายที่พึ่งหมายหัวเธอไว้เมื่อเช้าและถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีเอามากๆก็ตาม แต่ว่าคนอย่างหมอนั่นดันมีจุดอ่อนแปลกๆตรงที่เขาแพ้แสงแดด ทุกครั้งที่โดนแดดแรงๆผิวเขาจะไหม้เป็นรอยแดง ดังนั้นเขาจึงต้องใส่เสื้อแขนยาวตลอดเวลาที่สำคัญเขามักจะปรากฏตัวมาพร้อมกับอีกาฝูงใหญ่อยู่เสมอ  ทุกคนก็เลยขนานนามเขาว่า แวมไพร์ยังไงละ”

      มาร์คัส เทพบุตรแวมไพร์ช่างเป็นชื่อที่เหมาะกับเขาอะไรแบบนี้ผู้ชายที่หน้าตาและนิสัยต่างกันอย่างสุดขั้ว!!!  ฉันได้แต่บ่นชื่อมาร์คัสออกมาเบาๆในใจขณะที่กำลังฟังเซียมซีเล่าประวัติคร่าวๆเกี่ยวกับ ซานตามาเรีย โรงเรียนที่ฉันพึ่งย้ายเข้ามาแห่งนี้  

      "
    ส่วนตัวอันตรายอีกคนนั้นชื่อว่าไนนท์ฉันว่าเธอคงจะเคยเห็นหน้าเขามาแล้วละเพราะทั้งโรงเรียนนี้มีเพียงไนนท์คนเดียวเท่านั้นที่กล้าต่อกรกับมาร์คัส  ไนนท์เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีรูปร่างแสนจะเพอร์เฟกส์ประดุจเจ้าชายในสายตาเหล่าสาวๆและถึงแม้จะมีหน้าตาที่หล่อโฮกก็เหอะนะแต่ว่านิสัยของเขากลับสวนทางกับหน้าตาอย่างสิ้นเชิงเพราะเขาร้ายซะยิ่งกว่าปีศาจซะอีกดังนั้นคนทั้งโรงเรียนจึงตั้งฉายาให้เขาว่า เจ้าชายอสูร ไนนท์ยังมีเพื่อนสนิทที่เป็นเสมือนมือขวาและมือซ้ายของเขาอีกสองคนชื่อมิวส์นิค และ เอลฟ์  และที่สำคัญเธอคงไม่อยากจะเชื่อแน่ๆว่าเมื่อก่อน ไนนท์กับมาร์คัสนะเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน"

     

     

    “เพื่อนสนิท”

    ฉันทวนคำพูดประโยคสุดท้ายของเซียมซีเสียงดังลั่นเพราะยังไม่เชื่อหูตัวเองว่า ไนนท์กับมาคัส สองคนที่ตีกันแทบเป็นแทบตายเมื่อเช้าจะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน แล้วอะไรละ อะไรที่ทำให้เพื่อนสนิทสองคนที่รักกันมากอย่างพวกเขาผิดใจและกลายเป็นศัตรูกันได้ถึงขนาดนี้

    “ใช่แล้วเพื่อนสนิท แต่ว่าเมื่อสองปีก่อน ตอนที่สองคนนั่นเริ่มอยู่เกรดสิบใหม่ๆ เหมือนจะมีเรื่องอะไรซักอย่างเกิดขึ้นแล้วเรื่องนั้นก็ทำให้ทั้งสองคนเกลียดและเข้าหน้ากันไม่ติดมาจนถึงทุกวันนี้”

      ฉันได้แต่พยักหน้าฟังเซียมซีเล่าเรื่องเกี่ยวกับไนนท์และมาร์คัสด้วยสีหน้าแปลกใจและทำใจไปพร้อมๆกัน นี่ตกลงว่าฉันย้ายโรงเรียนมาถูกหรือผิดกันแน่นะ ทำไมมันถึงได้ซวยแบบนี้โดนตัวอันตรายของโรงเรียนหมายหัวไว้ทั้งสองคนเลยแบบนี้ แถมทั้งสองคนยังมีเบื้องหลังการแตกหักที่ดูลึกลับนั่นอีก แล้วแบบนี้ชีวิตแกจะมีความสุขไหมต้นหอม


    ทันทีที่ฉันกับเซียมซีก้าวเท้าเข้าสู่โรงอาหารพวกเด็กนักเรียนที่อยู่ภายในโรงอาหาร แม่ค้า ภารโรง ไม้เว้นแม้แต่แม่บ้านต่างพากันหันมามองฉันกับเซียมซีเป็นตาเดียวนี่แสดงว่าข่าวเรื่องที่มาคัสหมายหัวฉันไว้ดังไปทั่วโรงเรียนแล้วหรอเนี่ยอะไรมันจะเร็วซะขนาดนี้

       "เอาน่าต้นหอมเรื่องมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกน่าไม่เห็นต้องทำหน้าอมทุกข์แบบนั้นเลย -O-"

      
    เซียมซีหันมาพูดกับฉันด้วยท่าทางเป็นห่วงก่อนจะเอื้อมมือมาตบที่หลังฉันเบาๆเพื่อให้ฉันรู้สึกสบายใจมากขึ้นกว่าเดิม ขอบใจนะเซียมซี แต่ว่ามันไม่ได้ช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเลย

       "เธอก็พูดได้ซิเซียมซีก็เธอเป็นญาติของมาร์คัสนี่นา อีกอย่างเธอไม่ได้โดนเขาหมายหัวไว้แบบฉันนี่ถึงจะได้ไม่ต้องกลัว"

        "มันก็ใช่เรื่องนั้นนะ แต่ว่าเธอรู้ไหมครั้งแรกที่ฉันได้ยินมาร์คัสตะโกนลั่นกลางห้องเรียนเรื่องเธอนะฉันถึงกับตกใจมากเลยรู้ไหม"

        "แหงละไม่ตกใจซิแปลกขนาดมิสซิสแอนยังอึ้งเลย"

        "ก็จะไม่ให้ฉันตกใจได้ไงนี่มันเป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้ยินมาร์คัสเขาหมายหัวผู้หญิงด้วยตัวเขาเองนะ"

        "พูดแบบนี้จะให้ฉันขอบคุณหมอนั่นใช่ไหมที่เขายอมหมายหัวฉันด้วยตัวเองนะ"

         "ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซักหน่อยเธอก็ ดูซิทำหน้าจะเป็นจะตายอีกแล้วเนี่ยต้นหอม"

    เซียมซีเอ็ดฉันเสียงดังทันทีที่เห็นว่าฉันยังคงมีสีหน้าอมทุกข์จะเป็นจะตายไม่หยุดก็แล้วเธอจะไม่ให้ฉันเป็นทุกข์ได้ไงเล่นโดนมาร์คัสหมายหัวไว้แบบนี้แถมยังโดนคนทั้งโรงเรียนเขม่นอีก


         "เอาน่าๆมาคัสเขาไม่ทำอะไรรุนแรงอย่างที่เธอคิดหรอกต้นหอมหมอนั่นนะแมนพอเชื่อฉันซิ"

          " *O* "

      
    ฉันค่อยๆมีสีหน้าแช่มชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อได้ยินคำพูดของเซียมซีเมื่อครู่แต่ว่าฉันก็รู้สึกสบายใจได้ไม่ถึงห้าวินาทีก็ต้องกลับมาทำหน้าแบกโลกไว้เหมือนเดิมอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของเซียมซีที่พูดตามมา

         " เอ๊ะหรือว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดรึเปล่าเนี่ย  แต่ก็ช่างเหอะน่าอย่างน้อยก็แค่โดนหมอนั่นตามรังควาญกับลงไม้ลงมือนิดๆหน่อยๆแค่นั้นเองไม่เท่าไหร่หรอก -O-"
       
         "
    ห่ะนี่เธอยังจะกล้าบอกให้ฉันสบายใจอยู่อีกหรอเซียมซีไอ้ที่เธอบอกฉันมานะมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลยนะ =O=*"

        "
    เอาน่าแต่เธอก็ยังสบายใจได้เรื่องที่เธอจะไม่โดนเด็กคนอื่นในโรงเรียนแกล้งนี่นาเพราะคนพวกนั้นนะกลัวมาร์คัสจะตายไป -..-"


     ฉันได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเซียมซีก่อนจะเดินก้มหน้าเข้าโรงอาหารเพื่อไปซื้อข้าวแต่ขณะที่ฉันกับเซียมซีกำลังเดินซื้อข้าวอยู่ในโรงอาหาร จู่ๆก็มีเด็กสาวท่าทางจัดจ้านสองคนเดินเข้ามาพูดกับฉันและเซียมซีด้วยท่าทางเหยียดๆ

       "นี่เซียมซีเธอคิดยังไงถึงได้มากินข้าวกับยัยเอ๋อรองเท้าแตะที่โดนมาร์คัสหมายหัวไว้เนี่ย"

       "นั่นซิหรือว่าเธอไม่กลัวมาร์คัสหรอเซียมซีที่มายุ่งกับเหยื่อของเขาแบบนี้แล้วดูยัยนี่แต่งตัวเข้าซิบ้านน้อกบ้านนอกใส่มาเรียนได้ยังไงกันเสื้อผ้าแบบนี้"

     ฉันได้แต่มองทั้งสองคนที่กำลังจิกปากด่าฉันอย่างเมามันส์ด้วยสายตาอึ้งๆก่อนจะก้มมองสภาพการแต่งกายของตัวเองรวมทั้งรองเท้าที่ฉันใส่อยู่ด้วย  แล้วคิดว่าฉันอยากใส่ชุดวอร์มกับรองเท้าแตะลายไอ้มดแดงนี่มาเรียนรึไง ถ้าไม่เพราะเสื้อผ้าชุดเดิมของฉันเปื้อผุ่นกับโคลนตอนที่หกล้มเมื่อเช้านี่ละก็ฉันคงไม่ใส่เสื้อผ้าชุดนี้มาแน่ๆ  ได้แต่ก่นด่ายัยสองคนที่อยู่ตรงหน้าในใจอย่างไม่สบอารมณ์ขณะที่กำลังก้มลงมองดูรองเท้าตัวเองอีกครั้ง  แล้วลายไอ้มดแดงแล้วมันมีปัญหานักรึไงเนี่ยไม่เข้าใจเลย

       "ขอบคุณที่เป็นห่วงนะวิเวียน ครีโอแต่ฉันว่าไม่ต้องก็ได้เก็บความหวังดีของพวกเธอไว้เถอะ อ้อแล้วก็อย่างนะการที่ฉันจะไปไหนมาไหนกับใครไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นเหยื่อของมาร์คัสหรือไม่นะ มันก็เรื่องของฉันพวกเธอไม่ต้องมาเป็นห่วงฉันก็ได้  และที่สำคัญคือถ้าคิดจะจับเขาละก็หัดใช้ความสามารถของตัวเองหน่อยแล้วก็ไม่ต้องมาลากเอาฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยมันวุ่นวายเข้าใจไหม"

       "O{}O"--->ครีโอ

       "O[]O"--->วิเวียน

       "O_O!!!"-->ฉัน

      ฉันได้แต่มองหน้าเซียมซีแบบอึ้งๆเพราะคำพูดของเธอส่วนวิเวียนกับครีโอสองสาวคู่หูก็ได้แต่ทำหน้าเหวอด้วยความตกใจไม่แพ้กันก่อนจะรีบเดิน(อันที่จริงน่าจะเรียกว่าวิ่งซะมากกว่าเพราะมันเร็วมาก)ออกไปจากโรงอาหารด้วยความเร็วอย่างอับอายและเสียหน้า   เซียมซีนี่สุดยอดไปเลยฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กแว่นท่าทางใสๆอย่างเธอจะพูดจาได้เจ็บแสบขนาดนี้ คนเราเนี่ยมองกันแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆด้วยเห็นทีฉันต้องเปลี่ยนทัศนคติในการมองคนใหม่ซะแล้วซิเนี่ย -_-^^^

     

     

     

     

     

     

     

     




























     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×