ตอนที่ 26 : บทที่ ๒๑ พยัคฆ์ร้ายแห่งบรรพกาล (๑) (ฉบับร่าง 100%)
A/N 100% เหนื่อยค่ะ หวังว่าจะอ่านสนุกน้า~
บทที่ ๒๑
พยัคฆ์ร้ายแห่งบรรพกาล (๑)
ฉงฉีส่งเสียงคำรามกัมปนาทเพื่อประกาศเริ่มการฆ่าฟัน เจตนารมณ์แห่งการทำลายล้างดังกึกก้องไปทั่วทุกพิภพ สะท้อนสะเทือนไกลถึงสรวงสวรรค์ มนุษย์เดินดินแลสัตว์ทั้งหลายที่ได้สดับฟังพากันตัวสั่นหวาดกลัวเจียนตาย เทพเซียนผู้สูงศักดิ์ต่างหลบหนีเร้นกาย เหลือเพียงสามจักรพรรดิสี่ราชันสวรรค์และผู้ใกล้ชิดเท่านั้นที่มีท่าทีแตกต่างออกไป
จักรพรรดิมนุษย์จูเก่อเฟยเสวียนประทับยืนอยู่ริมสระน้ำใหญ่ ทางด้านหลังปรากฏเทพพิทักษ์ทั้งสองคอยรับใช้อยู่ไม่ไกล ผิวน้ำเรียบสงบดุจกระจกใสสะท้อนภาพโอรสกิเลนสวรรค์ชัดแจ้ง
จากนั้นมหาบัณฑิตจึงแหงนมองขึ้นฟ้า พยัคฆ์แห่งบรรพกาลห่อหุ้มกายาอยู่ในไอมารโลกัณฑ์จนดูราวกับดวงอาทิตย์สีดำ ประกายรัศมีสีแดงของมันเจิดจ้าเสียดแทงนัยน์ตาดั่งเพลิงนรกที่กำลังแผดเผา
อย่างไม่ต้องสงสัย บัดนี้ทุกดินแดนได้ปรากฏอาทิตย์ทรงกลดสีขาวและดำขึ้นอยู่เคียงคู่กัน ตะวันแห่งความมืดมิดที่มีขนาดใหญ่กว่าสองเท่าตัวกำลังกลืนกินบดบังดวงตะวันที่แท้จริงไปทีละน้อย...
จูเก่อเฟยเสวียนหยักยิ้มบางเบา มือหนึ่งยกกล้องยาสูบขึ้นสูดด้วยกิริยาผ่อนคลาย
เป็นไปตามที่เจ้าทำนายเลยสินะเทพพยากรณ์
ด้านตรงข้ามของสระน้ำปรากฏเงาร่างของสตรีสูงศักดิ์นางหนึ่งนั่งคุกเข่าปลายเท้าราบอย่างสำรวมอยู่
ไกลออกไปยังแดนสวรรค์ ราชันทั้งสี่ต่างก็พุ่งความสนใจไปยังการณ์นี้ไม่แพ้กัน
ราชันกิเลนทอดตามองบุตรชายผ่านคันฉ่องวารีด้วยความห่วงใย ด้านหลังปรากฏราชินีกิเลนทั้งสอง มู่ตานกุ้ยฮวาอุ้มธิดากิเลนน้อยไว้แนบอกในขณะที่ชูเจินอวี้เหวินเพ่งสมาธิทั้งหมดเพื่อควมคุมกระจกวารี
ราชันมังกรเฒ่าบนบัลลังก์มังกรทองคำและเหล่าเชื้อพระวงศ์ในท้องพระโรง ต่างเขม้นมองเหตุการณ์ทะลุผ่านทะเลเมฆาไม่ห่าง บรรยากาศแห่งความโกรธขึ้งฉายชัดจากหลงหวางไห่ นิ้วทั้งห้าจิกที่วางแขนจนเป็นรอยลึกเข้าไป
ราชันเต่าดำแหงนหน้ามองท้องฟ้าเบื้องบนจากใต้ห้วงมหาสมุทร สีหน้ายามปกติที่เคยยิ้มแย้มเป็นนิจบัดนี้กลับเหลือเพียงริ้วรอยเครียดเขม็ง เทพพิทักษ์และข้ารับใช้ต่างล้วนแสดงความกังวล
ราชันหงส์นั่งสงบนิ่งอย่างสง่างามอยู่บนบัลลังก์ นัยน์ตาของผู้ผ่านโลกมาชั่วกัปชั่วกัลป์ที่ประดับอยู่บนดวงหน้าอ่อนเยาว์ฉายแววล้ำลึกใสกระจ่างราวกับห้วงจักรวาลไร้ที่สิ้นสุด
ล่วงลึกเข้าไปยังพิภพมาร เฟิ่งหลันกุ้ยฟางยืนอยู่เบื้องหลังบัลลังก์แห่งจักรพรรดิมาร เฝ้ามองเหตุการณ์จากทวารมิติไปพร้อมกับผู้สูงศักดิ์ท่านอื่น
พระนางผู้เป็นมารดาของกงหยางจื่อหงจับจ้องเย่วเทียนอ๋าวด้วยความชิงชัง
สุดท้าย สู่เบื้องหน้าท้องพระโรงแห่งพิภพเทพ ราชันย์เร้นกายเฮ่อเหลียนหย่งเล่อในชุดผ้าไหมสูงค่าสีนิลกาฬกำลังประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างองอาจ สองตาของผู้ครองฟ้าดินเพียงพินิจโอรสกิเลนผ่านข่ายมนต์สะท้อนมิติด้วยความสนุกสนาน
ไม่คาดว่าเทพอสูรจากบรรพกาลได้ขึ้นมาสู่ห้วงเวลาปัจจุบันทั้งยังต่อสู้อยู่กับกิเลนแห่งหยินและหยางเช่นนี้
ว่าพลางหันไปทางคนสนิทและข้าราชบริพารทั้งหลาย พวกเจ้ามีความคิดเห็นเป็นอย่างไร
เทพพิทักษ์เงาเฮ่อเหลียนหย่งไท่ผู้เป็นน้องชายตอบรับด้วยการเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระคนเย็นชา
หึหึ เห็นทีกิเลนจันทร์ก็คงจะสิ้นชื่อครานี้กระมัง
เบื้องล่างลงมา เทพพิทักษ์ปัญญาไป๋อี้จื่อเคาะพัดผ้าแพรจีบลงบนริมฝีปากเป็นจังหวะแผ่วเบา นัยน์ตาหงส์ยังคงยิ้มแย้มเป็นเส้นโค้งงดงามจนน่าขนลุก ในขณะที่เทพพิทักษ์สงครามเหลาหู่โฮ่วเหรินกลับเพียงยืนอยู่อย่างสงบนิ่งไม่พูดจาเท่านั้น
๏
กิเลนแห่งแสงสว่างและความมืดหารู้ไม่ว่ายามนี้พวกตนอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของบรรดาเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่เหนือสามพิภพสี่เขตแดนสวรรค์ ทั้งสองถูกบังคับให้สนใจเพียงศัตรูตรงหน้า
ฉงฉี เทพอสูรผู้มีรูปลักษณ์ดุจดั่งพยัคฆ์ร้ายสยายปีกสีดำของมันบดบังผืนฟ้า
กิเลนจันทร์แห่งหยินและหยาง สุดยอดสิ่งวิเศษมีชีวิตเช่นนี้คงจะเป็นของว่างที่มีฤทธิ์บำรุงเอาการทีเดียว
ฉงฉีกล่าวด้วยเสียงแหบเครือราวกับคมมีดขูดขีดแผ่นศิลา มันอ้าปากกว้างจนมองเห็นคมเขี้ยวที่ซ้อนกันอยู่สองชั้น
ตูม!!
ลำแสงสีดำพุ่งออกมา โอรสกิเลนรีบเคลื่อนย้ายร่างในพริบตา หลบได้อย่างเฉียดฉิว เทียนหมิงยังคงรู้สึกถึงไอร้อนของลำแสงที่ตัดปาดใบหน้า เส้นผมปอยหนึ่งถูกตัดขาดเป็นเส้นตรงเรียบกริบ
ในจังหวะเดียวกันนั้นเองเทียนอ๋าวได้เหลียวมองไปทางลำแสง เส้นแสงสีดำตัดผ่านทุกสิ่งเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า
พลังทำลายไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย
ฉงฉีชะงักค้างครู่หนึ่งก่อนเอ่ย ว่องไวไม่เลวทีเดียวเจ้าทารกน้อย
มันโก่งคอเกร็งตัวเตรียมปล่อยลำแสงมารอีกรอบ
หึ ลูกไม้เดิมๆ
เทียนอ๋าวแสยะยิ้มทว่าเทียนหมิงกลับมีสีหน้าเคร่งเครียด
อย่าประมาท ทั้งที่ครั้งแรกพลาดแต่มันกลับใช้การโจมตีรูปแบบเดิมแสดงว่าครั้งที่สองอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่
ฉงฉีรวบรวมพลังปราณมาไว้ที่ปาก ไอหมอกแห่งความมืดหมุนวนรวมตัวกันราวกับลูกบอล
เหมือนมันกำลังสะสมพลังเลยนะเกอเกอ แต่ช้าแบบนี้ยังไงพวกเราก็หลบได้อยู่แล้ว
น่าเสียดายที่ไม่มีสิ่งใดง่ายดั่งใจคิด ฉงฉีหรี่ตาลงอย่างรู้เท่าทันเทียนอ๋าว หนามแหลมกลางหลังของมันตั้งชันขึ้นก่อนพุ่งกระจายออกมารอบทิศ หนามขนาดเท่าท่อนซุงนับพันเส้นแปรเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นพยัคฆ์ติดปีกขนาดมหึมาพุ่งเข้าจู่โจมกิเลนทั้งสองอย่างรวดเร็ว
เทียนหมิงรวมพลังลมปราณเรียกกระบี่ธาตุแสงขึ้นมาตั้งรับไว้ได้ทัน ร่างแยกพยัคฆ์สีดำจำนวนนับไม่ถ้วนร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งทั้งยังบินเข้ามาโจมตีไม่หยุด
เทียนอ๋าวบีบอัดพลังปราณเป็นกระบี่คู่แห่งความมืด กำหนดลมหายใจพร้อมตั้งท่าสืบเท้าย่อเข่า แขนขวาเหยียดตรง มือจับกระบี่เป็นแนวขวางกันไว้ข้างหน้า แขนซ้ายยกขึ้นด้านหลัง ข้อศอกงอตั้งฉาก ข้อมือมั่นคงพร้อมวางกระบี่พุ่งออก บังเกิดเป็นปราการไร้ช่องโหว่
กิเลนแห่งความมืดหมุนตัวเข้าฟาดฟัน กงเล็บสีนิลตะปบเข้าที่กลางหน้าผากทว่าเทียนอ๋าวเพียงฟาดกระบี่ผ่ากลางอุ้งเท้านั้น เลือดสีสดกระเซ็นมาเปรอะเปื้อนใบหน้า ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของพยัคฆ์ตามมา
เฮอะ! พวกเดรัจฉาน
เทียนอ๋าวเพียงแต่ยิ้มกว้างอย่างไม่แยแสสนใจ ฟาดกระบี่คู่ตัดศีรษะพยัคฆ์ร้ายสะบั้นขาดจากตัว พยัคฆ์จำแลงที่เหลือกลับไม่กลัวความตายพุ่งเข้าใส่กิเลนแห่งความมืดราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
ร่างอ่อนเยาว์ในชุดสีดำอาบย้อมไปด้วยเลือดสัตว์ร้าย ใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์ยิ้มแย้มอย่างเพลิดเพลินกับการฆ่าฟัน ดูราวกับเทพปีศาจจำแลงกายามากระนั้น
ฝ่ายเทียนหมิงกลับต่อสู้โดยแตกต่างจากน้องชายอย่างสิ้นเชิง
กิเลนแห่งแสงกระโดดเหยียบเมฆา เคลื่อนตัวหลบคมเขี้ยวของฝูงพยัคฆ์สีนิลไปมา เมื่อเผชิญหน้า เทียนหมิงใช้สองมือจับกระบี่ตั้งฉากมาด้านหน้า ท่าร่างเข้มแข็งรัดกุม สองเท้ากระโดดเหยียบขาพยัคฆ์ที่วาดกรงเล็บลงมา แล้วจึงหมุนตัวส่งแรงจากเอวและไหล่สู่สองแขน
ฉึก!!
เห็นเพียงริ้วกระบี่สีเงินสายหนึ่งพุ่งแทงหน้าผากระหว่างนัยน์ตาสัตว์ป่า ปลิดชีวิตพยัคฆ์ทมิฬในกระบวนท่าเดียว
อโหสิด้วย ในสนามรบหากปรานีกับศัตรูก็เท่ากับทำร้ายตนเอง
เทียนหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเมตตา ใบหน้าสงบนิ่ง นัยน์ตาสีเงินหรี่ลงราวกับพระโพธิสัตว์ ทุกครั้งที่ร่างในชุดขาวสว่างของกิเลนแห่งแสงเคลื่อนไหว เหล่าพยัคฆ์จักถูกปลิดชีวิตในชั่วพริบตาแล้วร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าราวกับใบไม้ปลิดปลิว
รอบกายสองพี่น้องปรากฏเงากระบี่สีขาวและดำวาดเป็นเส้นสายงดงามในอากาศ หากนี่เป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง สิบต่อหนึ่ง หรือกระทั่ง ร้อยต่อหนึ่ง กิเลนทั้งสองย่อมคว้าชัยมาได้ไม่ยาก
น่าเสียดายที่พยัคฆ์จำแลงเหล่านี้คือบริวารที่ไม่มีวันหมดของฉงฉี พวกมันที่ตายก็ตายไปแต่ที่เกิดใหม่กลับมีมากกว่า น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟใหญ่ ต่อสู้ได้ไม่นาน ด้วยจำนวนที่มากกว่าฝูงพยัคฆ์จึงเริ่มช่วงชิงโอกาส
เทียนหมิงโดนกรงเล็บอาบพิษร้ายตะปบเฉี่ยวแขน รอยแผลแสบร้อนด้วยพิษกรดเผา เมื่อเสียจังหวะจึงโดนกลุ้มรุมทุกทิศจนแทบไม่เห็นทางออก
เกอเกอ!
เทียนอ๋าวทะยานตัวเข้าไปช่วย เพลงกระบี่คู่ไขว้เป็นกากบาท มือซ้ายฟันตรง อีกมืองัดกระบี่ขึ้นขวา แล้วหมุนตัวฟันรอบวง พยัคฆ์โดยรอบถูกซัดจุดตายจนกระเด็นออกไปทันที แต่พยัคฆ์กลุ่มใหม่ก็เข้ามาแทนที่ไม่หยุด
เทียนอ๋าวระวัง!
เทียนอ๋าวไขว้กระบี่ป้องกันด้านหน้าแต่กลับถูกโจมตีจากมุมอับด้านหลัง พยัคฆ์จำแลงกัดเข้าที่หัวไหล่ คมเขี้ยวจมลึกจนมิด
หนอย!
กิเลนแห่งความมืดรีบแทงกระบี่เข้ากลางนัยน์ตาข้างหนึ่งของมัน เจ้าเสือร้ายร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมเผลอปล่อยปาก
เทียนหมิงไม่ปล่อยให้เสียโอกาส กระโดดเข้าแทงพยัคฆ์ตัวเดิม คมกระบี่นับสิบพุ่งรัวจนเห็นเป็นภาพติดตา กระแทกร่างพยัคฆ์สีดำจนลอยละลิ่วออก ปีกทั้งสองถูกตัดขาด เลือดจากบาดแผลทั่วร่างกระฉูดออกมาราวน้ำพุร้อยสาย
แบบนี้ไม่ดีแน่ เทียนหมิงเผยสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อมองไปยังฝูงพยัคฆ์ที่ไม่มีวันหมด
ชิ เทียนอ๋าวคำรามขัดใจ มือหนึ่งห้ามเลือดพร้อมส่งพลังธาตุกำเนิดเข้ารักษาบาดแผลอย่างลวกๆ
คึคึ ยังเร็วเกินไปที่จะกังวลเจ้ากิเลนตัวน้อย
ฉงฉีเยาะเย้ย มันรวบรวมพลังสำเร็จแล้วในขณะที่กิเลนทั้งสองโดนเบี่ยงความสนใจอยู่
รับมือ!
ลำแสงสีดำคำรบที่สองพุ่งแผ่ออกมาจากปาก แสงแห่งการทำลายล้างแผ่กระจายจากจุดศูนย์กลางเป็นรูปพัด เข้าปะทะกิเลนทั้งสองทันที
เสียงระเบิดตูมดังสนั่นหวั่นไหว แม้กระทั่งพยัคฆ์จำแลงของฉงฉีเองก็ถูกทำลายไปไม่เหลือซาก
เมื่อลำแสงสีดำจางลง ฉงฉีก็อดไม่ได้ที่จะเพลิดเพลินไปกับภาพตรงหน้า
สมแล้วที่ข้าคาดหวังไว้สูง
ท้องฟ้าเวิ้งว้างปรากฏร่างโชกเลือดของกิเลนแห่งแสงอยู่ในข่ายมนต์อารักษ์แปดทิศ แม้พลังหยางขาวสว่างจะทิ่มแทงนัยน์ตาจนต้องหรี่ลง ทว่ากลิ่นคาวเลือดของกิเลนสัตว์เทพผู้บริสุทธิ์นั้นหอมหวนชวนให้ลิ้มลองไม่น้อย
ในขณะที่ฉงฉีกำลังเผอเรอไปกับเหยื่อที่น่าเย้ายวน พลันมันก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
แล้วกิเลนแห่งความมืดเล่า!?
ไม่ทันขาดคำ ประกายแสงสีดำสายหนึ่งก็พุ่งผ่าลงมาจากเบื้องบน เย่วเทียนอ๋าวทะยานตัวลงมาในแนวดิ่งราวกับลูกศร กระบี่คู่ประกบแน่นราวกับหอก
เจ้าเสือตะกละ ถ้าอยากลิ้มรสกิเลนนักล่ะก็ ลองนี่ดู!
อาศัยจังหวะที่ฉงฉีเงยหน้า เทียนอ๋าวพุ่งร่างผ่านคมเขี้ยวสองชั้นเข้าสู่ภายในปากพยัคฆ์ร้าย กระบี่คู่ปักลงบนลิ้นของมันแม่นยำ เทียนอ๋าวอัดพลังปราณแห่งความมืดจนล้นปรี่ ข้อมือบิดกระบี่แล้วกระชากแขนทั้งสองออกเป็นเส้นตรง
อ้ากกก
ฉงฉีกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ลิ้นของมันถูกกิเลนแห่งความมืดตัดขาดเป็นสองส่วน รสชาติเลือดตนเองไหลกลบปาก มันบดเขี้ยวลงทันทีเพื่อกัดเคี้ยวศัตรู ทว่าเหยื่อในปากกลับไม่สิ้นฤทธิ์ ร่างในชุดดำแทงกระบี่คู่ขึ้นด้านบน ค้ำยันไม่ให้ถูกกัดขยี้ จากนั้นจึงโถมร่างมาด้านหน้าจนสุดแรง กระบี่ตัดผ่านเนื้อไร้ปรานี
อั้ก! รอยแผลเหวอะหวะสร้างความเจ็บปวดเหลือแสน
โฮกกก! ฉงฉีคำรามก้องจนอากาศสะเทือน คลื่นเสียงผลักเทียนอ๋าวออกมาทันที
กิเลนแห่งความมืดรีบกระโจนเข้าหาพี่ชาย
เกอเกอเป็นอย่างไรบ้าง ดีที่ท่านไหวตัวทันจนเรามีโอกาสโต้กลับเช่นนี้
เทียนหมิงเพียงพยักหน้า ข่ายมนต์กำลังทำหน้าที่ปกป้องไปพร้อมกับการรักษา เลือดสายหนึ่งไหลย้อมมุมปากแต่กิเลนแห่งแสงกลับมิได้สนใจด้วยกำลังนึกทบทวน
ราชันกิเลนเคยเอ่ยชื่นชมในความใส่ใจเรียนรู้ของบุตรชายคนโตอย่างยิ่งยวด ด้วยความภาคภูมิใจและความรักที่มีต่อบิดา ด้วยไม่อยากทำสิ่งใดให้เป็นที่ผิดหวัง เย่วเทียนหมิงจึงตั้งใจศึกษาสรรพวิชาด้วยความกระตือรือร้นตลอดมา เทียนหมิงรู้สึกขอบคุณบิดาจากก้นบึ้งของหัวใจที่ได้ปลูกฝังนิสัยนี้ให้แก่ตน
ข่ายมนต์อารักษ์แปดทิศคืออาคมชั้นสูงแห่งแดนมนุษย์ที่กิเลนแห่งแสงได้ร่ำเรียนมาระหว่างพำนักอยู่ในพระราชวังหลวงแห่งฉางอันเทียนโกว โดยต้องยกความดีให้แก่เทพพิทักษ์ปัญญาเยี่ยเย่ยิงที่คอยดูแลแนะนำทั้งยังช่วยฝึกสอนเคล็ดลับตำราในหอสมุดหลวงโดยไม่มีปิดบัง เขายังจำคำสอนของเย่ยิงได้ดี
ด้วยพลังฝีมือของท่านในเวลานี้ คงสามารถใช้ข่ายมนต์อารักษ์ปกปักตนเองหรือผู้อื่นได้ครั้งละคนเท่านั้น เพราะฉะนั้นโปรดเลือกโดยใคร่ครวญให้ดี
ในชั่วพริบตาแห่งความเป็นความตายนั้นเอง เทียนหมิงร่ายข่ายมนต์ล้อมรอบเทียนอ๋าวพร้อมส่งน้องชายออกจากรัศมีการทำลาย ในขณะที่ยอมเสียสละป้องกันตนเองทีหลัง ผลลัพธ์จึงออกมาอย่างที่เห็น
ฉงฉีร้องอย่างโกรธแค้น บาดแผลของมันรุนแรงจนไม่สามารถรวบรวมพลังปราณเพื่อยิงลำแสงทำลายได้อีก แต่ใช่ว่าพยัคฆ์บรรพกาลจะสิ้นฤทธิ์ มันสะบัดหนามแหลมคมออกมาไม่หยุดอย่างบ้าคลั่ง น่าแปลกใจที่หนามนั้นมิได้แปรเปลี่ยนเป็นพยัคฆ์จำแลงอีกต่อไป
เทียนอ๋าวกระโดดหลบหลีกพร้อมกับเพ่งสมาธิไปที่นัยน์ตา ใช้เนตรจิตจับการเคลื่อนไหวของพลังปราณในร่างฉงฉี ไอมารวิ่งวนจากทั่วร่างสู่ปลายหางด้วยความเร็วอันน่าตระหนก พลันขนสีดำบนหางของมันก็ตั้งชันจนกลายเป็นหนามแหลมคม หางทั้งเส้นเรืองแสงราวกับเหล็กร้อนแดงจ้า
ดูซิว่าข่ายมนต์ของเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน
ฉงฉีเค้นคำพูดทั้งที่เลือดกบปาก หางที่ตวัดไปมาราวกับแส้ฟาดลงสู่เทียนหมิงทันที ในชั่วขณะที่จะกระทบ เทียนอ๋าวก็พุ่งตัวจากด้านล่างขึ้นมาปะทะ ข้อมือจับกระบี่คว่ำลง ข้อศอกตั้งฉาก แล้วจึงใช้สองแขนเทินกระบี่เป็นโล่รูปกากบาท
แม้จะต้านไว้ได้แต่หางนั้นก็ฟาดลงมาไม่หยุด แขนทั้งคู่ของเทียนอ๋าวมีแต่รอยถูกเผาไหม้ หนามแหลมละเอียดปักแทงทั่วร่าง เทียนหมิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความพิโรธ ในใจพยายามคิดหาหนทางเอาชนะ
เทียนอ๋าวเชื่อใจเกอเกอใช่ไหม?
เทียนหมิงร้องตะโกนก่อนปลดข่ายมนต์อารักษ์แปดทิศพร้อมทะยานร่างขึ้นสูง
ต้านฉงฉีไว้แล้วเกอเกอจะกลับมาช่วยเจ้า
เทียนอ๋าวเพียงยิ้มน้อยๆเป็นคำตอบแล้วพยักหน้า เทียนหมิงจึงพุ่งตัวหายลับไปด้านบนทันที
โดนทิ้งแล้วรึเจ้าหนูน้อย
ด้วยความที่จ้าวพยัคฆ์กำลังโกรธแค้นกิเลนแห่งความมืดมากกว่ามันจึงไม่คิดไล่ตามกิเลนแห่งแสงไป
กินเจ้าก่อนแล้วค่อยกินพี่เจ้าก็ยังไม่สาย
มันกระพือปีกจนเกิดวงล้อมพายุหมุนวนกักเทียนอ๋าวไว้ภายใน
กำแพงลมดีดสะท้อนร่างในชุดสีดำไปมา หางที่ดูราวกับแส้เหล็กเผาไฟตวัดฟาดจากทุกทิศไม่หยุด ทุกครั้งฝากเป็นรอยแผลฉกรรจ์
มองตามไม่ทัน ชิ ฉงฉีร้ายกาจขนาดนี้เลยรึนี่
ยิ่งสู้เทียนอ๋าวก็ยิ่งอ่อนแรง พลังปราณธาตุกำเนิดถูกรีดเร้นออกมาตั้งรับรักษาบาดแผลจนเจียนจะหมด
ในที่สุดฉงฉีก็เลิกเล่นกับเหยื่อ มันฟาดศีรษะเทียนอ๋าวจนหน้าหัน กระบี่ที่ยกขึ้นกันหักเป็นสองส่วน แล้วจึงอาศัยจังหวะที่ชะงักเพียงชั่วอึดใจ ม้วนหางรัดพันเทียนอ๋าวไปทั้งร่าง
เทียนอ๋าวอยู่ในสภาพเหมือนถูกบีบ แขนทั้งสองถูกกดแน่นลงแนบลำตัว ได้ยินเสียงกระดูกตนเองลั่นเปรี๊ยะราวกับจะแตก เลือดสีแดงไหลย้อมจากหน้าผากสู่แก้มจนต้องหลับตาลงข้างหนึ่ง
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีภาพเบื้องล่างคือคมเขี้ยวสองชั้นของฉงฉี ในปากของมันกลบย้อมไปด้วยทะเลเลือด กลิ่นสนิมเหล็กคละคลุ้งจนแสบจมูก ประกายไหววูบจากเขี้ยวคมดูราวกับอัญมณีสีดำ
เกอเกอ
เทียนอ๋าวร้องเรียกเบาๆในขณะที่กำลังจะถูกกินทั้งเป็น
ย้อนกลับมายังเวลาที่เทียนหมิงทะยานตัวขึ้นสูง สูงขึ้นไปสุดขอบฟ้าจนมองเห็นร่างมหึมาของฉงฉีเล็กลงไปถนัดตา ด้านบนแผ่นหลังคือเมฆฝนที่เกิดจากอาเพทร้ายไอมาร สายฟ้าแล่นแปลบปลาบปรากฏเป็นประกายสีเงินแซมเทาสว่างวาบๆไปทั่วผืนเมฆ ละอองฝนกระจายบางเบา
ต้องสูงกว่านี้สินะถึงจะเห็นดวงอาทิตย์
เทียนหมิงปล่อยตัวขึ้นตามแรงลมราวกับว่าวขาดสาย ร่างกายแทรกผ่านปุยเมฆ อัสนีสวรรค์ฟาดผ่าจนเลือดเดือดระอุ ทรมานถึงขั้นไม่อาจบรรยาย สุดท้ายจึงสามารถผ่านทะลุไปถึงดวงตะวัน
กิเลนแห่งแสงนึกทบทวนคุณสมบัติของข่ายมนต์อารักษ์แปดทิศ
ปกป้องคือหัวใจสำคัญ อาคมจะสร้างกำแพงสะบั้นมิติคั่นขวางระหว่างผู้ใช้และปัจจัยภายนอก ไม่มีสิ่งใดสามารถกล้ำกรายหรือเล็ดลอดออกไปได้ ถ้าเช่นนั้นหากลองพลิกแพลงเพื่อใช้กักขังล่ะ?
เทียนหมิงร่ายข่ายมนต์โดยใช้พลังปราณทั้งหมดที่เหลืออยู่ ร่างกายจึงรีบดูดซับพลังทดแทนไม่หยุด กิเลนแห่งแสงมีหยางเป็นธาตุกำเนิด หยางที่ก่อเกิดจากดวงตะวัน
อนุญาตให้พลังสว่างผ่านเข้ามาแล้วกักมันไว้ในข่ายมนต์ พลังที่ไร้ทางออกจึงถูกรวบรวมดูดกลืนมาเป็นของตน เมื่อเทียนหมิงรู้สึกได้ถึงพลังที่เต็มเปี่ยมจนล้นปรี่จึงรีบทะยานร่างกลับลงมาด้านล่างทันที
และนั่นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฉงฉีกำลังจะกัดกินเทียนอ๋าว
เทียนหมิงไม่อาจอธิบายความรู้สึกไหววูบเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกแผ่วเบาของน้องชาย พลังหยางในข่ายมนต์ถูกบีบอัดจนทั่วร่างสว่างไสว กระบี่แห่งแสงปรากฏขึ้นในมือ โดยไม่รอช้าเทียนหมิงถ่ายพลังทั้งหมดลงสู่กระบี่ พุ่งแทงตราประทับคงถงบนหน้าผากฉงฉีทันที
อ้ากกก ฉงฉีกรีดร้อง มันเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งใดจนเผลอคลายหางปล่อยร่างเทียนอ๋าว
เทียนหมิงรีบกระโจนเข้ารับตัวน้องชาย สีหน้ากังวลอย่างที่สุด เทียนอ๋าว เทียนอ๋าว
อา เกอเกอข้านี่ไม่เอาไหนจริงๆ เทียนอ๋าวที่ถูกพยุงอยู่ในอ้อมแขนเอ่ยเบาๆ
ไม่ เป็นเกอเกอที่ไม่ดีเอง เทียนหมิงเม้มปากแน่น พยักพเยิดไปทางฉงฉี
เพราะเกอเกอไม่ยอมตัดสินใจให้เด็ดขาดแต่แรก
เทียนอ๋าวเผยสีหน้างุนงงแล้วจึงเหลียวมองตามสายตาพี่ชาย ตราประทับคงถงบนหน้าผากฉงฉีมีรอยแตกร้าว อักขระสีแดงแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าไหลวนออกมาไม่หยุด
ตราประทับคือแหล่งพลังของฉงฉี ถ้าทำลายมันเราก็มีโอกาสชนะ แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้วก็เท่ากับว่าความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาต้องสูญเปล่าสินะเกอเกอ
ไม่หรอก แบบนี้แหละดีแล้ว ของวิเศษอย่างไรก็หาใหม่ได้ เกอเกอจะไม่ยอมให้เทียนอ๋าวต้องบาดเจ็บมากไปกว่านี้อีกแล้ว
เทียนหมิงเอ่ยด้วยสีหน้ามุ่งมั่นจนน่ากลัว
สายฟ้าสีแดงยังคงทะลักไหลออกมาจากตราประทับคงถงราวกับไม่มีวันสิ้นสุด
นัยน์ตาของฉงฉีเบิกกว้างอย่างตกใจสุดแสน รู้สึกได้ถึงพลังที่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น
ไม่.. ไม่ ถ้าเป็นแบบนี้ข้าต้องถูกผนึกไว้อีกครั้งเป็นแน่ ข้าไม่ยอม.. ข้าไม่ยอมให้จบแบบนี้!
มันตะโกนก้อง นึกแค้นใจที่ประมาทจนถูกกิเลนแห่งแสงโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ก็อับจนหนทางอย่างที่สุด พลังที่เหนี่ยวรั้งมันไว้ในพิภพนี้กำลังจะหมดไป
จบซะทีสินะ ถึงเราจะกำจัดมันไม่ได้แต่เราก็ส่งมันกลับสู่ผนึกบรรพกาลได้
เทียนอ๋าวคล้ายจะถาม เทียนหมิงจึงพยักหน้ารับเป็นคำตอบ
น่าเสียดายที่ใดใดในโลกนี้ล้วนไม่เป็นไปดั่งใจคาดหวัง...
หึหึ โอรสกิเลนช่างไร้เดียงสาเสียจริง คิดว่าเรื่องนี้มาถึงจุดจบทั้งที่ความสนุกพึ่งจะเริ่มต้น
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างไร้น้ำใจ เงาร่างของเฮ่อเหลียนหย่งไท่ปรากฏอยู่เหนือฉงฉี แม้รูปโฉมจะเปี่ยมเสน่ห์ราวกับเทพเซียนสวรรค์ แต่ทว่าความงดงามเหล่านั้นกลับไม่สามารถโดดเด่นเหนือประกายดูแคลนเย็นชาในแววตาสีดำเหลือบน้ำเงินล้ำลึกคู่นั้นได้
--------------------------------------------------
A/N เหตุการณ์ในบ้านเมืองตอนนี้ชวนหดหู่เหลือเกิน ฟาราหยุดอยู่บ้านแต่ก็ไม่มีอารมณ์แต่งนิยายเลยค่ะ >.< แต่ละข่าวฟังแล้วส่ายหน้า อยากให้เรื่องสงบเร็วๆจัง ขอไว้อาลัยและขอบคุณเจ้าหน้าที่ นักข่าว และประชาชนทุกคน
พูดถึงเรื่องนิยายบ้าง ตอนนี้ยาว 120%ทีเดียว แฟนๆหมิงอ๋าวได้อ่านกันไปเต็มๆ ฟาราพยายามเขียนฉากต่อสู้ให้ดูมีมิติ ตื่นเต้นเร้าใจ(ละมั้ง) ก็หวังว่าจะชอบกันค่ะ
ที่วางไว้คงจะอีก 2-3ตอนจบภาคเด็กค่ะ ไม่เกินนั้น ส่วนใครที่อยากรู้ว่าท่านหย่งไท่เค้าโผล่มาทำอะไร ตอนหน้าเฉลย 555 แต่ดูๆแล้วไม่น่าจะมาช่วยหรอกเนอะ หุหุ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะให้เลือดท่วมจอมากกว่านี้หรอคะ ><
อร๊ายๆๆๆ
กิเลนจันทร์กอดกัน..
น่าร๊ากกกกกกกกกก เลือดพุ่งทีเดียว
โฮ!! เห็นสองพี่น้องหมิง-อ๋าวเลือดอาบแล้ว คนอ่านจะร้องไห้~~ TOT
แต่จินตนาการภาพหนุ่มน้อยรูปงามกอดกันเลือดท่วมแบบนี้ก็.... O///O
ปล.เราไม่ได้โรคจิตน้า แต่มัน....จริงๆนี่ ^/////^
กรี๊ด~~ รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อจ้า~~~
รักเทียนอ๋าว - - ปลื้มเทียนหมิง - - แต่อยากกระโดดกอดราชันกิเลนที่สุด~~~ อ้าย~~ \\^O^//
ปลล. ชอบเวลาอ๋าวกับหมิงกอดกัน ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายกอดใคร-ท่าไหนก็เถอะ แต่ว่ามัน....น่ารักมากมายค่า....
สุดแสนจะน่ารักจริงๆ เย้ๆ ในที่สุดก็ได้เม้นท์ซะที
มาต่อไวๆนะคะ ไรเตอร์
และ...
ฮ้า! ในที่สุดท่านผู้นั้น....เฮ่อเหลียนหย่งไท่ของเราก็ได้ออกมาให้ยลโฉมแล้ววว (แม้สักเพียงนิดก็ยังดี หุหุ)
ไม่ได้เข้ามาเล่นคอมสามวันพอมาเล่นอัพเต็มร้อยแล้ว ไม่ผิดหวังที่รอจริงๆ (แต่เกิดอาการค้าง)
ราชันย์เร้นกายมาทำไม หวังว่าคงไม่ได้มาช่วยฉงฉีนะ
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ
ขอบคุณค่ะที่แต่นิยายสนุกๆมาให้อ่านอีกตอน
มาต่อไวๆนะคะฟารา
ป.ล. เซ็งข่าวเหมือนกันค่ะ ตอนนี้เลยเลิกดูไปแล้ว
อัฟแล้ว
อิอิ
เค้าลบเม้นไม่เป็น แต่เหมือนฟาราจะลบได้ ฝากลบทีน้า TT
สงสัยคอมค้างแน่ ๆ แง
ป.ล.ฟารารักษาสุขภาพด้วยน้า เห็นเม้นเมื่อคืนไม่ได้นอน
พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ : )
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 21 พฤษภาคม 2553 / 11:11
ฉงฉีได้แล้วใช่ไหม แต่เทียนอ๋าวมีบาดแผลเต็มตัวเลย
T T ท่านหย่งไท่โผล่มาอีก ไม่ได้มาช่วยแต่คงไม่ได้
มาซ้ำเติมเหมือนกันใช่ไหม T T โฮ ความสนุก
เพิ่งเริ่มต้นมันจะเป็นยังไงกันนะ รออ่านตอนต่อไป ><
ชอบฉากที่เทียนอ๋าวโจมตีฉงฉีตอนแรกมากเลย เห็นภาพ
เป็น 3 มิติขึ้นมาทีเดียว เทียนอ๋าวโจมตีได้โหดมาก 55
ส่วนเทียนหมิงโจมตีไม่โหดแต่รุนแรง สองพี่น้องต้องไม่เป็นไรนะ
รอฟาราอัพตอนต่อไป ฟาราสู้ ๆ > 0 <
ตอนนี้ลุ้นมากมายเลย
เป็นเกมแนวกำลังภายใน ออกแบบจีน
^ ^
อิอิ
50 %
^____________^
ว่าแต่..." อโหสิ" ??
คึคึ!! (ตรูต้องไป...ใช่ไหมเนี่ย?)
50 % เปอร์เซ็นต์แล้ว ฟาราอุตส่าห์อัพให้ ดีใจมากเลย แต่
ทำไมตัดฉับเลย ฮือ ลุ้นยิ่งกว่าเดิมอีก อ๋าวหมิงจะโดนโจมตี
ยิ่งไม่ทันตั้งตัวด้วย อย่าเป็นอะไรน้า อยากบอกว่าตอนต่อสู้
แบบได้อารมณ์มาก แทบจะพุ่งเข้าไปในหน้าจอคอมกันเลยทีเดียว
เห็นภาพขึ้นมาตรงหน้า รอ ๆ ฟาราอัพเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ > <
ไม่ต้องรีบก็ได้น้า ยังไงเค้าก็รอได้ ฟาราสู้ๆ
ป.ล.โรงเรียนจะเปิดแล้ว TTแวะมาดูบ่อย ๆ เหมือนเดิม
ไม่ได้แน่เลย (แต่เราก็จะหาวิธีมาดูทุกวันให้ได้ ><)
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 15 พฤษภาคม 2553 / 23:54
อีกอ่านยิ่งลุ้น กลัวอ๋าวหมิงจะเป็นอะไร T T
แต่ต้องไม่เป็นอะไรใช่ไหม เพราะจะมีภาคผู้ใหญ่อีก ฮี่ ๆ
เห็นฟาราสปอยว่าจื่อหงกับเทียนอ๋าวจะมีดราม่ากันด้วยหรอ 0-0
ในภาคผู้ใหญ่ แล้วงี้เทียนหมิงจะมีดราม่ากับใครด้วยไหมเนี่ย
อยากอ่านตอนโตแล้วน้า อยากอ่านภาคพิเศษด้วย ราชันย์เร้นกายนำอยู่ หุหุ
แต่ก็อยากอ่านเปอร์เซ็นต์ที่เหลือและตอนต่อไป (โลภไปไหน = =')
รอ ๆ ฟาราอัพ ฟาราสู้ ๆ เค้าไม่เร่งแค่รอฟาราอยู่ 555 อ้ะล้อเล่นน้า ><
ป.ล.อยากเล่นเกมส์ต่อสู้มั้งแต่เครื่องพัง T T
รีบปั่นไวๆ อย่ามัวแต่เล่นเกมเก็บข้อมูลจนเพลินน้า
T^T กำลังต่อสู้กับความอยากอ่านของตัวเองอย่างขันแข็ง
จะรอค่ะ ครบ100 แล้วค่อยมาจะได้ไม่ค้าง
(ถึงครบ100 ก็ค้างอยากอ่านตอนต่อไปอยู่ดี)
20 เองอ่ะ > <
เจอคำผิดเล็กน้อย
คำว่า ราชันย์ หมายถึงเชื้อสายกษัตริย์ ส่วน ราชัน แปลว่า กษัตริย์ ครับ