คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #96 : การพูดต่อประชุมชน
ในสังคมประชาธิปไตยคนทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงออกอย่างกว้างขวาง ทำให้มีโอกาสได้พูดในที่ชุมชนด้วยวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป อาจพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึก หรือความต้องการต่อหน้าผู้ฟังเป็นจำนวนมากในสถานที่ส่วนบุคคล หรือในที่สาธารณะผู้ฟังเหล่านั้นอาจเป็นคนที่รู้จักหรือไม่รู้จักกันเลย อาจมีพื้นฐานความรู้ รสนิยม เจตคติต่อผู้พูดหรือหัวข้อเรื่องต่างกันก็ได้
เพราะฉะนั้นปฏิกิริยาตอบสนองที่ผู้ฟังมีจะเกิดขึ้นทั้งในขณะที่ฟังอยู่และเมื่อฟังจบแล้ว ผู้พูดที่ดีจะต้องรู้จักสังเกตและตีความให้ถูกต้องว่าผู้ฟังกำลังตอบสนองอย่างไร เราเรียกการพูดตามที่กล่าวมานี้ว่า “การพูดต่อประชุมชน” และสิ่งที่สำคัญคือสารที่ส่งไป ต้องมีความเหมาะสมเพราะถือเป็นสารที่ไม่จำกัดว่าจะรับฟังได้เฉพาะคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยทั่วไปการพูดประชุมชนนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้แสดงความเห็น ตั้งคำถาม หรือตั้งข้อสังเกตอื่นๆได้
และการที่ผู้ฟังพูดจบแล้วการพูดที่กล่าวมานี้ก็ถือเป็นการพูดประชุมชนเช่นกัน
ประเภทการพูดต่อประชุมชน
- การแบ่งตามวิธีนำเสนอ
1. การพูดโดยฉับพลัน วิธีนี้ผู้พูดไม่ทราบมาก่อน จึงต้องลำดับความคิด และวิธีนำเสนออย่างฉับพลัน เช่น ในงานวันเกิด การชี้แจงต่อที่ประชุม เป็นต้น
2. การพูดโดยอาศัยต้นร่าง วิธีนี้ผู้พูดทราบล่วงหน้ามีเวลาเตรียมการพูด ได้ศึกษาสภาพแวดล้อมและผู้ฟังไว้ก่อน รวมทั้งอาจมีการเตรียมอุปกรณ์ ตัวอย่าง อุทาหรณ์ และซักซ้อมการพูดจนแม่นยำ เมื่อถึงเวลาพูดจริง ผู้พูดอาจดัดแปลงคำพูดเนื้อหาเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ได้
3. การพูดโดยท่องจำมา วิธีนี้ผู้พูดจะเตรียมเนื้อหา และท่องจนจำได้ขึ้นใจ ซึ่งจะทำให้ใช้เวลามากและไม่เป็นธรรมชาติ การที่จะทำให้ฟังดูเป็นธรรมชาตินั้นต้องได้รับการฝึกฝนและมีประสบการณ์ในการพูดเป็นอย่างมาก
4. การพูดโดยวิธีอ่านจากร่าง ใช้วิธีเขียนร่างอย่างละเอียด และพยายามทำความเข้าใจเนื้อหา และถ้อยคำที่ใช้ แต่จะไม่ท่องจำ ในขณะที่นำเสนอพยายามใช้การทอดจังหวะการเน้นและท่าทางที่เป็นธรรมชาติ ส่วนมากมักใช้ในโอกาสสำคัญ
- การแบ่งตามจุดมุ่งหมาย
1. การพูดเพื่อให้ความรู้หรือข้อเท็จจริง เพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ อาจวิธีบรรยาย พรรณนา เล่าเรื่อง หรือเสนอรายงาน เป็นต้น
2. การพูดโน้มน้าวใจ เพื่อชักจูงผู้ฟังให้เชื่อถือ ศรัทธา มีความเห็นคล้อยตาม และกระทำการตามที่ผู้พูดตั้งจุดหมายไว้
3. การพูดเพื่อจรรโลงใจ คือการพูดที่มุ่งให้ผู้ฟังเกิดความคิดที่ละเอียด ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น รวมถึงการพูดให้เกิดความสนุกสนาน เช่น การเล่านิทาน การกล่าวคำปราศรัย การกล่าวคำสดุดี เป็นต้น
4. การพูดเพื่อค้นหาคำตอบ คือให้ผู้ฟังช่วยคิดหาทางแก้ปัญหาตามที่ผู้พูดชี้ให้เห็น
- การแบ่งตามเนื้อหาที่พูด
1. การพูดเกี่ยวกับนโยบาย เป็นการพูดเรื่องที่เกี่ยวกับหลักการ วิธีที่จะทำต่อไปในอนาคต เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ
2. การพูดเกี่ยวกับข้อเท็จจริง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วพิสูจน์ให้เห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ผู้พูดอาจชี้ให้เห็นความจริงที่ควรเชื่อ เช่น สภาพแม่น้ำลำคลองในอดีต
3. การพูดเกี่ยวกับคุณค่า และคุณงามความดี อาจเป็นเรื่องของคน กลุ่มคน วัตถุ ที่มีคุณงามความดีในขณะนั้น หรือน่าจะคงอยู่ตลอดไปในอนาคน
- การแบ่งตามโอกาส
1. การพูดอย่างเป็นทางการ ส่วนมากเป็นการพูดในพิธีการต่างๆ ซึ่งมักจะมีการวางแผนไว้แน่นอน
2. การพูดกึ่งทางการ ส่วนมากมักเป็นการพูดที่ลดความเป็นแบบแผนลง เช่น การบรรยายสรุปให้ผู้มาเยี่ยมชมสถานที่
3. การพูดอย่างไม่เป็นทางการ เป็นการพูดอย่างเป็นกันเอง
- การพูดต่อประชุมชนจำแนกออกเป็นรูปแบบสำคัญได้ดังนี้
1. การบรรยาย เป็นการพูดเกี่ยวกัปข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นอาจบรรยายเดี่ยวหรือกลุ่มก็ได้ ผู้บรรยายเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และได้ศึกษาค้นคว้ามาเป็นอย่างดี
2. การอภิปราย เป็นการพูดของคณะบุคคลประมาณ 3 - 5 พูดแสดงความรู้ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อหน้าผู้ฟังเป็นจำนวนมาก
3. การโต้วาที เป็นการพูดโต้แย้งหน้าที่ประชุม เป็นการพูดที่แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายเสนอญัตติ อีกฝ่ายคัดค้านญัตติ มีผู้ตัดสินชี้ขาดให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชนะ
การเตรียมตัวพูดต่อประชุมชน
การพูดต่อประชุนชนเป็นการพูดให้คนเป็นจำนวนมากฟัง และผู้ฟังก็มักจะตั้งความหวังไว้จะได้รับความรู้หรือประโยชน์จากการฟัง ผู้พูดจึงควรเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อจะลดความประหม่า อาจกล่าวได้ว่าการเตรียมตัวที่ดีเท่ากับประสบความสำเร็จในการพูดไปแล้วครึ่งหนึ่ง
วิธีการเตรียมต่างๆ มีดังนี้
1. การกำหนดจุดมุ่งหมาย ผู้พูดควรกำหนดจุดมุ่งหมายให้จุดมุ่งหมายทั่วไป และจุดมุ่งหมายเฉพาะเรื่อง
2. การวิเคราะห์ผู้ฟัง ก่อนที่จะพูดผู้พูดควรจะได้วิเคราะห์ผู้ฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วนเท่าที่จะทำได้เพื่อจะได้นำมาใช้ในการเตรียมตัวพูด ทั้งในด้านการเตรียมความคิด เนื้อหา และการเตรียมวิธีใช้ภาษาให้เหมาะสม
3. การกำหนดขอบเขตของเรื่อง บางครั้งผู้พูดก็มีโอกาสเลือกเรื่องที่จะพูด บางครั้งก็ไม่มีโอกาส ก่อนพูดผู้พูดควรจะพิจารณาว่าเรื่องที่จะพูดนั้นตนเองมีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ ดีพอหรือไม่ หรือเรื่องที่จะพูดนั้นไม่เหมาะสมกับตนเองก็ไม่ควรรับ แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ควรจะพยายามศึกษาให้ดีที่สุด และควรเลือกเรื่องที่สามารถพูดได้เหมาะกับผู้ฟัง การกำหนดขอบเขตมีส่วนสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ การกล่าวนำ เนื้อเรื่อง และการสรุป ควรกำหนดแต่ละส่วนให้เหมาะสมแก่เวลา
4. การรวบรวมเนื้อหา การจะพูดให้ผู้ฟัง ผู้พูดควรรวบรวมเนื้อหาให้พร้อม เพื่อผู้ฟังจะได้รับประโยชน์จากการฟังมากที่สุด การรวบรวมเนื้อหาทำได้หลายวิธี เช่น การไต่ถามผู้รู้ ค้นคว้าจากการอ่าน และควรจดบันทึกความรู้ที่รวบรวมมาบันทึกให้เป็ฯระเบียบเพื่อให้นำมาเรียบเรียงได้ง่ายในภายหลัง และควรเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสมในการประกอบการพูด
5. การทำเค้าโครงลำดับเรื่อง เพื่อให้การพูดเป็นไปตามลำดับเนื้อเรื่องไม่สับสน จัดประเด็นสำคัญให้ชัดเจน ให้เป็นหัวข้อใหญ่หรือย่อย เพื่อกันการหลงลืม และข้ามประเด็นสำคัญไป
6. การเตรียมวิธีใช้ภาษา ผู้พูดควรจะเตรียมเลือกคำที่กะทัดรัด เข้าใจง่าย ตรงประเด็น และมีความหมายชัดเจน
7. การซักซ้อม ผู้พูดควรหาเวลาซักซ้อมการพูดของตนเอง เพื่อในเวลาพูดจริงๆ จะได้ไม่มีปัญหา ในการซักซ้อมนั้นควรรวมถึงเรื่องบุคลิก ท่ายืน ท่านั่ง น้ำเสียง การแสดงออกทางใบหน้า ในขณะที่ซ้อม ถ้ามีผู้ฟังอยู่ด้วยจะยิ่งดี เพื่อจะได้ฝึกการใช้สายตาผู้ฟังอาจช่วยในการติชมการพูด
สัมฤทธิ์ผลของการพูด
การพูดที่สัมฤทธิ์ผล หมายถึง การพูดที่ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งจุดประสงค์ไว้ การพูดต่อประชุมชนจะสำฤทธิ์ผลได้ก็ต่อเมื่อผู้พูดมีคุณสมบัติที่สำคัญดังต่อไปนี้
1. ผู้พูดเป็นผู้มีคุณธรรม พูดจากความรู้ ข้อมูล หรือข้อเท็จจริงที่มีอยู่ด้วยความเที่ยงธรรม มีสติ และใช้วิจารณญาณ รวมทั้งผู้พูดจะต้องมีความปรารถนาดีต่อผู้ฟัง เพื่อให้การสื่อสารสัมฤทธิ์ผล
2. ผู้พูดจะต้องรู้ดี และรู้จริงในเรื่องที่พูด ถ้ามีหลักฐานประกอบการพูด ควรอ้างให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
3. ผู้พูดจำเป็นต้องใช้เหตุผลต่างๆ มาสนับสนุนการพูดของตนเพื่อให้การพูดมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
4. ผู้พูดควรรู้จักธรรมชาติวิสัยมนุษย์ โดยควรคำนึงถึงวัย พื้นฐานความรู้ เป็นต้น
5. ผู้พูดควรรู้จักการรวบรวมความคิดให้เป็นระบบ คือการเริ่มต้นด้วยจุดประสงค์ที่ชัดเจน วางแนวที่จะใช้ในการพูด จัดลำดับว่าเรื่องใดควรพูดก่อนพูดหลัง วางใจความและพลความให้สอดคล้องกัน ถ้าเปิดโอกาสให้ผู้ฟังมีโอกาสซักถามควรกะเวลาให้พอดีด้วย
6. ผู้พูดต่อประชุมชนต้องรู้จักการใช้ภาษาให้มีประสิทธิผลเพื่อให้ผู้ฟังเกิดจินตนาการมองเห็นภาพตามที่ผู้พูดประสงค์ ภาษาที่ใช้ควรกะทัดรัด ชัดเจน และตรงประเด็น
ความคิดเห็น