ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สมมติว่าโลกหยุดหมุน

    ลำดับตอนที่ #3 : เรื่องเล่าจากฝ้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 104
      0
      27 ธ.ค. 51


                     หลังจากบอกเลิกกับวิฉันก็ไม่เป็นอันทำอะไร ฉันได้ทำร้ายวิไปซะแล้ว พอคิดถึงวิฉันก็ร้องไห้อีกครั้ง สีหน้าของวิตอนที่ฉันเลิกกับเขา สะบัดมือเขาทิ้ง แล้ววิ่งหนีมาทำให้ฉันใจสลาย ทั้งๆที่ความจริงวิคงจะปวดร้าวกว่าฉันเป็นร้อยเป็นพันเท่า ฉันคงจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก วิคงไม่รักฉันอีกต่อไปแล้ว ไม่สิ..นั่นเป็นความตั้งใจของฉันไม่ใช่หรือ ฉันต้องปกป้องวิ แม้หัวใจของเขาและของฉันจะแตกสลาย แม้เขาจะไม่ยอมก็ตาม

                     แต่ว่า... ถ้าเกิดวิคิดจะฆ่าตัวตายล่ะ เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อฉันก็เคยเห็นตัวอย่างที่เป็นคนที่ใกล้ตัวฉันอยู่แล้ว คนๆนั้นก็คือลัชช์ เด็กหนุ่มผมสี้น้ำตาลแดง ตัวสูง(ถึงจะเตี้ยกว่าวิก็เหอะ) ลัชช์เข้าเรียนพร้อมๆกับฉัน เราจึงค่อนข้างจะสนิทกัน ความจริงลัชช์ไม่ได้ผมสีน้ำตาลหรอก มันย้อมผมหลังจากเลิกกับแฟน แฟนของลัชช์นอกใจแต่มันจับได้ซะก่อน ช่วงนั้นลัชช์คลั่งไปหลายวัน เก็บตัวอยู่ในบ้าน ไม่ออกไปพบใคร โทรไปก็ไม่รับสาย และในที่สุดความเศร้าก็ได้ตัดฟางเส้นสุดท้ายให้ขาด ลัชช์พยายามฆ่าตัวตาย แต่ความพยายามของมันไม่สำเร็จ กิ๊กไปช่วยลัชช์ทันพอดี แต่ถ้าเป็นวิล่ะ ใครจะไปช่วยวิถ้าวิฆ่าตัวตายล่ะ ถึงจะรู้ตัวว่าไม่มีหน้าไปพบเขาอีกแล้ว แต่เขาก็ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ใช่หรือ คิดได้อย่างนั้นก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรแต่ไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้งกี่ครั้งก็ไม่มีคนรับสาย ฉันเริ่มร้อนใจ คงไม่ฆ่าตัวตายจริงๆหรอกใช่มั้ย ได้โปรดเถอะวิ รับโทรศัพท์ซักที 

                      หลังจากโทรฯหาวิร่วมสามชั่วโมงฉันก็ละทิ้งความพยายาม ตั้งใจจะอาบน้ำแล้วนอนให้หัวโล่งขึ้น แต่ภาพวิพยายามฆ่าตัวตายก็ยังผุดขึ้นมาเรื่อยๆจนทนไม่ไหว ฉันจึงยกหูโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้ง แต่คาวนี้ฉันไม่ได้โทรไปหาวิแล้ว ฉันตัดสินใจโทรหาลัช์แทน หลังจากถือสายรอครู่หนึ่งลัชช์ก็รับสาย

                       \\\"มีอะไรงั้นเหรอ\\\"เสียงเนือยๆแต่สูงหน่อยๆตามแบบฉบับของลัชช์ลอดมาทางหูโทรศัพท์ มันเป็นเสียงที่ทำให้ฉันสบายใจไม่น้อย แต่ครั้นจะอ้าปากเล่าเรื่องให้ฟังฉันก็พูดไม่ออก และเริ่มร้องไห้อีกครั้ง เสียงสะอื้นของฉันทำให้ลัชช์ตกใจ จนต้องรีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำเสียงที่ดูง่วงนอนก็หายไปด้วย ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องที่เลิกกับวิให้ลัชช์ฟัง อย่างไรก็ตามแต่ฉันก็ไม่ได้บอกสาเหตุที่เลิกกับวิ ระหว่างที่ฉันเล่าลัชช์ไม่ได้พูดอะไร เหมือนกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก พอฉันเล่าจบลัชช์ก็ปลอบใจฉันอีกพักใหญ่ ไม่เป็นไร...วิเข้มแข็งกว่าเราอีก....ต้องให้อภัยฝ้ายแน่ๆ...ฝ้ายไม่ต้องห่วงนะ...เดี๋ยวเราจะโทรหาวิเอง... ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นลัชช์พูดอะไรไปอีกบ้าง เพราะพอเริ่มสบายใจฉันก็เริ่มรู้สึกเปลือกตาหนักขึ้นจนหลับไปในที่สุด เสียงปลอบของลัชช์ติดหูฉันแม้กระทั่งตอนฝัน

                                                                             *************************************
                            
                        ณ คอนโด 15 ชั้นสีขาว รอบๆที่พักพิงแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยตำรวจมากหน้าหลายตา ฉันนั่งร้องไห้ หน้าประตูที่ฉันยืนอยู่นี้ฉันได้กลิ่น...เลือด รับรู้ถึงความด้อยความสามารถของตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่น้อย 

                       ผลัวะ! เสียงประตูที่เปิดออกในที่สุด ฉันวิ่งเข้าไปในห้องนั้นทันที ในหูอื้ออึงไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงห้ามของพ่อ 
                    
                       ขอให้เธอปลอดภัยทีเถิด...ขอให้ปลอดภัย...ขอให้...

                       คำอธิฐานที่ก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว ไม่ได้สนใจสภาพรอบตัวที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงที่สาดกระเซ็นของเลือดแม้แต่น้อย ฉันวิ่งไปถึงกลางห้อง นั่น! ตรงนั้น! ตรงหน้าของฉันเป็นเด็กชายที่คลุมโปงใต้ผ้าห่มที่เปียกแฉะด้วยของเหลวสีชาด ตัวสั่น  นัยตาแข็งกร้าว สองมือกำมีดไว้แน่นเพื่อรักษาชีวิตให้รอด ฉันทรุดเข่าลงกอดเขาไว้แน่น ร้องไห้.. 

                       ดูเหมือนคนตรงหน้าจะได้สติ เราสองคนนั่งกอดกันร้องไห้โฮ \\\"ไม่เป็นไรแล้วนะวิ... จากนี้ไปฝ้ายจะปกป้องวิเองนะ ร้องไห้แล้ว...\\\"

                                                                             *************************************

                       แสงแดดจ้าแยงตาฉันจนทนหลับต่อไปไม่ไหวต้องตลบผ้าห่มลุกขึ้นมา ฉันกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ความง่วงงุน ปวดหัวชะมัดเลย เมื่อคืนคงร้องไห้หนักไปหน่อยละมั้ง  ฉันคิดพลางควานหายาแก้ปวด ป่านนี้ิวิจะเป็นยังไงบ้างหนอ ฉันคว้าโทรศัพท์แล้วกดโทรออกอีกครั้ง แต่ก็คว้าน้ำเหลวตามเคย วิยังไม่ยอมรับโทรศัพท์อยู่ดี ฉันตั้งใจจะวางหูโทรศัพท์ลงพอดีกับไปสังเกตเห็นว่ามีข้อความฝากไว้ 

                        ...ปี๊บ...  \\\"ฝ้าย นี่ลัชช์นะ ยังติดต่อวิไม่ได้  ถ้าเธอยังไม่ตื่นไม่เป็นไรโทรกลับด้วยแล้วกัน\\\"

                       ...ปี๊บ...\\\" ฝ้ายตื่นรึยัง หรือว่ายังนอนกินบ้านกินเมืองอยู่  ช่างเหอะ อย่ามัวแต่หัววิจนกินข้าวกินปลาไม่ลงล่ะ\\\"
                       
                      ข้อความกว่าสิบฉบับที่ลัชช์ส่งมาแทบจะไม่มีความหมายแตกต่างกันเลย ที่แน่ๆก็คือไม่มีใครสามารถติดต่อวิได้ และฉันหลับไปวันครึ่ง แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือข้อความล่าสุดที่ลัชช์เพิ่งส่งมา
     
                       ...ปี๊บ...\\\"ยังโทรหาวิไม่ติดเลย พรุ่งนี้ฉันจะไปบ้านวินะ เธอจะไปด้วยกันมั้ย อ้อ..กิ๊กฝากบอกมาว่าให้ระวังสุขภาพด้วยช่วงนี้อากาศเย็น แค่นี้นะ\\\"

                      
    ลัชช์...เป็นคนที่พึ่งได้เสมอ แต่ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกผิดต่อลัชช์ซะแล้ว ข้อความที่ลัชช์ฝากไว้ส่งมาแทบจะทุกชั่วโมงตั้งแต่ฉันหลับไปแล้ว และจากข้อความล่าสุดที่เพิ่งส่งมาชั่วโมงก่อน แสดงให้เห็นว่าเมื่อคืนลัชช์คงจะนั่งกดโทรศัพท์หาวิทั้งวัน(ทั้งคืน)  ความจริงเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาของฉันใช่มั้ย ทำไมฉันถึงต้องให้ลัชช์มาปวดหัวกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองด้วยล่่ะ ฉันควรจะแก้ปัญหาของตัวเองด้วยตัวเองสิถึงจะถูก ฉันตัดสินใจลุกขึ้นแต่งตัว แต่สายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นมือถือที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงเข้า เลยตัดสินใจส่งไปให้คนที่อุตส่าห์อดหลับขับตานอนมาทั้งคืน \\\"ถึงลัชช์ ฉันจะลองทำเท่าที่ฉันทำได้ดูนะ ขอบคุณนะที่มาช่วยปวดหัวไปกับฉัน\\\"

                      วิกับฉันรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว บ้านเราอยู่ห่างกันไม่กี่ซอยด้วยซ้ำ ประมาณว่าเดินแป๊บเดียวก็ถึงบ้านเลย แต่ปกติฉันไม่ค่อยได้เดินไปบ้านวินักหรอก ตั้งแต่รู้จักกันใหม่ๆแล้ววิจะเดินมารับไปเล่นที่ลานกลางหมู่บ้านเสมอๆแล้วนานๆครั้งก็จะเลยเดินไปคอนโดวิเลย แม้กระทั่งหลังจากเกิดเรื่องคราวนั้น..จนวิต้องย้ายบ้านไป ก็ยังมาหาฉันอยู่เสมอๆ

                      อีกแค่ซอยเดียวก็จะถึงบ้านวิแล้ว ขาฉันเริ่มหนัก ความเร็วค่อยๆช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ความกล้าที่พยายามรวบรวมไว้ก็ดูจะหายไปหมด แต่ฉันก็ยังฝืนเดินต่อ ความเศร้า ความโหยหา ความเป็นห่วงใยยังดูเหมือนจะมีพลังมากว่า แต่ยิ่งเข้าใกล้บ้านวิเท่าไหร่ เรียวแรงก็ยิ่งดูถดถอยลงไปเรื่อยๆ จนเมื่อมาถึงที่หมายฉันก็เหงือซ่กเหมือนวิ่งมาราธอนมาหมาดๆ ขาก้าวข้ามธรณีประตูไปแล้วน้ำตาก็พาลจะไหล แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตัดสินใจเคาะประตูบ้าน ทันทีที่มือถึงเนื้อไม้ประตูฉันก็รู้สึกเหมือนอารมณ์ของเจ้าของบ้านประดังเข้ามา ความเศร้าโศก ความโกรธ ความรู้สึกที่ถูดทอดทิ้ง ความสับสน ความปวดร้าว และอีกหลายความรู้สึกที่ประดังเข้ามาทำให้ฉันทรุด ฉัน...หักหลังเขา น้ำตาที่่หยุดไหลไปแล้วไหลรินอาบแก้มอีกครั้ง ฉันยังมีหน้าจะไปพบเขาอีกหรือ มือฉันสั่นไม่หยุด พยายามที่จะเคาะประตูอีกครั้ง ไม่ไหว... ฉันไปพบเขาไม่ได้ ไม่มีหน้าจะพบอีกแล้ว แต่แล้วภาพวิตอนฉันบอกเลิกกับเขาก็เข้ามาแทนที่ วิ..? ทำไมเธอถึงทำหน้าเศร้าอย่างนั้น ถ้าฉันเข้าไปเจอเธอ เธอจะยิ้มหรือจะร้องไห้กันนะ น้ำตาฉันไหลไม่หยุด ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ใจหนึ่งอยากเจอ แต่อีกใจหนึ่งก็รู็ตัวว่าหักหลังเขาไปแล้วไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเจอเขาอีก 
     
                     ฉันนั่งอยู่หน้าประตูบานนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ หนึ่งนาที? สิบนาที? หรือว่าหลายชั่วโมงแล้ว ก็ไม่อาจบอกได้ รู้แต่ว่าร้องไห้มานานเหลือเกิน แล้วฉันก็ได้ยินเสียง มันเป็นเพลงที่ฉันแนะนำให้วิฟังเมื่อนานมาแล้ว

    ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ... ได้เท่ากับตัวขอเธอเอง....

    ให้เธอคิดเอาเอง... ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร...

    ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ... ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ...

    ถูกเขาทำร้าย..เพราะใจเธอแบกรับมันเอง...

                        แม้เพื่อนหลายๆคนจะบอกเพลงนี้เฉิ่ม แต่ก็ไม่รู้ทำไมฉันกลับชอบเพลงนี้มาก อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ฉันไม่มีใจจะฟังเพลงนี้เอาเสียเลย แถมยังร้องไห้นักกว่าเก่าอีกต่างหาก

                        
                          \\\"ทำไมถึงได้ชอบเพลงนี้ล่ะฝ้าย\\\"

                         \\\"หือ? ทำไมล่ะ วิไม่ชอบเหรอ\\\"

                         \\\"ไม่ใช่ เพียงแต่เราว่าเพลงนี้มันเก่าๆชอบกล\\\"

                         \\\"ไม่เห็นเป็นไรเลย เราว่าเพลงที่มันเพราะน่ะนะจะผ่านไปกี่ปีสำหรับเรามันก็ยังเพราะอยู่ วิไม่คิดอย่างนั้นบ้างเหรอ\\\"

                         \\\"อืม.. มันก็จริงนะ ของที่ฝ้ายชอบก็ต้องเป็นของที่เราชอบด้วย งั้นเราเอามาตั้งเป็นริงโทนเหมือนฝ้ายดีกว่า\\\" วิพูดส่งยิ้มสดใสที่ทำให้คนเห็นอบอุ่นหัวใจไปด้วย

                         
    เสียงสะอื้นไห้ลอดใต้ประตู วิ...ฟังเพลงนี้แล้วร้องไห้ อา..สัญญาที่เคยให้ไว้ 

                        \\\"ฝ้ายจะปกป้องวิเองนะ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว\\\" คำสัญญาที่ให้ไว้ก้องอยู่ในหัว ไม่อาจรักษาไดั 

                         ฉันสะอื้นจนตัวโยน ขอโทษนะ ขอโทษนะ ขอโทษนะ ขอโทษนะ ขอโทษนะ ฉันรักษาไว้กับเธอไม่ได้้ ขอโทษจริงๆ ที่ฉันอ่อนแอ ฉันลุกขึ้น ฝนเริ่มตกอีกแล้ว วันนี้ฉันเดินตากฝนกลับบ้านพร้อมกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด ..ช่างอ่อนแอเหลือเกิน

                                                                      ************************************************

                         กลับมาอยู่ในสภาพเดิมซะแล้ว น้ำตา...ไหลไม่หยุด ตัวเอง...อยู่ในห้องมืดๆ ภาพของเขา...อยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาเหมือนซีดีแผ่นตกร่อง แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคือไข้ที่เริ่มจะสูงขึ้นพาลไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไร บางทีมันอาจจะเป็นการลงโทษของฟ้า ที่ไม่ยอมรักษาสัญญาก็เป็นได้...

                         ก๊อกๆ...

                         ฉันขยับตัวเล็กน้อย เสียงเคาะประตูงั้นเหรอ หรือว่าหูแว่วไปเองกันนะ แต่ดึกดื่นป่านนี้จะมีใครแวะมา คงจะเพ้อเพราะพิษไข้ซะแล้วสิ ฉันตัดสินใจนอนต่อ แต่ก็ยังได้ยินเสียงเคาะประตูอยู่เรื่อยๆจนฉันเริ่มสงสัย แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังแกร๊ก ตัวฉันแข็งทื่อหรือว่าจะลืมล็อกประตู กลิ่นฝนที่อยู่ข้างนอกโชยมาแตะจมูก เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะหนี ได้แต่หลับตาปี๋แล้วคิดว่านี่คือความฝัน แล้วทันใดนั้นไฟก็เปิดพรึ่บ

                         \"ฝ้าย!?\"เสียงใสๆร้องขึ้น ฉันลืมตาขึ้นมา ภาพที่อยู่ตรงหน้าคือสาวน้อยตัวเล็กที่ตอนนี้หัวคิ้วมุ่นเข้าหากัน กำลังประคองฉันอยู่ด้วยความทุลักทุเล (ก็ตัวเล็กนี่นะ)   
              
                         \"กิ๊กเหรอ มาทำอะไร แล้วเข้ามาได้ยังไงเนี่ย\"

                         \"ลัชช์ให้มาดูน่ะ บอกว่าฝ้ายอาจจะไข้ขึ้นเพราะทะลึ่งไปนั่งตากฝนร่วมสองชั่วโมง แล้วที่เข้ามาได้เนี่ยก็เพราะฝ้ายน่ะลืมล็อกประตู ยังดีสิเนี่ยไม่มีใครเข้ามา แล้ว... ง่ะ! ไข้ขึ้นนี่ฝ้าย\" แค่นั้นแหละ ยัยตัวเล็กก็วิ่งวุ่นไปทั้งบ้าน ทั้งไปตักน้ำ ทำกับข้าว หายาแก้ไข้และอีกสารพัด  รู้ตัวอีกทีก็มานั่งป้อนข้าวต้มฉันแล้ว

                          \"เดี๋ยวกินเสร็จแล้วก็พักซะนะฝ้ายจะได้หายไวๆ\"กิ๊กพูดไปยิ้มไปอย่างคนอารมณ์ดีพลางอังหน้าผากวัดไข้ กิ๊ก...เป็นเด็กที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อปีที่แล้ว ตาโต ผิวขาว แม้จะไม่สวยแต่ใครก็ตามที่เห็นเป็นต้องเอ่ยปากชมว่านน่ารักแทบทุกคน อย่างไรก็ดี กิ๊กก็ไม่ได้เป็นที่นิยมในหมูพวกผู้ชายมากนักเหตุผลก็เพราะหัวใจของสาวน้อยตัวเล็กคนนี้มีคนมานั่งกลางใจแล้วนั่นเอง แล้วคนนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย ลัชช์... เพียงไม่กี่อาทิตย์หลังจากย้ายเข้ามา ที่ไหนมีลัชช์ที่นั่นก็มักจะมีกิ๊กอยู่ข้างๆเสมอ เออนั่นสิ ลัชช์ฝากกิ๊กมา แล้วเจ้าตัวล่ะหายไปไหน

                          \"กิ๊ก...\"ฉันพยายามเค้นเสียงเรียก

                          \"อื๋อ? ว่าไงฝ้าย ทำไมไม่พักล่ะ\"แววตาแสดงความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด

                          \"ลัชช์...อยู่ไหน\" แววตากิ๊กเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว 

                          \"ลัชช์นอนอยู่บ้านน่ะ\"กิ๊กตอบสั้นๆได้ใจความ แต่ฉันรู้สึกว่ามีอะไรมากกว่านั้นจึงส่งสายตาคาดคั้น กิ๊กชักสีหน้าลังเลเหมือนไม่อยากพูด เงียบไปพักหนึ่ง

                          \"คือ... ลัชช์ก็เป็นไช้เหมือนกันน่ะ\"พอกิ๊กเห็นสีหน้าฉันก็เลยรีบพูดต่อ \"แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากนะ แข้ไข้อ่อนๆแค่นั้นเอง\" แต่ฉันกับเข้าใจอะไรบางอย่าง ตั้งแต่ตอนที่ถามว่ากิ๊กมาทำไมมันตอบว่าเพราะลัชช์ให้มาใช่มั้ย แล้วให้มาทำไม \"ก็ลัชช์บอกว่าฝ้ายอาจจะไข้ขึ้นเพราะทะลึ่งไปนั่งตากฝนร่วมสองชั่วโมง\" เหมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยง ลัชช์จะรู้ได้ไงว่าฉันไปนั่งตากฝนมาถ้าไม่ใช่ว่า... ลัชช์ก็ยืนตากฝนเหมือนกัน ข้างหลังฉันนี่แหละ ไม่ได้เข้าไปหา แต่ก็ไม่ได้ทิ้ง เป็นห่วงงั้นเหรอ ทั้งที่ตัวเองก็อดนอนเพราะฉันแท้ๆ น้ำตาเริ่มไหล ฉันคว้ามือกิ๊กมาจับ

                           \"กิ๊ก! เค้าขอโทษ!\" กิ๊กดูท่าทางงงๆ \"ฉันบอกเลิกกับวิไป แต่ฉันเป็นห่วงวิกลัวเขาจะฆ่าตัวตายก็เลยให้ลัชช์ช่วยโทรหาจนไม่ได้นอนทั้งคืน ฉันเอาแต่สร้างปัญหาให้ลัชช์ แล้วนี่ยังทำให้เขาเป็นห่วงจนต้องมายืนตากฝนไข้ขึ้น ฉัน...ฉันขอโทษ ฉันทำให้ทุกคนวุ่นวาย ทำให้ลัชช์ป่วย ทำให้กิ๊กต้องมาเฝ้าไข้ กิ๊ก...กิ๊กคงโกรธฉันใช่มั้ย ขอโทษ..ขอโทษนะ\"ฉันร้องไห้ แต่ว่ากิ๊กไม่ได้โกรธที่ทำให้คนรักของตัวเองต้องเดือดร้อนแววตาของกิ๊กติดจะเศร้าด้วยซ้ำ เธอ...ลูบหัวฉัน

                          \"ฝ้าย...ฝ้ายฟังเค้านะ มนุษย์เราน่ะไม่สามารถแบกรับปัญหาไว้คนเดียวได้ตลอดหรอก ขืนทำอย่างนั้นได้ก็ไม่ใช่คนแล้วแหละ เพื่อน...ก็คงมีไว้ในเวลาแบบนี้ล่ะมั้ง ช่วยกันแบกช่วยกันแก้ก็ดีกว่าทุกข์คนเดียว ร้องไห้คนเดียวเป็นไหนๆ ทุกคนเค้าเต็มใจที่จะช่วยฝ้ายนะ เพราะฉะนั้นลัชช์...ก็ไม่ว่าเธอหรอก ถึงจะอดหลับอดนอนบ้าง ไข้ขึ้นบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็มีความสุขและยินดีที่จะให้คำปรึกษาฝ้ายนะ ความจริงเขาคงจะโกรธด้วยซ้ำถ้าฝ้ายเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวน่ะ ดังนั้นอย่าโทษตัวเองอีกเลยนะฝ้าย ตอนนี้หลับให้สบายเถอะนะ เอาไว้ตื่นขึ้นมาแล้วเราค่อยมาช่วยกันแกปัญหาก็แล้วกัน\"  คำพูดยาวๆกับมืออุ่นๆของเพื่อนคนนี้ทำให้ฉันอุ่นใจขึ้นมาก ทั้งๆที่เมื่อก่อนเคยแปลกใจว่าอะไรทำให้คนตัวเล็กตรงหน้ากุมใจเพื่อนอีกคนอยู่หมัด แต่ตอนนี้ฉันพอจะเข้าใจบ้างแล้ว 

                           \"ขอบคุณนะ\"ฉันหลุบตาลงแล้วหลับไปในที่สุด 

                                                                             ************************************* 

                            ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่กิ๊กเขย่าตัวฉัน \"ฝ้าย! ตื่นเร็ว ตอนนี้วิอยู่ที่โรง'บาล" ฉันทะลึ่งพรวด ลืมอาการป่วยไข้ของตัวเองไปเสียสนิท ฉันรีบแต่งตัวแล้วพวกเราก็รุดหน้าไปโรงพยาบาล

                            นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งแล้วแต่ยังไม่มีใครคิดจะนอน หลังจากตื่นเต้นตกใจอาการปวดหัวเพราะพิษไข้ก็กลับมาอีก ฉันกุมขมับ ในใจคิดถึงแต่วิ ทำไมวิถึงได้เข้าโรง'บาลล่ะ วิฆ่าตัวตายงั้นเหรอ หรือว่าวิไม่สบาย หรือว่า... ฉันร้องไห้อีกแล้ว ถ้าเมื่อตอนเย็นฉันมีความกล้าพอที่จะเข้าไปหาเขาก็คงไม่เป็นแบบนี้ใช่มั้ย ขอโทษ...ขอโทษนะวิที่ฉันอ่อนแอ

                            เสียงเปิดประตูเบาๆ เด็กหนุ่มหน้าตาดีกับชายหนุ่มอีกคนที่ดูท่าทางจะเป็นหมอเวรเดินออกมาจากห้องพัก ลัชช์เอ่ยปากขอบคุณคุณหมอแล้วก็คุยกันต่ออีกสองสามคำหมอหนุ่มก็เดินจากไป ลัชช์...ยังหน้าแดงเพราะพิษไข้ จนกิ๊กต้องเดินไปอังหน้าผาก เธอพูดอะไรซักอย่างกับลัช์เบาๆ แล้วก็จูงมือฉันเข้าไปหาลัชช์ มันยิ้มถึงแม้จะดูเพลียๆแต่ก็ยังยิ้มอยู่และนั่นก็ทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมาหน่อย

                            "อ่า..คืองี้นะฝ้าย วิน่ะ...เอ่อ...คงจะช็อกน่ะ ประสาทก็เลยตื่นตัวตลอดเวลา ง่วง...แต่ก็ไม่ได้หลับ แถมข้าวก็ไม่ได้กิน ก็เลยน็อกไปน่ะ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอก หมอบอกว่าให้น้ำเกลือแล้วพักอีกซักสองสามวันก็กลับมากระโดดโลดเต้นได้ สบายใจได้แล้วนะฝ้าย อย่างน้อยวิก็ไม่คิดสั้นเหมือนเรา"ลัชช์ตบไหล่ฉันเบาๆ คนที่สบายใจคงไม่ได้มีแค่ฉันคงเดียวหรอกล่ะมั้งเนี่ย ลัชช์ก็คงสบายใจเหมือนกัน ก็วิเป็นเพื่อสนิทลัชช์นี่นา 

                            ฉันเปิดประตูห้องพัก อย่างน้อย...ขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ให้ฉันได้เห็นหน้าเธออีกซักครั้ง ในห้องมืดมากเพราะต้องการให้คนป่วยพักผ่อนแต่แสงไฟจากตรงทางเดินก็พอที่จะทำให้ฉันเห็นหน้าเขาได้แวบๆ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว วิดูซูบลงไปถนัดตา เธอคงจะทุกข์ใจมากใช่มั้ยฉันขอโทษนะ ถ้าฉันเข้มแข็งกว่านี้คงจะมีวิธีที่ดีกว่า ฉันเสียใจจริงๆนะ แต่ฉันไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว ฉันจับมือของวิไว้ มือใหญ่ๆของวิที่คอยปกป้องฉันเสมอมา มือที่คอยลูบหัวฉันเวลาฉันทุกข์ มือที่คอยบอกให้ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียว ฉันบีบมือเขาแรงๆ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ขอให้ฉันรับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอไม่เจ็บมือใช่มั้ย ให้ฉันร้องไห้เพื่อเธออีกซักครั้งนะ

                             ฉันไม่ได้ไปเจอวิอีกเลยตั้งแต่วันนั้น...

                            

                          

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×