War Guard
จู่ๆโลกที่พวกเขาเคยอยู่อย่างสันติต้องถูกบุกรุกด้วยอะไรบางอย่าง แล้วได้คลาดชีวิตคนที่พวกเขารักไป แล้วเฃาต้องการที่จะแก้แค้นให้กับความสูญเสียทีไม่ใช่เพียงแค่พวกเขา ทางเลือกเดียวนั้นคือการเฃ้าร่วมองค์กร
ผู้เข้าชมรวม
67
ผู้เข้าชมเดือนนี้
12
ผู้เข้าชมรวม
sentinlverse omegaverse ฝาแฝด skill พลัง แฟนตาซี การต่อสู้ นายเอกเก่ง ประตูมิติ ต่างมิติ รักร้ายๆ 18 ไซไฟ
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
: เป็นการอธิบายเกี่ยวกับโลกของมิติเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น
ประตูมิติ คือ ช่องทางช่องทางหนึ่งที่สามารถทะลุไปยังโลกอื่น ๆ ได้ หากมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการนั่นคือประตูที่ถูกสำรวจแล้ว แต่หากเรียกตามสีของขอบและตามด้วยเลขจะเป็นประตูที่ยังไม่ได้ถูกสำรวจ
การสำรวจประตูมิติคือ การเข้าไปยังภายในของประตูมิติ จะต้องสำรวจภายในว่ามีอะไรบ้าง มีสิ่งที่ไหนที่ผิดปกติที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อโลกมนุษย์หรือไม่ เป็นต้น
: ในที่นี้จะมีทั้งมิติที่ต่างออกไปจากโลกมนุษย์อย่างสิ้นเชิงหรือมิติที่คล้ายกันและมิติที่มีสัตว์ประหลาด เช่น มิติแห่งกาลเก่า เป็นมิติที่ย้อนกลับไปเมื่อช่วงสมัยอยุธยาของไทย ซึ่งเป็นมิติที่ไม่ควรเข้าไป เพราะจะทำให้เกิดการบิดเบือนทางกาลเวลา หรือมิติวังมัจฉา จะเป็นมิติที่มีปลารูปร่างประหลาด ไม่ต้องหายใจในน้ำก็ได้ และมักจะไม่มีจิตสำนึก เป็นมิติของสัตว์ประหลาดที่ไม่ควรให้พวกมันหลุดออกมา อาจต้องทำลายมิตินี้ทิ้ง หากพวกมันพยายามที่จะออกมาจากมิติ เป็นต้น
ค่ามาตรฐานมีระดับดังนี้
SSS+ ระดับเหนือพิเศษ
SSS ระดับพิเศษ
SS ระดับสูงสุด
S ระดับสูง
A+ ระดับหัวหน้า
A ระดับทั่วไป
B ระดับกลาง 3
C ระดับกลาง 2
D ระดับกลาง 1
F ผู้ไร้ความสามารถ
FALL (ผู้ที่มีพลังแต่ไม่สามรถใช้ได้)
เอสเปอร์ คือ ผู้ที่มีพลังเป็น เซ็นเตอร์ ผู้มีสกิล และผู้พิเศษ คนกลุ่มนี้จะถูกเรียกว่าเอสเปอร์ มีหน้าที่ในการต่อสู้ ฝึกสอน และดูแลรักษาบ้านเมืองจากมิติ เป็นต้น
[ไกด์ ไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นเอสเปอร์ เพราะมีหน้าที่เพียงการเก็บข้อมูลและการรักษา และจะต่อสู้เมื่อจำเป็นเท่านั้น]
โดยพลังของแต่ละคนจะแยกออกเป็นดังนี้
ผู้ที่เป็นเซ็นเตอร์ คือ ผู้ที่เป็นเสาหลักในการนำตัวเข้าประตูมิติ มักจะมีความเก่งในด้านประสาทสัมผัสทั้ง 5 (ได้ยิน มองเห็น ได้กลิ่น รับรส การสัมผัส)
และจะมีด้านหนึ่งที่โดดเด่นออกมาอย่างพิเศษอย่างชัดเจน เช่น การฟัง ที่แม้แต่เสียงเต้นของหัวใจก็ได้ยิน การมองเห็น ที่สามารถมองเห็นได้ไกลและใกล้ตามความสามารถ แต่ในการมองเห็นจะมาควบคู่กัน เช่น
สามารถมองไกลได้ในรัศมี 20 กิโลเมตร ก็จะสามารถมองใกล้ได้เท่ากับการซูม 500 เท่า และทุกคนก็มักจะมี*สกิลอยู่ในตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่ามาตรฐานของแต่ละบุคคล
: มักจะฝึกอาวุธแบบคู่ตัวควบคู่ แต่มักจะเป็นอาวุธระดับ A+ เพราะมีความสามารถมากอยู่แล้ว (ขึ้นอยู่ค่ามาตรฐาน) จะต้องใช้ให้เข้ากับตัวเอง ส่วนใหญ่จะมี 2 อย่างขึ้นไป
และพวกเขานั้นขาดไกด์ไม่ได้ เพราะการที่เขามีความสามารถทางกายที่มากก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดทางกายและจิตใจ โดยหากพวกเขาขาดไกด์ จะมีอาการข้างเคียงต่าง ๆ เช่น จิตหลอน เป็นต้น
ส่วนใหญ่เป็น อัลฟ่า 90% โอเมก้า 7% เบต้า 3% ของผู้ที่เป็นเซ็นเตอร์
คิดเป็น 40% ของประชากรทั้งหมด
ผู้ที่เป็นไกด์ คือ ผู้ที่คอยไกด์ดิ้งให้เซ็นเตอร์หลังจากการใช้พลังอย่างมากเพื่อฟื้นฟู โดยจะมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับตัวของเซ็นเตอร์และไกด์ แต่วิธีหลักๆ และทั่วไปคือ การกอด การปลอบ การมีเซ็กซ์
ที่สำคัญนั้นขึ้นอยู่กับค่าความเข้ากันของตัวไกด์และเซ็นเตอร์ ยิ่งมีค่าความเข้ากันมากก็ยิ่งรู้สึกดี [แต่ในองค์กรจะต้องมีค่าความเข้ากัน 50% ขึ้นไปถึงจะสามารถจับคู่กันได้]
ในบางคนมีสกิลด้วยแต่ก็ส่วนน้อยมากที่จะมีสกิลติดตัวมาด้วย
: มักจะฝึกอาวุธอย่างน้อยหนึ่งอย่างเพื่อป้องกันตัวเองเวลาเข้าไปทำภารกิจที่ต่างมิติ และจะเลือกจากความถนัดของสรีระ
ส่วนใหญ่เป็น โอเมก้า 89% เบต้า 10% อัลฟ่า 1% ของผู้ที่เป็นไกด์
คิดเป็น 30% ของประชากรทั้งหมด
ผู้ที่มีสกิล คือ ผู้ที่มีสกิลต่าง ๆ มักจะแสดงตั้งแต่อายุ 5 ปี และมักจะฝึกฝนให้ชำนาญอย่างรวดเร็วได้ โดยสกิลจะมีหลากหลายรูปแบบ แบ่งออกได้ตามสายดังนี้
สายแปร เช่น สกิลการแปรสิ่งมีชีวิตให้เป็นหิน
สายกำลัง เช่น การมีกำลังมากผิดปกติ
สายควบคุม เช่น การควบคุมน้ำ
สายส่วนใหญ่จะเป็นสายควบคุม เช่น การควบคุมน้ำ สามารถปั้นน้ำเป็นตัวได้อย่างมหาศาล
รองลงมาจะเป็นสายแปร เช่น การแปรอาวุธจากร่างกาย
หากสิ่งไหนที่ใช้การปันผลจากร่างกาย เช่น การแปรเอาวุธจากเลือดตัวเอง จะมีผลที่ตามมาทางร่างกายที่มากกว่า
แต่หากแปรสิ่งมีชีวิตให้ไม่มีชีวิต หรือ ไม่มีชีวิตไปมีชีวิต จะไม่มีผลทางกายที่มาก
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการใช้พลังที่เกินตัวกับค่ามาตรฐานของแต่ละบุคคล
และสุดท้ายสายกำลัง เช่น การวิ่งได้อย่างรวดเร็ว 100 กม./ชม หรือการมีพละกำลังมหาศาล ที่เพียงจับแก้วก็ทำแก้วแตกได้ สายนี้จะได้รับความเสียหายทางกายอย่างมากที่สุด และผู้มีสกิลจะไม่มีไกด์และไม่สามารถรักการไกด์ดิ้งได้ จะใช้ได้เพียงการปลอบประโลมของ*มนุษย์ชั้นปกติ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการใช้พลังที่เกินตัวกับค่ามาตรฐานของแต่ละบุคคล
: ส่วนใหญ่จะใช้อาวุธชิ้นใหญ่ 1 ชิ้น หรือ 2 ชิ้น ที่เข้ากับสกิลและสนับสนุนสกิลของตัวเองให้มากที่สุด
ส่วนใหญ่เป็น อัลฟ่า 45% โอเมก้า 5% เบต้า 50%ของผู้ที่มีสกิล
คิดเป็น 25% ของประชากรทั้งหมด
ผู้พิเศษ : เป็นผู้ที่ใช้ได้ทั้งสามอย่าง การเป็นเซ็นเตอร์ เป็นไกด์ และมีสกิล
โดยหากเป็นส่วนใหญ่จะมีความถนัดเฉพาะอย่างมากในด้านนั้น ๆ เช่น
การมีพลังของเซ็นเตอร์ อย่างการมองใกล้-ไกลที่สามรถใช้ได้ระดับชำนาญ แต่อย่างอื่นจะไม่โดดเด่นเท่าเซ็นเตอร์ทั่วไป แต่ถ้ารับการฝึก ก็จะสามารถทำได้ดีเท่ากับเซ็นเตอร์ทั่วไปเช่นกัน
การเป็นไกด์ จะเป็นไกด์ที่เพียงกอดก็ทำให้รู้สึกดีราวกับมีเซ็กซ์ได้ แต่ไม่สามารถระงับให้ตัวเองได้
การมีสกิล ส่วนใหญ่จะเป็นสายกำลัง แต่จะไม่มีผลทางกายที่หนักเท่าผู้มีสกิลโดยตรง เพราะมีพลังของเซ็นเตอร์และรับการไกด์ดิ้งได้
ส่วนใหญ่จะฝึกอาวุธพิเศษที่คิดขึ้นมาเอง 1 อย่าง อาวุธทั่วไปอีก 1 อย่าง
ส่วนใหญ่เป็น อัลฟ่า 99.5% โอเมก้า 0.5% ของผู้พิเศษ
คิดเป็น 5% ของประชากรทั้งหมด
มนุษย์ชั้นปกติ คือ บุคคลทั่วไปที่มีเพียงน้อยนิด จะมีเพียงการใช้พลังการปลอบประโลมจากการแตะ และทำให้ผู้อื่นได้เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับตัวเองได้
แต่ในการแตะนั้นต้องประกอบไปด้วยอารมณ์ของผู้แตะด้วย (จะต้องมีเจตนาดี)
ส่วนใหญ่เป็น เบต้า 98% โอเมก้า 1.5% อัลฟ่า 0.5% ของมนุษย์ชั้นปกติ
คิดเป็น 5% ของประชากรทั้งหมด
ผู้เดินทางหรือผู้ทะลุมิติคือ คือ ผู้ที่ต้องเดินทางเข้าประตูมิติไปทำภารกิจหรือไปสำรวจ (หากเป็นการสำรวจจะไม่ว่าจะเป็นผู้เดินทางหรือผู้ทะลุมิติ ครั้งนั้นจะเรียกว่าผู้สำรวจมิติ)
ส่วนใหญ่จะไปเป็นทีม โดยจะมีทีมละ 3-6 คน จะต้องมี
ทีม 3 คน ถูกเรียกว่าทีมระดับมาตรฐานและเป็นมาตรฐานพื้นฐานของบการสร้างทีม
หัวหน้าทีม: เซ็นเตอร์
ผู้รักษาหรือผู้เก็บข้อมูล (ต่อสู้เมื่อจำเป็น): ไกด์
ผู้ป้องกันหลัก (แม่ทัพ): ผู้มีสกิล
เป็นทีมมาตรฐานหลักในการสร้างทีม ทีมห้ามขาดใครคนใดคนหนึ่งเด็ดขาด
[ทีม 3 คน จะเป็นทีมที่ทำภารกิจเพียงหน้าประตูมิติเท่านั้น]
ทีม 4 คน
ผู้บังคับการ (ของทีม): ผู้พิเศษ
หัวหน้า: เซ็นเตอร์
ผู้รักษาหรือผู้เก็บข้อมูล (ต่อสู้เมื่อจำเป็น): ไกด์
ผู้ป้องกัน (แม่ทัพ): ผู้มีสกิล
ทีม 4 คน ห้ามมีคนที่มีพลังซ้ำกัน ผู้ที่เพิ่มขึ้นจะต้องเป็นผู้พิเศษเท่านั้น
[เป็นทีมที่สามารถเข้าไปทำภารกิจภายในประตูมิติได้แล้ว]
การเข้าไปในประตูมิติ จะมีค่าวัดระดับความยากหรือใช้ค่าเดียวกับค่ามาตรฐาน ทีมที่จะเข้าไปในประตูมิตินั้นจะต้องมีค่ามาตรฐานเทียบเท่าหรือสูงกว่าประตูมิติ เช่น
ค่ามาตรฐานมิติวังมัจฉา ระดับ S
ทีมที่จะเข้าไปในมิติจะต้องมีค่ามาตรฐาน S ขึ้นไป
หรือ
ทีม A1 มีค่ามาตรฐานคือ SS
จะสามารถเข้าไปในมิติระดับ SS ได้ลงไป แต่จะไม่สามารถทำภารกิจระดับ SSS ได้
ทีม 5-6 คน
ผู้บังคับการ (ของทีม): ผู้พิเศษ
หัวหน้า: เซ็นเตอร์
ผู้รักษาหรือผู้เก็บข้อมูล (ต่อสู้เมื่อจำเป็น): ไกด์
ผู้ป้องกัน (แม่ทัพ): ผู้มีสกิล
บุคคลที่ 5-6 หากมีผู้เป็นซ้ำกับสิ่งใดให้วัดจากค่ามาตรฐาน
ตัวอย่าง มีพิเศษสองคนในทีม ให้ดูว่าใครมีค่ามาตรฐานมากกว่ากัน เช่น
ผู้พิเศษ 1 ค่ามตฐ: S
ผู้พิเศษ 2 ค่ามตฐ: A
ต้องเลือก ผู้พิเศษ 1 เป็นผู้บังคับการหลักและให้ผู้พิเศษสองเป็นผู้บังคับการรอง
เช่นเดียวกับ ไกด์ หากมีไกด์ 2 คนให้วัดค่ามาตรฐาน และหากใครค่ามาตรฐานมากกว่าจะต้องเป็นผู้เดินงานเป็นหลัก
กรณีที่ค่ามาตรฐานเท่ากันให้คนในทีมหรือเซ็นเตอร์/ผู้บังคับการ เป็นผู้พิจารณาหรือพิจารณาจากความสามารถและเพศรอง
แต่ละทีมจะมีผู้ที่เป็นเซ็นเตอร์และผู้มีสกิลที่ค่ามาตรฐานอยู่ที่ C D E เป็นเสมือนกองกำลังให้แต่ละทีม ทีมละ 1000 คน (ขอกำลังเสริมได้) 1000 คนนี้จะถูกฝึกโดยผู้มีสกิลของทีมนั้นๆ
ผู้ที่อยู่ในทีมหลัก ไม่ใช่กองกำลังหรือกำลังเสริม จะมีต้องมีค่ามาตรฐาน A+ ขึ้นไป จึงจะเป็นตัวหลักในทีมได้
ผลงานอื่นๆ ของ Rasasea ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Rasasea
ความคิดเห็น