นิยายพีเรียด ชุด หญิงคนชั่ว (กำหนัดรักกระสันซ่าน)
มารดาของเหม่ยเซียงถูกขายให้กับโรงหญิงคนชั่วด้วยข้อกล่าวหาอัปยศ ลอบเล่นชู้กับทาสในเรือน โดยไม่มีมูลความจริง ไม่มีหลักฐานเอาผิดได้ แต่เพราะบิดาหูเบาเชื่อคำกล่าวเท็จของเมียเอกจึงขับมารดาหล่อนออกจากเรือ
ผู้เข้าชมรวม
1,394
ผู้เข้าชมเดือนนี้
26
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ทักทายค่ะ อย่าเพิ่งตกใจที่เห็นป้านับเปิดเรื่องใหม่นะคะ แค่เปิดทิ้งจองชื่อเรื่องไว้คั่นเวลาแก้เบื่อเท่านั้น เหมือนเรื่อง รักสำรองของใครคนหนึ่ง ถ้ามาได้เยอะก็ดี ถ้าไม่มาก็คงได้มาในสักวัน แต่นามปากกา nuptong แนวพีเรียด น่าจะไปเร็วกว่าร่วมสมัย และน่าจะไปพร้อมๆ กันได้ ก็แค่น่าจะเท่านั้นนะคะ อย่าเพิ่งตั้งความหวังใดๆ
ฝากบอกแฟนคลับน้อยนิดของ รอนแรม ด้วยนะคะ ยังไม่ลืมว่า เคยสัญญา จะลงให้อ่านฟรีสั้นๆ ขอแวะที่โรงหญิงคนชั่วสักประเดี๋ยว ระหว่างเคี่ยววงกตพิศวาสให้ได้ที่
หญิงโสเภณีในเมืองไทยมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยมีตลอดมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์
ในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 หญิงโสเภณีในสมัยนั้นชาวบ้านทั่วๆ ไปเรียกว่า “หญิงคนชั่ว” เป็นส่วนมาก แต่บางทีก็เรียกว่า “หญิงโคมเขียว” ส่วนซ่องเรียกว่า “โรงหญิงคนชั่ว” หรือ “โรงหญิงโคมเขียว”
ยุคปลายกรุงศรีอยุธยา แหล่งโคมเขียวที่ชุกชุมสุดต้องยกให้กับตลาดบ้านจีน ตลาดที่ตั้งอยู่ในบริเวณการค้าของคนจีน ชุมชนของคนจีนเป็นแหล่งรวมของหอโคมเขียวเลยทีเดียว นอกจากจะเป็นแหล่งโคมเขียวหญิงไทยแล้วตรงนั้นยังเป็นแหล่งโคมเขียวหญิงชาวจีนอีกด้วย สภาพสังคมแบบนี้ยังคงดำรงเรื่อยมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 5-6 ที่ย่านชาวจีนบางพื้นที่เป็นแหล่งยอดฮิตหญิงโคมเขียว โดยค่าบริการช่วงรัชกาลที่ 5-6 นั้นแบ่งตามเกรดของสถานที่และผู้หญิงที่จะเข้ามาบริการ ราคาต่ำสุดเพียงแค่ 2 สลึง สูงสุด 1 บาท อันนี้เป็นเรตลูกค้าชาวไทย แต่หากเป็นลูกค้าญี่ปุ่น ฝรั่ง ราคาก็จะปรับขึ้นไปเป็นชั่วคราว 2 บาท ตลอดคืน 4 บาท เป็นต้น
หมายเหตุ ที่มา https://www.silpa-mag.com/history/article_11593 และ ย้อนรอยประวัติ ร้านโคมเขียวหอนางโลมกลางเมืองกรุงBy Admin on Tuesday, September 24, 2019
ปฐมบทของหญิงคนชั่วเริ่มจาก บุหลัน เมียบ่าวขุนพิทักษ์ อายุสิบห้าปีมีเชื้อสายจีน บิดามารดาเสียชีวิตไปหมดแล้ว หล่อนเป็นเด็กกำพร้าโตมาในเรือนท่านขุนจนได้เป็นเมียบ่าวของท่านซึ่งท่านรักและเอ็นดูมาก ทำให้เมียเอกของท่านไม่พอใจจึงใส่ร้ายหล่อน หาว่าหล่อนคบชู้สู่ชาย จึงขับไล่หล่อนออกจากเรือน แต่ท่านขุนกลับขายหล่อนให้กับโรงหญิงคนชั่ว หรือที่เรียกว่า ซ่อง ตามคำแนะนำของเมียเอก
‘จะขับไล่ออกไปเปล่าๆ ทำไม ในเมื่อมันร่านก็ให้ไปเป็นหญิงโสเภณีเสียสิ’
‘จริงของหล่อน แม่บุญพูดได้มีเหตุผล ไปรับชำเราบุรุษสนองความร่านเสียเถิด’
เวลานั้นบุหลันไม่รู้ว่าท้อง เหม่ยเซียนหรือเซียนลูกสาวหล่อนจึงเกิดและโตในซ่อง ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าเป็นเด็กผู้ชาย มีแต่เพื่อนสนิทบุหลันไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นผู้หญิง ขุนพิทักษ์เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีลูกกับบุหลัน บุหลันก็ไม่ได้บอกใครๆ ว่า เหม่ยเซียงเป็นลูกใคร เพราะตัวหล่อนเองก็ไม่รู้ เนื่องจากก่อนจะออกมาจากเรือนได้ถูกเพื่อนท่านขุนกับเพื่อนของเมียเอกท่านขืนใจ หล่อนจึงปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของลูกค้าที่มาเที่ยวซ่อง ประกอบกับเหม่ยเซียนมีใบหน้าคมเข้มราวกับมีเชื้อสายแขก ชวนให้คิดว่าเป็นลูกของแขกฟั่นเชือกซึ่งมาหาความสุขกับบุหลันอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งเหม่ยเซียนอายุได้สิบห้าปีก็อยู่ในคราบของหนุ่มน้อยหน้าคมหวาน เด็กสาวเนื้อหอมในคราบของเด็กหนุ่ม ใครที่ได้เห็นและรู้จักเป็นต้องตกหลุมรักเสียทุกราย หรือไม่ก็เป็นที่อิจฉาริษยาของหนุ่มๆ เพราะหน้าตาดีเกินกว่าชายใด กระทั่งข่าวลือไปถึงหูขุนนางผู้หนึ่งซึ่งได้ชื่อว่านิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกัน
ขุนนางผู้นั้นมีชื่อว่า คุณราม หรือ พระยาพลเทพ (ราม) ได้ส่งคนมาสู่ขอ เหม่ยเซียน ไปเป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัว หมายเหตุ ในสมัยโบราณ ขุนนางข้าราชการสยามเคยได้รับการแต่งตั้งให้มี “ยศ” และ “ราชทินนาม”
“ยศ” คือคำนำหน้า บ่งบอกระดับสูงต่ำของตำแหน่ง เช่น ขุน หลวง พระ พระยา หรือเรียกด้วย “ภาษาปาก” ก็คือ ท่านขุน คุณหลวง คุณพระ และเจ้าคุณ
ส่วน “ราชทินนาม” เป็นคำไพเราะที่ร้อยเรียงขึ้นมาใช้เป็นชื่อเฉพาะสำหรับตำแหน่งหน้าที่นั้นๆ
ตัวอย่างเช่นเสนาบดีที่บัญชาการกรมนา ส่วนใหญ่มักได้รับแต่งตั้งให้เป็น “พระยาพลเทพ” เสมอ
ดังนั้น ถ้าเห็นพงศาวดารออกชื่อใครสักคนหนึ่ง เช่น “พระยาพิชัย” ย่อมต้องตรวจสอบให้ดีว่าหมายถึง “พระยาพิชัย” ท่านไหนกันแน่ เพราะตำแหน่งราชการมีการแต่งตั้งโยกย้ายกันตลอดเวลา
วิธีการอย่างหนึ่งเพื่อช่วยระบุอัตลักษณ์ คือการกำกับชื่อตำแหน่งและราชทินนามด้วยชื่อเดิมหรือ “ชื่อตัว” อย่างเช่น เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ผู้ทำหน้าที่บรรณาธิการแปลพงศาวดารจีน “สามก๊ก” สมัยต้นรัตนโกสินทร์ นั่นคือโดยหน้าที่ราชการ ท่านเป็นเจ้าพระยาพระคลัง แต่ชื่อจริงของท่านชื่อ “หน”
เหตุการณ์หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร พระยาพลเทพ (ราม) ซึ่งมีข่าวว่านิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกัน จะขอเหม่ยเซียนไปเป็นบ่าว หรือ ขอไปทำอะไรกันแน่ ขออุบไว้ก่อน มีพล็อตแน่นอนแล้ว แต่จะมีเวลาเขียนไหม ต้องรอดูกันจ้า
ผลงานอื่นๆ ของ nuptong ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ nuptong
ความคิดเห็น