ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Engineer Romance ศิลปกรรมขอเกียร์ เอนจิเนียร์ขอใจ END

    ลำดับตอนที่ #6 : Episode - 4 - เพลงรักเพลงแรก [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.04K
      327
      8 พ.ค. 66

     ร้านกาแฟข้างมหาวิทยาลัย

    “พี่พราวแน่ใจนะคะว่าพี่รามมาทานกาแฟร้านนี้ประจำ เอยมารอตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่เห็นมาเลย”

    [แน่ใจจ้ะน้องเอย รามแวะร้านนี้ทุกเช้า]

    “โอเคค่ะ ถ้าพี่พราวมั่นใจงั้นเอยจะรอต่ออีกหน่อย”

    ฉันกดวางสาย หันมองนาฬิกาข้อมือที่บอกว่าอีกไม่ถึงสิบนาทีฉันจะไปเช็กชื่อคลาสเช้าไม่ทัน

    “มารอรามเหรอจ๊ะ อีกเดี๋ยวรามก็น่าจะมาแล้ว ปกติรามมาประเดิมร้านเป็นคนแรก ๆ ของทุกวันจ้ะ” ฉันหันไปยิ้มให้พี่เจ้าของร้านคนสวย แอบเขินนิดหน่อยที่ถูกจับได้ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักและยุ่งกับการจัดร้านต่อ

    “ร้านสวยมากเลยค่ะ กาแฟก็อร่อยเอาไว้เอยจะมาบ่อย ๆ นะคะ”

    “ยินดีเลยค่ะ”

    พี่เจ้าของร้านมีกันอยู่สองคนเป็นคู่แฟนหล่อสวยทั้งคู่ ภายในร้านตกแต่งแบบมินิมอลสีขาวเขียวสบายตา พี่พราวบอกว่าพี่ผู้ชายเจ้าของร้านเป็นรุ่นพี่วิศวะของพี่รามนี่เอง แก๊งราชันเอนจิเนียร์แวะเวียนกันมาบ่อยครั้ง แต่พี่รามผู้รักการดื่มกาแฟจะมาที่นี่ทุกเช้า

    ฉันนั่งอ่านห้าวิธีการมัดใจทำให้เจ้านายรักเจ้านายหลงที่จดบันทึกไว้ในสมุดไดอารี่เล่มเล็กอีกรอบ หลังจากนั่งสรุปมาจากในกูเกิลเมื่อคืน ก็ในเมื่อขึ้นหลังเสือมาแล้วเราก็ต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่ถึงจะถูก

    “ข้อแรกมีความตรงต่อเวลา” ข้อนี้ติ๊กถูกเพราะฉันไม่เคยสาย

    “ข้อสองรับผิดชอบต่อหน้าที่ช่วยงานเจ้านายให้เกิดความสำเร็จและประโยชน์สูงสุด” ข้อนี้ก็ไม่บกพร่องถึงแม้จะต้องพิมพ์งานหามรุ่งหามค่ำฉันก็ไม่หวั่น

    “ข้อสามคิดบวกพูดบวกและคิดก่อนพูดเสมอ” อันนี้ก็ไม่ยาก ฉันไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้ายอยู่แล้วถ้าไม่มีคนมาหาเรื่องกันก่อน

    “ข้อสี่ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีและเป็นผู้นำเมื่อถึงเวลาจำเป็น” ฉันเก่งเรื่องฟังคนอื่นมากแต่ทำตามหรือไม่ก็ว่ากันอีกที

    “ข้อห้าทำความรู้จักเจ้านาย เอาใจให้เป็น” มันเลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงเสี่ยงเช็กชื่อคลาสเช้าไม่ทันแล้วมานั่งอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งนี้

    กริ้ง กริ้ง เสียงประตูเปิดขึ้น และฉันก็แอบเห็นว่าเงาสูงที่เข้ามาคือพี่รามจริง ๆ ด้วยเลยแกล้งยกนิตยสารมาอ่านบังหน้าไม่ให้คนขี้หงุดหงิดจับได้ตั้งแต่แรกเห็น

    “วันนี้มาสายนะน้องราม” พี่เจ้าของร้านคนสวยทักทายพี่รามอย่างคุ้นเคย

    “วันนี้รถโคตรติดเลยพี่ออย”

    “นี่จ้ะกาแฟ”

    “เดี๋ยวนี้ทำรอลูกค้าเลยเหรอครับ”

    “เปล่า มีคนสั่งไว้ให้”

    “ใครครับ?”

    “เอยเองค่ะ”

    ฉันยืนอยู่ด้านหลังพี่รามโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว แล้วพอเขาหันมาเห็น คนร่างสูงก็ย่นคิ้วใส่เหมือนเด็กถูกขัดใจ

    “พี่พราวบอกว่าพี่รามชอบดื่มอเมริกาโน่เพิ่มช็อตกาแฟไม่ใส่น้ำตาลร้านนี้มาก แล้วก็มาทุกเช้าก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เอยเลยมาสั่งไว้ให้เพราะรู้ว่าช่วงนี้พี่นอนดึกทำโปรเจกต์ทั้งคืน”

    “แต่พี่ว่าแค่รอยยิ้มของน้องเอย กาแฟไอ้รามมันก็หวานไปหมดแล้วนะ” พี่ผู้ชายเจ้าของที่จัดร้านอยู่เข้ามาร่วมวงแซวด้วยจนทำให้ฉันยิ้มหวานส่งให้คนหน้ายักษ์ที่ตีหน้าเข้มกว่ากาแฟในมือ

    “ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”

    “มึงว่ากูเหรอไอ้ราม”

    “เปล่าพี่เต้ผมว่ายัยนี่ต่างหาก ใครจะกล้าว่าพี่ประธานนักศึกษาในตำนาน ผมมีคุยงานกับอาจารย์ต่อไปก่อนนะ”

    “ไปก่อนนะคะ ไว้พรุ่งนี้เอยมาอุดหนุนใหม่”

    พี่รามก้าวเท้าออกจากร้านรวดเร็วเหมือนอยากจะหนีหน้ากัน แต่ฉันก็ยังตามออกมาด้วย

    “เอาไป”

    “เอยเลี้ยงค่ะ” ฉันผลักมือพี่รามที่มีแบงก์ห้าสิบยื่นมาให้

    “จะติดสินบนหรือไง เธอนี่ถนัดแต่เรื่องผิดกฎหมายนะรู้ตัวปะ”

    “โห ตื่นเช้ามาเขาให้คิดดีพูดดีนะคะ คนอุตส่าห์ตั้งใจมาเอาใจแต่เช้า จนยอมเข้าเรียนสายเลยนะเนี่ย”

    “ไม่ได้ขอปะ”

    “ค่ะ เอยมันเสือ...เสนอหน้าเอง”

    “หวังว่าพรุ่งนี้คงไม่เจอเธอที่นี่อีกนะ”

    “พี่รามเป็นเจ้าของร้านเหรอคะ”

    “นี่!”

    “รีบไปคุยงานไม่ใช่เหรอคะ เอยก็รีบไปเรียนค่ะ เจอกันตอนเย็นนะคะ”

     

    ห้องสมุดกลางของมหาวิทยาลัย

    นับว่าแต้มบุญของเอิงเอยยังคงสูงอยู่พอตัว เพราะวันนี้อาจารย์มารตีติดประชุมด่วนของมหาวิทยาลัย เลยสั่งให้พวกเราทำรายงานกลุ่มโดยที่ไม่มีเช็กชื่อทำให้ที่เข้าเรียนสายไม่มีผลกระทบต่อการเรียน

    “อิจฉาคนที่ไปเจอผู้ชายมาแต่เช้าว่ะ แถมเข้าสายอาจารย์ก็ติดประชุมอีกอะไรมันจะดวงแข็งขนาดนั้นวะ ถามจริงแกบูชาพระวัดไหนเนี่ยยัยเอย ฉันจะเช่ามากราบเช้ากราบเย็นสะสมแต้มบุญบ้าง”

    “ชาติที่แล้วมันไปกู้ชาติมาหรือไงวะ แต้มบุญมันยังไม่หมดสักที”

    “แกลองมาเป็นฉันไหมนังคิมมี่ แบกทั้งสาขาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะเว้ย”

    “แต่ก็ตื่นเต้นใช่ปะ” คิมมี่กับพิมมี่พูดพร้อมกันซึ่งทำให้ฉันแอบหัวเราะเห็นด้วยนิดหน่อย

    “จะว่าไป อาจารย์ไปประชุมก็ไม่เห็นจะต้องสั่งรายงานเพิ่มเลยปะ คิดว่าปีหนึ่งงานน้อยมากหรือไงวะ”

    “โอ๊ยนังพิมมี่ หัดเข้าห้องสมุดหาความรู้ใส่หัวบ้าง แกไม่เห็นหรือไง หนังสือที่นี่ตี๋ไม่แพ้ลานเกียร์เลยนะเว้ย”

    “วนเข้าเรื่องนี้ได้ไงวะ”

    แล้วทั้งสองคนก็เอาแต่นั่งส่องหนุ่ม ๆ ตามเคย

    “อ้าวเอยมาแล้วเหรอ” ฉันยิ้มทักรถเมล์ที่ยกหนังสือกองโตมาที่โต๊ะ “นี่หนังสือที่พวกเราต้องใช้ทำรายงานของอาจารย์มารตีนะ ส่วนที่ทิชาเป็นวิชาอาจารย์กชกรที่ต้องส่งอาทิตย์หน้า”

    ทิชาเองก็ตามมาพร้อมหนังสืออีกกอง

    “โอ๊ย เห็นแล้วอยากแกล้งตายว่ะ งานเยอะชะมัด”

    “ไงแก เจอพี่รามไหม”

    “เจอ หล่อเหมือนทุกวัน”

    “จีบติดยัง”

    “จีบบ้าจีบบออะไร บอกแล้วว่าแผนพิชิตใจเจ้านาย”

    “ต่างจากจีบยังไงวะ”

    “ต่างเว้ย มัวแต่พูดมาก จะทำไหมรายงานเนี่ย”

    “พอเถียงไม่ได้ ก็ทำหงุดหงิดใส่ว่ะ”

    “พูดมาก”

    “เออ ๆ อันนี้ของอาจารย์มารตีหาข้อมูลตามหัวข้อที่รถเมล์แบ่งให้ ส่วนของอาจารย์กชกรฉันยืมหนังสือห้องสมุดแล้ว ค่อยเอากลับไปสรุปเนื้อหาคนละเล่มแล้วเอามาคืนวันศุกร์นี้ ส่วนเอยแกไม่ต้องทำเดี๋ยวฉันทำแทนแกเอง”

    “เฮ้ยได้ไงวะ สองมาตรฐานว่ะ” พิมมี่รีบแย้ง

    “จริง ทำไมยัยเอยไม่ต้องทำไหนเล่าสิ ฉันพลาดอะไรไป”

    “ก็เพราะยัยนี่ทำให้ฉันได้คุยกับพี่อินไง” ทิชายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วกดจิ้มมือถืออีกรอบหาพี่ชายตัวดีของฉัน

    “เฮ้ย เหม็นความรัก” คิมมี่ว่าแล้วดึงหนังสือไปเล่มหนึ่งอย่างหมั่นไส้

    เรื่องตลกคืออะไรรู้ไหม หลังจากที่ฉันแกล้งส่งข้อความไปหาพี่อินแบบนั้นเพื่อแกล้งทิชาเมื่อสามวันก่อน ยัยทิชาก็ได้คุยกับพี่ชายฉันทั้งคืน คุยกันยาวมาสามวันสามคืนแล้วเนี่ย

    ซึ่งฉันโทรไปด่าพี่ชายตัวดีแล้วว่าถ้าไม่จริงจังก็ห้ามยุ่งกับทิชาเด็ดขาด มันดันบอกว่ามันเหงามากไม่มีใครกล้ามาจีบแล้วมันก็ไม่รู้จะไปจีบใคร ได้คุยกับทิชาก็คลิกกันหลายอย่างลงตัวเฉย

    งงมาก งงสุด ๆ มันง่ายแบบนี้เลยเหรอกับการที่เราจะเปิดใจให้ใครสักคน

    “อ้าวน้อง ๆ บังเอิญจัง”

    พวกเราหันไปทางต้นเสียงเห็นพวกพี่ ๆ ราชันเอนจิเนียร์มาทักทายอย่างเป็นกันเองจนโต๊ะอื่นอิจฉา คงมีแต่พี่รามเนี่ยแหละมั้งที่ไม่ดีใจที่เห็นกันอีกรอบหลังจากเพิ่งแยกกันไม่ถึงชั่วโมง

    “สวัสดีค่ะพี่ ๆ มาทำอะไรกันคะ”

    “ดูหนังสือไปทำโปรเจกต์น่ะ พี่ต้องถามพวกเรามากกว่านะว่ามาทำอะไรไม่มีเรียนเหรอ เพราะพวกพี่มาห้องสมุดบ่อยกว่าโรงอาหารจนจะกินหนังสือแทนข้าวอยู่แล้วเนี่ย” พี่ภณตอบเซ็ง ๆ

    “มีเรียนค่ะ แต่อาจารย์ติดประชุมเลยสั่งหัวข้อรายงานแล้วก็ปล่อยให้มาทำเลยค่ะ”

    “เออ รู้แล้วใช่ไหมว่าเย็นนี้ไม่มีรับน้องแต่ให้รวมตัวกันที่ลานมหา’ ลัยแทน”

    “รู้ว่ามีงานแต่ไม่รู้ว่างานอะไรค่ะ”

    “พวกเราจัดคอนเสิร์ตไลฟ์สดระดมทุนช่วยไฟป่าที่กำลังไหม้อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ตอนนี้ เลยจะให้นักศึกษาทุกคนไปร่วมกิจกรรมกัน”

    “คืออาจารย์ประจำภาคพวกพี่เขาจบจากมหา’ ลัยที่เชียงใหม่ แล้วได้รับการติดต่อจากเพื่อนที่เป็นอาจารย์อยู่ที่นั่นว่าตอนนี้มีไฟไหม้ใหญ่ทำให้ต้องการทุนไปซื้อของมาใช้ในการช่วยดับไฟ พวกอาจารย์นัดพวกพี่ไปประชุมเมื่อวานเลยได้มติว่าจะจัดโชว์คอนเสิร์ตก็เลยยกเลิกรับน้องวันหนึ่ง” พี่ศิลาเล่าให้เราฟังเป็นเรื่องเป็นราว

    “จริงเหรอคะ พวกเราเห็นข่าวเหมือนกัน ทิชายังคุยกับเอยอยู่เลยว่าอยากกลับบ้านไปช่วยมาก”

    “บ้านน้องทิชากับน้องเอยอยู่เชียงใหม่เหรอครับ”

    “ใช่ค่ะพี่ศรันย์ นี่บ้านเอยเขาเป็นโรงเรียนสอนด้านนาฏศิลป์ชื่อดัง พรุ่งนี้พี่ชายเอยกับครอบครัวเขาก็จัดงานระดมทุนเหมือนกัน”

    “เยี่ยมเลย”

    “พวกพี่มีนักร้องหรือยังคะ ยัยเอยร้องเพลงเพราะมาก รำก็สวย งานโชว์มันทำได้หมด ถ้าพี่ ๆ อยากได้คนช่วยก็บอกได้นะคะ”

    “ทิชา” ฉันปราม

    “จริงเหรอครับ” พี่ศิลาถามอย่างสนใจ “พอดีพี่อยากได้นักร้องที่เป็นคนเหนือ ที่พูดภาษาเหนือได้จริง แต่ในชมรมดนตรีไม่มีเลย น้องเอยว่างไหมไปช่วยพี่หน่อยสิ”

    “เอาจริงเหรอคะ”

    “จริงสิ มาร้องเพลงช่วยกันนะ”

    “ก็ได้ค่ะ”

    “โอเคงั้นหลังเลิกเรียนเจอกันที่ลานมหา’ ลัยนะครับ”

    “ได้ค่ะ”

    พวกพี่ ๆ ขอตัวไปหาหนังสือ ส่วนเพื่อนฉันก็ดีใจจนเนื้อเต้นเหมือนจะเป็นคนไปร้องเพลงซะเอง รายงงรายงานทิ้งกันหมดทุกอย่างแล้วเอาแต่คุยกันเรื่องนี้

    “อย่าให้การเรียนทำให้กิจกรรมล่าผู้เราเสียหาย”

    “จริงแม่ สโลแกนเริดมาก”

    “เย็นนี้แกจะต้องสวยจนคนตะลึง”

    “เพื่อ?”

    “คิดดูนะ แกเปรียบเสมือนหน้าตาของสาขาเลยนะเว้ย วันนี้เด็กคณะอื่นต้องมาเยอะแน่ แล้วอีกอย่างฉันจะต้องทำให้พี่รามถูกมนตร์สะกดจากแกให้ได้”

    “ทำยังไงเหรอคิมมี่” รถเมล์เองยังอดสงสัยไม่ได้

    “รอชมเลยจ้ะเพื่อน ๆ จะแต่งให้แบบว่าเอเลี่ยนมองจากดาวอังคารมาก็ต้องตกหลุมรักยัยเอยเลย”

    “เพ้อเจ้อ”

    หลังเรียนคลาสบ่ายเสร็จฉันก็ถูกจับแต่งหน้าทำผมใหม่โดยคิมมี่ซาลอนจนครบกระบวนการ ทุกคนยกนิ้วโป้งให้ทั้งหมดสี่ผ่าน

    “เป๊ะ ปัง อลังการมากค่ะลูกสาว”

    “เกินไปไหมเนี่ยคิมมี่ แค่ไปร้องเพลงทำไมต้องจัดเต็มวะ”

    “ศึกครั้งนี้มันใหญ่หลวงนัก แกถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของสาขาเราเลยนะเว้ยน้อยหน้าไม่ได้ อีกอย่างวันนี้เราจะคิลผู้ชายทุกคณะโดยเฉพาะพี่ราม แกต้องเก็บบอสให้ได้เข้าใจไหม”

    “นี่แกให้ฉันไปเป็นนักร้อง หรือดาวยั่วเนี่ย”

    “ก็เป็นนักร้องแบบยั่ว ๆ บด ๆ ไง” ไม่พูดเปล่าแต่มันยังแกล้งกัดปากอ่อย ๆ สอนให้ไปทำบนเวทีอีกด้วย

    “แกจะบ้าเหรอ ใครจะทำแบบนั้น”

    ฉันมาที่ลานมหาวิทยาลัยที่ตอนนี้เริ่มมีคนมาจับจองพื้นที่หน้าลานจากสาว ๆ หลายคณะแล้ว บนเวทีมีพี่ศิลา กำลังปรับจูนเครื่องดนตรีอยู่ ส่วนด้านล่างมีพวกพี่ศรันย์คุมงานด้านหน้าเวที

    “น้องเอย ว้าววันนี้สวยกว่าทุกวันเลยนะ” พี่พราวทักทายเมื่อเจอหน้ากันที่ด้านหน้าเวที

    “ฝีมือคิมมี่เองค่ะพี่พราว จับแปลงโฉมเพื่อสาขาเราเลยนะคะ”

    “เริดมากค่ะคุณน้อง ส่วนอันนี้เป็นบัตรสตาฟไว้ใช้เข้าหลังเวทีนะจ๊ะน้องเอย ไปสแตนด์บายได้เลยเดี๋ยวพี่ตามไป”

    “ได้ค่ะ”

    “สู้ ๆ นะแกพวกเรารอกรี๊ดอยู่หน้าเวที”

    “เออ”

    “อันนี้เป็นรายชื่อเพลงที่น้องเอยขึ้นร้องนะจ๊ะ” พี่พราวส่งลิสต์เพลงสามเพลงมาให้หลังจากที่ฉันนั่งรออยู่ที่ด้านหลังเวทีไม่นาน ซึ่งเป็นเพลงที่รู้จักกันดีและคิดว่าเกือบทุกคนคงร้องตามได้ง่าย ๆ “ทำให้เต็มที่เลยนะ ประกาศศักดาสาขาของเราให้ทุกคนได้เห็น พี่เป็นกำลังใจให้”

    “โอเคค่ะพี่พราว แต่เพลงสุดท้ายมันเหมาะกับผู้ชายจีบผู้หญิงมากกว่าหรือเปล่าคะ”

    “ศิลาบอกว่าเพลงนี้มีคนขอมา เห็นว่าถ้าน้องเอยร้องเขาจะโอนเปย์ระดมทุนให้เยอะเลย”

    “ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

    “พราวพร้อมยัง” พี่ภณเดินหล่อมาแต่ไกลพร้อมไมค์พิธีกรที่ส่งให้พี่พราวและมีพี่รามที่ตามมาติด ๆ สองคนนี้ดูเป็นพิธีกรคู่ที่เหมาะสมกันเหลือเกิน “น้องเอยก็อยู่ด้วย วันนี้ดูสวยกว่าปกตินะ ใช่ไหมไอ้ราม”

    “งั้น ๆ อะ”

    “พราวพร้อมแล้ว” พี่พราวส่งยิ้มตอบกลับพี่ภณ “อยู่ได้ใช่ไหมน้องเอย”

    ฉันกำลังพยักหน้าตอบพี่พราวแต่ถูกคนตัวสูงแขวะเสียงต่ำ

    “โตขนาดนี้แล้วดูแลตัวเองไม่ได้เหรอ”

    “น้องเขายังไม่เคยทำงานร่วมกับคนคณะอื่น ยังไม่รู้จักใครเลย”

    “นี่ไงคะ คนรู้จัก” ฉันชี้ไปที่พี่รามทันทีที่พี่พราวพูดจบ แกล้งให้พี่รามไปไหนไม่ได้นอกจากอยู่เป็นเพื่อนกัน

    “เออจริงด้วย งั้นฝากด้วยนะราม”

    ฉันหัวเราะเมื่อพี่รามทำท่าจะปฏิเสธแต่โดนพี่ภณกับพี่พริบพราวหนีขึ้นเวทีไปแล้ว

    “อะ อะ เดี๋ยวสิคะ จะไปไหนล่ะ”

    “จะไปซื้อน้ำ”

    “อ้อ รีบกลับมานะคะคนรู้จัก”

    บนเวทีมีรุ่นพี่ชมรมดนตรีขึ้นโชว์พร้อมกับพี่ศิลาที่เป็นประธานชมรมแล้ว ฉันเลยนั่งเปิดมือถือเสียบแอร์พอดฟังเพลงพร้อมดูเนื้อเพลงที่ได้รับมอบหมายมาเมื่อกี้เป็นการเตรียมตัวและทำสมาธิ

    แต่ขณะที่ฉันฮัมเพลงเพลิน ๆ คนร่างสูงที่เดินหายไปซื้อน้ำก็ยื่นกระป๋องน้ำเป๊ปซี่ส่งมาให้กันอย่างไม่น่าเชื่อ

    “ขอบคุณค่ะ”

    เอาเข้าจริงพี่รามก็เป็นสุภาพบุรุษเหมือนกันนะเนี่ย ถึงบางทีจะดูยียวนกวนประสาทแต่ก็เป็นคนดีใช้ได้ ทำแบบนี้แล้วหล่อขึ้นคูณร้อยไปเลยพ่อคุณ สงสัยการที่ฉันยอมเข้าเรียนสายไปซื้อกาแฟให้พี่รามคงทำให้พี่เขาเห็นความจริงใจกันบ้าง

    กฎห้าข้อนั้นเวิร์กจริง ๆ ทำตอนเช้าได้ผลตอนเย็น เห็นผลทันตา

    “ขอบคุณทำไม ฉันให้เธอเปิดให้ มือเลอะ”

    เพล้ง!

    ฉันกลอกตามองบนก่อนจะเปิดกระป๋องน้ำเป๊ปซี่แล้วส่งกลับไปให้เจ้าของ คนรับกระดกดื่มแบบเย็นชื่นใจโดยไม่ชวนกันดื่มสักคำ

    “หิวน้ำไหม”

    “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” ยังดีที่ถาม

    “ขอบคุณทำไม จะบอกว่าถ้าหิวก็ไปซื้อที่โรงอาหาร”

    เพล้งที่สอง!

    และเหมือนเพิ่งคิดได้ว่าไม่ควรยืนอยู่ใกล้คนรู้จักคนนี้เลยให้ตาย ทำลายสมาธิสิ้นดี

    “จะไปไหน ไหนว่าไม่รู้จักใครรู้จักฉันแค่คนเดียวไม่ใช่เหรอ”

    “จะไปซื้อน้ำ” ฉันประชด แต่ก็ออกมาหาน้ำดื่มจริง ๆ นั่นแหละ

    พอซื้อน้ำอัดลมกลิ่นองุ่นของโปรดเสร็จกำลังจะกลับไปที่หลังเวที ก็เจอแก๊งพี่ไลลาที่มาขวางไว้ก่อน

    “สวัสดีค่ะ” ตามมารยาทเมื่อเผชิญหน้าแบบเลี่ยงไม่ได้ ฉันก็ต้องทักทายคนกลุ่มนี้ไปก่อนถึงจะไม่อยากไหว้ให้เสียมือก็ตาม

    “ไง ได้ข่าวว่าได้ขึ้นโชว์ด้วย ไปทำอีท่าไหนล่ะ” พี่ไลลายกป้ายสตาฟขึ้นดู

    “ก็คงใช้เส้นยัยพราวนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่ได้เฉียดเข้าใกล้ราชันเอนจิเนียร์หรอก”

    “ไม่ใช่ค่ะ เอยบังเอิญเจอพี่ศิลาพี่เขาเลยชวนมาร้องเพลงเพื่อทำบุญ”

    “พยายามเต็มที่เลยสินะ เธอน่ะ”

    “ค่ะ เวลาเอยทำอะไรเอยเต็มที่ทุกอย่าง”

    “ขอให้โชคดีนะ ฉันรอขอโทษเธอต่อหน้าทุกคนไม่ไหวแล้ว” พี่ไลลากับเพื่อนหัวเราะเยาะใส่กันเหมือนว่าสิ่งที่ฉันทำอยู่ไม่มีทางเป็นจริง ฉันจิกกระโปรงแน่นข่มใจให้ไม่ด่ากลับอยู่นานสองนาน

    พอกลับมาหลังเวทีก็เห็นพี่รามนั่งอยู่ไม่ไกลจากที่เดิม เขากำลังคุยกับพี่มิวนิคที่อยู่หน้าจอโน้ตบุ๊กดูเรื่องยอดการโอนเงิน ส่วนพี่ศิลาก็เพิ่งลงจากเวทีมาเหงื่อเต็มตัวเพราะว่าตีกลองกับร้องเพลงสุดท้ายให้วงแรกที่ขึ้นไปเปิดการแสดงเพิ่งเสร็จ

    “ตอนนี้ยอดบริจาคได้เท่าไรแล้ววะ”

    “ขึ้นแสนแล้ว”

    “พูดจริงปะเนี่ย สุดว่ะ น้ำใครวะกินได้ปะ”

    “กูซื้อมาเอง มึงกินไปเลย”

    เพิ่งรู้ว่าพี่รามซื้อน้ำมาสองกระป๋องแต่ไม่ยอมแบ่งกัน ขอยกเลิกที่ชมว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษและคนดี นี่มันคนกวนประสาทชัด ๆ

    “เดี๋ยวน้องเอยขึ้นต่อจากวงนี้นะครับ ตื่นเต้นไหม”

    “นิดหน่อยค่ะ”

    “เพลงสุดท้ายนี่จะเป็นดนตรีแบบอะคูสติกนะครับ น้องเอยร้องกับมือกีตาร์สองคน”

    “ถ้างั้นเอยขอเล่นกีตาร์ด้วยได้ไหมคะ”

    “น้องเอยเล่นกีตาร์เป็นเหรอ” ฉันพยักหน้า “เท่เลย เอาตามนี้”

    “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ว่าแต่ใครขอมาเหรอคะ เห็นพี่พราวบอกจะเปย์เงินบริจาคให้หนัก”

    “ก็คนรวยผู้ไม่ประสงค์ออกนามน่ะ”

    “อ๋อ โอเคค่ะ”

    “เตรียมตัวนะ พี่ไปหาไอ้รามก่อน”

    “ค่ะ”

    แล้วพอถึงเวลาจริงมันก็ตื่นเต้นขึ้นมากกว่าเดิมนิดหน่อยเพราะเพิ่งเห็นว่านักศึกษาเยอะมาก

    “สวัสดีเจ้า น้องจื่อเอิงเอยจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขานาฏศิลป์ไทยปีหนึ่ง ฝากเนื้อฝากตั๋วด้วยนะเจ้า”

    “น่าฮักขนาด” เสียงตอบรับดังมาก ๆ จนฉันเขินเลย

    “เพลงแรกร้องได้ช่วยกันร้องนะคะ”

    จากนั้นดนตรีเพลงแรกก็ขึ้น...

    แต่ก่อนแต่ไร ไปแอ่วต่างได๋กัน

    เฮาก็ไปโตยกัน ตึงวันแสนม่วนใจ๋

    พอพบฮู้จักสาวชาวกรุงบ่เต้าใด

    อ้ายก็ไปเอาอกเอาใจ๋แต่เขา

    คือทุกคนช่วยฉันร้องแบบดังมากทำให้ความตื่นเต้นมันน้อยลงและคุมสติได้ดี

    “น่าฮักขนาด” หลังจบเพลงแรกที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ช่วยกันร้องทำให้ฉันเริ่มชินเวที “ใครที่ยังไม่ได้บริจาคตอนนี้หยิบมือถือขึ้นมาบริจาคได้ตามหมายเลขบนจอด้านบนเลยนะคะ มาร่วมทำบุญด้วยกันนะคะ”

    “แล้วทำบุญกี่บาทถึงจะได้เป็นแฟนน้องเอิงเอยครับ” ฉันยกมือทาบอกเมื่อหน้าเวทีตะโกนขึ้นมา ทำให้คนอื่นหัวเราะชอบใจและเสียงแซวก็ดังไม่หยุด

    “มาฟังเพลงที่สองเลยดีกว่านะคะ”

    มันเป็นเพลงแอบชอบ ของละอองฟองที่โด่งดังแต่เป็นเวอร์ชันภาษาเหนือที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู แต่สำหรับเด็กเหนืออย่างฉันฟังบ่อยมากเพราะคาเฟ่ชอบเปิดในตอนที่เพลงนี้ดัง

    เจ๊าแล้ววันนี้ยังบ่อขวาย ลุกมาก็ฮ้องเพลงถึงตั๋ว

    กึ๊ดเอาไว้ตัวโน้ตบ่อหื้อหาย กึ๊ดมาจากหัวใจ

    ขอฮื้อตัวโปรดฟังนะคนดี

    บะหู้บะเด่วนี้ตัวมีไหน บ่อฮู้ว่าหัวใจ ของตั๋วกึ๊ดเติงไผ

    ฮู้ไหมว่าเปิ้นก่อหวั่นไหว

    ก่อตางในหัวใจเปิ้นกึ๊ดเติงก้าตั๋วนะ คนดี

    อู้แต๊แต๊ เปิ้นบ่ อาจฮู้ได้

    แม้ว่าตั๋วนั้นบ่ฮู้จักเปิ้นสัก กำ

    แต่เปิ้นก่อฮักเมาตั๋วบ่ใจ้น้อย หัวใจเปิ้นยังเฝ้ารอ

    และเฝ้ากอย เฝ้ากอยหื้อตั๋วผ่อมา

    อู้กับเปิ้นสักกำได้ก่อ ว่าตั๋วก่อกึ๊ดอยู่หน่อย ๆ

    ว่าตั๋วก่อฮักเมาเปิ้นบ่ใจ้น้อย หื้อใจเปิ้นได้ชื่นฉ่ำ เมื่อเฝ้ากอย

    เฝ้ากอยหื้อตั๋วผ่อมา ผ่อเปิ้นสักกำ

    หลังจากจบเพลงที่สองที่มีหนุ่ม ๆ ตะโกนเชียร์เสียงดัง ก็มาถึงเพลงสุดท้ายที่พี่ศิลาขอดนตรีแบบอะคูสติกมีเพียงกีตาร์สองตัว ด้านหลังของฉันเตรียมกีตาร์กับเก้าอี้ขึ้นมาบนเวที

    พอพี่ศิลาเอากีตาร์มาให้กันเสียงกรี๊ดก็ดังอีกครั้ง ฉันนั่งที่เก้าอี้ปรับสายกีตาร์ให้เป็นในแบบที่ต้องการ โดยที่ข้าง ๆ พี่มือกีตาร์อีกคนยังไม่ขึ้นมา

    “ระหว่างรอโชว์แสนพิเศษจากน้องเอิงเอยนะคะ เราย้ำหมายเลขการโอนเพื่อช่วยไฟไหม้ป่าที่จังหวัดเชียงใหม่กันอีกรอบดีกว่านะคะภณ”

    “ใช่ครับพราว หมายเลขในการโอน xxx อย่ามัวแต่ชมกันเพลินนะครับตอนนี้ยังโอนกันเข้ามาได้เรื่อย ๆ ส่วนท่านผู้ชมที่ชมผ่านไลฟ์สดของทางมหา’ ลัยก็สามารถโอนมาได้เช่นเดียวกันนะครับ”

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด” แล้วด้านล่างก็ทำให้ฉันตกใจ เพราะเสียงกรี๊ดที่ดังสนั่นบวกกับปฏิกิริยาความตื่นเต้นของสาว ๆ หน้าเวทีนั้นทำให้ฉันต้องหันไปมองทางด้านหลัง แล้วก็เข้าใจว่าทำไมสาว ๆ ถึงกรี๊ดหนัก

    พี่รามถือกีตาร์มานั่งข้างฉัน คือไม่ได้เตรียมใจว่าจะเป็นเขานึกว่าจะเป็นรุ่นพี่นักดนตรีวงที่เล่นเมื่อกี้ที่จะมาเล่นกีตาร์คู่กับฉันเสียอีก ถ้าให้บอกตามตรงก็แอบเขินนิดหน่อยที่ต้องร้องเพลงโดยมีพี่รามนั่งอยู่ข้างกันแบบนี้

    พี่รามวางคอร์ดให้กันตรงด้านหน้า ระหว่างนี้ฉันเลยคิดว่าควรแนะนำคนข้าง ๆ ตามมารยาท

    “ขอเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดให้กับพี่รามด้วยค่ะ”

    “สวัสดีครับ ราม รามิลวิศวกรรมฯ ปีสี่”

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

    “ก็อย่าลืมบริจาคกันเข้ามาเยอะ ๆ นะครับ” หลังจากพี่รามพูดจบก็เคาะเสียงให้จังหวะแล้วเราก็เริ่มเพลงไปพร้อมกัน

    วอนหื้อลมจ้วยพัดหัวใจอ้ายลอยไป

    จากดินแดนถิ่นเหนือตี้ไกลแสนไกล

    สุดขอบฟ้าตี้ไกลแสนไกลล่องลอยไป

    วอนหื้อลมจ้วยพัดหัวใจอ้ายไปหื้อถึง

    มันเป็นเพลงดังในช่วงไม่กี่เดือนนี้ที่พี่ชายฉันชวนร้องแปลงจากภาษากลางเป็นภาษาเหนือ เนื่องจากรีสอร์ตมีงานช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมาพวกเราเลยจัดเวทีดนตรีเล็ก ๆ ร้องให้แขกฟัง ทำให้รอบนี้พอฉันเปลี่ยนมาร้องเป็นภาษาเหนือทั้งมหาวิทยาลัยก็กรี๊ดส่งเสียงเชียร์กันดังกว่าเดิม

    ฝากดวงใจ๋อ้ายลอยล่องไปบนนภา

    สุดขอบฟ้าหัวใจอ้ายจะไปถึง

    ได้สบตาแค่เพียงครั้งหนึ่ง

    หัวใจอ้ายแทบติดตรึง

    เผลอรำพึงรำพันถึงแม่นวลน้อง

    พี่รามร้องคลอฉันด้วยแต่เป็นภาษากลางไม่น่าเชื่อว่ามันเข้ากับภาษาเหนือของฉันลงตัวเป็นที่สุด

    แก้มน้องนางนั้นแดงเหลือไผ

    ใจอ้ายจมแทบพสุธา

    ดวงฤทัยหรือดวงแก้วตา

    ดุจดวงดาราดวงดาวดวงไหน

    วอนหื้อจายกู้คนเดินผ่าน

    วอนหื้อใจน้องไม่มีใคร

    วอนหื้อลมพัดพาหัวใจอ้ายไปถึง

    จนจบเพลงเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือก็ดังไม่หยุดเลย

    “ครบเครื่องจริง ๆ นะคะ สาวน้อยมหัศจรรย์ของเราตกหัวใจหนุ่ม ๆ กันไปเป็นแถวเลยใช่ไหมคะ จากสาขานาฏศิลป์ไทยของพราวเองค่า ขอเสียงให้น้องเอิงเอยอีกรอบนะคะ”

    “ก่อนลากันไปมีอะไรอยากฝากถึงหนุ่ม ๆ หน้าเวทีไหมครับน้องเอย”

    “ขอบคุณนะคะ ขอบคุณทุกคน ขอบคุณพี่ราม พี่ศิลา พี่พราว พี่ภณ พี่ ๆ ทีมงานวันนี้ทุกคนเลย ยังไงก็อย่าลืมช่วยกันบริจาคเข้ามานะคะแล้วก็มีโชว์ดี ๆ รออยู่อีกเพียบเลยขอหื้อม่วน ๆ เน้อ”

    “น่าฮักกกกขนาดดดดดดด”

    ฉันลงจากเวทีตามหลังพี่รามลงมา ซึ่งเขาลงไปขั้นสุดท้ายแล้วก็ยื่นมือมาให้ฉันจับเพราะบันไดเวทีมันค่อนข้างชัน

    ฉันเลยยื่นมือไปเหมือนจะจับแต่เปลี่ยนใจแกล้งทำยกมือกลับมาเกาหัวแล้วเดินลงไปเองโดยไม่จับมือของเขา หักหน้าที่เขาแกล้งให้ฉันเปิดกระป๋องน้ำเป๊ปซี่เมื่อเย็น

    “น้ำครับน้องเอย น้องเอยรู้ไหมว่ายอดขึ้นมาอีกหนึ่งแสนห้าหมื่นเพราะน้องเอยเลยนะ”

    “จริงเหรอคะ”

    “ตัวเงินตัวทองไง” พี่รามแขวะทำให้ฉันหันไปทุบเขาเบา ๆ ทีหนึ่ง

    “มึงเนี่ยนะ หุบปากไปเลย” พี่ศิลาหันไปดุเพื่อน “วันนี้ขอบคุณมากเลยนะ น้องเอยรีบไปไหนต่อหรือเปล่า”

    “เปล่าค่ะ”

    “เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวหลังจบงาน อยู่ก่อนนะ”

    “แต่ว่า...”

    “ไปเถอะนะน้องเอย พราวก็ไป”

    “ไปที่ไหนเหรอคะ”

    “เออไปร้านไหนดีวะ กว่าจะสรุปยอดตรงนี้จบน่าจะมืด” พี่ศิลายิ้มเจ้าเล่ห์ไปทางพี่ราม “กูรู้แล้ว...ห้องมึงไง”

    “ไม่เอา” เจ้าของห้องปฏิเสธทันควัน

    “ก็ห้องมึงกว้างสุด วิวก็ดี ไม่ได้ไปตั้งนานแล้วด้วย” พี่ศรันย์ช่วยเสริม

    “กูไม่ชอบพาคนแปลกหน้าเข้าห้อง มึงก็รู้”

    “ใครวะคนแปลกหน้า นี่น้องเอยแล้วมึงก็รู้จักแล้วด้วย เอาเป็นว่าห้องมึงแหละ จบ จะได้ไม่ต้องหาที่ใหม่” พี่ศิลาสรุปแทนเจ้าของห้อง

    “มึง”

    “น้องเอยสรุปว่าตกลงไปใช่ไหมครับ” พี่ศิลาหันมาถามกันอีกรอบ

    “เอ่อ...ก็ได้ค่ะ” คำว่าเกียร์ตะโกนดังขึ้นมาในหัวของฉันเลยจ้า ฉันว่าเกียร์ต้องอยู่ในห้องแน่ ๆ

    “ไปไอ้ศรันย์ ไปช่วยไอ้มิวมันดูยอดต่อ จบงานจะได้รีบเคลียร์ยอดกับอาจารย์นิติ”

    “ไอ้ห่าศิ” พี่รามโวยวายใส่เพื่อนที่หนีไปแล้ว ก่อนจะพาลมาลงที่ฉัน “ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่”

    “คิดอะไร?” ฉันแกล้งหัวเราะทำตาใสซื่อ

    “ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้”

    “คิดมากน่า” คนขี้โมโหแสดงสีหน้าไม่พอใจแล้วหนีไปด้านหน้าเวทีแทน

    ฉันเลยรีบส่งข่าวให้เพื่อนในกลุ่มรู้ทันที พวกนี้แทบจะลงแดงตายคาไลน์ ด้วยความอิจฉาตาร้อน

    Line

    Ti-Cha: แกมันทำบุญด้วยอะไรวะ อิจฉาโคตร ๆ พาฉันไปด้วยคนสิ

    Kimmy: แม่จะไม่ทนค่า เมื่อกี้บนเวทีผู้ชายก็มองแกตาไม่กะพริบ จนเพจคนดังมหา’ ลัยเอาโซเชียลยัยเอิงเอยมาแจกทั้งเฟซบุ๊ก ไอจี ทวิตเตอร์ เพื่อนดังไปแล้วจ้า นี่มาขิงอีกว่าได้ไปคอนโดพี่ราม สวรรค์ทำไมเข้าข้างคนบาป

    Pimmie: แกไปถามพี่ศิลาสิ ต้องบริจาคกี่บาทถึงจะได้บัตรเชิญเข้าคอนโดพี่ราม นี่เป็นติ่งมาทั้งชีวิตเสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับเลยค่า

    Rot-May: ทำบุญอย่าหวังผล เพราะเราจะไม่ได้บุญ

    ฉันหัวเราะตรงประโยคสุดท้ายของรถเมล์ ก็คือปิดประโยคสนทนาได้ดีทุกรอบ

    Me: ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะใช้แต้มบุญที่มีไปสนุกกับพวกพี่ ๆ เขาแทนพวกแก น่าจะได้มากกว่าจับแขนแน่นอน

    Pimmie: นี่แกกำขิงมาเกิดหรือเปล่าเนี่ย ขิงเก่ง ขิงมายกสวนเลยจ้าแม่

    Kimmy: ขออนุญาตลบเพื่อน ออกจากกลุ่มค่ะ

    Ti-Cha: เบาได้เบา อยากให้แม่แกมาเห็นไลน์นี้จังเว้ย

    Rot-May: (ส่งสติกเกอร์แอบดูอยู่ห่าง ๆ มาแทนคำพูด)

    Me: ฉันล้อเล่น ที่ไปเพราะฉันจะไปตามหาเกียร์มาให้พวกแกนี่แหละ

    Ti-Cha: หาเรื่องเก่ง รอบนี้ถ้าถูกจับอยากกินอะไรพูด

    Kimmy: คิดว่าเป็นวันเดอร์วูแมนหรือไงยัยเอย ไม่กลัวอะไรบ้างเลย

    Pimmie: ยอมใจ ชอบเอเนอร์จี้คนสู้ไม่ถอย สู้ ๆ นะแก

    Ti-Cha: พระคุ้มครองจ้าเอย

    สาธุ รู้สึกเหมือนจะไปออกรบเลย

    ต้องบอกว่าตลอดเวลาที่คุยกับเพื่อนมีคนแอดเฟซบุ๊กมาตลอด และยอดกดติดตามโซเชียลฯ ก็หลั่งไหลมาทุกทางจนมันเด้งแจ้งเตือนไม่หยุดเลย ไม่คิดว่าแค่ขึ้นร้องสามเพลงจะเป็นที่รู้จักเร็วขนาดนี้

    หลังจากที่จบงานพวกพี่ราชันเอนจิเนียร์ก็อยู่เคลียร์เรื่องเงินให้อาจารย์ จนหน้าเวทีไม่มีคนแล้ว พอได้ยอดรวมทั้งหมดก็เริ่มทยอยกันไปยังโรงจอดรถคณะวิศวกรรมศาสตร์

    “งั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่คอนโดไอ้รามเลยนะ เดี๋ยวขอไปคุยกับอาจารย์นิติก่อนแกโทรมาตาม” พี่ศิลาหันมาบอกแล้วแยกไปคนแรก

    “น้องเอยไปกับพี่ไหม” พี่ศรันย์มาชวนอย่างเป็นกันเอง “เพราะว่าพราวไปกับไอ้ภณ ซึ่งรถมันนั่งได้แค่สองคน”

    “แต่มึงขับบิ๊กไบก์มานะ น้องเขาใส่กระโปรงไม่เหมาะมั้ง” พี่มิวนิคพูดแทรก

    “เออว่ะ กูลืมคิด งั้นให้น้องไปรถมึงแล้วกันไอ้มิว”

    “กูเพิ่งซื้อหนังสือมาใหม่ ยังไม่ได้เอาลงจากรถเลย ไม่มีที่นั่งว่ะ”

    “มึงนี่นะ ที่บ้านจะเปิดห้องสมุดหรือไง” พี่ศรันย์หันมายิ้มเจื่อน ๆ ให้ฉัน ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นคนไม่มีรถไป “งั้นน้องเอยไปรถไอ้รามก็แล้วกันนะ”

    “ถามกูยัง?”

    “ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรค่ะ เอยกลับคอนโดเลยดีกว่า”

    “เฮ้ยน้องเอยไม่ได้ดิ ไอ้ศิลาด่าพวกพี่แน่ถ้าไม่เห็นน้องเอยที่ห้องไอ้ราม เพราะมึงเลยไอ้ราม”

    “เออแม่งใจดำฉิบหาย” พี่ภณแขวะผู้ชายที่ยืนทำหน้านิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    “อย่าแกล้งน้องสาวพราวนะ”

    “ก็ไม่ได้ว่าอะไร จะไปก็ตามมา” คนขรึมพูดเสียงแข็งก่อนจะก้าวขายาว ๆ นำทุกคนไปลิ่วเลย

    “รีบตามไปเลย นาน ๆ มันจะให้คนอื่นขึ้นรถ”

    “ค่ะพี่ภณ เดี๋ยวเจอกันนะคะพี่ ๆ”

    แล้วพอขึ้นมานั่งบนรถพี่ราม อยู่ ๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาทั้งที่ไม่มีสาเหตุ อาจเป็นเพราะว่ามันเงียบมาก และเป็นครั้งแรกที่ได้อยู่กับพี่รามสองต่อสองแบบไม่มีคนอื่นในระยะประชิด ทำให้ฉันแอบลอบมองไปที่พี่รามและคิดหาเรื่องคุยให้มันหายประหม่า

    “พี่คิดว่าตัวเองหล่อไหม”

    “...” คนข้าง ๆ หันมามองเหมือนว่าฉันถามคำถามไร้สาระที่เขาไม่อยากตอบ ซึ่งคิดไปคิดมาก็อยากตบปากที่ถามอะไรแบบนั้นออกไปอยู่เหมือนกัน

    คิดสิ หาเรื่องสร้างสรรค์มาคุยสิยัยเอย ไม่งั้นเสียงหัวใจได้ดังจนเขาได้ยินแน่

    “เอ่อ วันนี้ขอบคุณมากเลยนะคะที่ขึ้นมาเล่นกีตาร์ด้วยกัน สนุกมากเลย”

    “…”

    “ไม่ตอบ...งั้นทำไมพี่ถึงชอบทำหน้าเก๊กขรึมจัง ไม่ปวดคิ้วเหรอคะ คิ้วจะผูกโบได้อยู่แล้ว”

    “…”

    “นี่พี่ราม เราจะคุยกันดี ๆ ไม่ได้เลยเหรอคะ เอยอยากสนิทกับพี่รามนะ”

    “ใครสนิทกับเธอ”

    “พี่ไง คิดดูนะช่วงนี้เราอยู่ด้วยกันบ๊อยบ่อย เจอหน้ากันก็เกือบทุกวัน แถมวันนี้ก็เล่นกีตาร์ด้วยกันอีก”

    “แค่คนรู้จักสำหรับฉันเธอยังไม่ได้เป็นเลย”

    “โอ๊ยเจ็บไปทั้งหัวใจทำไมยังทน” ฉันพูดเนื้อเพลงลงใจออกมาแล้วแกล้งยกมือทาบอก

    “ก็เธอบอกว่าเป็นจินนี่ไม่ใช่หรือไง เพราะฉะนั้นอย่ามาเทียบรุ่น”

    “ก็จริง ว่าแต่เดี๋ยวนี้ไม่มีงานให้เอยช่วยพิมพ์เหรอคะ ไม่เห็นพี่ติดต่อมาตั้งสองวันแล้ว”

    “ยุ่ง”

    “อ้าวคนถามดี ๆ มาว่ากันเฉย”

    “หมายถึงว่าฉันงานยุ่งมาก”

    “พูดประโยคยาว ๆ แต่แรกก็จบแล้ว”

    “แต่ก็ยุ่งจริง ๆ”

    “หมายถึงงาน?”

    “หมายถึงเธอเนี่ยแหละ เมื่อไรจะหยุดพูด”

    “ไม่น่าถามต่อ” ฉันหันไปค้อนคนที่ปากคอเราะร้าย แต่เพราะมีข้อความที่สั่นในมือถือไม่หยุดฉันเลยกดขึ้นดู

    มันเป็นข้อความจากในเฟซบุ๊กกับข้อความในไอจีที่พวกหนุ่ม ๆ ส่งเข้ามาจีบไม่หยุด

    “ทำไมทักกันมาเยอะจัง คนทักมาแบบนี้ทำไงดีล่ะ”

    “ก็ตั้งค่าเป็นส่วนตัวไปสิ”

    “เออจริงด้วย” ลืมคิดไปเลยนะ นี่แค่ไม่ได้ดูโซเชียลฯ ไม่กี่ชั่วโมงข้อความเข้ามาเกือบพันข้อความ ฉันรีบเข้าไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัวทุกอย่างตามที่พี่รามบอกแล้วมานั่งสังเกตว่ายอดไลก์ก็เพิ่มขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ

    “แค่นี้ก็ต้องให้บอก มีสมองไหมเนี่ย”

    “ทำไมดุเก่ง”

    “ก็เธอมันน่ารำคาญไง”

    โอเคพอประโยคนั้นออกมาจากปากพี่รามฉันก็เลยนั่งเงียบจนมาถึงคอนโด หรือแม้แต่เข้ามาในคอนโดหรูจัด ๆ ของเขาฉันก็ยังไม่พูดอะไรต่อ ต้องบอกว่าคอนโดพี่รามนี่ไกลจากมหาวิทยาลัยพอสมควรเลย

    แต่ว่าวิวคอนโดติดแม่น้ำมันเกินเรื่องไปมาก เข้ามาด้านในห้องมันก็ยิ่งว้าวหนักไปอีกคือมันเป็นห้องที่มีพื้นที่กว้างแต่มีของตกแต่งน้อยมากสไตล์มินิมอล แบบห้องของเขาใช้โทนสีหลักคือเทาดำขาวแบบเท่ ๆ คูล ๆ มีชั้นลอยด้านบนเป็นห้องนอนมองขึ้นไปมีเพียงกระจกและม่านปิดไว้

    บ้านพี่รามก็คือไม่ธรรมดาฉันพูดเลย

    พอพวกราชันเอนจิเนียร์เขามากันครบก็พาฉันมานั่งตรงระเบียงห้องด้านนอก มีที่นั่งที่พี่รามบอกว่าออกแบบเองทำไว้อย่างสวยงามเพื่อชมวิวแม่น้ำที่มีเรือสำราญดินเนอร์อาหารยามค่ำคืนแล่นผ่านหลายลำ

    “อภินันทนาการอาหารจากภัตตาคารของกระผมเองครับ” พี่ศิลามาพร้อมถุงอาหารมากมายในมือ มันเป็นอาหารไทยและอาหารจีนที่หน้าตาน่าทานทั้งนั้นเลย เมื่อฉันกับพี่พราวช่วยกันแกะลงจานก็แทบจะอดใจไม่ไหว

    “กูก็หลงดีใจคิดว่าบุญปากได้กินเงินไอ้ศิลา ลืมนึกไปว่าอาม่าแม่งมีภัตตาคารอาหารจีน”

    “หรือมึงจะไม่แดกไอ้ศรันย์”

    “แดกสิครับ หิวฉิบ”

    พี่รามมาพร้อมน้ำอัดลมแล้วก็ไวน์ที่ทำให้พี่ ๆ ทุกคนตื่นเต้น

    “ขวดนี้โคตรดี ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ”

    “ไหนลองดิ”

    “น้องเอยเป็นอะไรหรือเปล่าพี่เห็นนิ่ง ๆ ตั้งแต่มาถึงแล้ว”

    “เปล่าค่ะพี่พราว”

    ฉันแค่กำลังคิดแผนหาทางเข้าห้องพี่รามอยู่ ถ้าตอบไปแบบนี้ก็คงไม่ได้ไง

    “มึงแกล้งอะไรน้องเอยอีกไอ้ราม”

    “กูยังไม่ทันทำอะไรเลย”

    “ว่าแต่หลังรับน้องเสร็จจะมีเปิดรับสมัครเข้าชมรม น้องเอยสนใจเข้าชมรมดนตรีไหม พี่ให้ผ่านแบบไม่ต้องทดสอบอะไรเลยนะ”

    “เอยยังไม่ได้คิดเลยค่ะพี่ศิลา”

    “ถ้าสนใจบอกได้นะ วันนี้พี่ประทับใจมาก น้องเอยเท่สุด ๆ เลย”

    “เอยก็เล่นได้แค่บางเพลงเพราะพี่ชายสอน ไม่เก่งหรอกค่ะ”

    “พี่ชายหรือแฟน” พี่รามที่จิบไวน์อยู่พูดแทรกทำให้พี่คนอื่นมองหน้ากันแล้วยิ้มแปลก ๆ

    “น้องเอยมีพี่ชายด้วยเหรอครับ ปล่อยให้มาเรียนที่กรุงเทพฯ แบบนี้ไม่ห่วงน้องสาวแย่”

    “มีค่ะ แต่เราไม่ค่อยวุ่นวายกันเท่าไร”

    “อ๋อ...แล้วแฟนล่ะครับมีหรือยัง” พี่ศรันย์ถามต่อ

    “ยังค่ะ”

    “ถามจริง น่ารักขนาดนี้อะนะ”

    “คุณแม่น้องหวงน้องมากกกกก วันแรกที่เข้าสาขานะตามมาดูแลฝากน้องกับพวกรุ่นพี่และอาจารย์อย่างดีเลย”

    Rrrrrrr [K.แม่]

    แค่พี่พราวพูดถึงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาทันที จนฉันแทบจะสำลักน้ำต้มยำที่กำลังซดอยู่

    “พี่ ๆ คะ เอยรบกวนอะไรหน่อยได้ไหม”

    “อะไรเหรอ”

    “พวกพี่นั่งเงียบ ๆ แป๊บหนึ่งนะคะ” ฉันยกมือถือให้ดูว่าคุณแม่วิดีโอคอลมา ซึ่งพวกพี่ที่คุยกันเสียงดังก็เงียบกริบลงทันที

    “คุณแม่ เอยนึกว่าคุณแม่นอนแล้วซะอีก”

    [แม่ยุ่ง ๆ เตรียมงานระดมทุนพรุ่งนี้น่ะลูก ว่าแต่เอยอยู่ไหน ทำไมเหมือนอยู่ข้างนอกเลย]

    “พอดีวันนี้เอยไปช่วยรุ่นพี่เขาร้องเพลงงานระดมทุนช่วยไฟไหม้ที่เชียงใหม่มาค่ะ ก็เลยมาทานข้าวกันต่อ”

    [แล้วทิชาไปด้วยใช่ไหม]

    “ทิชา...มาด้วยสิคะ จะไม่มาได้ไง”

    [แล้วไหนทิชา]

    “พอดีทิชาไปเข้าห้องน้ำค่ะ”

    [แล้วเอยอยู่กับใคร มาฉลองไม่เห็นได้ยินเสียงคนอื่นเลย]

    “เอยอยู่กับพี่พราวค่ะ” ฉันหันกล้องมาที่คนข้าง ๆ ซึ่งพี่พราวก็รีบทักทายคุณแม่ของฉันอย่างเป็นกันเอง

    “สวัสดีค่ะคุณแม่น้องเอย”

    [สวัสดีจ้ะ แม่ฝากดูแลน้องด้วยนะลูก อย่าให้กลับดึกมาก]

    “ได้ค่ะคุณแม่ ไม่ต้องห่วงนะคะ”

    [เอย ไหนลองแพนกล้องไปให้แม่ดูรอบ ๆ หน่อยสิว่ามันอันตรายไหม]

    “ไม่อันตรายค่ะ ไม่มีอะไรอันตรายเลยค่ะ แล้วกล้องหลังมือถือเอยมันไม่ดีด้วยค่ะคุณแม่”

    [เอยก็หันไปเซลฟีสิ แม่จะได้สบายใจ ไม่ได้มีผู้ชายเยอะใช่ไหม] ฉันหันไปสบตาพี่ ๆ ผู้ชายอีกห้าคนที่มองหน้ากันแล้วเหมือนมองหาที่ซ่อน ซึ่งพี่พราวก็ชี้ให้ทุกคนไปหลบที่ใต้โต๊ะภายในห้าวินาทีทุกคนก็หลบกันไปพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างกับเสกได้

    “ได้ค่ะ” ฉันแพนกล้องไปแบบรวดเร็วแล้วหันกลับมา

    [มีเอยอยู่กับพี่พราวสองคนเองเหรอลูก]

    “เดี๋ยวพี่ ๆ เขาตามมาอีกค่ะ แต่คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ส่วนมากมีแต่พี่ผู้หญิง”

    [โอเคจ้ะ อย่ากลับดึกนะลูก แม่เป็นห่วง รักลูกจ้ะ]

    “รักคุณแม่เหมือนกันค่ะ”

    หลังจากวางสายเสร็จพี่ ๆ ก็กลับมานั่งกันที่เดิมด้วยสีหน้าตลก

    “เข้าใจแล้วว่าทำไมน้องเอยถึงไม่มีแฟน คุณแม่หวงขนาดนี้”

    “เอยก็เคยมีนะคะ แต่คุณแม่ไม่รู้” ฉันตอบแบบเขิน ๆ ที่ทำให้พวกพี่เขาต้องลำบากช่วยโกหกไปด้วย

    “แหม ลูกสาวคนเล็กแถมสวยขนาดนี้มาอยู่ไกลบ้าน เป็นพี่ก็เป็นห่วงแหละ” พี่พราวว่า

    พวกพี่ศิลาซักประวัติที่บ้านฉันเป็นเรื่องสนุกอยู่พักใหญ่ ก็ถึงได้รู้ว่าก่อนเปิดเทอมพวกพี่เขาเพิ่งไปเที่ยวที่เชียงใหม่แถวรีสอร์ตบ้านฉันด้วย

    “ไว้รอบหน้าไปพักรีสอร์ตบ้านเอยได้นะคะ เดี๋ยวเอยพาเที่ยวเอง รีสอร์ตเอยเน้นธรรมชาติแบบเข้าแคมป์ในป่า มีลำธารด้านหลัง มีกิจกรรมเยอะด้วย วิวก็สวยมาก”

    “ขายเก่ง” พี่รามทำน้ำเสียงประชดประชัน

    “น่าสนใจว่ะ ออกทริปครั้งหน้าไปกันนะ”

    “ก่อนออกทริปใหม่มึงถามไอ้รามเถอะว่ารถมันซ่อมเสร็จยัง รายนี้น่าจะเข็ดกับเชียงใหม่ไปอีกนาน” พี่ภณตอบพี่ศิลา

    “เออรถมึงเป็นไงบ้างวะ ซ่อมเสร็จยัง”

    “เสร็จแล้ว พรุ่งนี้จะเข้าไปดู”

    “จะว่าไปก็โคตรซวย เป็นกูกูคงไม่ไปอีกแล้วเชียงใหม่” พี่ศรันย์ว่าต่อ

    “แขนรามไม่ได้เป็นอะไรแล้วใช่ไหม” พี่พริบพราวทำให้ฉันหันมองแขนของพี่ราม ก็ไม่เห็นเป็นอะไร

    “ดีขึ้นแล้วน่ะ ไม่ต้องไปทำแผลแล้ว”

    “พี่รามไปโดนอะไรมาเหรอคะ”

    “รถมันล้มตอนไปทริปน่ะ” พี่ภณตอบแทนเมื่อเจ้าของเรื่องไม่ยอมตอบกัน

    “ทำไมรถล้มล่ะคะ”

    “หมาตัดหน้ารถ”


    มาเอาใจช่วยยัยน้องกันต่อนะคะ

    ว่าจะเข้าห้องนอนพี่รามไปหาเกียร์ได้ไหม

    อนุญาตให้ด่าความปากเก่งของอีคนพี่ได้ ทำปากดีไปก่อน ฮาๆ

    ใครรอสกีนชิพ ตอนหน้ามาแน่ค๊าฟฟ สปอยด์เก่งป่ะ555

    ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนสำหรับกลจ และการติดตามทุกช่องทางเลยนะคะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×