DEEP DOWN : #Strangeross - นิยาย DEEP DOWN : #Strangeross : Dek-D.com - Writer
×

    DEEP DOWN : #Strangeross

    5 ปีหลังจากการธานอสดีดนิ้ว ผู้คนต่างเลือกที่จะใช้ชีวิตต่อไป 'เอเวอร์เร็ตต์ รอสส์' ก็เช่นกัน หากแต่การเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ของเขานั้นจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดเมื่อความทรงจำในอดีตนั้นยังคงมาหลอกหลอน

    ผู้เข้าชมรวม

    348

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    348

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    9
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  12 มี.ค. 63 / 02:33 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    *มีการดัดแปลงเนื้อเรื่องจากในหนัง โดยเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อสนองความบันเทิงส่วนตัวของไรท์เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในแง่ลบแต่อย่างใด*


    DEEP DOWN

    Doctor Strange X Everett Ross




         มันเริ่มต้นโดยการดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว...


         เป็นช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่ทุกอย่างเกิดขึ้น ยามที่ฝุ่นสีเทาปริศนาเคลื่อนตัวกลางอากาศลอยผ่านใบหน้าของเขา ไร้ซึ่งการแจ้งเตือนล่วงหน้า ในช่วงวินาทีที่ร่างของเหล่าเอเจนต์ภายในห้องมอนิเตอร์ที่ต่างค่อยๆ ทรุดล้มลงกับพื้น และไร้ซึ่งสาเหตุใดๆ ร่างกายของพวกเขาถูกแปรสภาพกลายเป็นฝุ่นสีเทาท่ามกลางสายตาสับสนของทุกคน มันเปรียบดั่งกับโรคร้ายที่ไม่มีใครรู้ซึ่งที่มาของมัน ยามเมื่อพิษของมันแพร่กระจายคลืบคลานกัดกินอวัยวะทั้งหมดภายในร่างกายราวกับสัตว์ป่าที่หิวโหย เสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนหนึ่งเป็นเหมือนเสียงประกาศเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความโกลาหล ท่ามกลางความตื่นตระหนกและเสียงกรีดร้องโหยหวนไร้สติของผู้คน ‘เอเวอร์เร็ตต์ รอสส์’ ทำได้เพียงยืนชะงักค้างนิ่งอยู่กับที่ ไร้ซึ่งสุรเสียงออกจากริมฝีปากที่แข็งทื่อ เสียงร้องและคำสบถทั้งหมดคั่งค้างอยู่ภายในลำคอที่เต็มไปด้วยน้ำลายเหนียวหนืด สิ่งเดียวที่เขาทำได้มีเพียงมองเหล่าลูกน้องคนสนิทสบตาขอความช่วยเหลือมาที่เขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยหวาดกลัว สองแขนไขว่คว้าขึ้นบนอากาศราวมองหาความหวังหรือปาฏิหาริย์ใดๆ บนโลกใบนี้ที่จะสามารถช่วยให้ตนเองหลุดพ้นจากฝันร้ายนี้ได้ ทว่าเสียงแห่งความจริงที่แสนเลวร้ายกระซิบด้วยน้ำเสียงเลือดเย็นว่าเป็นเพียงความเพ้อฝันที่แสนริบหรี่ ทุกคนที่เขารู้จักหายลับจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน ส่วนตัวเขายืนแข็งทื่อเป็นไอ้บื้อเหมือนกับพวกโง่ที่ไร้ประโยชน์ ความรู้สึกสมเพชเวทนาตนเองเอ่อล้นเต็มอกจนทรมาน ราวกับสิ่งนี้กำลังกัดกินจิตวิญญาณภายในร่างของเขาไปพร้อมกับร่างของทุกคน


         ยามเมื่อเขาสามารถสาดส่องหาเสียงของตัวเองเจอ เป็นเรื่องที่ยากอย่างเหลือเชื่อที่จะบังคับน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นเครือเพราะความกลัว เขาร้องตะโกนออกคำสั่งด้วยเสียงดังกังวานอย่างหนักแน่นและมั่นคงมากที่สุดในชีวิต ทุกคนภายในห้องต่างต้องการผู้นำ และเขาจะไม่เป็นไอ้บื้อที่ทำได้เพียงยืนนิ่งเฉยรอให้ใครสักคนหนึ่งมาความช่วยเหลือหรือต้องการถ้อยคำอบอุ่นปลอบประโลมจิตใจว่าสิ่งนี้มันเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น


         เอเวอร์เร็ตต์กำฝ่ามือทั้งสองแน่น กักเก็บความรู้สึกที่กัดกร่อนจิตใจทั้งหมดไว้ภายใน แล้วตัดสินใจก้าวสามขุมตรงไปข้างหน้าด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว ขยับริมฝีปากพูดรัวเร็ว พยายามเรียกสติผู้คนที่กำลังคลุ้มคลั่งและสั่นกลัวให้หันกลับมาทำหน้าที่ของตนเอง พร้อมกับขยับริมฝีปากเพื่อออกคำสั่งแจกแจงหน้าที่ให้แต่ละคน เจ้าหน้าที่ที่ได้สติบางส่วนวิ่งตรูเข้านั่งประจำที่เมื่อได้รับคำสั่ง นั่นช่วยให้เขาเบาใจไปได้เปราะนึง จนกระทั่งภาพสถานการณ์ภายนอกถูกปรากฏขึ้นบนหน้าจอมอนิเตอร์จอหลักขนาดยักษ์ ภาพที่เห็นนั้นได้ทลายความหวังอันแสนริบหรีทั้งหมดไปจนหมดสิ้น หัวของเขาว่างเปล่าและขาวโพลนจนลืมแม้กระทั่งการหายใจ เมื่อภาพถ่ายทอดสดจากพื้นที่ทั่วโลกปรากฏให้เห็นเหล่าฝูงคนมากมายบนถนนสละรถของตน วิ่งหนีเอาตัวรอดกับบางสิ่งที่มองไม่เห็นที่กำลังกัดกินร่างของพวกเขาอย่างไร้ซึ่งความปราณี ไม่ละเว้นแม้ว่าใครก็ตาม เด็กเล็ก คนชรา หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตใดๆ ต่างก็ล้วนค่อยๆ หายไป เสี้ยววินาทีทั้งเมืองแปรสภาพกลายเป็นเมืองร้าง และพื้นถนนที่เหลือเพียงแต่ซากรถไร้ซึ่งเจ้าของ เสียงกรีดร้องจางหายไปพร้อมกับความเงียบเข้าปกคลุมทุกสิ่ง เอเวอร์เร็ตต์หันหลังกลับไปอีกครั้งพบว่าตนเองยืนอยู่เพียงลำพังในห้อง


         นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น


         คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบสร้างความกดดันมหาศาลขึ้นในจิตใจ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตัวเขาไม่รู้จะต้องทำอย่างไรอีกต่อไป เขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น