ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My mafia husband name is JK {BTSxYOU}

    ลำดับตอนที่ #26 : EP15:Reappearance 70%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.79K
      78
      14 มี.ค. 64





    สองสัปดาห์ก่อน

    Jungkook Part

    ระหว่างทางที่ผมกำลังเดินทางไปจัดการปัญหาที่ปล่อยให้เรื้อรังมานานของสาขาที่ปูซาน จู่ๆก็มีสายหนึ่งโทรเข้ามา ซึ่งเป็นสายที่สำคัญสำหรับผม ผมจึงรีบกดรับทันที

    “ว่าไง”

    (คุณเจคครับ ตอนนี้นายหญิงออกมาข้างนอกกับคุณจีมิน คุณนายอน ที่โรงพยาบาลครับ)

    “ยูรินเป็นอะไร!” แค่ได้ยินว่ายูรินไปโรงพยาบาลผมก็ตกใจเพราะเป็นห่วงเธอมาก นี่ขนาดห่างกันไม่ถึงสองชั่วโมงเลยนะป่วยอีกแล้วงั้นเหรอ ดีนะที่สั่งให้คนของผมคอยตามดูแลเธอตลอดเวลา เพราะผมอยู่ห่างจากเธอ ผมไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้น

    “ไปโรงพยาบาลแล้ว?” แต่ผมควรจะถามให้แน่ใจก่อน บางทีอาจจะเป็นอิมนายอนก็ได้ที่ป่วย

    (ตอนออกจากตึก คุณจีมินประคองนายหญิงออกมากับคุณนายอนครับ ผมขับรถตามไปถึงโรงพยาบาลเลยครับ)
    “แล้วเธอเป็นอะไร”

    (คือ..นายหญิงถูกส่งไปแผนกสูตินารีครับ)

    “.................”

    ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย ไอ้แผนกสูตินารี มันคือแผนกที่เกี่ยวกับผู้หญิงกับเด็กใช่รึเปล่า ผมไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะ แต่ตอนนี้สมองของผมมันรวนไปหมดแล้ว

    (คุณเจคครับ)

    (คุณเจคจะให้ผมไปขอผลตรวจของนายหญิงมามั้ยครับ คุณเจค คุณเจคเป็นอะไรรึเปล่าครับ)

     “เปล่าๆ คอยดูเธอเอาไว้ดีๆอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด” ผมบอกปลายสายไป ก่อนจะกดวางสาย ให้ตายเถอะ แค่ควบคุมนิ้วมือไม่ให้สั่นตอนนี้ยังยากเลย

    “เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณเจค”

    นี่ผมกำลังจะมีเจ้าตัวเล็กจริงเหรอ เด็กตัวเล็กๆที่เกิดจากผมกับยูริน ไม่ใช่ว่าผมตกใจเพราะไม่ได้ตั้งใจ ผมตั้งใจและรู้ดีว่าความตั้งใจของผม มันจะก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ลูก ได้ แค่ไม่ทันตั้งตัวเพราะไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ตอนนี้ผมจะทำยังไงดี ไม่อยากไปมันแล้วปูซาน บอกโดยองให้กลับรถเลยดีมั้ย ผมอยากกลับไปฟังข่าวดีจากปากเมียให้เร็วที่สุด

    “คุณเจคครับ”

    “หะ! นายพูดอะไรนะ” ผมหลุดจากความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองหลังจากได้ยินเสียงเรียกดังๆจากโดยอง

    “ผมถามว่า...มีอะไรรึเปล่าครับ”

    “............” ผมบอกโดยองดีมั้ยวะ บางทีการได้บอกใครสักคนออกไป ความตื่นเต้นของผมในตอนนี้มันอาจจะลดลงไปได้บ้าง

    “โดยองอ่า...”

    “คุณเจคครับ!!

    “คือ...”

    “คุณเจค!!!

    “ทำไม เกิดอะไรขึ้น!!!” น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากโดยองทำให้ผมมรสติทันที เพราะเสียงแบบนี้บอกได้ว่ากำลังมีเรื่องคับขันเกิดขึ้น

    “รถเบรกไม่ได้ครับ!!

    “ว่าไงนะ!!!

    “โดยองระวัง!!!

    เอี๊ยดดดดดดดด

    วินาทีนั้น ทุกอย่างมันรวดเร็วไปหมด ผมไม่อาจโฟกัสกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้ ผมรู้แค่ว่ารถของเราเบรกไม่ได้ จากนั้นทุกอย่างก็หมุนเคว้งไปหมด

    “ขอโทษครับคุณเจค!

    นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินจากปากของโดยอง ก่อนที่ทุกอย่างจะหมุนเคว้งไปหมด เสียงกระแทกอย่างรุนแรงดังขึ้นตามด้วยสติของผมที่ค่อยๆดับวูบลง

    ความรู้สึกราวกับร่างกายของผมกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆนี่มันคืออะไร  แรงของความเจ็บปวดมหาศาลที่กระทำต่อร่างกายของผมอยู่ตอนนี้มันคือเรื่องจริงใช่มั้ย

    ผมมีสติรับรู้ความเจ็บทุกอณูที่แล่นเข้าสู่ร่างกาย แต่แม้จะลืมตาขึ้นผมยังทำไม่ได้เลย ผมเหนื่อยเหลือเกิน ไม่เคยเหนื่อยแบบนี้มาก่อน แค่หายใจยังแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว

    ถ้าเป็นชีวิตของผมตอนหกเดือนก่อน ผมคงปล่อยให้ตัวเองหมดลมหายใจไปซะ เพื่อจบสิ้นความทรมานที่กำลังเผชิญ แต่มันไม่ใช่อีกแล้ว ตอนนี้ผมไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไป  ถ้าหากผมยอมแพ้แล้วจากไปง่ายๆ ผมก็จะกลายเป็นรอยแผลในหัวใจของผู้หญิงที่รักผมไปตลอดชีวิต ผมจะไม่มีวันยอมให้เธอต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดไปตลอดชีวิตเหมือนพ่อผมเป็นอันขาด และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตของผมที่สุดในตอนนี้ก็คือ ลูกของเรา

    “อึ่ก แค่กๆๆๆ” แม้การหายใจคือกระบวนการพื้นฐานในการมีชีวิตของมนุษย์ ที่มันง่ายดายและมีกลไกโดยอัตโนมัติ แต่สำหรับผมในเวลานี้มันกลับตรงข้าม การจะหายใจเข้าออกแต่ละครั้งมันยากเย็นเหลือเกิน ไอ้ความรู้สึกที่หายใจเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกว่ามันเพียงพอมันมาจากไหนกัน

    ดวงตาของผมมองผ่านม่านสีแดงจากเลือดที่ไหลออกจากแผลที่หัว จนมองสิ่งต่างๆพร่ามัวไปหมด ลำพังแค่ต้องมองภาพตรงหน้ากลับด้านเพราะรถของเราคงพลิกคว่ำก็ยากพอแล้ว

    “คุณเจค รีบ อึ่ก รีบออกไปจากรถ”

    นั่นคือเสียงกระท่อนกระแท่นจากโดยองที่มีสภาพไม่ต่างจากผมนัก โดยองมองไปยังประกายไฟที่เกิดขึ้นจากตัวเครื่องที่ด้านหน้าของรถ มันทำให้ผมต้องรีบทำทุกทางเพื่อนจะพาตัวเองออกไปจากตัวรถให้เร็วที่สุดให้ได้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างต้องจบลง และผมจะไม่ได้กลับไปเจอยูรินอีก และจะไม่มีวันได้เห็นหน้าลูกอีกเลย

    “ผมไม่มีวันยอม”

     

    ต่อให้ร่างแหลกสลายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ต่อให้ต้องใช้แรงมากมายแค่ไหนเพื่อหายใจ ผมก็จะทำมันทุกอย่าง ผมจะทำทุกทางเพื่อพาตัวเองกลับไปให้ได้

    ผมยังไม่ได้บอกเธอเลยสักครั้ง คำๆนั้นที่ใจมันตะโกนร่ำร้องบอกเธออยู่ทุกวัน แต่ปากของผมมันหนักเกินกว่าที่จะพูดออกไป

    คนอย่างผมใช้ชีวิตทุกนาทีด้วยตัวของผมเองเสมอ ชีวิตทั้งชีวิตของผมไม่เคยให้ใครหน้าไหนต้องมาลิขิต ไม่เคยเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือปาฏิหาริย์ใดๆ แต่มันจะแปลกมั้ยถ้าครั้งนี้ผมอยากจะอ้อนวอนกับทุกสิ่งทุกอย่างทั้งที่มีตัวตนหรือไม่ก็ตาม ได้โปรดให้ผมได้กลับไป

    กลับไปบอกว่า ผมรักเธอมากยิ่งกว่าชีวิตของผม ได้กลับไปทำหน้าที่ๆผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าผมทำมันได้ดีพอ ครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตา ครอบครัวที่ผมสร้างขึ้นมาด้วยมือและหัวใจของผมเอง ผมขอได้มั้ย ได้โปรดเถอะแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวจริงๆ

    End Jungkook Part

     

    ปึ่กๆๆ

    ผัวะ

    ด้วยแรงถีบจากขายาวๆของมาเฟียหนุ่มที่รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามี ถีบจนประตูรถที่บุบยับเยินจนเปิดออกได้ในที่สุด จอนจองกุกตะเกียกตะกายพาตัวเองออกมาจากตัวรถที่พลิกคว่ำของริมทาง ยิ่งเห็นสภาพหน้ารถที่ไฟเริ่มลุกโชนขึ้นมาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เขารู้ว่าเวลาของเขาเหลือน้อยลงทุกที เขาต้องรีบออกห่างจากตัวรถให้เร็วที่สุด

    ร่างกายบอบช้ำในสภาพที่เลือดจากแผลใหญ่ที่บริเวณศีรษะยังคงไม่หยุดไหล แข้งขาแกร่งนั้นยากจะควบคุมให้เป็นดั่งใจ ที่หนักที่สุดก็คืออาการของการหายใจที่เจ้าตัวรู้ดีว่าคือปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้ เพราะการหายใจของเขามันยากเย็นเหลือเกิน

    “แค่กๆ” จอนจองกุกหันไปมองด้านหลังของเขาอีกครั้ง เขาคิดว่าโดยองคงจะออกจากรถตามเขามา แต่มันกลับว่างเปล่า ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าโดยองยังคงอยู่ในตัวรถในสภาพที่น่าเป็นห่วง

    “โดยองอา ออกมา!!!” มาเฟียหนุ่มรวบรวมเสียงเท่าที่พอจะมีได้ตะโกนออกไปหวังเพื่อเรียกให้คนสนิทที่กำลังตกอยู่ในอันตรายลืมตาตื่นขึ้นมา และมันได้ผลที่เปลือกตาของโดยองค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ

    โดยองไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย เขาทำเพียงส่งยิ้มบางๆมาให้เจ้านายของเขาเท่านั้น รอยยิ้มที่เมื่อจอนจองกุกได้เห็นก็รู้ทันทีว่ามันคือคำบอกลาจากโดยอง แม้เขาอยากมีมีชีวิตต่อไปแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีทางมองดูคนของเขาตายไปต่อหน้าต่อตาของอีกเป็นอันขาด

    “อย่า คุณเจคอย่าเข้ามา” เสียงของโดยองดังขึ้นอีกครั้งเพื่อหยุดยั้งสิ่งที่เจ้านายของเขากำลังทำ เมื่อเขาเห็นว่าจอนจองกุกค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นจนเต็มความสูง โดยมาสายตาที่มุ่งมั่นมองมาที่เขา โดยองรู้ทันทีว่าเจ้านายที่เขารักและเทิดทูลมาตลอดคิดจะทำอะไร

    “ไปซะคุณเจค ผมขอร้อง อึ่ก ไปให้ห่างจากรถคันนี้ มันจะระเบิดอยู่แล้ว” โดยองเอ่ยทั้งน้ำตาหวังเพียงให้เสียงของเขาดังไปถึงโสตประสาทของเจ้านาย และมันได้ผล จอนจองกุกได้ยินทุกคำพูดของเขา

    แต่มันไม่อาจหยุดยั้งสิ่งที่จอนจองกุกตัดสินใจทำได้เลย เมื่อโดยองเห็นแล้วว่า ร่างสูงของผู้เป็นนายเดินโซซัดโซเซเข้ามาใกล้ยังตัวรถมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็เห็นว่าจอนจองกุกเข้ามาประชิดตัวเขาและกำลังพยายามปลดเข็มขัดนิรภัยให้กับเขาอยู่

    “คุณเจค ออกไป ทิ้งผมไว้ตรงนี้เถอะ ผมขอร้อง”

    “อึ่ก หุบปากไปโดยอง” นั่นคือคำตอบเดียวที่เขาได้รับจากจากนายหนุ่ม

    น้ำตาของโยองไหลลงมาจนได้ เมื่อเขารู้ว่าอาการบาดเจ็บของเจ้านายนั้นสาหัสเอาการ แต่ก็ไม่ยอมทิ้งเขาไว้ข้างหลัง พาชีวิตตัวเองเข้ามาเสี่ยงเพื่อช่วยเขาอีก

    แกร่ก

    เสียงตัวล็อคเข็มขัดนิรภัยดังขึ้นพร้อมกับสายที่ดีดกลับไปจนสุด จอนจอกุกออกแรงดึงให้โดยองออกมาจากที่นั่งคนขับ แต่เหมือนมันจะไม่ได้ง่ายดายของใจคิด เพราะเขาเห็นแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้โดยองออกมาจากรถไม่ได้ก็คือขาทั้งสองข้างของเขาถูกคอนโซลหน้ารถทับเอาไว้

    ตุ้ม!!

    !!!” แรงระเบิดดังขึ้นจากตัวเครื่องจนเกิดไปลุกขึ้นมามากขึ้น บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เวลาของพวกเขากำลังจะหมดลงแล้ว

    “คุณเจค พอเถอะครับ ทิ้งผมไว้”

    “ไม่!

    “โดยอง ฉันจะไม่มีวันทิ้งนาย เหมือนกับที่นายไม่เคยทิ้งฉัน จำเอาไว้” พูดจบจอนจองกุกก้มลงไป มองให้ชัดว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ขาของโดยองออกมาจากตัวรถไม่ได้

    พอเห็นแล้วว่าองศาของขาที่ถูกทับหนีบด้วยตัวรถมันเป็นมุมที่มาให้เท้าของโดยองถูกดึงออกมาไม่ได้ จอนจองกุกจึงจัดการหมุนขาของโดยองเท่าที่พอจะทำได้แล้วค่อยๆออกแรงดึงมันออก

    จนในที่สุดขาของโดยองก็หลุดพ้นจากพันธนาการจากตัวรถที่พังยับเยินได้ แต่เขาก็ยังคงเดินไม่ได้อยู่ดี จอนจองกุกใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามีลากร่างที่บาดเจ็บสาหัสของบอดี้การ์ดคนสนิทออกมาจากตัวรถอย่างทุลักทุเล ทั้งๆที่ร่างกายของเขาเองก็ไม่ได้ต่างจากโดยองสักนิด แต่พอนึกถึงตลอดเวลาเจ็ดปีที่โดยองคอยอยู่เคียงข้างเขาในทุกช่วงเวลาที่เขาลำบากหรือตกอยู่ในอันตรายและเขารอดพ้นมันมาได้ทุกครั้งเพราะอีกอนและโดยอง ความสัมพันธ์ของพวกเขามันไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกน้องมานานแล้ว แต่พวกเขาคือพี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมานาน และแน่นอนเขาเชื่อว่าโดยองยอมพลีชีพเพื่อเขาได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

    “อึ่ก แค่กๆๆๆ”

    เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปากพร้อมกับอาการไอของมาเฟียหนุ่มเมื่อเขาทิ้งตัวลงบนพื้นอีกครั้ง เมื่อเขามั่นใจว่าทั้งเขาและโดยองออกห่างจากตัวรถในระยะที่ปลอดภัยแล้ว ก่อนที่เสียงระเบิดจะดังกึกก้องไปทั่วบริเวณตามด้วยเปลงไฟที่ลุกท่วมรถในชั่วพริบตาหลังจากที่ทั้งสองออกห่างจากตัวรถได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ

    “เฮือก” จอนจองกุกพยายามสูดลมหายใจเข้าไปในปอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มันช่างยากเย็น

    ไม่ว่าเขาจะหายใจเข้าสักกี่ครั้ง เขารู้สึกได้ทุกครั้งว่ามันไม่เพียงพอ แม้ร่างกายกำลังหมดแรงสู้ แต่หัวใจของเขากลับแข็งแกร่งขึ้นเมื่อนึกถึงเสียงหวานใสของใครคนหนึ่งที่กำลังรอเขาอยู่ ดวงตาคู่สวยที่มองมาที่เขาด้วยความเขินอายเสมอ มือเล็กที่ชอบแอบลูบใบหน้าของเขาในยามที่เขาหลับ อ้อมกอดจากคนตัวเล็กกว่าเขา แต่กลับอบอุ่นเกินกว่าที่ใจของเขาจะคาดคิด ทั้งหมดนั้นทำให้หัวใจของจอนจองกุกยังคงสู้ต่อไป แม้จะยากเย็นสักแค่ไหน

    “ไม่อยากไป”

    “พี่คือนายใหญ่ของบลูอีเกิ้ลนะคะ พูดแบบนี้ไม่ได้”

    “แล้วพี่ต้องพูดแบบไหนล่ะ”

    “ก็ต้องพูดว่า พี่จะรีบจัดการธุระให้เสร็จ แล้วรีบกลับมานะครับ”

    “พี่จะรีบจัดการธุระให้เสร็จ แล้วรีบกลับมา”

    “นะครับหายไปไหนคะ”

    “นะครับ”

    “พี่เจค!

    “พี่จะรีบจัดการธุระให้เสร็จ แล้วรีบกลับมานะครับ”

    “จะรอนะคะ”

     

    “พี่จะไม่ยอมตายตรงนี้ยูริน”

    “รอพี่นะ...”

     

     

     +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    "ทีมเเพทย์ของเราทำการตรวจเช็คร่างกายของคนไข้อย่างละเอียดเเล้ว..."

    "ร่างกายของคนไข้ตอบรับต่อการรักษาได้เป็นอย่าง ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลงจากรับยาก็ไม่มีครับ"

    "ตอนนี้บาดเเผลภายนอกหายดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เเต่ยังเหลือเเผลผ่าตัดภายในที่ยังต้องระมัดระวังไว้ก่อน หมอขอให้คนไข้หยุดกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวมากๆ หรือหนักๆไปสักระยะนะครับ"

    "สักระยะนี่นานเเค่ไหน" 

    คนที่เอาเเต่เงียบไปตั้งเเต่ฟื้นขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่บอกบุญไม่รับ เเววตาของจอนจองกุกในเวลานี้เหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุเเละพร้อมจะระเบิดอยู่ตลอดเวลา เเต่จู่ๆก็เอ่ยถามขึ้นมาทำเอาคนที่อยู่ภายในห้องพักผู้ป่วยอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงให้ความสำคัญกับการงดกิจกรรมที่หมอให้งดนัก จะมีก็เเต่คิมซอกจินเเละปาร์คจีมินเท่านั้นที่หันไปมองหน้ากันพร้อมกับกลั้นหัวเราะเอาไว้ ตื่นมาก็หน้าบูดบึ้งราวกับโกรธเคืองคนทั้งโลก เเถมยังวีนทุกคนที่เจอหน้าไม่เว้นเเม้กระทั้งจองโฮซอกเเละภรรยาของตัวเอง

    "หมอจะมีนัดฟอลโล่ทุกๆสัปดาห์ครับ จะเห็นพัฒนาการของการรักษาเรื่อยๆ ตอนนั้นถึงจะบอกได้ครับ"

    "ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณหมอตามสบายนะครับ เชิญครับ คุณจอนจินโมรอพบที่ห้องรับร้อง" จองโฮซอกที่รู้ใจนายน้อยของเขาทุกเรื่อง เมื่อเห็นว่าเเพทย์หนุ่มทำหน้าที่เสร็จเเล้ว จึงเชิญออกไป ก่อนที่คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยจะเเผลงฤทธิ์ไปมากกว่านี้ ตามด้วยตัวเขาเองที่เดินตามหมออกไปเช่นกัน 

    เหลือทิ้งไว้เพียง คิมซอกจิน ปาร์คจีมิน เเละนัมยูรินที่ยังอยู่ภายในห้อง มีคำพูดคำถามไถ่มากมายที่สองหนุ่มอยากจะสนทนากับคนที่เพิ่งฟื้น เเต่ด้วยเพราะใบหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับอยู่ตอนนี้ ทำเอาทั้งคิมซอกจินเเละปาร์คจีมินพูดไม่ออกเพราะกลัวโดนระเบิดลง

    "ยืนทำอะไรกัน?" นั่นไงล่ะ เเค่ทั้งสามคนยืนเฉยๆก็โดนเเล้วหนึ่งลูกเบาๆ 

    "งั้นรอมึงอารมณ์ดีกว่านี้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวกูมาเยี่ยมใหม่" ปาร์คจีมินเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ

    "พักผ่อนเยอะๆเเล้วกัน" ตามด้วยคิมซอกจิน เเละทั้งสองหนุ่มก็กำลังจะเดินออกจากห้องนี้ตามความประสงค์ของเจ้าของห้อง

    เเต่คนที่รู้สึกกับประโยคร้ายกาจจากปากของจอนจองกุกที่สุดก็คงจะเป็นคนที่เฝ้ารอเขามาตลอด คนที่นอนร้องไห้ทุกคืนเพราะคิดถึงเเละเป็นห่วง พอฟื้นขึ้นมาก็เอาเเต่เเสดงอาการไม่พอใจเรื่องความสนิทสนมของเธอกับจองโฮซอก ลามไปพาลทุกคนเเบบนี้ คนเป็นภรรยาถึงกับทำตัวไม่ถูกเเล้ว เธอจึงตัดสินใจจะเดินออกจากห้องตามสองคนนั้นไป

    หมับ

    เเต่ยังไม่ทันที่ขาเรียวจะก้าวพ้นจากขอบเตียง มือใหญ่ก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้ยินตกใจไม่น้อยเลย อีกทั้งยังไม่เข้าใจการกระทำของสามีที่ออกปากไล่เเท้ๆ เเต่มือกลับรั้งเธอเอาไว้ ถ้าไม่ติดว่าป่วยเเละคิดถึงมาก ก็คงด่าไปเเล้วว่า 'คนนิสัยไม่ดี'

    "จะไปไหน?" สามีมาเฟียของเธอเอ่ยถามตาขวาง ใครบอกว่าการรักษาไม่มีผลข้างเคียง หมอให้ยาเกินขนาดรึเปล่าก็ไม่รู้ ตื่นมาถึงได้อารมณ์แปรปรวนเบอร์นี้

    “ก็พี่..”

    “เกะกะ”

    “งั้น ฉันขอตัวนะคะ”

    “หมายถึงพวกนั้น”

    “ไม่ใช่เธอ”

    คนฟังหันไปมองหน้าจอนจองกุกทันทีที่ได้ยินแบบนั้น จึงเห็นว่าคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอิงหมอนอยู่เมื่อครู่เปลี่ยนมาเป็นนั่งตัวตรงอยู่บนเตียงแทน

    “แล้วทำไมถึงไม่บอกกันดีๆล่ะคะ ทำไมต้องหงุดหงิด ทำไมต้องโมโหใส่กันด้วย”

    “รู้มั้ยว่าตลอดสองอาทิตย์ผ่านมา ฉันรอพี่มาตลอด ภาวนาทุกวันขอให้พี่กลับมา ฮึก แต่มันนาน นานมาก เวลาแค่สองอาทิตย์สำหรับคนอื่นมันอาจจะสั้น แต่สำหรับฉันเวลาสองอาทิตย์ที่ไม่มีพี่มันทรมานมากแค่ไหน พี่ไม่รู้หรอก”

    พรึ่บ...

    ไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่หลับใหลไปนานขนาดนี้จะเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เพื่อจะดึงรั้งร่างบางที่กำลังร้องไห้ ให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ข้างๆเขาได้ ตามด้วยอ้อมกอดแกร่งที่ยูรินโหยหามาตลอด

    จอนจองกุกโอบกอดภรรยาเอาไว้แน่น แต่พยายามแค่ไหนก็คงไม่แน่นเท่าที่ใจเขาปรารถนา เขาโอบกอดร่างบอกบางที่ร้องไห้จนตัวโยนไปพร้อมๆกับกอดตอบเขาโดยอัตโนมัติ

    “พี่ไม่รู้หรอก” เขาไม่ใช่คนที่เป็นฝ่ายรอ จอนจองกุกไม่อาจรู้ได้ว่าความทรมานที่ภรรยาของเขาต้องเผชิญความรู้สึกมันเป็นอย่างไร แต่สำหรับเขา เขาได้ผ่านมันมาแล้ว ความทรมานจากความกลัวในวันนั้น วันที่เขากลัวที่สุดในชีวิต กลัวการที่จะไม่ได้กลับมาหาคนที่เขารักอีก

    “แต่พี่อยู่ตรงนี้แล้ว” แค่คิดว่าต้องจากไปแล้วเขาได้กลายเป็นความทรงจำที่สร้างบาดแผลที่แสนเจ็บปวดให้กับภรรยาเขาก็ทนไม่ได้แล้ว

    “พี่ขอโทษ ขอโทษที่ให้รอนาน ขอโทษที่ตื่นมาแล้วทำนิสัยแย่ๆ ยกโทษให้พี่ได้มั้ย” พูดจบมาเฟียหนุ่มก็ค่อยๆดันร่างบอบบางที่กำลังสะอื้นไห้ออกจากตัวช้าๆ แต่คนตัวเล็กเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองหน้าเขา จนเธอสะดุ้งเบาๆเพราะมือหนาของสามีทาบลงเบาๆที่หน้าท้องของเธอ

    “ช่วยพูดกับแม่ให้หายโกรธพ่อหน่อยได้มั้ยตัวเล็ก” ดวงตาสั่นระริกช้อนมองใบหน้าของจอนจองกุกด้วยความตกใจ เพราะเธอมั่นใจว่ายังไม่มีใครบอกเรื่องที่เธอท้องกับสามี

    “พี่เจครู้ได้ยังไงคะ?

    “ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเมียพี่ พี่ต้องรู้อยู่แล้ว”

    “ไม่โกรธพี่นะ ที่พี่รู้ก่อนแบบนี้”

    “เพราะการที่พี่รู้เรื่องลูก มันทำให้พี่ทำทุกอย่างเพื่อที่จะกลับมาหาเธอกับลูกให้ได้”

    “ตลอดชีวิตของพี่ พี่กลัวที่จะต้องสูญเสียคนที่รักไป แต่พี่ไม่ทันคิดว่าถ้าพี่เป็นฝ่ายที่จากไปก่อน คนที่อยู่จะเป็นยังไง แค่นึกถึงภาพที่เธอจะต้องร้องไห้ พี่ก็สาบานกับตัวเองเลยว่าพี่จะต้องอดทนเพื่อกลับมาหาเธอกับลูกของเราให้ได้”

    “พี่เจค” รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้าสวยยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินคนพูดน้อย พยายามพูดถึงสิ่งที่อยู่ในใจของเขาออกมา

    “ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่กลับมา”

    “พี่รักเธอนะ”

    !!!

    ไม่ให้ตกใจได้ยังไง คนปากหนักที่พูดความรู้สึกไม่เก่งแบบจอนจองกุก จู่ๆก็พูดคำที่เธอเฝ้ารอมานานออกมาดื้อๆ คำพูดที่เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าชีวิตนี้จะไม่ได้ยินจากปากของเขาก็ไม่เป็นไร เพราะการกระทำของจอนจองกุกได้พิสูจน์ทุกอย่างหมดแล้ว แต่เมื่อกี้เขาเพิ่งบอกรักเธอออกมา มันเริ่มทำให้หญิงสาวลังเลและสับสนว่าเธอกำลังฝันไปรึเปล่า

    จนริมฝีปากของเธอถูกเรียวปากอุ่นๆของสามีทาบลงมาเบาๆ เพื่อมอบจูบที่ทั้งคู่จากถวิลหา สัมผัสที่ให้ทั้งความรู้สึกร้อนแรงแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่น จริงใจและตรงไปตรงมา มันทำให้มั่นใจแล้วว่าเธอไม่ได้ฝันไป จอนจองกุกผู้ชายที่เธอรัก กลับมาหาเธอตามสัญญา และคือเรื่องจริงที่เขาเพิ่งเอ่ยความในใจกับเธอออกไป

    คำบอกรักที่เรียบง่ายตรงไปตรงมาจากจอนจองกุก อาจถูกมองว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของโลกใบนี้ถ้าหากใครบังเอิญมาได้ยินได้ฟัง แต่สำหรับเขา คนที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายมาแล้ว มันยิ่งตอกย้ำให้เขารู้ว่าทุกวินาทีที่เขายังหายใจมันมีค่ามากแค่ไหน เพราะฉะนั้นตราบใดที่เขายังมีลมหายใจอยู่ เขาจะพูดมันออกไปในทุกๆครั้งที่เขานึกขึ้นมาได้ ไม่ต้องรอวันสำคัญ ไม่ต้องรอโอกาสพิเศษ ไม่ต้องรออะไรทั้งนั้น เมื่อคำว่ารักที่มีต่อผู้หญิงตรงหน้าเขามันดังกึกก้องอยู่ภายในหัวใจของเขามาตลอด

     “คุณเป็นใครคะ??” หญิงสาวแกล้งถามด้วยความสงสัย หรือว่าจะมีใครเข้ามาอยู่ในร่างของสามีของเธอ

    “สามีเธอไง ลืมเหรอ”

    “หรือต้องให้ย้ำเพื่อความแน่ใจ?

    !!!

    คนที่เพิ่งได้สติจากอุบัติเหตุหนักๆตรงหน้าเธอไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนในการเหวี่ยงร่างของเธอราวกับมันเบาเป็นสำลี ให้ลงไปนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ แทนที่คนไข้ตัวจริงที่กำลังคืบคลานมาคร่อมร่างของเธอเอาไว้ จอนจองกุกทำแบบนั้นทั้งๆแผลบนศีรษะยังมีผ้าก๊อซปิดแผลอยู่ เขาทำทั้งๆที่หลังมือของเขายังมีสายน้ำเกลือเสียบเอาไว้ ทำเอาภรรยาทั้งตกใจและเป็นห่วงในเวลาเดียวกัน

    “พี่เจคจะทำอะไรคะ!!!

    “ก็เธอไม่เชื่อว่าเป็นพี่ ก็เลยจะพิสูจน์ให้ดู”

    “เกะกะชะมัด”

    “พี่เจค!!!” ช็อคแล้วช็อคอีก คือสิ่งที่นัมยูรินกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เมื่อจอนจองกุกเอื้อมมืออีกข้างมากระชากสายน้ำเกลือของตัวเองออกอย่างไม่ใยดี

    “พี่เจค หยุด หยุด อย่าทำอะไรตอนนี้เลยนะคะ ไม่ได้ยินที่คุณหมอบอกเหรอ” ไม่แน่ใจว่าสามีแค่ต้องการจะแกล้งเธอ หรือจะทำอย่างนั้นจริงๆ แต่ร่างกายของเขาตอนนี้ยังไม่แข็งแรงร้อยเปอร์เซ็นต์เธอจึงเตือนด้วยความเป็นห่วง

    “ได้ยิน” คำตอบหน้าตายตามด้วยจมูกโด่งสวยตรงเข้าไปสูดกลิ่นกายที่เขาหลงใหลมาตลอด แต่มือเล็กทั้งสองข้างก็กลับดันเขาให้ออกห่างจากเธออีกครั้งเพื่อหยุดยั้งสิ่งที่สามีของเธอกำลังจะทำ เพราะเสียงหายใจหนักๆของเขาทำให้เธอรู้แล้วว่าจอนจองกุกไม่ได้กำลังล้อเล่น

    “พี่เจคหยุดเลยนะคะ”

    “หัวพี่ยังเจ็บอยู่เลยนะ”

    “ก็...ไม่ได้ใช้หัวทำ”

    “คนบ้า>///<

    “หยุดค่ะ คุณหมอสั่งห้ามทำกิจกรรมหนักๆ” เรื่องบนเตียงของสามีเธอ มันไม่เคยมีคำว่าเบาๆอยู่แล้วยูรินรู้ดี

    “ไม่คิดถึงพี่เหรอ พี่รู้เธอก็ต้องการ” คนหน้ามึนพูดเสียงนิ่งๆ

    “เมื่อกี้เธอจูบตอบพี่”

    O///O” พอนึกๆแล้ว เธอเองก็จูบตอบเขาไปอย่างโหยหาไม่แพ้กัน เธอรอเขามานาน ทั้งห่วงหา ทั้งคิดถึง ไม่แปลกหรอกที่เธอจะแสดงออกทางภาษากายว่าเธอเองก็ต้องการเขามากเช่นกัน แต่สิ่งที่อยู่ในหัวของทั้งเธอและสามีมันไม่สามารถทำในเวลานี้ได้ เพราะทั้งสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวย และที่สำคัญคือร่างกายของจอนจองกุกเองที่ยังไม่แข็งแรงมากพอ

    แม้แต่งงานอยู่กินกันมาไม่ถึงปี แต่เธอก็เรียนรู้สิ่งที่เป็นจอนจองกุกมาเยอะแล้ว เธอรู่ว่าถ้าเอ่ยปากห้ามไป เขาไม่มีทางยอม แต่หากหาสิ่งที่เป็นแรงจูงใจมากพอเพื่อแลกเปลี่ยนได้ล่ะก็เธออาจจะหยุดสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ มือเล็กจึงเอื้อมไปลูบไล้แผงอกแกร่งเบาๆ ตามด้วยสายตาหวานหยดมองไปยังคนที่จ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว

    “ยูรินคิดถึงพี่เจคมากๆ รู้ใช่มั้ยคะ ยิ่งคิดถึงมาก ก็ยิ่งยากกอดพี่แน่นๆ” กอดที่ไม่ได้แปลว่ากอด(เข้าใจใช่มั้ย?)

    “แต่ถ้าทำตอนนี้ แล้วพี่เป็นอะไรขึ้นมาอีก จะทำยังไงล่ะคะ คงต้องอดกอดสามีไปนานแน่ๆเลย แบบนั้นพี่เจคทนไหวเหรอคะ ถ้าเราทำตอนนี้ แต่พี่อาจจะไม่ได้ยินเสียงยูรินเรียกชื่อพี่ไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้” มาเฟียหนุ่มกระพริบตาปริบๆคิดตามที่ภรรยาคนสวยพูดหว่านล้อม

    “ถ้าพี่เจคสัญญาว่าจะรักษาตัวเป็นอย่างดี ให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ยูรินมีรางวัลตอบแทนสามีอย่างถึงใจแน่นอนค่ะ”

    O.O” ไม่ใช่แค่คนพูดหรอกที่เจอเรื่องเซอร์ไพร์สว่าตัวเองพูดแบบนั้นออกได้ยังไง จอนจองกุกเองก็เซอร์ไพร์สไม่ต่างกันเลย ภรรยาของเขากำลังใช้มารยาหญิงมาต่อรองกับเขาให้เขาคล้อยตามเธอ เขาคือจอนจองกุกเชียวนะ มีเหรอจะไม่เชื่อคำพูดเมีย แบบนี้ใช่มั้ยที่คนโบราณบอกว่า อดเปรี้ยวไวกินหวาน

    พรึ่บ

    คนหื่นเปลี่ยนอิริยาบถจากท่าที่กำลังจะครอบครองภรรยามาเป็นทิ้งตัวลงนอนข้างกายเธอตามด้วยดึงรั้งร่างนุ่มนิ่มเข้ามาในอ้อมกอดของเขาแทน

    “ฟู่ว...”

    “โล่งใจขนาดนั้นเลย?

    “คนเป็นห่วงต่างหากล่ะคะ”

    “ยิ่งพี่เจคหายเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอคะ”

    “ก็จริง” เขาตอบหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อใช้ความคิด

    “เพราะนอกจากจะต้องรีบหายเพื่อจัดการเมียแล้ว”

    “พี่ยังจะต้องรีบไปจัดการ พวกที่มันกล้าทำเรื่องนี้กับเรา” ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่า สามีของเธอต้องรู้สึกแค้นเคืองมากแค่ไหนที่ต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น

    “ว่าแต่ รู้มั้ยว่าตอนที่พี่ยังไม่ฟื้น ใครจัดการเรื่องคนร้าย”

    !!!” หญิงสาวลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปสนิทเลย ยูรินคิดแต่เพียงว่าจะต้องจัดการคนที่ทำร้ายสามีของเธอให้ได้ แต่เธอลืมไปว่า ถ้าหากสามีของเธอรู้ว่าเธอทำอะไรลงไปบ้างระหว่างที่เขาหมดสติไปล่ะก็ คนที่จะโดนจัดการต่อจากคนพวกนั้น ก็คงจะเป็นเธอ แค่คิดก็หวั่นใจแล้ว

    “พี่เจคพักผ่อนดีกว่า อย่าเพิ่งนึกถึงเรื่องที่ทำให้เครียดตอนนี้เลย นอนกอดฉันกับลูกดีกว่านะคะ ลูกรอพี่ตื่นมากอดนานแล้วนะ”

    “ครับ” เขาตอบรับสั้นๆก่อนจะกระชับอ้อมกอดขึ้นอีก กอดให้แน่นเผื่อความอบอุ่นของเขาจะส่งไปถึงลูกน้อยในท้องภรรยาได้

    “แปลก”

    “อะไรเหรอคะ”

    “ปกติพี่สลัดเรื่องพวกนี้ออกจากหัวยากมากนะ”

    “แต่พอนึกถึงเรื่องลูก พี่ก็ลืมเรื่องความแค้นในหัวไปได้ง่ายๆเลย”

    “จริงเหรอคะ” ยูรินถามด้วยความแปลกใจ และโล่งใจที่ได้ยินสามีพูดแบบนั้น

    “พี่อาจจะแสดงออกไม่เก่ง ทำให้เธอคิดว่าพี่ไม่ดีใจเหรอที่เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน”

    “แต่อยากให้เธอรู้ว่าพี่ขอบคุณทั้งเธอและลูก ที่พาพี่กลับมาตรงนี้ ขอบคุณเธอที่รักพี่นะยูริน” พูดจบก็ตามด้วยมือใหญ่ที่แตะลงด้วยความพยายามที่จะเบามือจนแทบจะเกร็งของมาเฟียหนุ่ม ที่เขากลัวว่าถ้าสัมผัสแรงเกินไป อาจจะทำสิ่งมีชีวิตเล็กๆตรงหน้าเขาเจ็บได้ คนอย่างเขาเคยเบามือกับอะไรที่ไหนกันล่ะ

    “ขอบคุณนะลูกที่เลือกมาอยู่กับพ่อ”

    “ขอบคุณพี่เหมือนกันนะคะ ที่กลับมาหาเรา ฉันคิดไม่ออกเลยถ้าหากว่าพี่...” นิ้วชี้ยาวแตะที่ริมฝีปากบางๆ เพื่อหยุดคำพูดที่บั่นทอนความรู้สึกตัวเองของยูรินเอาไว้ก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมาอีก หากคิดถึงเรื่องนั้น

    “ที่บ้านเมียพี่ สอนให้ขอบคุณด้วยการพูดแค่นั้นเหรอ”

    “พี่ว่าไม่ใช่นะ”

    “พี่เจค>.<” คนฟังอยู่รู้ว่าคนเจ้าเล่ห์ต้องการให้เธอขอบคุณแบบไหน

    "โอ้ย..ซี๊ด"

     "พี่เจคเป็นอะไรคะ!!!" แต่ยังไม่ทันที่จะได้รับการขอบคุณที่ต้องการจากภรรยา ยูรินก็ต้องตกใจที่จู่ๆคนที่นอนกอดเธออยู่ ร้องออกมาเเบบนั้น

    "เจ็บ" สามีมาเฟียของเธอตอบสั้นๆ เเปลว่าเขาต้องเจ็บพอสมควรเลยไม่งั้นคนปากหนักอย่างจอนจองกุกไม่มีทางยอมรับว่าเจ็บง่ายๆหรอก

    "เรียกหมอมั้ยคะ"

    "ไม่เป็นไร ดีขึ้นเเล้ว"

    "ทีเมื่อกี้ทำซ่า หื่นไม่ดูสังขารเลยนะคะ" ตาคมกริบลุกวาวเมื่อได้ยินประโยคที่แฝงไปด้วยคำสบประมาทของภรรยา

    "ดูถูกผัวตัวเองแบบนี้ อยากโดยฟาดใช่มั้ย"

    "พี่เจคตัวจริงชัดๆ ขู่เก่ง"

    "ปากดีนักนะ" 

    "ดีหมดเลยค่ะ ตั้งเเต่หัวไปถึงเท้าเลย" อยากจะถามคนตัวเล็กจริงๆว่าไปเอาความมั่นใจเเบบนี้มาจากที่ไหน เเต่ก็กลัวว่าเมียตัวน้อยจะตอบว่า เอามาจากเขานั่นเเหละ

    "พี่ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ อย่างอเเงก็เเล้วกัน"

    จอนจองกุกพูดจบก็กระชับวงเเขนเพื่อให้อ้อมกอดของเขาเเละเธอเเนบชิดขึ้น คนที่เคยเป็นนักศึกษาเเพทย์มาก่อนอย่างเธอ เคยคิดว่า เสียงการเต้นของหัวใจไปเป็นเพียงฟังก์ชั่นการทำงานตามปกติของร่างกาย มันเอาไว้บ่งบอกว่าคนๆนั้นยังมีชีวิตหรือไม่ ไม่เคยรู้สึกว่าเสียงดังตึกตักจากหัวใจมันจะสร้างความรู้สึกเเสนพิเศษกับเธอได้ เสียงธรรมดาๆเเบบนี้ เเต่เธออยากฟังมันไปตลอดชีวิต คงเพราะมันเป็นเสียงหัวใจของชายผู้เป็นที่รัก

    คนที่เกลียดการถูกเนื้อต้องตัว ไม่อบที่สุดคือการถูกเกาะเเกะจากเพศตรงข้าม เขาเป็นผู้ชายขี้รำคาญเป็นที่หนึ่ง เเต่กับร่างบอบบางที่กำลังใช้ใบหน้าซุกอยู่ที่หน้าอกของเขาอยู่ในเวลานี้ ถ้าให้เลือกได้จอนจองกุกไม่อยากลุกจากที่นอนเลยสักวินาทีเดียวถ้าหากมีเธอคนนี้นอนอยู่ข้างกายของเขา มันไม่ใช่ความรู้สึกที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ หรือกับใครก็ได้ สำหรับจอนจองกุกคนที่เขาให้อภิสิทธิ์ในร่างกายของเขามีเเค่นัมยูรินคนเดียวเท่านั้น

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    หนึ่งสัปดาห์เเล้วที่จอนจองกุกออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่ตึกทกซูรี หลังจากที่เขาจะกลับมาทำงานตั้งเเต่วันเเรกที่ออกจากโรงพยาบาลเพราะเป็นห่วงหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเเละอยากสะสางเรื่องที่ค้างคาให้เรียบร้อยก่อน เเต่นัมยูรินขอเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงอยากให้ร่างกายของสามีพร้อมกว่านี้ก่อนที่จะกลับไปเจอกับเรื่องหนักๆอีกครั้ง 

    จนถึงวันนี้มาเฟียหนุ่มกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้งท่ามกลางขวัญเเละกำลังใจที่กลับมาของบรรดาคนของบลูอีเกิ้ลที่รู้สึกเหมือนขาดเสาหลักไปนานร่วมเดือน วันเเรกประธานบลูอีเกิ้ลก็เรียกประชุมทุกฝ่ายเป็นการเร่งด่วน ก่อนหน้านั้นเขาได้สั่งให้ผู้อำนวยการเเละหัวหน้าฝ่ายต่างๆรวบรวมข้อมูลต่างๆระหว่างที่เขาพักรักษาตัวมารายงานในวันนี้

     

    Ring Ring

    มือบางวางหนังสือเกี่ยวกับเด็กทารกลงเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของตัวเองดังขึ้น

    "อื้ม ว่าไงนายอน"

    (ยูรินเเย่เเล้ว คุณเจคกำลังประชุมรับฟังรายงานสรุปทุกเรื่องระหว่างที่คุณเจครักษาตัว ขอโทษที่บอกช้าเเต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะรีบขนาดนี้)

    "ทำยังไงดีนายอน ถ้าพี่เจครู้เรื่องที่ฉันทำ เขาต้องโกรธมากเเน่ๆ" ตอนสามียังไม่ฟื้นเธอทัั้งทำงานเเทนทั้งยังต้องไปดูเเลสามี หลังจากสามีฟื้นเธอก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการช่วยเขาทำกายภาพ เเละดูเเลทุกอย่าง จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลยว่าไม่ควรให้จอนจองกุกรับรู้เรื่องที่เธอจัดการทุกเรื่อง รวมไปถึงเรื่องเสี่ยงอันตรายเเทนเขาไปด้วย

     

    ใบหน้าเล็กก้มมองเข็มนาฬิกาบนข้อมือ เข็มสั้นชี้ไปที่เลขสิบสอง เข็มยาวชี้ไปที่เลขหก มันเป็นเวลาพักกลางวันเเล้ว เเต่เธอภาวนาขอให้การประชุมยังไม่ถึงวาระที่สามีต้องรับรู้เรื่องของเธอ ก่อนจะหาเสื้อคลุมมาสวมทับชุดที่ใส่อยู่เพื่อให้ดูเรียบร้อยขึ้น

    ก่อนจะรีบร้อนออกจากเพนเฮาส์ไป เพื่อไปยังชั้นที่อยู่ถัดลงไปสองชั้น

    เมื่อประตูลิฟต์VIPเปิดออก ขายาวๆก็รีบก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว โดมีเป้าหมายคือห้องทำงานของสามีจอมโหด เท้าก็ก้าวอย่างไวใจก็ภาวนาขออย่าเพิ่งให้สามีของเธอรู้เรื่องนี้จากปากของคนอื่นเลย ถ้าจะรู้ขอให้รู้จากปากเธอของเธอเองดีกว่า

    เเต่ดูเหมือนว่า คำภาวนาของเธอจะไม่เป็นผล เพราะสายตาไปปะทะกับดวงตาคมกริบของร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องทำงานตามด้วยเหล่าผู้อำนวยการเเละหัวหน้าฝ่ายต่างๆรวมถึงคนสนิทของจอนจองกุก เมื่อเจ้านายปรากฏตัวขึ้น เป็นเรื่องปกติอยู่เเล้วที่ทุกสายตาของพนักงานที่กำลังทำงานกันอยู่ทั้งชั้นจะจ้องมองไปตรงจุดที่เป็นที่น่าสนใจอยู่เเล้ว

    ยูรินจ้องมองใบหน้าที่เธอคุ้นเคยด้วยความหวั่นใจในทุกๆขณะที่ระยะห่างของทั้งสองคนลดน้อยลงทุกที ทุกที ไม่ต้องเอ่ยปากถามมองด้วยตาก็รู้เเล้วว่า ในเวลานี้สามีคงรู้เรื่องที่เธอทำทุกอย่างหมดเเล้วไม่มีเหลือ ยิ่งเห็นเเววตาดุดันที่ส่งมายิ่งรู้ชะตากรรมตัวเองเลยว่าคงถูกจอนจองกุกโกรธอีกครั้งเพราะเธอไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเขา ว่าจะไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายอีก

    เเต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าครั้งก่อนก็เพราะเธอไม่ได้ตัวคนเดียว เธอมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอเเละเขาอยู่ในท้อง เเถมยังพาลูกไปเสี่ยงด้วยอีกคน ไม่ต้องหวังเลยว่าสามีของเธอจะปรานี

    หัวใจดวงน้อยเจ็บเเปลบขึ้นมา ที่ทุกคนที่เดินมากับจอนจองกุกมองเห็นเธอเเละทักทายเธอด้วยท่าทางที่สุภาพ เเต่มีคนๆเดียวเท่านั้นที่มองผ่านเธอไปราวกับเธอไม่มีตัวตน เเต่จุดประสงค์จริงๆของเขาไม่ใช่เเบบนั้น เขาต้องการทำให้เธอรู้ว่า เธอมีความผิดมหันต์ติดตัวอยู่

    หญิงสาวร้อนรนจนไม่รู้จะทำยังไงเพื่อจะให้สามีหายโกรธเธอได้ จะให้ง้อเเบบที่เคยทำมาก็คงจะไม่ไหว เธอกำลังท้องอยู่ขืนเอาตัวเข้าเเลกมีเเต่จะตายกับตาย สามีของเธอเวลาโกรธน่ากลัวทุกครั้ง

    เเต่ท่าทีเมินเฉยที่เขาใช้กับเธอ เธอไม่ชอบเอาเสียเลย เเววตาเย็นชาไร้หัวใจเเบบนั้น ถึงจะโกรธยังไงเขาก็ไม่ควรใช้มันกับผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเเม่ของลูกเขา เเม้รู้ตัวเองดีว่าตัวเองไม่ควรคิดเเบบนี้ เเต่ฮอร์โมนในร่างกายที่ไม่ปกติ มันทำให้หญิงสาวนึกโมโหขึ้นมาที่สามีของเธอเมินเธอต่อหน้าคนมากมาย เเละเธอจะไม่ยอมให้เขาทำเเบบนี้กับเธออีกเเล้ว เธอจึงตัดสินใจทำบางอย่าง

    "พี่เจคคะ" เสียงเท้าเดินหยุดลงพร้อมๆกับเสียงหวานที่เอ่ยเรียกชื่่อของเขาออกมา เเต่ถึงจะหยุดเดินเเต่มาเฟียหนุ่มก็ไม่ยอมหันกลับมามองต้นเสียงที่เขาเดินผ่านเธอมาเเล้ว จะว่าตั้งใจก็ไม่ผิด เขาต้องการทำให้ยัยตัวเเสบรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำมากเเค่ไหน เขาจะไม่ยอมอ่อนให้ง่ายๆหรอกนะคราวนี้

     

    พรึ่บ

    "!!!" เเต่เเล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีนั้น ที่มาเฟียหนุ่มรู้สึกได้ถึงเเรงกอดจากทางด้านหลัง ความนุ่มนิ่มที่เขาสัมผัสได้ มันบอกเขาว่าคงไม่ใช่ปาร์คจีมินหรือบรรดาลูกน้องที่เดินตามเขามาเป็นคนกอดเขาเเน่ ๆ เเต่มันเป็นการกอดจากวงเเขนเล็กของเมียตัวเเสบของเขาเอง 

    "ยูริน!!"

    ร่างสูงโปร่งยืนตัวเเข็งทื่อไปกลางอากาศ เพราะสมองของเขาประมวลได้ว่า เขากำลังถูกภรรยาโอบกอดจากทางด้านหลังท่ามกลางสายตาของคนสนิทเเละพนักงานหลายสิบชีวิตที่กำลังจ้องมองมาที่ทั้งคู่อย่างไม่ต้องสงสัย

    จอนจองกุกรักภรรยามาก เรื่องนี้ทุกคนรู้อยู่เเล้ว เเต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่มาเฟียหนุ่มจะเเสดงความรักต่อภรรยาต่อหน้าคนอื่นเเม้กระทั่งคนสนิทอย่าง คิมซอกจิน จองโฮซอก หรือปาร์คจีมินยังน้อยมากที่จะมีโอกาสได้เห็น

    เเต่ในตอนนี้ นาทีนี้ วินาทีนี้ เขากำลังถูกยูรินกอดโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกตอนนี้จะโกรธก็ไม่ใช่เเน่ๆ เเต่ไอ้ความเห่อร้อนบนใบหน้าลามไปถึงใบหูที่ทุกคนในที่นี้คงจะเห็นเเล้วว่า ใบหูทั้งสองข้างของเขามันเเดงไปหมดเเล้ว บวกกับสภาวะหัวใจที่เต้นเเรงราวกับมีคนมากระหน่ำตีกลองอยู่ในอกนี่มันคืออะไรกัน

    จากประสบการณ์ความรักที่ชั่วโมงบินต่ำเตี้ยเรี่ยดินของจอนจองกุก เขาคงเรียกความรู้นี้ไม่ถูก หากเเต่คนทั่วไปจะเรียกมันว่า 'ความเขิน'

    "อย่าเดินหนีกันเเบบนี้สิคะ"

    "ปะ ปล่อย ทำอะไรของเธอ?" คนตัวสูงเอ่ยถามทั้งๆที่พยายามปั้นหน้าให้นิ่งที่สุด เเละกำลังบังคับเสียงไม่ให้สั่น

    "ไม่ปล่อยค่ะ จนกว่าสามีจะหายโกรธ"

    "-///-*"

    "ปล่อย...อย่ามาเอาเเต่ใจตรงนี้" จอนจองกุกคงไม่รู้ว่าคนสนิทของเขาต้องกลั้นยิ้มกันเเค่ไหนที่เห็นท่าทางเก้ๆกังๆของเขา

    "หายโกรธก่อน เเล้วจะปล่อยค่ะ" คนดื้อก็ยังคงดื้ออยู่วันยังค่ำ ไม่ใช่เขาหรอกนะที่กำลังเขินอายอยู่ คนใจกล้าเองก็อายไม่เเพ้กันหรอกที่ต้องมาทำอะไรเเบบนี้ต่อหน้าคนอื่น เเต่เพราะความอยากเอาชนะเเละอยากเเกล้งสามีเป็นเหตุ

    "กอน"

    "ครับคุณเจค" อีกอนรับคำไปด้วยกลั้นขำไปด้วย

    "เลื่อนประชุมบ่ายนี้ไปก่อน"

    "ส่วนเธอ มานี่"

    ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะตั้งตัว ก็ถูกมือหนาคว้าข้อมือฉุดให้เธอเดินตามเขาไป เเต่คนที่ถูกดึงกลับดื้อไม่ยอมเดินตามเเต่โดยดี

    "ลากกันเเบบนี้ไม่ได้นะ ฉันท้องอยู่นะมาฉุดกระชากลากถูเเบบนี้ได้ยังไงคะ" 

    มาเฟียหนุ่มสูดหายใจเข้าให้ลึกที่สุดเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกหลากหลายที่กำลังโจมตีเข้ามา ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเมียตัวน้อยตรงๆ

     

    "เดินดีๆไม่ยอม ฉุดไม่ได้ ลากไม่ได้ใช่มั้ย จะเอาอย่างนี้ใช่มั้ยนัมยูริน" คนตัวเล็กสัมผัสได้พลังงานบางอย่างจากสามี จนเริ่มมีสติเเล้วว่าไม่ควรท้าทายคนอย่างจอนจองกุกตั้งเเต่เเรก

    "ได้ยูรินได้"

    พรึ่บ...

    "ว๊ายยย!! พี่เจค วางฉันลงนะ" ยูรินประท้วงยกใหญ่เมื่อถูดสามีอุ้มขึ้นลอยขึ้นด้วยวงเเขนเเกร่งของเขา ต่อหน้าทุกคนที่อยู่ที่นี่ ใครจะคิดล่ะว่าคนนิ่งๆเเบบจองกุกจะกล้าทำอะไรเเบบนี้ต่อหน้าคนอื่น จากที่ตั้งใจเเกล้งสามี เเต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอกำลังถูกสามีเอาคืนซะเเล้ว 

    "ไม่วาง มีอะไรมั้ย อย่าดิ้นดิ ท้องอยู่"

    "พี่เจค อายเค้า ฉันเดินเองได้ วางลงเลยนะ"

    "ไม่วาง ขี้เกียจ"

    "ฝากงานตรงนี้ด้วยนะ ขอไปจัดเมีย"

    "พี่เจค>///<" คนตัวเล็กประท้วงหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินประโยคสองเเง่สองง่ามจากปากสามี

    "อ้าว พูดผิดเหรอ งั้นเอาใหม่"

    "ฝากด้วยนะ ขอตัวไปจัดการเมียหนักๆก่อน"

    "T^T" ในใจยูรินกำลังร้องตะโกนว่า ประโยคเเรกกับประโยคหลังมันต่างกันตรงไหน มีเเต่จะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ

    "หึหึหึ เธอเเส่บกับพี่ก่อนเองนะ" นั่นคือสิ่งที่จอนจองกุกกระซิบข้างๆหูคนที่เขากำลังอุ้มอยู่ 

    "รู้เเล้วค่ะ ก็รีบไปสิคะ" สาวเจ้าเขินอายจนไม่อยากอยู่ตรงนี้เเล้ว 

    "หึ โอเค อยากให้พี่จัดการเร็วๆก็ไปบอกสิ"

    "ไปนะ พอดีเมียใจร้อน"

    "พี่เจค>///<" รอยยิ้มของผู้ชนะปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นลีกยิ้มชัดเท่าไหร่ ยิ่งบ่งบอกถึงความพอใจที่มีมากเท่านั้น ก่อนที่ร่างสูงจะพาภรรยาที่ผิวขาวนวลเปลี่ยนเป็นขึ้นสีเเดงระเรื่อไปทั้งตัวออกจากตรงนี้ไป 

    เเต่ก็คงไม่ใช่เเค่นายหญิงเเห่งบลูอีเกิ้ลหรอกที่กำลังเขินจนหน้าเเดง เเต่บรรดาพนักงานสาวเล็กสาวใหญ่ก็ไม่ต่างกัน เพราะไม่เคยมีใครเห็นมุมเต๊าะเมียของเจ้านายมาก่อน และไม่คิดด้วยว่าชาตินี้จะได้เห็นโมเม้นนี้

    "มวยถูกคู่ชิบหาย" คิมซอกจินกระซิบกระซาบกับปาร์คจีมินชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยว่าใครจะกล้าต่อกรกับจอนจองกุก และก็ไม่เคยจินตนาการภาพของคนหน้านิ่งซึนตีมึนเก่งอย่างจอนจองกุกจะเอาคืนเมียด้วยวิธีบ้าจี้แบบนี้

     

    Jungkook Part

    “มีอะไรจะแก้ตัวก็พูดมา” ถือว่าผมพยายามปรับตัวให้เข้ากับยูรินแล้วนะ ถ้าเป็นกับคนอื่นหรือเป็นเมื่อก่อน ผมจะไม่ถามเธอและเธอจะไม่มีโอกาสได้อธิบายอะไรแน่นอน

    ยูรินเอาแต่ยืนก้มหน้าไม่ยอมพูดอะไรออกมา เธอจะรู้มั้ยวะ ว่าตอนที่ผมได้ฟังรายงานว่าเมียตัวเองคือคนที่เข้าไปจัดการพวกที่มันลอบทำร้ายผม ถึงขั้นไปสอบปากคำคนร้ายด้วยตัวเอง แค่นั้นยังไม่พอ ยังไปจัดการพวกไนท์วูฟต่ออีก ใครๆก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าพวกนั้นมันอันตรายแค่ไหน ใครยอมให้เมียผมไปที่นั่น ผมจะสั่งเด้งให้หมดทุกคนเลยคอยดูเถอะ

    เรื่องที่ไปสนิทสนมกับโฮซอกฮยองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ถึงทั้งคู่จะอธิบายแล้วว่าสนิทกันมากขึ้นเพราะตลอดเวลาที่ผมรักษาตัวไป โฮซอกฮยองคอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาเรื่องงานทุกอย่าง ทั้งสองคนจะสนิทกันมันก็ไม่แปลก แต่ผมนี่แหละที่แปลกที่ไม่มีเหตุผลจนต้องหงุดหงิดทุกทีที่เห็นสองคนนั้นคุยกัน

    แต่เรื่องนั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เธอทำตอนที่ผมไม่อยู่ แล้ววีรกรรมของยัยตัวแสบที่ทำให้ผมห่วงจนแทบบ้าก็คือการไปติดกับพวกนั้นจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีแค่ไหนแล้วที่มีใครก็ไม่รู้เข้าไปช่วย ซึ่งคนๆนั้นผมจะตามสืบให้ได้ว่าใครคือคนที่ช่วยชีวิตเธอ จะถือว่าเป็นบุญคุณก็ได้ แต่ผมก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี

    “รู้ตัวมั้ยว่าถ้าเกิดพลาดขึ้นมา เธอกับลูกจะเป็นยังไง”

    “คิดบ้างรึเปล่าว่าการเอาตัวเข้าไปเสี่ยงแบบนั้น มันทำให้เธอตายได้เลยนะ”

    “เรื่องแบบนี้ให้คนอื่นจัดการก็ได้ ทำไมต้องลงไปทำด้วยตัวเอง” ผมกลายเป็นคนที่พูดเยอะกว่าเธอไปได้ยังไงวะ ตอนนี้ยูรินเอาแต่เงียบ ผมเห็นน้ำตาของเธอที่ไหลลงมา แต่ครั้งนี้ผมไม่ยอมอ่อนให้ง่ายๆแน่ จะต้องลงโทษให้หลาบจำเลยคอยดู

     

    “ดูสิ่งที่พวกมันทำกับพี่สิ พวกมันกล้ามาทำร้ายคนที่ฉันรัก ทำไมฉันจะจัดการพวกมันด้วยตัวเองไม่ได้ ใครที่มันบังอาจทำร้ายพี่ ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน พี่ไม่รู้หรอกว่าสภาพพี่ตอนนั้นมันเป็นยังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่จะตื่นขึ้นมารึเปล่า ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้สาสมกับความผิดของพวกมัน โดนแค่นั้นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ!!

    “.....” 

    ผมถึงกับพูดไม่ออกเลย ทั้งคำพูดคำจา ท่าทาง น้ำเสียง และวิธีคิดของเมียผมตอนนี้ มันทำให้ผมตกใจมาก ไม่รู้ว่าเพราะเธออยู่กับผมมากเกินไป หรือเพราะเลือดเนื้อเชื้อไขของผมที่อยู่ในท้อง ถึงทำให้เธอกลายเป็นร่างโคลนนิ่งของผมไปแล้ว

    “พี่เคยบอกให้ฉันเข้มแข็ง และอย่ายอมพวกที่มันมารังแก ก็นี่ไง ฉันก้าวผ่านความกลัวความขี้คลาดของตัวเองมาได้แล้ว มันไม่ดีหรือไงคะ”

    “มันจะดีได้ยังไงยูริน ถ้าเธอเข้มแข็งแต่พี่ต้องเสียเธอไป”

    “เธอคิดบ้างมั้ยว่า ถ้าพี่ฟื้นขึ้นมาแล้วรู้ว่าไม่มีเธอกับลูกอีกแล้ว พี่จะเป็นยังไง” ผมตวาดเสียงดังกว่าตอนแรก เธอดูตกใจกับปฏิกิริยาของผมมาก

    “เธอเป็นเมียพี่ เธอไม่รู้เหรอว่า พี่ยอมตายดีกว่าที่จะต้องสูญเสียคนที่รักไปอีก พี่ทนไม่ไหวอีกแล้ว ทั้งเธอทั้งลูกถ้าเป็นอะไรขึ้นมาเพราะพี่”

    “รู้มั้ยว่าการตัวเองกลับมายืนตรงนี้ การต่อสู้กับความเป็นความตายเพื่อที่จะกลับมาหาเธอตามสัญญามันยากแค่ไหน พี่จะสู้เพื่ออะไร ถ้าลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอเธออีก เธอคิดมั้ยว่าพี่จะใช้ชีวิตต่อไปยังไง!!!

    “พี่เจค...!!!

    “ตกใจเหรอที่เห็นพี่ร้องไห้ พี่ก็ตกใจเหมือนกัน แต่เธอดูเอาไว้นะยูริน พี่ร้องไห้เพราะแค่คิดว่าจะไม่ได้เจอเธอกับลูกอีก เธอเห็นรึยังว่า ตอนนี้พี่แค่คิด แล้วถ้าโลกนี้ไม่มีเธอจริงๆ สภาพพี่มันจะเป็นยังไง”  เธอร้องไห้ออกมาหนักมากในขณะที่ผมเองก็เเทบยืนไม่อยู่

    โลกที่ไม่มียูรินน่ะเหรอ แค่คิดผมก็ทนไม่ไหวแล้ว

    มันคงน่าอายที่ผู้ชายจะร้องไห้ ผมคิดแบบนั้นมาตลอด ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าผู้ชายก็คือคนๆหนึ่ง ผู้ชายก็คือสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก และตอนนี้ผมกลายเป็นพวกไวต่อความรู้สึกไปหมด ใครจะคิดวะ หรือแม้กระทั้งตัวผมเอง ว่าคนอย่างจอนจองกุกจะร้องไห้ให้กับเรื่องที่มันยังไม่เกิดขึ้น

    ในขณะที่ผมกำลังพยายามข่มน้ำตาที่มันลงมา ให้หยุดไหลสักที ถึงผมกับยูรินจะเป็นคู่ชีวิตกัน แต่การยืนร้องไห้ต่อหน้าเมียแบบนี้มันก็อายเป็นนะ แล้วยิ่งยัยตัวแสบยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วใช้แขนเล็กๆของเธอโอบกอดผมเอาไว้ การกระทำของเธอยิ่งยากต่อการที่ผมจะหยุดร้อง ไหนๆเธอก็ไม่เห็นหน้าผมตอนนี้อยู่แล้ว ก็ร้องให้น้ำตามันหมดไปซะวันนี้เลยก็แล้วกัน ช่างแม่งแล้ว

    เพราะผมสูงกว่าเธอ มันทำให้เกิดองศาที่พอดีที่ผมจะซบใบหน้าลงไปที่ไหล่เล็กๆของเธอ อย่างน้อยให้มันได้พอบดบังน้ำตาของผมเอาไว้ได้ก็ยังดี

    “ขอโทษนะคะ ขอโทษที่ทำให้พี่เจคกลัว”

    “สัญญาว่าจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงอีกแล้ว แต่รับปากไม่ได้หรอกนะคะว่าฉันจะไม่ไปจัดการพวกที่มันทำร้ายเราอีก แต่สัญญาค่ะว่าจะคิดให้รอบคอบกว่านี้ และระวังตัวกว่านี้นะคะ พี่เจคไม่ร้องแล้วนะคะ ฉันขอโทษ”

    ผมเข้าใจที่ยูรินพูด เธอคงเรียนรู้แล้วว่าการที่เข้ามาอยู่ในโลกของผม พวกเราเลี่ยงที่จะเผชิญกับความรุนแรงหรือเรื่องที่ไม่คาดฝันไม่ได้ แต่เราต้องมีสติ คิดให้มาก และที่สำคัญคือต้องไม่ประมาท ผมเข้าใจได้ ส่วนผมเองก็จะจัดทีมดูแลความปลอดภัยให้เธออย่างจริงๆจังสักที เพราะที่ผ่านมามันอาจจะยังไม่เพียงพอ

    ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผมรู้ตัวเองดี เพราะตอนนี้น้ำตาของผมหยุดไหลไปแล้ว มันเป็นเพราะความอบอุ่นจากอ้อมกอดของยูรินร่างกายนุ่มนิ่มที่ชวนให้รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้สัมผัส กลิ่นหอมอ่อนๆที่ออกมาจากตัวเธอมันทำให้ผมเผลอฝังจมูกสูดดมกลิ่นกายของเธออย่างบ้าคลั่ง

    ให้ตายเถอะตั้งแต่ผมฟื้นขึ้นมา อารมณ์ของผมมันแปรปรวนไปหมด เมื่อกี้ดราม่าจนน้ำตาแตก ส่วนตอนนี้ความรู้สึกหิวกระหายมันกำลังโจมตีผมอย่างหนัก

    "พี่เจคยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเเน่ๆ เดี๋ยวฉันไปทำอะไรอร่อยๆให้พี่กินดีกว่า" ยูรินใช้มือลูบใบหน้าของผมเบาๆ เเล้วเดินหันหลังไปทางโซนครัวเเทน

    ความอดอยากที่ทำให้ร่างกายของผมที่มันประท้วงอย่างหนัก ผมจึงเดินตามเธอไป ก่อนจะดันร่างบอบบางของเธอให้ไปยืนพิงกับผนังสีขาวโดยมีตัวผมตามไปยืนบดเบียดกับร่างกายหอมหวานของเธอ

    พี่เจค ทำอะไรคะ!!!

    เธอตกใจก็ไม่แปลก เพราะผมยังตกใจตัวเองเลยที่อารมณ์เปลี่ยนง่ายเหมือนสับสวิตส์แบบนี้ เมื่อกี้เสียน้ำตา แต่ตอนนี้อยากเสียน้ำอย่างอื่นขึ้นมาแล้วไง

    "พี่ต้องการเธอ พี่อยากกอดเธอเเน่นๆได้มั้ย?" กอดของผม ที่มันไม่ได้หมายความถึงกอดอย่างเดียวหรอก ผมเชื่อว่าเมียผมจะเข้าใจได้ไม่ยาก

    เธอจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆ ริมฝีปากสีชมพูเม้มชิดติดกัน ผมรู้ว่าภาษกายนี้ของเธอมันเเปลว่ากำลังใช้ความคิดอยู่ อยากรู้จังว่าอะไรคือสิ่งที่อยู่ในความคิดของเธอตอนนี้

    "เเต่...อย่าทำเเรงได้มั้ยคะ เดี๋ยวลูก..." ที่เเท้ก็เป็นห่วงลูกนี่เอง

     “ถ้านับตามอายุครรภ์ เธอท้องก่อนวันนั้นทีเราทำกันในห้องทำงานพี่อีกนะ” วันนั้นผมจัดหนักจัดเต็มแค่ไหนผมรู้ดี

    “ลูกเราแข็งแรงมาก เชื่อพี่สิ”

    ผมไม่รอคำอนุญาตใดๆจากเมียของผมหรอกนะ ตอนนี้ไม่ไหวเเล้วจริงๆ ผมจึงก้มลงไปจูบเธอ เเต่ยูรินไม่ได้อิดออดอะไร ตรงกันข้ามเธอใช้มือเล็กๆปลดเน็กไทด์ของผมออก ก่อนจะโยนมันทิ้งไป การกระทำที่เเฝงไปด้วยความเซ็กซี่เร้าร้อนของเธอมันทำให้ผมรับรู้ว่าเธอก็ต้องการผมเหมือนที่ผมต้องการเเละโหยหาเธอมาตลอด

    มันส่งผลให้ทั้งร่างของผมร้อนจนทนไม่ไหว ที่จะมีเสื้อผ้าอยู่บนเรือนร่างทั้งของผมเเละของคนตรงหน้าอีกต่อไปอีกไม่ได้เเล้ว

     

    'เซ็กส์' ในความหมายของบางคนอาจจะหมายถึงกิจกรรมที่สร้างความสุขสมให้กับร่างกายหลังจากสารเเห่งความสุขหลั่งตามธรรมชาติ มันมีชื่อเรียกมากๆมายทั้ง หยาบโลนหรือไปจนถึงคำที่สวยงามหรืออะไรก็ตาม

    เเต่สำหรับผมเเล้ว ผมชอบคำว่า 'ร่วมรัก' มากกว่า เพราะสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ก็คือความสุขที่เกิดจากการที่เราได้ทำกับคนที่เรารักยังไงล่ะ

    "พี่รักเธอมากจริงๆนะ"

    End Jungkook Part


    ตลอดเวลาหลายวันมานี้หน้าจอโทรศัพท์ของจอนจองกุกปรากฏข้อความจากเบอร์ที่เขาไม่ได้บันทึกเอาไว้อยู่สองสามหน เจ้าตัวไม่คิดจะเปิดดูเพราะคงเป็นพวกข้อความไร้สาระที่คงจะหลุดบล็อกเข้ามา แต่มาจนตอนนี้แสงไฟที่สว่างวาบขึ้นมาเพราะมีการแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้าอีกครั้งในเวลากลางดึกที่เขายังคงกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ จอนจองกุกคว้ามันขึ้นมาแล้วพบว่ามันคือข้อความจากเบอร์ที่เขาไม่ได้บันทึกในรายชื่ออีกเช่นเดิม เขาจึงตัดสินใจเปิดดูเพื่อตัดรำคาญ

    คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เมื่อสิ่งที่ถูกส่งผ่านข้อความนี้ไม่ใช่พวกโฆษณาไร้สาระอย่างที่เขาคิด แต่มันคือภาพของลานกว้างที่มีป้ายหินสลักวางเรียกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สถานที่ๆสวยงามแต่คงไม่มีใครอยากไปเยือนนักหรอก เพราะถึงจะร่มรื่นเพียงใด บรรยากาศดีเพียงไหน คนที่จากไปแล้วจะรับรู้ถึงมันได้ยังไง ที่ๆเป็นสถานที่สุดท้ายของดวงวิญญาณจะสิงสถิตก่อนไปในภพภูมิที่คู่ควร ที่ๆใครต่อใครเรียกกันว่า สุสาน

    สุสานมีตั้งมากมายในเกาหลีใต้ในแผ่นดินเกาหลีใต้ แต่ทำไมต้องเป็นที่นี่ ที่ๆมีเพียงหลุมฝังและแม่นหินสลักแต่ไร้ซึ่งร่างของเจ้าของชื่อ โชมิยอน

    มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เจ้าของเบอร์นี้จะส่งรูปนี้มาให้เขา จองกุกเชื่อว่าเจตนาของคนส่งต้องมีบางอย่างแอบแฝงแน่นอน เขาจึงค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง แล้วออกจากห้องนอนไป

    ร่างสูงในชุดนอนสีเข้มนั่งลงบนโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่น ก่อนจะกดโทรออกไปยังเบอร์เดียวกับที่ส่งรูปนั้นมาให้เขา รอไม่กี่อึดใจ ปลายสายก็กดรับราวกับกำลังรอให้เขาโทรกลับไปอยู่แล้ว

    “ต้องการอะไร?” นั่นคือคำถามแรกและตรงไปตรงมาจากจอนจองกุก เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอ้อมค้อมสิ้นเปลืองคำพูด

    (ใจร้อนไม่เปลี่ยนเลยนะเจค)

    “เธอ!!!

    เสียงนี้เขาจดจำได้เป็นอย่างดี ในชีวิตของจอนจองกุกมีผู้หญิงไม่กี่คนหรอกที่เกี่ยวข้องกับเขา เจ้าของเสียงนี้คือเสียงที่เขาได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เสียงเล็กๆของวัยเด็กจนกลายมาเป็นเสียงหวานของสาวแรกรุ่นจนเติบโตเป็นเสียงมีเสน่ห์ปนเซ็กซี่ของสาวสะพรั่ง เธอคือคนที่เขาคิดว่ารู้จักดีแล้ว แต่เพราะสิ่งที่เธอทำลงไป มันทำให้เขาเกิดคำถามขึ้นในใจมากมาย ว่าเขายังรู้จักเธอไม่ดีพออีกอย่างนั้นหรือ?


     70 % To be continue ....

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ฝาก สตรีมเเท็ก  #พี่เจคใจเย็น ด้วยน้า


    ชื่อทางการติดต่อไรท์

    twt : @Lilyn_T_V

    Facebook group : Lilyn-Fic


    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ?
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×