ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฎีการักจากพระชายาบ้านนอก

    ลำดับตอนที่ #85 : 85. เจ้าควรจะเปลี่ยนวิธีการเรียกเย่หลิงได้แล้วนะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.78K
      434
      26 พ.ย. 63

    "เย่หลิง..เจ้ามาแล้วหรือ? รีบมานั่งข้างพี่สาวเร็วเข้า"

    หลิวฉานเหยารีบกวักมือเรียกด้วยน้ำเสียงสดใสทันทีที่เห็นร่างเล็กเดินเข้ามาในห้อง ในระหว่างนั้น..หม่าชิงอี๋ซึ่งนั่งเคียงข้างจ้าวฝูหมิงก็รีบเอ่ยคำขึ้นเช่นกัน

    "พี่หญิงเพคะ หม่อมฉันได้ข่าวว่าประชวรอีกแล้ว..แต่ตอนนี้ดูเหมือนพระพักตร์จะสดชื่นขึ้นนะเพคะ ดีจริงๆเลย"

    "หวางเย่หลิงคำนับท่านอ๋อง คำนับพระชายา ขอบพระทัยที่ทรงห่วงใยเพคะ"

    หวางเย่หลิงยอบกายลงขณะตอบคำเบาๆก่อนจะเดินไปยืนข้างๆหลิวฉานเหยา และแน่นอนว่า..มิได้หันมองท่านอ๋องจ้าวเลยแม้แต่น้อย

    "เย่หลิง..ยืนอยู่ทำไมเล่า? นั่งลงเถอะ" จ้าวจื่อหานเอ่ยขึ้นขณะลอบมองพระอนุชาของตนและก็มองเห็นความผิดหวังในดวงตาคู่นั้นอย่างชัดเจน

    "ขอบพระทัยเพคะ" หวางเย่หลิงเอ่ยคำอีกครั้งก่อนจะนั่งลงอย่างเงียบๆ

    "พี่หญิง..วันนี้หม่อมฉันให้คนนำของฝากมาให้หลายอย่างเลยนะเพคะ..ล้วนเป็นของบำรุงที่ท่านพ่อของหม่อมฉันตั้งใจเสาะหามาทั้งสิ้น เมื่อวานได้พบกันในท้องพระโรงหม่อมฉันก็มัวแต่ตกใจกับเรื่องที่ท่านอ๋องทูลขอเสด็จพ่อเรื่องปลดตำแหน่งอะไรนั่นจนลืมบอกพระองค์ไปเลย... กระทั่งแยกย้ายกันกลับแล้วก็ยังมิได้คุยกันสักคำ..น่าเสียดายจริงๆ"

    หม่าชิงอี๋เริ่มเอ่ยขึ้นใหม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่วาจาที่กล่าวพาดพิงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้แทบทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไปตามๆกัน ก็เรื่องที่โด่งดังไปทั้งเมืองหลวงเพียงชั่วข้ามคืนเดียวในขณะนี้มิใช่เป็นเรื่องที่ท่านอ๋องเจ็ดจ้าวฝูหมิงขอปลดชายาเอกของตนหรอกหรือ? แม้แต่ผู้ที่ถูกกล่าวถึงด้วยความสมเพชเวทนาเสียเป็นส่วนใหญ่อย่างหวางเย่หลิงก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ..แต่พระชายาหม่าผู้นี้ก็ยังกล่าวออกมาได้!

    กระนั้นก็ดูเหมือนว่าความตระหนกของทุกคนจะเป็นสิ่งที่หม่าชิงอี๋คาดคิดเอาไว้ก่อนแล้ว เพราะไม่นานต่อมา.. หลังจากได้เห็นท่าทางอ้ำอึ้งของใครต่อใครสมใจ..ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่เมื่อครู่ก็พลันสลดลงอย่างรวดเร็วราวกับสั่งได้

    "อุ๊ย! ตายจริง! ไท่จื่อ.. ไท่จื่อเฟย... ท่านอ๋อง..พี่หญิงด้วยนะเพคะ ต้องขอประทานอภัยจริงๆเพคะ... หม่อมฉันพลั้งปากไป..ลืมไปจริงๆว่าไม่ควรจะเอ่ยถึงเรื่องเมื่อวานนี้ขึ้นมาอีก"

    "รู้แล้วก็ดี! ต่อไปเจ้าก็ควรจะหัดคิดก่อนพูดเสียด้วยล่ะ!"

    จ้าวจื่อหานที่ปกติค่อนข้างจะใจเย็นกว่าใครออกปากดุหม่าชิงอี๋ในทันที เขานึกอยู่แล้วว่าสตรีแซ่หม่าผู้นี้ไม่มีทางมาที่นี่ด้วยเจตนาดีแน่ๆ และในระหว่างที่ฝูหมิงยังไม่อาจเผยความจริงออกมาได้เช่นนี้..เขาก็ต้องช่วยปกป้องน้องสะใภ้ไว้บ้าง!

    "เอ่ยออกมาแล้วก็ไม่เป็นไรหรอก..." หลิวฉานเหยาที่เกือบจะเอ่ยบริภาษหม่าชิงอี๋แต่ถูกพระสวามีตัดหน้าไปก่อนอึ้งอยู่พักหนึ่งจึงได้กล่าวขึ้นบ้าง ก่อนจะเริ่มขยายความต่อเมื่อเห็นท่าทีงุนงงของใครๆ "ถึงอย่างไรเรื่องนั้นก็ผ่านไปแล้ว อีกอย่าง.. เจ้าควรจะเปลี่ยนวิธีการเรียกเย่หลิงได้แล้วนะ"

    "เพคะ?"

    "เพราะตอนนี้เย่หลิงมิได้เป็นอะไรกับฝูหมิงอีก..แล้วนางจะเป็นพี่หญิงของเจ้าได้อย่างไรกัน?"

    หลิวฉานเหยาบอกขณะมองหน้าสหายแต่วัยเยาว์ของตนด้วยสายตามีเลศนัยเสียจนจ้าวฝูหมิงที่พยายามวางเฉยมาตลอดอดนึกเคืองแกมสงสัยไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ต้องรอนานนัก เพราะเพียงอึดใจต่อมา..เสียงเอ่ยรายงานจากนางกำนัลคนสนิทของหลิวฉานเหยาก็ดังขึ้น

    "ทูลไท่จื่อเฟย คนจากบ้านคุณชายโม่ คุณชายโจวและคุณชายจางมาถึงแล้วเพคะ"
    "อ้อ! อย่างนั้นหรือ? ช่างว่องไวดีจริงๆ" เหยาไท่จื่อเฟยรับสั่งพลางหันไปแย้มพระโอษฐ์กว้างให้นางกำนัลคู่พระทัย "แล้วได้ความว่าอย่างไรบ้างล่ะ?"

    "ทุกคนบอกว่าคุณชายของตนยินดีตอบรับคำเชิญของพระองค์เพคะ หม่อมฉันเห็นว่าไท่จื่อเฟยทรงติดสนทนาอยู่จึงให้พวกเขารอที่โถงด้านนอกก่อนเพคะ พระองค์ทรงต้องการให้พวกเขาเข้ามา...?"

    "ไม่..ไม่..ไม่เป็นไรหรอก รู้คำตอบของพวกเขาก็พอแล้วนี่" หลิวฉานเหยายังคงยกยิ้มกว้างอย่างพอใจ "เจ้าออกไปบอกพวกเขาว่าเรารู้แล้ว..ให้พวกเขากลับไปได้ อ้อ! อย่าลืมให้รางวัลไปด้วยล่ะ..แล้วรีบไปสั่งการกับทางห้องเครื่องไว้ก่อน.. บอกไปว่าในวันพรุ่งนี้ต้องเตรียมอาหารที่ดีที่สุดไว้เท่านั้น อย่าให้ขาดตกบกพร่องจนเสียชื่อมาถึงเรากับจื่อหานได้โดยเด็ดขาด"

    "เพคะ"

    หลัวจิ้งหยี่รับคำพลางยอบตัวคำนับทุกพระองค์ก่อนจะล่าถอยออกไป และแน่นอนว่า..บัดนี้สายตาแทบทุกคู่ต่างจ้องมองมาที่หลิวฉานเหยาแทบจะเป็นตาเดียวกันไปแล้ว

    "เจ้ากำลังจะทำอะไรหรือเหยาเอ๋อร์? ชวนคุณชายทั้งสามคนนั่นมาที่นี่ทำไมกัน?"

    องค์ไท่จื่อจ้าวจื่อหานรับสั่งถามไท่จื่อเฟยของตนด้วยสีพระพักตร์ไม่สู้ดีนักคล้ายจะทรงคาดเดาได้ว่านางกำลังคิดทำอะไร และพระองค์ก็ทรงทราบดีว่าเรื่องที่ทรงคิดไว้นั้น..พระอนุชาผู้ชาญฉลาดก็ต้องคิดได้เช่นกัน!

    "ก็แค่ว่างมากเกินไป..ไม่มีอะไรทำ..ก็เลยอยากจะจัดเลี้ยงอาหารเพื่อหาคนมาคุยด้วยเท่านั้นเอง..." หลิวฉานเหยาทอดเสียงตอบอย่างสบายใจ

    "ไท่จื่อเฟยเพคะ... คุณชายทั้งสามท่านที่นางกำนัลผู้นั้นเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้คือ...?"
    "โม่อี้เซียวจากหอศิลปะเหม่ยเฟิงที่โด่งดัง โจวฉีหมิงผู้สืบทอดของจวนราชครู และจางเว่ยบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้ากรมโยธาธิการจางยังไงล่ะ... คุณชายทั้งสามท่านนี้พระชายาหม่าก็น่าจะรู้จักดีมิใช่หรือ?"

    เสียงตอบคำของหลิวฉานเหยาฟังดูเรียบเรื่อยราวกับมิได้เอ่ยถึงเรื่องสลักสำคัญอะไร ขณะที่หม่าชิงอี๋ผู้ซักถามกลับตาลุกวาบขึ้นด้วยความสนใจใคร่รู้ในทันที

    แน่นอนว่าหากไม่นับรวมองค์ไท่จื่อจ้าวจื่อหานและท่านอ๋องจ้าวแล้ว..บุรุษทั้งสามคนนี้ก็นับได้ว่ามีชื่อเสียงอย่างมากถึงมากที่สุดในแคว้นเยว่เลยทีเดียว ไม่เพียงแต่หน้าตาที่งามสง่าคมคายไม่เป็นรองใคร..ทั้งสามยังมีฐานะชาติตระกูลที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย อย่างเช่นโม่อี้เซียวที่สืบเชื้อสายมาจากราชสกุลเก่าก่อนที่พระอัยกาของจ้าวฝูหมิงจะสถาปนาราชวงศ์ใหม่ขึ้น เขาผู้นี้มีทรัพย์สมบัติมากมายเหลือคณานับจนต้องนำมาเปิดเป็นหอศิลปะให้ผู้คนได้ชื่นชมจนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว ส่วนโจวฉีหมิงนั้นนอกจากจะเป็นทายาทของไท่จื่อไท่ฝูหรือท่านราชครูผู้ล่วงลับขององค์ไท่จื่อจ้าวจื่อหานแล้ว..เขาก็ยังมีลุงแท้ๆฝ่ายมารดาเป็นถึงเจ้ากรมวัง*อีกด้วย ในขณะที่จางเว่ยนั้นมีชื่อเสียงในหมู่ปัญญาชนและชาวบ้านมากที่สุด เพราะไม่เพียงแต่เป็นบุตรชายคนเดียวของเจ้ากรมโยธาธิการจาง..บุรุษผู้นี้ยังเป็นผู้สอบได้อันดับที่ 1และ 2 ของการสอบจอหงวนในปีปัจจุบัน กินทั้งบรรดาศักดิ์จอหงวนและปังเหยี่ยนไปพร้อมๆกันเลยทีเดียว!

    ทว่า..เหยาไท่จื่อเฟยชวนบุรุษผู้โดดเด่นทั้งสามคนนี้มาทำไมกันนะ?

    "พระชายาหม่า?" เหยาไท่จื่อเฟยรับสั่งเป็นเชิงถามอีกครั้ง

    "เพคะ..รู้จักเพคะ..."

    หม่าชิงอี๋ตอบคำถามของหลิวฉานเหยาอย่างใจลอยนิดหน่อยเมื่อพยายามเค้นสมองหาเหตุผลที่บุรุษรูปงามทั้งสามตอบรับคำเชิญมายังวังตะวันออกแห่งนี้ หากเมื่อสายตาของนางปะทะเข้ากับร่างเล็กที่นั่งอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยมาตั้งแต่แรก ประโยคที่ไท่จื่อเฟยเพิ่งตรัสกับนางก่อนหน้านี้ก็ผุดขึ้นมาในใจแทบจะทันที

    'เจ้าควรจะเปลี่ยนวิธีการเรียกเย่หลิงได้แล้วนะ'

    'เจ้าควรจะเปลี่ยนวิธีการเรียกเย่หลิงได้แล้วนะ'

    เปลี่ยนวิธีเรียกหวางเย่หลิงผู้นั้นน่ะหรือ? จะเปลี่ยนไปทำไมกันในเมื่อเดิมไท่จื่อเฟยนั่นออกจะสนับสนุนนางถึงเพียงนั้น!? หรือว่าจะเป็นการเปลี่ยนเพราะมีเป้าหมายใหม่มาให้เลือก อย่าบอกนะว่าทรงต้องการให้บรรดาบุรุษที่มีคุณสมบัติน่าชื่นชมถึงเพียงนั้นมา...

    "ไท่จื่อเฟย..หรือว่าพระองค์ทรงจัดงานนี้ขึ้นเพื่อหาคนใหม่มาช่วยดูแลพี่หญิงกันเพคะ?"

    "อี๋เอ๋อร์!"



    ______________________________

    เจ้ากรมวัง*

    คือขันทีชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นคนสนิทของฮ่องเต้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×