ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฎีการักจากพระชายาบ้านนอก

    ลำดับตอนที่ #80 : 80. นี่ไม่ใช่พระชายาเอกของใคร..

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.76K
      484
      26 พ.ย. 63

    "แพ้อาหารงั้นรึ!? แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า!?"

    จ้าวฝูหมิงถามขึ้นด้วยเสียงดัง..ท่าทางตื่นตระหนกเสียจนนางกำนัลทั้งสองอดสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจไม่ได้

    "เอ่อ..."

    "มีไท่จื่อเฟยของเราอยู่ด้วยทั้งคนยังจะเป็นอะไรไปอีกได้อย่างไร?" เสียงทุ้มดังขึ้นตอบความขณะร่างสูงโปร่งขององค์รัชทายาทจ้าวจื่อหานก้าวเข้ามายืนใกล้ๆ พระเนตรทั้งสองทอดมองไปยังใบหน้าขรุขระของหนึ่งในผู้มาเยือนด้วยท่าทีสนพระทัย "นี่คงจะเป็นองครักษ์คนใหม่ที่ถูกส่งมาดูแลตำหนักนี้ในช่วงนี้สินะหลี่อี้?"

    "พ่ะย่ะค่ะ! เขาชื่อ..หลี่เคอเฟิงพ่ะย่ะค่ะ" หัวหน้าองครักษ์หนุ่มหันไปทางท่านอ๋องของตนก่อนจะเอ่ยตอบต่อองค์ไท่จื่ออย่างคล่องปากมากขึ้น

    "ดี! หลี่อี้ เคอเฟิง..เดี๋ยวพวกเจ้าตามเราไปเข้าเฝ้าพระชายาหวางกับไท่จื่อเฟยกันเลยดีกว่า ไหนๆพวกเจ้าก็ต้องการมารายงานตัวกับสองคนนั้นอยู่แล้วมิใช่หรือ?"

    "พ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยไท่จื่อที่ทรงเมตตาพ่ะย่ะค่ะ" จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางคำนับพระเชษฐาของตนขณะสบตากันอย่างรู้กัน


    -----------------------------------------------


    "เย่หลิง..เจ้าก็แข็งใจกินเข้าไปอีกนิดเถอะนะ... จะเป็นรังนกหรือโสมถ้วยนี้ก็ได้..หรือถ้ากินเข้าไปให้หมดทั้งสองอย่างได้จะยิ่งดีใหญ่เลย" หลิวฉานเหยาพยายามคะยั้นคะยอ

    "หม่อมฉันอิ่มแล้วจริงๆเพคะ... ตอนนี้อยากนอนพักมากกว่า..ทรงปล่อยหม่อมฉันไปเถอะนะเพคะ...?"

    "จะได้อย่างไรกัน!? เห็นอยู่ชัดๆว่าเจ้าเครียดเพราะเรื่องที่เจ้าทึ่มนั่นเอ่ยกลางท้องพระโรงในวันนี้จนพลอยทำให้เบื่ออาหารยิ่งขึ้นไปอีกน่ะสิ!" หลิวฉานเหยาได้ยินเสียงแผ่วเบาและได้เห็นท่าทางอ่อนแรงกับใบหน้าซีดขาวของหวางเย่หลิงเช่นนั้นก็ยิ่งโกรธสหายแต่วัยเยาว์ของตนมากขึ้นอีก "ข้าก็บอกแล้วไงเล่าว่ามิต้องไปสนใจคนโง่เง่าเช่นนั้น! ปล่อยให้เจ้าทึ่มนั่นจมอยู่กับความซื่อบื้อทื่อเขลาของเขาไปคนเดียวเถอะ! เจ้าออกจะงดงามปานนี้..ยังจะกลัวไม่มีใครสนใจอีกหรือไร!? เอาไว้พี่สาวคนนี้จะหาบุรุษที่ดีกว่า..หนุ่มกว่า..ช่างเอาใจมากกว่าแล้วก็..."

    "แฮ่ม! เหยาเอ๋อร์ที่รัก... ดูเหมือนวันนี้เจ้าจะพูดมากเกินไปแล้วกระมัง?"

    เสียงที่ฟังดูเจื่อนๆของจ้าวจื่อหานดังแทรกขึ้นทันควัน และดูเหมือนสีหน้าของเขาก็จะจืดเจื่อนไม่แพ้กัน ก็เหยาเอ๋อร์ของเขาเล่นเอ่ยบริภาษฝูหมิงเสียไม่มีชิ้นดีว่า 'โง่เง่า-เจ้าทึ่ม-ซื่อบื้อทื่อเขลา' อย่างนั้น! แถมยังเอ่ยปากว่าจะหาบุรุษคนใหม่ให้เย่หลิงเสียอีก! ต่อให้นางไม่รู้..แต่เขาก็รู้อยู่ดีว่าอนุชาของตนได้ยินถนัดชัดเจนทุกถ้อยคำ มิฉะนั้นหมิงเอ๋อร์คงไม่ส่งสายตาเชือดเฉือนราวกับกำลังจะฆ่าใครได้อย่างนั้นหรอกนะ!

    "จื่อหาน? ท่านมาตั้งแต่เมื่อไร? แล้วนั่นท่านเป็นอะไรไป?" หลิวฉานเหยาหันมาเห็นหน้าตาเหยเกของพระสวามีเช่นนั้นก็นึกสงสัยขึ้นมาในทันที "แล้วสองคนนั่น... ท่านพาใครเข้ามาถึงที่นี่กันน่ะ!?"

    "อ้อ! นี่คือองครักษ์คู่ใหม่ที่จะมาดูแลความปลอดภัยที่ตำหนักของเย่หลิงในช่วงค่ำคืนของหลายวันนี้ไงเล่า"

    จ้าวจื่อหานได้ยินน้ำเสียงแปร่งๆคล้ายมิใคร่พอใจของเหยาเอ๋อร์ของตนก็รีบเอ่ยอธิบายโดยเร็ว ด้วยรู้ดีว่าที่นางสงสัยขึ้นมาก็เพราะเขาไม่เคยให้บุรุษคนใดได้เข้าใกล้ตำหนักในวังตะวันออกของตนเช่นนี้มาก่อน แม้จะเคยมีองครักษ์มารายงานตัว..แต่ทุกครั้งก็จะจำกัดอยู่เพียงด้านนอกตำหนักและเป็นช่วงกลางวันเท่านั้น แต่เขาจะทำเยี่ยงนั้นได้อย่างไรกัน? ในเมื่อบุรุษที่มาคราวนี้มิใช่ใครอื่น.. หากแต่เป็นอนุชาของตัวเองแท้ๆ!

    "เปลี่ยนองครักษ์ใหม่อีกแล้วอย่างนั้นหรือ!?"

    หลิวฉานเหยานิ่วหน้าอย่างไม่ชอบใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นสายตาขององครักษ์ผู้หนึ่งที่นอกจากจะมีหน้าตาเหลืองอมโรคจนแลดูไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงปกป้องใครได้แล้ว ยังเอาแต่จ้องน้องสาวคนงามข้างกายนางอย่างไม่วางตาเสียอีก! ถ้าไม่เพราะนางรู้ว่าองครักษ์ตระกูลหลี่ทุกคนต้องให้สาบานว่าจะไม่คิดคดทรยศต่ออ๋องเจ็ดและราชวงศ์จ้าวแล้วล่ะก็..นางคงไม่ทนนิ่งเฉยอยู่อย่างนี้แน่

    "แล้วทำไมต้องมารายงานตัวดึกๆดื่นๆป่านนี้ด้วยเล่า!?"

    "เอ่อ..เพราะพวกเขาเพิ่งเดินทางกลับจากนอกเมืองมาถึงที่นี่เมื่อไม่นานนี้เองน่ะสิ แต่เพราะต้องเริ่มงานในวันนี้เป็นวันแรก.. เราจึงได้รีบพามาให้เจ้ากับเย่หลิงได้เห็นหน้าค่าตาเสียก่อน" จ้าวจื่อหานแก้ตัวไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะหันไปส่งเสียงข้นใส่สององครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง "ยังไม่รีบแนะนำตัวกับไท่จื่อเฟยและพระชายาเอกของท่านอ๋องอีก!"

    "ไม่! ท่านพูดผิดแล้วล่ะจื่อหาน นี่ไม่ใช่พระชายาเอกของใคร..แต่คือน้องสาวของเราต่างหาก! ท่านลืมไปแล้วหรือว่าวันนี้เจ้าทึ่มฝูหมิงนั่นทำอย่างไรกับเย่หลิงไว้บ้าง!?"

    หลิวฉานเหยาพลันขัดขึ้นก่อนที่องครักษ์ทั้งสองจะได้เอ่ยคำ และประโยคที่นางกล่าวแทรกขึ้นมานั้นก็ทำให้หนึ่งในสององครักษ์เม้มริมฝีปากแน่นขึ้นทันควันขณะที่ใบหน้าอมโรคนั่นก็เหมือนจะแข็งค้างไปเสียแล้ว

    "เหยาเอ๋อร์! เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะ!?"

    คราวนี้จ้าวจื่อหานส่งเสียงตำหนิในทันใด เขาหรือจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นแผลในใจของอนุชาตัวเองแค่ไหน โดยไม่ต้องหันไปดู..เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงความกดดันที่ผู้เป็นน้องชายของตนแผ่ออกมา ฝูหมิงต้องอดทนข่มใจกับการกล่าววาจาทำร้ายชายาของตนด้วยตัวเองมามากพอแล้ว... แต่เหยาเอ๋อร์ก็ยังจะพูดตอกย้ำอีก!

    "ก็เรื่องจริงทั้งนั้น!"

    หลิวฉานเหยายังเถียง หากเมื่อรู้สึกได้ถึงความเงียบงันของคนข้างกายก็เหมือนว่านางจะนึกขึ้นมาได้ว่าความปากไวใจร้อนของตนทำให้เผลอทำร้ายใจของน้องสาวคนงามไปเสียแล้ว

    "เย่หลิง.. ขอโทษด้วยจริงๆ... เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าเสียใจหรอกนะ เราแค่รู้สึกโมโหกับความไม่ยุติธรรมบนโลกนี้เท่านั้น"

    "ไม่เป็นไรเพคะ..หม่อมฉันทราบว่าไท่จื่อเฟยปรารถนาดีด้วย..." น้ำเสียงหวานที่เจือด้วยความหม่นหมองอย่างปิดไม่มิดดังออกมาเบาๆขณะที่หวางเย่หลิงพยายามฝืนยิ้มออกมา "อีกอย่าง..หม่อมฉันก็มิได้เป็นชายาของท่านอ๋องแล้วจริงๆ..."

    เพล้ง!

    "ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ..กระหม่อมเผลอทำถ้วยพระสุธารสตกแตกไปแล้ว..."

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×